เจี้ยนกู่ เซียนกระบี่สยบหล้า - ตอนที่ 157 ข้าแค้นแค่เจ้า
ตอนที่ 157 ข้าแค้นแค่เจ้า
พายุคลั่งหมุนม้วนเข้ามา
กระบี่เซียนของเจ้าปราชญ์บ่อหยกส่งเสียงดังชิ้ง ต่อให้มีมนตร์ของสามีซ่งเชวี่ยค้ำยันไว้ก็ยังดูออกแรงได้ไม่ตามใจ
ทั้งภูเขาแดงถูกพายุคลั่งพัดลอยขึ้นจากพื้น ไถลไปข้างหลังอย่างนุ่มนวลและเนิบนาบ
ซ่งอีเหรินเบิกตาโต เหม่อมองบุรุษที่นั่งบนเมฆ
บิดาเขาถอนหายใจเสียงเบา “เขตภูเขาแดงถือว่าอยู่ในต้าสุย แต่ไม่มีกฎเหล็กต้าสุยของบรรพชนจักรพรรดิควบคุม พลังของฝ่าบาทยังได้รับการเสริมพลังอย่างยิ่งยวด…ความจริงไม่ต้องห่วงเรื่องแพ้ชนะของศึกนี้เลย”
คำว่าแข็งแกร่งก็ขยายความได้หลายอย่างแล้ว
ในทหารม้าอักษรทมิฬใต้บัญชาของตนสังกัดกรมปราบปีศาจ ตนไม่ออกมือ เช่นนั้นจูซาก็จะเป็นหมายเหตุของความแข็งแกร่ง สามารถชักสองดาบสังหารยอดปีศาจเก้าร้อยปีได้สบาย นี่คือความแกร่งที่มากพอจะควบม้าบนที่ราบสูงเทพสวรรค์
และในสายตาซ่งอีเหริน คนที่ถูกเรียกว่า ‘แข็งแกร่ง’ ได้ ตนกับจูซายังไม่พอ บุตรศักดิ์สิทธิ์ของเขาศักดิ์สิทธิ์พวกนั้นรวมกันก็ยังไม่พอ ตอนเยาว์วัยได้ติดตามบุพการีฝึกฝนที่เขาพิศุทธิ์นิรันดร์กับเขาเจดีย์พุทธ เขาต้องการอะไรก็ได้ ขาดเพียงเด็ดดาราบนฟ้า ซ่งอีเหรินเคยเจอผู้แข็งแกร่งมามากมาย
ในสายตาเขา คนที่ถูกเรียกได้ว่า ‘แข็งแกร่ง’ ก็คือพลังที่บริสุทธิ์และเป็นที่สุด ไม่ขาดอีกก้าวเดียวก็จะสู่ขอบเขตนิพพาน อย่างเช่นผู้แข็งแกร่งที่มีชื่อเสียงอย่างซูมู่เจอแห่งสำนักศึกษาถ้ำกวางขาว หานเยวียแห่งแดนบูรพา พันกรแห่งเขาสู่ซาน ก็เป็นยอดฝีมือที่ก้าวไปสู่ก้าวนั้นอย่างแท้จริง
อย่างเช่นซ่งเชวี่ยบิดาของเขา กูอีเหรินมารดาของเขา
และสิ่งที่เขาเห็นในตอนนี้ จักรพรรดิต้าสุยทำให้เขา…ได้เข้าใจคำนี้ใหม่หมด
ความแข็งแกร่งเช่นนี้ต่างกับบิดาและมารดาของตน
ทุกครั้งที่ซ่งเชวี่ยกับกูอีเหรินปรากฏตรงหน้าเขา เขามักจะรู้สึกปลอดภัย รู้สึกมั่นคง แต่เมื่อเขาเห็นร่างเงานั้นบนเมฆ จะเกิดการยอมศิโรราบที่เอาชนะไม่ได้อย่างหนึ่งหลั่งไหลขึ้นมาในใจ นี่คือจักรพรรดิต้าสุย คือจักรพรรดิสูงสุด เป็นคนที่ตนต้องกราบไหว้ เป็นผู้ยิ่งใหญ่ที่ต้องก้มศีรษะ
นี่เป็นความแข็งแกร่งที่ไม่อาจต่อต้านได้
ราชวงศ์แซ่หลี่ต้าสุยปกครองต้าสุยมาไม่รู้กี่ปี ในแม่น้ำยาวของอาณาจักรนี้มีกระดูกกระลอยขึ้นมาไม่น้อย เคยมีคนคิดจะกวัดแกว่งกระบี่ต่อต้าน มีคนคิดจะก่อกบฏ ไม่ว่าจะเข้าใกล้ความสำเร็จเท่าไร สุดท้ายจะบอกลาด้วยความพ่ายแพ้…แม่น้ำวายุแดงต้าสุยผ่านคลื่นลมมรสุม กาลเวลาเปลี่ยนไป เจ้าของที่นั่งบัลลังก์จักรพรรดิเกิดแก่เจ็บตาย เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ แต่นามบนธงไม่เคยเปลี่ยนไป
ซ่งอีเหรินหน้าขาวซีดเล็กน้อย
ในใจเขามีเพียงความคิดเดียว…บุคคลอมตะเช่นนี้ จะมีวันที่ตายจากไปหรือไม่
…….
สุสานก้นทะเลที่ลอยขึ้นมาบนแผ่นดินส่งเสียงคำรามด้วยความโกรธทั้งฟ้าดิน
“เข้ามา!”
เสียงคำรามด้วยความโกรธนี้มาพร้อมกับการระบายพลังเลือดลมที่อัดแน่นไม่มีที่ระบาย และยังมีอารมณ์ซับซ้อนเข้าใจยากบ้างมากบ้างน้อย และยังมีความเจ็บปวดและโกรธแค้นที่สั่งสมมาไม่รู้กี่ปีมานี้
บุรุษคนนั้นที่นั่งบนเมฆมองลงมาเงียบๆ
ตอนที่เขายังเป็นเด็กหนุ่ม สิงโตนี่ก็หลับใหลในภูเขาแดงแล้ว อดีตทุกอย่างในโลกภายนอกกลายเป็นหมอกควันของเมื่อวาน ไม่อาจย้อนกลับไป ทุกคนคิดว่าปราชญ์ปฐมเก้าวิญญาณตายแล้ว แต่เขารู้ความจริงในสุสาน
จักรพรรดิส่ายหน้า
เขาไม่คิดถึงเรื่องที่เคยเกิดขึ้นในอดีตอีก…อดีตล้วนเป็นการเริ่มต้นของเรื่องราว
วันล่าเหยื่อของที่ราบสูงเทพสวรรค์ เขาสั่งให้เปิดหินผาภูเขาแดงก็เพราะอยากดูว่า…สิงโตนี่จะคืนชีพมาหรือไม่
ต่อให้ในต้าสุยจะมีคนที่กำราบสิงโตนี่ได้ เขาก็จะไม่ให้ลงมือ อย่างเช่นซ่งเชวี่ยกับกูอีเหริน…เขาเพียงแค่หวังว่าพวกเขาสองคนจะขวางผู้แข็งแกร่งใต้ฟ้าเผ่าปีศาจไว้ได้ ให้พื้นที่ตนได้ต่อสู้กับสิงโตเพียงลำพัง
คนหนึ่งนั่งบนเมฆสูง
อีกคนนั่งขัดสมาธิกลางอากาศ ทั้งสุสานก้นทะเล ยันต์ที่ใช้ผนึกตนระเบิดกระจายไปหมดแล้ว ภายใต้ความคิดเขา หินผาโบราณตกลง ลอยล่องเหมือนก้อนหิน ลอยขึ้นลง ไหลเวียนรอบปราชญ์ปฐมช้าๆ
จักรพรรดิไม่ได้ลงมือ เขาเพียงแค่มองปราชญ์ปฐมเก้าวิญญาณเงียบๆ
สิงโตคำราม
หินผาสุสานแตกขนาดครึ่งภูเขาแดงลอยขึ้นจากพื้น กลายเป็นลำแสงยิ่งใหญ่พุ่งไปบนก้อนเมฆ
บุรุษที่นั่งบนเมฆก้มหน้าลง แน่นิ่ง
หินผาสุสานยักษ์เท่าภูเขาก้อนนั้นพลันแตกกระจาย ถูกดาบสายลมฟันแตก
จากนั้นเป็นก้อนที่สอง ก้อนที่สาม ทั้งสุสานพังทลายพุ่งไปเหมือนธนูหนักภายใต้การควบคุมด้วยจิตของปราชญ์ปฐมเก้าวิญญาณ ถาโถมรวมสายลม ตอนที่พุ่งไปดุจสายฟ้า ตรงจุดเรียบที่ลอยอยู่ระเบิดออกดังสนั่น
หินผาพุ่งย้อนกลับมาดุจสายฝน
บุรุษที่นั่งบนเมฆเหมือนเคลื่อนจิต โถมตัวลงมาเล็กน้อย ดังนั้นสายลมบนชั้นเมฆจึงแรงขึ้น หินแตกกระจายเต็มฟ้า ยันต์เก่าแก่พวกนั้นระเบิดท่ามกลางธนูพายุ บ้างเสียประสิทธิภาพไปแล้ว เท่ากับกระดาษคุณภาพธรรมดา หลังจากระเบิดก็แผ่ท่วงทำนองวิญญาณออกมา
มีไอวิญญาณวารีส่วนหนึ่งเพิ่มมาในฟ้าดิน
ในยันต์พวกนี้ยังซ่อนไอวิญญาณวารีไว้บางๆ…
จักรพรรดิที่ใบหน้าเรียบเฉยแทบจะเฉยชา หินสุสานที่พุ่งมาทางตนแต่ละก้อนนั้น ลูกธนูสายลมผ่านไปที่ใด หินผาจะแตกกระจายไปพร้อมกับยันต์ ทันทีที่เขามองยันต์เหมือนจะมีคลื่นอารมณ์เสี้ยวหนึ่ง…แต่ก็ยังเย็นชา เพียงแค่สามสี่ลมหายใจ หินแตกสุสานหลายร้อยก้อนถูกทะลวงแตกกระจายทั้งหมด ปราชญ์ปฐมเก้าวิญญาณรื้อทั้งสุสานปาขึ้นฟ้า ก็ยังกดดันบุรุษคนนั้นให้ขยับไม่ได้เลย
หลังหินผาแตก เศษยันต์ก็เงียบลงช้าๆ
ในฟ้าดินแห่งนี้ ไอวิญญาณวารีตัดสลับและกำเนิดขึ้น เปลี่ยนเป็นอิ่มเอิบและสมบูรณ์ทีละนิด แต่ละสายไหลเวียนตัดกัน
จักรพรรดินั่งอยู่บนเมฆ เขาใช้จิตเปิดฟ้าดินเล็กแห่งนี้ และถือโอกาสขยับภูเขาแดงนั้น เพื่อไม่ให้คนอื่นโดนลูกหลง
สายฟ้าไหลเวียนในเมฆหมอก สายฝนก่อตัว
ไท่จงไม่ได้มีท่าทีจะขวางเลย
เขาเพียงแค่มองทุกอย่างที่เกิดขึ้นเงียบๆ ดวงตาดำมืด ความหมายในนั้นซับซ้อนเล็กน้อย
เกิดฝนตกหนักกลางฟ้าดิน ฝนตกนี้ปกคลุมเพียงพื้นที่แคบมาก หลังจากยันต์พวกนั้นระเบิด ยังไม่ทันลอยไปไกลก็ถูกพัดสลายหายไป
ดังนั้นซ่งอีเหรินที่ยืนบนภูเขาแดง เหนือศีรษะก็ยังเป็นฟ้าใสหมื่นลี้ เกิดเป็นการเปรียบเทียบกับที่ห่างไกลนั้นอย่างชัดเจน
เขามีสีหน้าแปลกพิลึก มองเมฆครึ้มไกลๆ ลดลง ฝนตกหนักต่อเนื่องกัน
มารดาข้างกายเขาพูดอย่างจริงจัง “อาการบาดเจ็บของฝ่าบาทยังไม่หายดี”
บิดาตนซ่งเชวี่ยมองบุรุษบนเมฆนั้นเงียบๆ
แม้จะรู้ว่าตอนนี้จักรพรรดิแยกเป็นสองฟ้าดิน แต่ซ่งเชวี่ยก็ยังเก็บความคิดทั้งหมดของตน พูดเสียงเบา “อีกทั้งฝ่าบาท…ทรงชราภาพแล้ว”
……..
ฝนตกหนักขึ้นเรื่อยๆ ปราชญ์ปฐมเก้าวิญญาณที่นั่งขัดสมาธิกลางอากาศดวงตาแดงก่ำ เส้นผมถูกสายลมพัดลอยไปข้างหลัง เปียกหยดน้ำแล้วก็ยังคงลอย หยดน้ำทุกเม็ดชัดเจน ผ่านข้างเขาดูไม่เปียกชื้นเลย
ปราชญ์ปฐมเก้าวิญญาณทำมุทราสองมือ ก่อนพ่นลมหายใจขุ่นยาว
เขาทำปางมืออู๋โยวของสำนักเต๋า ไร้ความกังวล ได้พิสูจน์ชีวิตนิรันดร์ แม้ชื่อจะดูธรรมดา แต่ความจริงเป็นวิชาจิตใจสงบที่สุดยอดที่สุด เห็นได้ชัดมากว่าเมื่อเผชิญหน้ากับมหาศึก จิตมรรคของเขากลับไม่อาจสงบลงได้อยู่นาน
เสียงดังมาจากบนเมฆ
“หากเจ้าจะตัดสัมพันธ์กับสำนักเต๋า ก็ไม่ควรใช้วิชามุทรานี้”
เสียงเขามีความหนักแน่น ไม่มีคลื่นอารมณ์ใดๆ อยู่สูงส่งและเฉยชา
“มอบราชสีห์ขาวให้คนอื่น อยากจะตัดเหตุและผล หลังทำปางมือนี้ เจ้าถูกลิขิตไว้ว่าทุกอย่างที่ทำมาต้องสูญเปล่า ตัดเหตุและผลไม่ขาด” บุรุษที่นั่งบนเมฆ อาภรณ์โบกสะบัด ในแขนเสื้อเขามีมังกรเมฆตัวเล็กเวียนว่าย มองลงไปข้างล่าง พูดขึ้น “ได้ตามที่เจ้าหวัง เจ้ามีชีวิต ข้ามาแล้ว เจ้าจะทำอย่างไร”
หลังทำปางมืออู๋โยว ปราชญ์ปฐมเก้าวิญญาณก็สงบใจมรรคลง ไม่ผูกมัดกับสิ่งภายนอก ก่อนหยัดกายขึ้นช้าๆ
ฝนโหมกระหน่ำ
บุรุษคนนั้นที่อยู่เหนือศีรษะพูดไม่ผิด ตนยังไม่อาจลืมเรื่องในอดีตลงได้
สุสานภูเขาแดงที่ถูกผนึก เส้นทางโบราณพังทลาย สุสานก้นทะเลที่หลับใหลมายาวนาน…หลายปีมานี้ เขาปกป้องเจ้าของในสุสาน สองพันปีก่อนเคยมีผู้ติดตามราชาหัวใจราชสีห์เผ่ามนุษย์คนหนึ่ง ชำนาญวิชาทำนาย มาถึงที่นี่สำเร็จ แม้จะไม่เคยขยับสิ่งใด แต่ก็ได้เผยความลับสวรรค์เสี้ยวหนึ่ง ดังนั้นถึงได้มีการพบกันที่ไม่ควรเกิดขึ้นในภายหลัง
จักรพรรดิต้าสุยหนุ่มในอนาคตของต้าสุย ก่อนขึ้นบัลลังก์จักรพรรดิก็เคยมาที่นี่ ทำความรู้จักกับเจ้านายที่เพิ่งคืนชีพ
นั่นคือภพที่สองที่เจ้านายลำบากตรากตรำจนนั่งลืมสำเร็จ
เขาเคยชื่นชมเจ้านายในภพที่สอง ว่าสามารถเป็นสหายกับราชวงศ์ต้าสุยที่มีความกล้าหาญไม่ธรรมดาเช่นนี้ได้ แต่เขาลืมไปอย่างหนึ่ง…โลกนี้ สิ่งที่เจ้าเล่ห์ที่สุดคือมนุษย์ และสิ่งที่เชื่อถือไม่ได้มากที่สุดก็คือมนุษย์เช่นกัน
ตั้งแต่ที่เจ้านายยินยอมมอบ ‘มุกน้ำตา’ ให้กับบุรุษคนนั้น เขาก็เริ่มรู้สึกผิดปกติ เขาลำบากติดตามมาพันปี จะฝ่าทะเลพลิกผันไม่รู้กี่ครั้ง ดูดซับไอวิญญาณถึงทำให้เจ้านายมีโอกาสคืนชีพมาได้ ถึงทำให้เจ้านายได้เปิดร่างที่สมบูรณ์แบบที่สุดในชีวิต…แขกวารี!
เหตุใดเจ้านายเปิดภพที่สอง รู้จักกับบุรุษคนนั้นแล้วตนก็ไม่ได้รับความไว้วางใจอีก…แขกวารีสามารถข้ามผนึกของทะเลพลิกผัน เจ้านายเหมือนจะลืมคำมั่นที่เคยให้ไว้กับตน นางกลับแผ่นดินไปกับบุรุษคนนั้น ไปทีสิบปี
กาลเวลาสิบปีไม่ได้นานสำหรับเขา
แต่เมื่อเขาเฝ้ารอจนเจ้านายกลับมาอีกครั้งด้วยความดีใจนั้น…
สิ่งที่ได้กลับไม่ใช่อิสระ
แต่เป็นป้ายคำสั่งผนึกจิตวิญญาณชั่วนิรันดร์
เพราะเหตุใด
เหตุใดสุดท้ายตนถึงมีจุดจบเช่นนี้!
เพราะเหตุใด!
เสียงคำรามของสิงโตปานจะฉีกหัวใจฉีกปอดดังก้อง
“เจ้านายผนึกสุสาน ขังร่างข้าไว้ พันปีร้อยปี แม้แต่หมื่นปีข้าก็ไม่เคยแค้นนาง”
เสียงปราชญ์ปฐมเก้าวิญญาณดังกระเทือนเยื่อแก้วหู เอ่ยสี่คำสุดท้ายออกมาทีละคำ แทบจะคำราม “ข้าแค้นแค่เจ้า!”
พายุคลั่งหมุนทวน ฝนตกหนักหยุดลง
เขาเงยหน้าขึ้นแผดเสียงคำราม
“ฆ่า!”
ร่างหนึ่งกระโดดขึ้นสูง เส้นผมถูกสายลมคลั่งพัดไปข้างหลัง เหมือนปลาทรงพลังว่ายทวนฝนตกหนัก พุ่งขึ้นจากพื้น
………………………..