เจี้ยนกู่ เซียนกระบี่สยบหล้า - ตอนที่ 243 เซียวจิ่ว (1)
ตอนที่ 243 เซียวจิ่ว (1)
หัวเมืองรากษส
เมืองโบราณเริ่มถล่มลง เมืองเก่าแก่ที่ผ่านกาลเวลามาหลายร้อยปีก็ยังไม่เคยเกิดร่องรอยจะถล่มลงแห่งนี้ หลังจากบุรุษเรียบง่ายออกมือกำราบหานเยวีย รากฐานก็เกิดการสั่นคลอนขึ้น
พญายมขุมนรกที่เก้าใช้กลอุบายเล่ห์เหลี่ยม ใช้กลองอสนีบาตกดดันไอชั่วร้ายที่เหลือในเมืองโบราณนี้ออกมาพร้อมกับปราณกระบี่ยิ่งใหญ่นั้น
พลังยิ่งใหญ่มหาศาล
หากปราณกระบี่นี้ยังเหลืออยู่แปดส่วน ไม่สิ ต่อให้เหลือแค่ครึ่งส่วน ก็มากพอจะสังหารทุกสิ่งมีชีวิตในขอบเขตที่สิบแล้ว
น่าเสียดาย
ด้วยกลอุบายของพญายมขุมนรกที่เก้า เรียกไอชั่วร้ายและปราณกระบี่ออกมาได้จำกัด
พายุหมุนสีดำที่พุ่งออกจากเมืองไม่ได้พุ่งไปหาร่างเงาชุดขาวนั้นกลางฟ้าดิน แต่แผ่กระจายออกเหมือนมหาสมุทร
หลิ่วสืออีหน้าซีดขาว พลันชักปราณนิรันดร์ออกมากันไว้ข้างหน้า
ฟ้าดินมืดครึ้ม
ตัวกระบี่ปราณนิรันดร์เต็มไปด้วยลายสีดำมากมาย
ไม่ใช่ว่ากระบี่ถูกกระแทกหัก ลายสีดำพวกนี้เหมือนกับน้ำแข็งตอนหน้าหนาวมากกว่า เกาะตัวกระบี่ก่อนจะแตกออกโดยพลัน
นี่คือการปกป้องตัวเองอย่างหนึ่ง
ปราณนิรันดร์ที่หลิ่วสืออีเอามากันไว้ข้างหน้าดูเหมือนกับคบเพลิงที่มีไฟสีดำลุกโชติช่วงมากกว่า
หลังจากไอชั่วร้ายสีดำกระจายออกไป แสงสว่างสายหนึ่งไหลเวียน ตัวกระบี่ยังคงขาวสะอาดดังเดิม ไม่เห็นรอยแม้แต่น้อย
ปราณนิรันดร์เขาเชียง กระบี่เลื่องชื่อ!
ฟัน ผ่า ทะลวง แทง
พวกนี้ไม่มีเลย
มีแต่ตั้งรับ
หลังยกกระบี่ขึ้น หลิ่วสืออีเหมือนกับภูเขาเล็กตั้งตระหง่าน ไม่สั่นคลอน ปล่อยให้ไอชั่วร้ายเมืองรากษสพุ่งขึ้นฟ้า พุ่งเข้าใส่ตัวเขา แต่ก็เข้ามาในระยะสามฉื่อไม่ได้
กระบี่ของหลิ่วสืออีจะไม่ใช้วิชากระบี่ที่ไร้ประโยชน์
เขาแสวงหาความเรียบง่ายที่สุด
เด็กหนุ่มชุดขาวดวงตาเย็นชา เงยหน้าขึ้นมอง ปราการปราณกระบี่ส่งเสียงถูกโจมตีอย่างหนัก เงาใหญ่พุ่งเข้าใส่เขา
กลองอสนีบาตมากมายลากเลือดและกระดูกมาแตกกระจายบนปราการปราณกระบี่ของเขา
เสียงแตกหักพร้อมกับเสียงฟ้าผ่าดังเข้ากระดูกระเบิดอยู่ข้างหูหลิ่วสืออี!
‘ปังๆๆ’
หลังปราการปราณกระบี่พังลง ไอชั่วร้ายเมืองรากษสก็บรรลุถึงจุดสูงสุด
แสงเย็นเยียบสายหนึ่งทะลวงพื้นที่สามฉื่อของหลิ่วสืออี แทงเข้ามาในระยะสามฉื่อของเขา
ไม่มีทางถอย หลบก็ไม่ได้
หลิ่วสืออีได้แต่ใช้ปราณนิรันดร์ต้าน
กระบี่ยาวสูงเท่าคนที่หวังอี้แบกไว้บนหลังดูไม่เข้ากันเลยเล่มนั้น หลิ่วสืออีจับด้ามกระบี่ไว้ด้วยมือเดียว เปลี่ยนมุมเล็กน้อย
ก็ยังตั้งรับ
เป็นการตั้งรับที่เรียบง่ายมาก
พญายมขุมนรกที่เก้ายังคงเดินหน้าโจมตี หมอกหนาที่ปกคลุมตัวบุรุษน่ากลัวคนนี้ ตอนนี้ระเบิดกระจายออกทั้งหมด ราวกับถูกแสงไฟจุดชนวนจากในไปข้างนอก จุดแสงสว่างขึ้นทั้งตัว!
ไม่ใช่ไอชั่วร้าย กลิ่นอายพวกนี้มีแค่สีดำ
พญายมขุมนรกที่เก้าเผยใบหน้าของเขา นี่ไม่ใช่ใบหน้าชั่วร้าย ภายใต้หมอกปกคลุม หลิ่วสืออียังคาดไม่ถึงว่าใบหน้าพญายมขุมนรกที่เก้าคนนี้จะถูกต้องชอบธรรมยิ่ง ดูใจกว้างมาก ใจดีมาก เหมือนชาวบ้านธรรมดาพวกนั้นที่พบเห็นได้ทั่วไปข้างถนน ถือตะกร้าผัก แบกสัมภาระ มองแค่ทีเดียวก็จะลืมใบหน้าไป
เหมือนกับขนมเปี๊ยะแผ่นหนึ่ง
นี่สอดคล้องกับความหมายของมือสังหารจวนปฐพีมาก…ยิ่งไม่เตะตามากเท่าไร ยิ่งถูกคนลืมง่ายมากเท่าไร ก็ยิ่งเดินไปในโลกนี้ได้ เดินไปได้ไกลขึ้น มีชีวิตได้นานขึ้น
ตอนนี้หลิ่วสืออีไม่แน่ใจนิดๆ
เขาเคยเห็นพญายมขุมนรกที่เก้าหลังเผยใบหน้า
ไม่ใช่ครั้งเดียว ไม่ใช่สองครั้ง
แต่หลายครั้ง
หลิ่วสืออีจำได้แค่กระบี่ เขาไม่จำคนบนนถนนที่ผ่านทางมา ไม่จำผู้สัญจรที่เฉียดบ่าผ่านไปหรือผู้บำเพ็ญที่เข้ามาพูดกับตนสองสามคำ เขาจำไม่ได้ว่าตนมีศัตรูเท่าไร จำไม่ได้ว่าตนล่วงเกินคนไปเท่าไร
แต่เขาจำได้ว่าเขาเคยเจอพญายมขุมนรกที่เก้า
ใบหน้าธรรมดานี้ อาจจะเป็นลูกหาบแบกของ อาจจะเป็นคนพายเรือ หรืออาจจะเป็นพ่อค้าตัวเล็กๆ เข็นรถไม้ขายซาลาเปา…หลิ่วสืออีเคยเห็นและก็ลืมไป เจอกันครั้งหน้าก็จะนึกออก
ความรู้สึกห่างเหินที่คุ้นเคยนี้ทำให้หลิ่วสืออีเหม่อลอยไปช่วงสั้นๆ
ดังนั้นปราณนิรันดร์จึงถูกกระแทกหลุดออกจากมือเล็กน้อย
ดังนั้นแสงดาบสีแดงสายหนึ่งจึงพุ่งออกจากกระบอกแขนเสื้อของพญายมขุมนรกที่เก้า
ใบหน้าพญายมขุมนรกที่เก้าไม่มีความสุขหรือเจ็บปวด ดูเหมือนพระพุทธองค์ที่ลืมตนเอง เขายกปลายคิ้วขึ้นเล็กน้อย ใบหน้าขนมเปี๊ยะนั้นประดับด้วยงาหลายเม็ด แต่ในดวงตาเขากลับมีเพียงหลิ่วสืออี
ความโกรธ การเหยียดหยามและเฉยชาก่อนหน้านี้ ล้วนเป็นใบหน้าปลอม
ในช่วงคุมเชิงกัน สิ่งที่เขาต้องทำคือซ่อนความคิดทั้งหมดของตน
จากนั้นออกดาบปลิดชีพ
ก่อนหน้านี้เขามีคนชี้แนะ สอนเขาสังหารคน
หากจะสังหารผู้มีอำนาจที่มีฐานะสูงส่ง อีกฝ่ายจะเตรียมพร้อมอยู่ก่อนแล้ว การเคลื่อนไหวลับๆ หรือลอบสังหารไม่มีประโยชน์…ดูเหมือนตัดขาดเส้นทางลัดส่วนใหญ่ของมือสังหาร แต่ความจริงยังห่างไกลนัก
สิ่งที่มือสังหารต้องทำมีเพียงสองคำ
สังหาร
ไม่ว่าจะสังหารด้วยวิธีการใด
จะตายด้วยภัยธรรมชาติ ถูกสายฟ้าผ่าตาย จมน้ำตาย ถูกไฟเผาตาย แข็งตาย
หรือตายด้วยภัยมนุษย์ ถูกรถทับตาย หรือดื่มน้ำสำลักตายเอง
ขอแค่พวกเขารับเงิน รับภารกิจของผู้ว่าจ้างและอีกฝ่ายต้องตาย…ไม่ว่าจะตายด้วยวิธีใด ภารกิจนี้ก็จะถือว่าสำเร็จ
ตอนนั้น พญายมขุมนรกที่เก้ายังเป็นเพียงเด็กน้อย เขาเดินระหว่างยุทธภพและทางโลก เรียนแก่นสำคัญของมือสังหารที่ง่ายที่สุด ตามอาจารย์ของเขาเข้าจวน ‘ผู้มีอิทธิพล’ แห่งหนึ่งในแดนบูรพาต้าสุย เป็นผู้ช่วยในจวน สังหารคนและวางเพลิง ทำชั่วอย่างไม่เกรงกลัวแทนผู้มีอิทธิพลท่านนั้น ปีแรก งานส่วนใหญ่จะเป็นอาจารย์ของเขาทำ เขาคอยดูเงียบๆ และเรียนรู้ ปีที่สอง อาจารย์เขาก็ไม่ทำอีก
อาจารย์ของเขาถูกเจ้าจวนยกให้เป็นแขกคนสำคัญ
เจ้าจวนท่านนั้นไม่ใช่คนธรรมดาที่ไม่เข้าใจเส้นทางการบำเพ็ญ ในทางตรงข้าม เขามีศักยภาพรวมถึงความทะเยอทะยาน อาศัยการลอบสังหารสำคัญหลายครั้งได้ทรัพยากรบำเพ็ญมามหาศาล ขอบเขตพลังบำเพ็ญไปถึงขอบเขตหลัง สุดท้ายก็ยึดภูเขาเล็กลูกหนึ่ง เริ่มลองก่อตั้งสำนักในแดนบูรพา กลายเป็นคนมีหน้ามีตา
ตอนนั้น อาจารย์ของพญายมขุมนรกที่เก้าอยู่เพียงขอบเขตกลาง
หลังจากวันนั้น เจ้าจวนก็ไม่ใช่เจ้าจวนอีก แต่เป็นเจ้าภูเขา
ทว่าเป็นเจ้าภูเขาแล้วเขาก็มีชีวิตได้เพียงวันเดียว
หนึ่งปีมานี้ เขาได้มอบโอกาสลอบสังหารให้อาจารย์พญายมขุมนรกที่เก้าไม่ต่ำกว่าสิบครั้ง เพื่อลองความภักดีของสองอาจารย์คู่นี้ เขาทุ่มสุดความสามารถเพื่อวางกลอุบายนับไม่ถ้วน
เพียงเพราะตอนนั้นเขายังอยู่ขอบเขตกลาง สิ่งที่ผู้บำเพ็ญกลัวมากที่สุดคือเสียการควบคุมทุกอย่าง ดังนั้นเขาจึงหยั่งเชิงและระแวงอยู่ตลอดเวลา หลายครั้งมากที่พญายมขุมนรกที่เก้าเกิดความคิดว่าตนในขอบเขตแรกก็สังหารเจ้าจวนคนนี้ตอนหลับได้ แต่ก็ถูกอาจารย์ห้ามเอาไว้
พญายมขุมนรกที่เก้าที่ยังไม่ประสีประสาอยู่ในจวนได้หนึ่งปี จนเมื่อเขาเรียนวิชาส่วนใหญ่ในการฆ่าคนแล้ว จนจวนเปลี่ยนเป็นภูเขาเล็ก ตอนนั้นสภาพจิตใจเขาก็เปลี่ยนไป
เขามั่นใจว่าอาจารย์พาตนมาก็เพื่อช่วยเปลี่ยนบุรุษคนนั้นจากเจ้าจวนเป็นเจ้าภูเขา แล้วใช้อีกครึ่งชีวิตไปเช่นนี้ การสร้างความดีความชอบล้วนเพื่อความร่ำรวยมั่งคั่งในภายภาคหน้า
ความร่ำรวยมั่งคั่งมาถึงจริงๆ
เขาหลับไปตื่นหนึ่ง
ก่อนอาจารย์จะถือหัวของเจ้าภูเขาคนนั้นมายืนตรงหน้าตน
วันนั้นอาจารย์บอกเขาว่าอย่าเชื่อใจใคร
อาจารย์ยังบอกอีกว่า หากถูกคนอื่นเดาความคิดได้หมด เช่นนั้นก็แพ้แล้ว
เขาจำสองประโยคนี้ไว้
เขาตามหลังอาจารย์ฝึกฝนอีกหนึ่งปี มือสังหารชราที่เก็บตนมาจากวันสภาพอากาศเลวร้าย สอนตนเอาตัวรอดและสอนฝึกบำเพ็ญคนนี้ ดูแลเขาดุจบิดา หลังสังหารเจ้าภูเขาคนนั้น สองคนก็ร่ำรวยขึ้น เขาอยู่บนเขานั้นในแดนบูรพา สร้างจวนหรูหราขึ้น เลี้ยงนกลายทอง ในคลังมีสุราดีและสมบัติ
สามปี
สามปีต่อมา พลังบำเพ็ญเขาเหนือกว่าคนชรา
สามปีนี้เหมือนฉายปีนั้นในจวนขึ้นอีกครั้ง ดูเหมือนกลมเกลียวกัน แต่ไม่ว่าเขาจะกตัญญูอย่างไรก็ยังมีเยื่อบางกั้นอยู่ จนกระทั่งคนชราป่วยหนัก เขาใช้สมบัติสะสมทั้งหมดในภูเขา ขายทุกอย่าง แบกคนชราออกเดินทางไปทั่วเพื่อหายารักษา
เขาซื้อโอสถทองคำมาเม็ดหนึ่ง
โอสถทองคำนั้นลดการป้องกันทั้งหมดของคนชรา
ทุกอย่างเป็นของปลอม เป็นมือสังหารย่อมไม่ร้องขอความจริงใจจากคนอื่น โลกนี้ไม่มีความรู้สึกใดที่เชื่อได้ คนชรากำลังแสดง
เขาก็กำลังแสดง
ตอนที่พญายมขุมนรกที่เก้าเด็ดหัวคนชรา เขารู้สึกว่าทุกอย่างเบาสบาย แต่ก็หนักเช่นกัน หลายปีมานี้ เขาเข้าไปในนั้นไม่รู้กี่ครั้ง มอบคนชราเป็นบิดาตนเองจริงๆ แต่เขาก็ลืมภาพตอนนั้นที่คนชราหิ้วศีรษะเจ้าจวนชุ่มเลือดมายืนตรงหน้าตนไม่ได้
เขาอยากมีชีวิตรอด
โลกกว้างใหญ่ แสงตะวันเป็นของจริง ความอบอุ่นเป็นของปลอม เกื้อกูลกันเป็นของจริง เป็นตายพึ่งพากันเป็นของปลอม
วันนั้นเหมือนเกิดใหม่ และก็เหมือนตายไป
หลังจากวันนั้น เขาถึงรู้ว่าเขาสังหารพญายมขุมนรกที่เก้าแห่งจวนปฐพี
เขากลายเป็นพญายมขุมนรกที่เก้าคนใหม่
คนชราปิดชื่อแซ่อยู่ตำแหน่งพญายมขุมนรกที่เก้ามาหลายสิบปี เขาไม่ใช่มือสังหารขอบเขตกลางเลย ด้วยศักยภาพแท้จริงของเขา สามารถสังหารเจ้าจวนร้อยคนได้สบาย
คนชรากำลังสอนตนฆ่าคนจริงๆ
สามปีมานี้ หากตนไม่หลอกคนชรา ก็คงจะตายอนาถเหมือนกัน
วันนั้นพญายมขุมนรกที่เก้าถึงรู้ว่าตนสังหารคนชรายังไม่ใช่จุดจบของทุกอย่าง นี่เพิ่งจะเริ่มต้น…คนชราสังหารตนในอดีต พาเขาไปในเส้นทางที่ไม่มีวันได้หวนกลับ เขาเริ่มหลงใหลความรู้สึกฆ่าคน เสพความรู้สึกยอดเยี่ยมของการหลอกและเย้าหยอก
เขาวางแผนสังหารหลิ่วสืออีมานานแล้ว
เขาเจอหน้ากับหลิ่วสืออีมานับครั้งไม่ถ้วน กลายเป็น ‘คนรู้จักเก่า’ กันแล้ว เขาเคยถามเรื่องวิถีกระบี่กับหลิ่วสืออี และเคยขอคำชี้แนะวิชากระบี่กับหลิ่วสืออี สองคนเคยสู้กันจริงๆ เคยนั่งเรือเก่าข้ามแม่น้ำหลีเหอด้วยกัน หลังจากหลิ่วสืออีลงจากเขาตำหนักทะเลสาบกระบี่ เขาก็สร้างสถานการณ์เจอกันโดยบังเอิญขึ้น เขาไม่เคยเปลี่ยนตัวตน ทั้งยังสร้างฉากหลังที่พึ่งพาได้ให้ตัวเอง เพื่อต้อนรับผู้บำเพ็ญหนุ่มขอบเขตที่เจ็ดที่ลงมาจากภูเขาแดนบูรพากันไกลโพ้น
นี่คือฉากหลังที่ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีพิรุธเด็ดขาด
ทั้งหมดนี้ก็เพื่อเป็น ‘สหาย’ กับหลิ่วสืออี
จากนั้นฆ่าหลิ่วสืออี
ตอนที่เขาแทงดาบเข้าไปในศีรษะหลิ่วสืออี เขาก็จะประกาศการตายของหลิ่วสืออี จากนั้นบอกความจริงกับหลิ่วสืออีด้วยท่าทีเย้าหยอก
ทว่าโลกนี้ไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบ…อย่างเช่น เขาไม่ได้เป็นสหายกับหลิ่วสืออี เขาเคยคุยและเคยเลี้ยงอาหาร แต่หลิ่วสืออีเป็นตัวประหลาดจริงๆ จนถึงตอนนี้ เขาก็ยังไม่ได้รับของจากหลิ่วสืออี
หลิ่วสืออีไม่เคยคุยกับเขาก่อน
จนพญายมขุมนรกที่เก้าเลือกจากไป หลิ่วสืออีก็เหมือนจะไม่รู้สึกและเสียใจอะไรเลย…
พญายมขุมนรกที่เก้าคิดว่าโลกนี้มีเรื่องประหลาดมากมาย มีมือสังหารเลือดเย็นไร้ความปรานีอย่างตนไม่เข้าใจคนคลั่งวิถีกระบี่อย่างหลิ่วสืออี ตนจ่ายเงินและลงแรงไปมาก แต่กลับไม่ได้มิตรภาพจากหลิ่วสืออี
ดังนั้นตอนที่เขาจะสังหารหลิ่วสืออี เขาจะหยามเหยียดอีกฝ่ายให้เป็นเท่าตัว
……………………………….