เจี้ยนกู่ เซียนกระบี่สยบหล้า - ตอนที่ 156 ราชากับประชาราษฎร์
ตอนที่ 156 ราชากับประชาราษฎร์
บนยอดภูเขาแดง สองร่างคนยืนอยู่
ภูผานทีรอบกายพังทลายลงไม่หยุด แนวโน้มการคืนชีพของปราชญ์ปฐมเก้าวิญญาณยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ สี่ด้านแปดทิศ นอกจากตัวภูเขาใต้เท้าคู่ชีวิตนิพพานสองท่านนี้แล้ว ที่เหลือถล่มลงไปหมด แตกละเอียด ไหลหลาก สุดท้ายรวมเป็นพายุหมุนรอบตำหนักเก่าแก่ หมุนวนไม่หยุด
เจ้าปราชญ์บ่อหยกมองตำหนักก้นทะเลที่ยิ่งใหญ่นั้น ปราชญ์ปฐมเก้าวิญญาณที่ลงมาจากทะเลหมอกกอดสองแขนงอตัวลอยอยู่กลางตำหนัก กลืนกินเลือดเนื้อมาฟื้นตนเองในสภาพสูงสุด เลือดลมมากมายพุ่งมาทางเขา
“ตำหนักแห่งนี้…มีกลิ่นอายของไท่อี่” เจ้าปราชญ์บ่อหยกหรี่ตาลง นางเอ่ยเสียงเบา “ข้าเหมือนจะรู้สึกถึงกลิ่นอายของกระบี่ทัณฑ์ล้ำเลิศเสี้ยวหนึ่งในตำหนัก”
ซ่งเชวี่ยเหยียดหลังตรง ชุดคลุมครามสะบัดดังพึ่บพั่บ
“มหาเทพผู้ขจัดความทุกข์”
เขาเอ่ยนามหกคำเบาๆ จากนั้นขมวดคิ้ว “ได้ยินว่าผู้สูงศักดิ์สวรรค์ท่านนี้มีชีวิตข้ามผ่านเคราะห์ภัยห้าร้อยปี อยู่ในโลกนี้มานานมาก จากนั้นนั่งลืมสำเร็จ…เปิดอายุขัยของภพที่สอง”
กูอีเหรินส่ายหน้า เจ้าบ่อสวรรค์ท่านนี้ แม้จะมีตำแหน่งในสำนักเต๋าสูงส่ง มีอำนาจในมือสูงมาก ไม่แพ้ให้กับผู้อาวุโสหอสามวิสุทธิ์ สามารถอ่านตำราลับทั้งหมดของสำนักเต๋าได้ แต่กับเรื่องของผู้สูงศักดิ์สวรรค์มหาเทพผู้ขจัดความทุกข์…นางไม่ได้เข้าใจอะไรมากเลย
เจ้าปราชญ์บ่อหยกถอนหายใจ “กาลเวลาลบความจริงทุกอย่าง ไม่อาจรู้เรื่องในอดีตได้ ไม่มีการบันทึกไว้ในตำราสำนักเต๋า ต่อให้ผู้สูงศักดิ์สวรรค์หญิงท่านนี้จะมีชีวิตในภพที่สองจริงๆ ดูท่าคงไม่ได้ฟื้นความทรงจำกลับมา ห่างจากสำนักเต๋าไปเรื่อยๆ กลายเป็นคนแปลกหน้าไปแล้ว”
ซ่งเชวี่ยมองหยุดอยู่ที่ร่างเงาที่คำรามเสียงสิงโตมาไม่หยุดนั้นในสุสาน
เขาพูดเชิงครุ่นคิดบางอย่าง “สิงโตนี่เป็นสัตว์ขี่ของไท่อี่รึ”
“ถือว่าใช่” กูอีเหรินเอ่ยอย่างเฉยชา “ในตำราสำนักเต๋ามีบันทึกเอาไว้ คนที่ได้เข้าหอสามวิสุทธิ์ต่างรู้ ไม่ถือว่าเป็นความลับอะไร สิงโตนี่ได้สำนักเต๋าข้าช่วยไว้ตอนเยาว์วัย ฝึกบำเพ็ญมาตลอดทาง เหตุและผลพัวพัน จนมาถึงตอนนี้มีทั้งรักและแค้น ส่วนสาเหตุที่เขาเคยจะก้าวข้ามทะเลพลิกผันสุดชีวิตนั้น…
เรื่องนี้ยังไม่รู้ มีคนบอกว่าเขาจะทำปณิธานก่อนตายของผู้สูงศักดิ์สวรรค์มหาเทพผู้ขจัดความทุกข์ให้สำเร็จ บ้างก็บอกว่าเขาถูกคนกำราบไว้ก้นทะเลพลิกผัน ไม่มีวันได้กลับคืนสู่แผ่นดิน มีคำอธิบายทุกอย่าง ซึ่งหนีไม่พ้นเจ้านายของเขา ผู้สูงศักดิ์สวรรค์มหาเทพผู้ขจัดความทุกข์เงียบหายไปไร้ข่าวคราว ‘ความจริง’ พวกนั้น…ย่อมเป็นจอกแหนไร้ราก เชื่อไม่ได้เลย”
ซ่งเชวี่ยตอบอืม เขาพ่นลมหายใจขุ่น ก่อนพูดด้วยความสงสัย “ฝ่าบาทจะรอไปจนถึงเมื่อไรกัน”
“สิงโตนี่ตอนที่เปิดโลงออกมา กำลังวังชาอยู่ในช่วงที่อ่อนกำลังที่สุดในหลายพันปีมานี้ ข้าใช้แค่กระบี่เดียวก็ทำลายจิตวิญญาณสิงโตได้ ไม่เหลือแม้แต่กายเนื้อ” กูอีเหรินหรี่ตาลง ใบหน้านางดูไม่แก่ชราเลย ต่างกับซ่งเชวี่ย เจ้าบ่อสวรรค์ท่านนี้ค่อนข้างให้ความสำคัญกับใบหน้าตนเอง เป็นยอดฝีมือนิพพาน อายุแค่สองร้อยปี ไม่อาจฝากร่องรอยบนใบหน้านางได้เท่าไร นางเพียงแค่ใช้กลอุบายเล็กๆ ก็ ‘คงความสาวไปชั่วนิรันดร์’ ได้ ดังนั้นจึงดูเหมือนหญิงสาวอายุใกล้สามสิบ
กูอีเหรินสวมชุดคลุมใหญ่สีขาว กลิ่นอายพลังหุบเข้าไปข้างใน แต่ภายในทะเลสาบวิญญาณมีประกายไฟเดือดพล่าน ยอดผู้บำเพ็ญที่เข้าใจเจ้าปราชญ์บ่อหยกท่านนี้อย่างแท้จริงจะรู้ว่านี่ไม่ใช่เรื่องโกหก
สิงโตแบกกระถางสำริด ปราชญ์ปฐมออกทะเล ภาพนี้แม้จะน่าตกใจ แต่ตอนนั้นปราชญ์ปฐมเก้าวิญญาณยังไม่ได้ขึ้นทะเลเมฆไปยืมโลหิตบริสุทธิ์นั่น ยังไม่ถือว่าก้าวสู่ขอบเขตนิพพาน หากเผชิญหน้ากับยอดฝีมือระดับเจ้าปราชญ์บ่อหยก กูอีเหรินใช้มากสุดสองสามกระบี่ก็สังหารเขาลงได้
เพราะเจตนารมณ์ในวัง ดังนั้นสองคนจึงไม่รีบร้อนลงมือ มาถึงภูเขาแดงก็ช่วยสององค์ชายที่อับจนหนทางอยู่กลางคลื่นสัตว์ปีศาจ จากนั้นเฝ้าระวังผู้แข็งแกร่งใต้ฟ้าเผ่าปีศาจปรากฏตัวที่นี่
ฝ่าบาทสื่อความหมายไว้ชัดเจนมาก…เขาจะลงมือสังหารสิงโตนี่ด้วยตนเอง
ซ่งเชวี่ยกับกูอีเหรินคู่ชีวิตคู่นี้ยืนอยู่บนยอดภูเขาแดง คนหนึ่งเอาสองมือไพล่หลัง มองพลังปีศาจที่วนเวียนรอบกายด้วยความตื่นตัว อีกคนปากระบี่เซียนออกไป ผนึกคลื่นครึ่งลี้ภูเขาแดง
“ตอนนี้กลิ่นอายพลังของเขาคาดเดาไม่ได้หน่อยๆ แล้ว” เจ้าปราชญ์บ่อหยกหรี่ตาลง จ้องเงาเลือนรางในสุสาน
หากบอกว่าสิงโตนั่นที่ออกทะเลเมื่อครู่ ตนยังสังหารได้ด้วยกระบี่เดียว
เช่นนั้นหลังจากเขาได้โลหิตบริสุทธิ์หยดหนึ่งก็จะไม่ใช่สิงโตธรรมดาอีก แต่เป็นปราชญ์ปีศาจขอบเขตนิพพานที่ฝึกบำเพ็ญมาพันปี!
หากเป็นตอนที่ปราชญ์ปฐมเก้าวิญญาณเพิ่งกินโลหิตบริสุทธิ์ เจ้าปราชญ์บ่อหยกก็จะถือกระบี่ออกมือ ด้วยความสามารถและกำลังรบของนาง มีโอกาสชนะสูงมาก เร็วสุดครึ่งก้านธูป ปราชญ์ปีศาจที่เพิ่งคืนชีพและก้าวสู่ขอบเขตนิพพานอีกครั้ง ยังไม่ชินกับวิชาลับและกายจิตของตน ก็จะถูกสังหารลง
แต่ยิ่งนานเท่าไร ความมั่นใจของเจ้าปราชญ์บ่อหยกก็น้อยลงเรื่อยๆ
ดอกไม้เลือดที่กระจายใส่หินผาสุสานยักษ์มีหลายหมื่นดอกแล้ว…จำนวนนี้ยังคงเพิ่มขึ้นไม่หยุด
ร้อยปีพันปีมานี้ เผ่าปีศาจบุพกาลภูเขาแดงใกล้ภูเขาชิดน้ำ กินดวงชะตาไปทีละนิด ค่อยๆ วิวัฒนาการไปชนรุ่นหลัง ความตายของสัตว์ปีศาจทุกตนตอนนี้จะผสมดวงชะตาที่กินไปในตอนนั้นเข้ากับเลือดเนื้อและพ่นออกไป จากนั้นถูกปราชญ์ปฐมเก้าวิญญาณดูดซับ…นี่เป็นโชควาสนาและดวงชะตาที่ยิ่งใหญ่อย่างหนึ่ง
ต้าสุยให้ที่นี่เป็นลานล่าเหยื่อ ให้ล่าได้ตามใจ เผ่าปีศาจบุพกาลพวกนี้ยิ่งโตเท่าไรก็ยิ่งดี การเก็บเกี่ยวตอนตนล่าก็จะยิ่งดีมากเท่านั้น…ผู้มีอิทธิพลของสามกรม เกรงว่าคงไม่เคยคิดว่าจะมีวันนี้ โชควาสนาและการสั่งสมตลอดหลายปีมานี้ ไปอยู่ที่สิงโตโบราณนี่ทั้งหมด
สัตว์ปีศาจที่พุ่งชนตายอนาถทุกตัว เลือดในกายพวกนั้นจะไหลเวียนในสายเลือดของปราชญ์ปฐมเก้าวิญญาณ นี่เป็นความสัมพันธ์ทางจิตใจของระดับสูงกับระดับต่ำ บรรพชนกับชนรุ่นหลัง ผู้แข็งแกร่งกับผู้อ่อนแอ
หลังจากปราชญ์ปฐมเก้าวิญญาณคืนชีพ สัตว์ปีศาจพวกนี้ก็พุ่งเข้ามาอย่างเสียสติ เจอภูเขาข้ามภูเขา เจอทะเลถมทะเล อยากจะถวายกระดูก เนื้อและเลือดของตนให้กับการคงอยู่สูงสุดนั้นใจจะขาด
ความสัมพันธ์เช่นนี้เหมือนกับ…ราชากับประชาราษฎร์มากกว่า!
ร่างเงานั้นในสุสานผลัดเปลี่ยนถึงช่วงเวลาสำคัญที่สุดแล้ว
ประชาราษฎร์นับพันนับหมื่น ร่างเลือดเนื้อทาสุสานแห่งนี้เป็นสีแดงฉาน
สุสานก้นทะเลเก่าแก่นี้…ตอนนี้เหมือนเปลือกรังไหมยักษ์มากกว่า
ปราชญ์ปฐมเก้าวิญญาณที่งอตัวอยู่ในเปลือก เขายังคงอยู่ในร่างมนุษย์ เส้นผมลอยล่องเบาๆ ผิวหนังสั่นไหวไม่หยุด ตามน้ำทะเลหนักที่ลอยมาพร้อมกับสุสานก้นทะเล วนเวียนรอบตัวเขาไอวิญญาณวารีมหาศาลเหมือนจะกลายเป็นพันธนาการต่างๆ มัดสิงโตนี่เอาไว้ ไม่ให้เขากางสองแขน
“ภพก่อนเหตุ ภพนี้ผล…”
เสียงของปราชญ์ปฐมมีความเลื่อนลอย เขาเงยหน้ามองฟ้าของตำหนักใหญ่
ในดวงตาสีแดงขยับเงาสะท้อนของพันธนาการไอวิญญาณวารี
เขารู้ว่าบนภูเขาแดงที่ยังตั้งตระหง่านไม่ถล่มลงเพียงหนึ่งเดียวข้างนอกนั้น มีผู้บำเพ็ญขอบเขตนิพพานต้าสุยสองคน กำลังรบเหนือชั้น ศักยภาพไม่ธรรมดา
แต่นั่นไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่เขาจะเผชิญหน้าในครั้งนี้
เลือด เนื้อ กระดูกและวิญญาณ…ซึมผ่านพันธนาการไอวิญญาณวารีเข้ามาถึงปอดของเขา เข้ามาในอวัยวะภายใน เหมือนจุดตะเกียงสว่างขึ้น เปล่งประกายไฟลับๆ เขากำสองหมัด พลังที่หนักและทรงพลังไม่หลับใหลอีก แต่ไหลเวียนในสายเลือดและกระดูกทีละส่วน หมุนม้วน ร่ายระบำ ทะยานขึ้น!
‘ตึงๆๆ’ เกิดเสียงดังสนั่นสามครั้ง
ปราชญ์ปฐมเก้าวิญญาณเหยียดหลังตรง เมื่อเขาขยับสองแขน ทั้งสุสานยักษ์โคลงเคลงและพังทลายลงจากในไปสู่นอก
“เข้ามา!”
เขามองฟ้าด้วยความโกรธ ตำหนักใหญ่พังเป็นรูหนึ่ง
แสงยาวอ่อนๆ พุ่งไป
แรงกดดันมหาศาลไหลเวียนบนฟ้าช้าๆ
……
คู่สามีภรรยาที่ยืนบนภูเขาแดงมีสีหน้าจริงจังขึ้นมา
ซ่งเชวี่ยแบฝ่ามือ กระบี่เซียนที่ลอยอยู่บนภูเขาแดงเสริมกับมนตร์ของตน แสงพุทธไหลเวียน ดีดกระจายไปรอบๆ เหมือนหยดน้ำ ถูกกระเทือนดังติงๆ ก่อนจะรวมขึ้นตรงหน้าหินผาอีกครั้ง
เจ้าปราชญ์บ่อหยกพูดอย่างจริงจัง “สิงโตนั่นฟื้นกลับมาในสภาพสมบูรณ์แล้ว…สัตว์ปีศาจโบราณสมคำร่ำลือจริงๆ วางในสองใต้ฟ้าตอนนี้ วัดที่กำลังรบ สู้ตัวต่อตัว ก็แทบจะชนะได้ทุกคนเลย”
นางชะงักไปก่อนพูดอย่างลังเล “เป็นขอบเขตนิพพานเหมือนกัน ข้ายังไม่อยากประมือกับปราชญ์ปฐมตอนนี้เลย หากสู้กันจริงๆ คงจัดการได้ยากมาก ดีที่สุดคือแตกพ่ายกันไปทั้งสองฝ่าย”
ซ่งเชวี่ยพยักหน้า
“ฝ่าบาทกำลังรอเขาฟื้นกลับมาสภาพสมบูรณ์…”
เงียบไปครู่หนึ่ง แขกพิเศษฝ่ายพุทธถึงพ่นสองคำอย่างจริงจังมาก
“มาแล้ว”
ซ่งอีเหรินม่านตาหรี่แคบลง
การกำเนิดของเขาถูกลิขิตไว้ว่าเขาจะไม่เป็นคนที่อยากรู้อยากเห็น เพราะเขาเคยเห็นมาหมดแล้ว…ดังนั้นสิ่งที่ทำให้เขาอยากรู้อยากเห็นในโลกนี้จึงมีไม่มาก
แต่ซ่งอีเหรินอยากรู้มาตลอดว่าฝ่าบาทท่านนั้นในวังมีหน้าตาแบบใด
จักรพรรดิอยู่มาหกร้อยปี ออกจากวังน้อยมาก คนที่มีสิทธิ์ได้พบหน้าเป็นการคงอยู่ที่น้อยยิ่ง ต่อให้เป็นซ่งอีเหรินก็ไม่เว้น แม้จะอยู่แดนอุดรมาหลายปี แต่เขารู้ดีว่าตนไม่มีโอกาสได้เข้าเฝ้า
ซ่งอีเหรินกลั้นลมหายใจ เตรียมพบใบหน้าแท้จริง
เมฆลมบนฟ้าพลันเปลี่ยนไป
เมฆลมบนฟ้าหมุนตลบ ไหลไปทิศทางหนึ่ง เมฆจากมังกร ลมจากพยัคฆ์ มังกรพยัคฆ์คำราม ห่อหุ้มร่างสูงใหญ่ เหมือนกับเทพสวรรค์ ไม่อาจมองตรงๆ ได้
ร่างเงานั้น มองทีแรกเป็นเพียงบุรุษธรรมดา มองเห็นใบหน้าไม่ชัด มองเห็นรูปร่างชัดเจน เหยียดตรงและยิ่งใหญ่ แต่ไม่ได้มีแปดแขนหรือปีกอะไร…นี่ก็ยังเป็นคน ไม่ใช่เทพสวรรค์
ซ่งอีเหรินยิ้มเย้ยเยาะตัวเอง ประชากรของเขตต้าสุยเชื่อมั่นใจจักรพรรดิที่ตนรายล้อมมากเกินไป หกร้อยปีผ่านไป ผู้แทนสิบกว่าคนเหมือนดอกไม้บานและโรยรา แต่คนนั้นก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะแก่ชราเลย
จักรพรรดินั่งอยู่บนเมฆ เมฆหมอกวนเวียนรอบกาย
เขายกแขนขึ้นกดลงเบาๆ
แผ่นดินภูเขาแดง เสียงคำรามของสัตว์ปีศาจหลายหมื่นถูกสายลมคลั่งกลบ
หากบอกว่าปราชญ์ปฐมเก้าวิญญาณคือราชาของภูเขาแดง สัตว์ปีศาจพวกนี้คือประชากรของเขา
เช่นนั้นบุรุษที่นั่งบนเมฆในตอนนี้ก็คือราชาของทั้งใต้ฟ้าต้าสุย
ไม่ใช่แค่มนุษย์ของต้าสุย แต่ยังมีทุกเมือง ทุกกำแพงสูง เศษหญ้าทุกต้น…และยังมีผู้ใต้บัญชาเขา ทุกแสงสว่างในโลก ทุกค่ำคืนนิรันดร์ ทุกลูกพายุ ทุกสายฝนกระหน่ำ
ล้วนเป็นประชากรของเขา!
……………………..