เจี้ยนกู่ เซียนกระบี่สยบหล้า - ตอนที่ 140 หลังตระหนักรู้ ได้พบเซียนกระบี่
ตอนที่ 140 หลังตระหนักรู้ ได้พบเซียนกระบี่
หลังจากยันต์ปราณกระบี่หลายร้อยแผ่นระเบิด ทางเดินยาวทั้งสาย ผนังหินทั้งสี่เหมือนมังกรหมุน ผนังหินแตกเป็นเสี่ยงๆ ถูกปราณกระบี่กัดเซาะ
เจียงหลินที่ถือดาบยาวสำแดงวิชาลับพรสวรรค์ ต้านปราณกระบี่ไว้ ฟันฝ่าตลอดทาง อยากจะพุ่งออกจากทะเลสาบกระบี่
ยันต์ปราณกระบี่พวกนี้ เด็กเผยฝานวาดให้หนิงอี้ ใช้กลอุบายกระบี่ซ่อน ใช้แรงกายแรงใจไปอย่างมาก ตอนนี้ซ่อนความเป็นเทพ อานุภาพเพิ่มขึ้นอย่างมาก ปรากฏออกมาเป็นเซียนกระบี่หญิง
รูปลักษณ์ของเซียนกระบี่หญิงนั้นแทบจะเหมือนกับเผยฝาน แค่โตกว่าเล็กน้อยเท่านั้น
ความเป็นเทพคือสิ่งที่มหัศจรรย์ที่สุดในโลก
ยันต์พวกนี้เดิมทีใช้แสงดารากระตุ้น ไม่มีใครฟุ่มเฟือยถึงขนาดใช้ความเป็นเทพเปิดพลังของยันต์ ต่อให้เป็นเจียงหลิน เติบโตในใต้ฟ้าเผ่าปีศาจมาหลายปี สู้กับอัจฉริยะต้าสุย ก็เพิ่งเคยเห็นยันต์สร้างเป็นร่างคน คุมกระบี่โจมตี
ปราณกระบี่ยิ่งใหญ่ของเซียนกระบี่หญิงนั้น ข้างหลังเป็นกระบี่ยาวกระบี่สั้นติดตามไม่รู้เท่าไร ทางเดินยาวมืดถูกปราณกระบี่ฟันขาด นางเปลือยเท้าเปล่า เหยียบกระบี่เข้ามา เหมือนดวงจันทร์สุกสกาว แสงอ่อนนุ่มและศักดิ์สิทธิ์บริสุทธิ์ ระหว่างโบกแขนเสื้อก็เต็มไปด้วยกลิ่นอายสังหาร
เจียงหลินสำแดงวิชาลับทองอมดำ กวัดแกว่งดาบออกไป ปะทะกับกระบี่บินของเซียนกระบี่หญิงนั้น
พลันจมหายไป
ปราณกระบี่ทำลายล้าง หลังปะทะเข้าไปแล้วก็ถูกดาบเรียบสีทองอมเงินฟันแตกกระจาย สู้เดี่ยวชนะไม่ได้เลย แต่มีจำนวนมาก มองไปสุดลูกหูลูกตา
ยอดปีศาจหนุ่มเกิดความดื้อรั้นขึ้นในใจ กวัดแกว่งดาบฟันไปนับไม่ถ้วน แต่ไม่อาจฟันได้หมด กระทั่งไม่อาจก้าวออกจากใต้กระบี่ของเซียนกระบี่หญิงนี้ ได้แต่รอกระแสยาวปราณกระบี่ถอยไปเอง พลังของยันต์พวกนี้ห่อหุ้มปราณกระบี่ หลังยันต์ระเบิด ปราณกระบี่ข้างในเหนี่ยวนำกันและกัน หลั่งไหลออกมา แทบจะไม่อาจต่อต้านได้
ที่นี่ผนึกแสงดารา เจ้าหนูเผ่ามนุษย์นั่นใช้อะไรมาปลุกยันต์
เจียงหลินเกิดไฟในดวงตา ออกดาบฟันปราณกระบี่รัวเจ็ดแปดสาย เขาหน้ามืดทะมึน นึกถึงเด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์ที่นั่งขัดสมาธิอยู่คนนั้นแล้วก็เกิดโทสะขึ้นในใจ คนนั้นเหมือนจะอยู่ในเวลาสำคัญของการทะลวงพลัง อีกทั้งยังเกิดการตระหนักรู้ของผู้มีมหาดวงชะตาหรือ หากไม่ใช่เพราะยันต์พวกนี้ และยังมีเซียนกระบี่หญิงที่จำแลงกายออกมาขวางตน เขาคงฟันดาบให้หนิงอี้ออกจากการตระหนักรู้ไปนานแล้ว ให้เจ้าหนูนี่เสียมหาโชคลิขิตครั้งใหญ่!
ชั่วครู่ต่อมา
ในที่สุดกระแสยาวปราณกระบี่ก็มีแนวโน้มจะเบาบางลงเล็กน้อย
ยันต์เยอะกว่านี้ก็ต้องมีเวลาใช้หมด
ส่วนเซียนกระบี่หญิงนั่นเลือกเก็บมืออย่างชาญฉลาด นางยกมือขึ้นอีกครั้ง ป้ายคำสั่งกระบี่บินเต็มฟ้าหยุดลง ลอยอยู่ข้างหลังนาง หันปลายกระบี่ชี้ไปทางยอดปีศาจหนุ่มนั่น
เจียงหลินปักดาบยืน เขาพูดเสียงเย็นชา “ท่านเป็นเทพเซียนใดในใต้ฟ้าต้าสุยกัน”
ดูจากกลอุบายที่เซียนกระบี่หญิงใช้ จะต้องเป็นคนที่สุดยอดในใต้ฟ้าต้าสุยอย่างแน่นอน
คุมกระบี่หลายร้อยถึงพันเล่ม ไม่ใช่คนเลย
น่าเสียดายที่เป็นเพียงภาพมายา
‘เด็กสาว’ ที่เติบใหญ่ขึ้นมาเหมือนไม่ได้ยิน ไม่ขยับและไม่พูด ปลายเท้าเปลือยเปล่า เหยียบบนตัวกระบี่นิ่งๆ แขนเสื้อขยับไหวเองแม้ไร้สายลม ขวางตรงทางเข้าเดียวของทางเดินยาว ไม่ให้ยอดปีศาจหนุ่มก้าวเข้าไปในตำหนักใหญ่สุสาน
เจียงหลินหรี่ตาลง
ยันต์พวกนี้มีสติปัญญาของเจ้าของ อยากจะปกป้องผู้บำเพ็ญมนุษย์นั่นตามจิตใต้สำนึก ไม่ให้ตนทำลายการตระหนักรู้ของอีกฝ่าย
หญิงคนนี้คงจะเกี่ยวข้องกับผู้บำเพ็ญเผ่ามนุษย์นั่นไม่น้อย
“ดูจากพลังบำเพ็ญของท่านยังไม่เท่าไร หากระดับสูงกว่านี้หน่อย ข้าคงต้านปราณกระบี่ยันต์พวกนี้ไม่ไหว”
เจียงหลินไม่รีบร้อนบุกฝ่าทางเดินยาว เขาปักดาบยาว เอ่ยราบเรียบ “ที่นี่ผนึกแสงดารา ไม่อย่างนั้นยันต์พวกนี้ไม่เท่าไรเลยสำหรับข้า ดาบเดียวก็ทำลายได้ ดูท่าท่านคงจะเป็นผู้บำเพ็ญต้าสุยในรุ่นปัจจุบันกระมัง”
ทุกการถ่วงเวลาชั่วครู่เดียว พลังของยันต์พวกนี้จะหายไปเล็กน้อย เจียงหลินถ่วงไปอีกครู่ กระแสยาวปราณกระบี่ของเซียนกระบี่หญิงก็จะไม่พอขวางตนอีก
หลังตัดสินใจแล้ว เขาก็เอ่ยต่อ “ใต้ฟ้าต้าสุย ตำหนักทะเลสาบกระบี่ เขาอนันต์เล็ก ข้าได้ยินชื่อเสียงอัจฉริยะมากมายมาหมดแล้ว ไม่รู้ว่าท่านเซียนมาจากเขาศักดิ์สิทธิ์ใดกัน วัดกันที่ความน่าเกรงขามของเจตจำนงกระบี่ ไม่แพ้ให้กับเยี่ยหงฝูแห่งเขาลั่วเจียแล้ว ดูจากนิสัยก็เหนือธรรมดาเจ็ดส่วน ไม่เหมือนหญิงบ้าคนนั้น หากสนใจ ก็ลองมาเป็นแขกที่แดนอุดร ข้าเจียงหลินจะเปิดภูเขาต้อนยับ เชิญท่านเซียนดื่มชากันเพียงลำพัง แค่สนทนามรรค ไม่มีต่อสู้!”
หลังพูดจบ
เจียงหลินจ้องร่างอิทธิฤทธิ์เซียนกระบี่หญิงนี้เขม็ง
อีกฝ่ายยังคงอยู่ในท่าทางไม่พูดไม่จา เพียงแต่แขนเสื้อเริ่มเป็นมายา เหมือนไอร้อนพวยพุ่ง ถูกดึงเข้าด้วยกันอย่างไร้รูป ดังนั้นจึงยังไม่สลายไป
เจียงหลินเอ่ยด้วยรอยยิ้มอีกครั้ง “ได้ยินว่าใต้ฟ้าต้าสุยเคยมีปราชญ์กระบี่เผยหมิน ฝึกวิถีกระบี่ต่างจากปกติ เปิดเส้นทางกระบี่ซ่อน หมื่นกระบี่รวมกาย สติปัญญาคงอยู่นิรันดร์ สามารถฝากฝังความเป็นวิญญาณส่วนหนึ่งไว้ได้ ไปถึงมุมทะเลสุดหล้าฟ้าเขียว ไปที่ใดก็ได้…เพียงแต่ตระกูลเผยถูกยืนยันว่าล่มสลายลงแล้ว หรือท่านจะสืบทอดมรดกของปราชญ์กระบี่ต้าสุยกัน”
เจียงหลินพลันหรี่ม่านตาแคบลง
ไม่รู้ว่าประโยคนี้ไปโดนเซียนกระบี่หญิงคนนี้ที่ใด พลันเริ่มคุมกระบี่สังหาร ปราณกระบี่มากมายรวมกันตามนางกดปลายนิ้วลง
เจียงหลินถือดาบยกขึ้นด้วยสองมือ
ขิงก็รา ข่าก็แรง
เขาถือด้ามดาบล่าวารี พลันนึกได้ว่าตระกูลเผยเหมือนจะมีเด็กทารกหญิงคนหนึ่ง ข่าวของใต้ฟ้าต้าสุยคือตระกูลเผยล่มสลายหมดแล้ว แต่หากเด็กสาวนั่นยังไม่ตาย…เจียงหลินเงยหน้าขึ้นมองเซียนกระบี่หญิงคนนี้ คำนวณช่วงอายุเงียบๆ จากนั้นส่ายหน้า
หญิงคนนี้ไม่มีทางเป็นชนรุ่นหลังตระกูลเผย
อายุไม่ถูกต้อง
เจียงหลินเหยียบทะเลสาบกระบี่เดินไป พลังของยันต์ใกล้จะหมดแล้ว เขาเหยียบพื้นลอยขึ้น ใต้เท้าเว้าลงไปเป็นหินยักษ์ ทั้งตัวเอียงไปถีบผนังหินทางเดินยาว แรงมหาศาลและหนัก ปราณกระบี่เต็มฟ้าถูกปราณกระบี่เหนี่ยวนำ ติดตามมาเสียงดังสนั่น ยอดปีศาจที่ร่างสูงใหญ่แต่การกระทำอ่อนนุ่มเหยียบผนังทางเดินยาว ระนาบไปกับพื้น ความเร็วสูงยิ่ง กระแสปราณกระบี่ข้างหลังไล่ตามมา ทันทีที่กระโดดออกจากทางเดินยาว พลังของยันต์ก็หมดพอดี ปราณกระบี่มากมายแตกเป็นเสี่ยงๆ เหมือนพายุหมุนเปลวเพลิงที่ดับลงกลางสายลม อ้าปากจะกลืนกินเจียงหลิน…ทว่าภาพนี้ก็ช้าลงและหยุดนิ่ง
เจียงหลินที่ลงบนพื้นพ่นลมหายใจยาว
เชื้อไฟปราณกระบี่ที่กระจายไปบนบ่ามอดดับลง
เขาไม่ได้มองทางนั้นของทางเดิน เพราะพลังของยันต์หายไป ดังนั้นหลังจากโบกมือเคลื่อนทะเลสาบกระบี่ เซียนกระบี่หญิงนั้นก็หายไป
ทว่าเซียนกระบี่หญิงนี้ออกกระบี่ได้น่าตกใจอย่างยิ่ง ฝังลึกลงในความคิดเขา
เจียงหลินยื่นมือมาข้างหนึ่ง ลูบถุงสวยงามตรงเอว คิดในใจว่ากลับไปใต้ฟ้าเผ่าปีศาจแล้วจะต้องไปเมืองธารน้ำสักครั้ง ไม่ใช่แค่ส่งมอบราชสีห์ขาว แต่ต้องถามผู้เฒ่าคนนั้นให้แน่ชัดเกี่ยวกับเรื่องในอดีตของสองใต้ฟ้า สิ่งที่พบเห็นในภูเขาแดงมีหลายอย่างที่ยังไม่เข้าใจ
โดยเฉพาะตัวตนของหญิงคนนี้ ต่อให้เขาต้องจ่ายไปบ้างก็ต้องให้ผู้เฒ่าเมืองธารน้ำออกมือ ดูว่าจะทำนายได้หรือไม่ เผยความลับสวรรค์ออกมาเล็กน้อย ให้ตนได้เห็นใบหน้าแท้จริงของอีกฝ่าย
…….
กลางเมฆหมอก ปราณเซียนวนเวียน
เผยฝานที่นั่งเท้าเปล่าข้างหนิงอี้ ใช้ปลายเท้าเตะน้ำใต้สะพานไม่หยุด เอาศีรษะพิงในอ้อมอกของหนิงอี้เบาๆ
มีคำเล่าลือลือว่าตอนทะลวงพลัง จะมีคนเข้ามาในขอบเขตลี้ลับอย่างหนึ่ง
ต่อให้ยอดผู้บำเพ็ญที่มีจิตใจแน่วแน่ จิตมรรคแข็งแกร่งยิ่ง ก็ต้องมีจุดที่ใจเปราะบาง
การตระหนักรู้ไม่ได้ให้เจ้าตระหนักวิชาพลิกฟ้าหรือเจตจำนงกระบี่ไร้พ่ายใดในคืนเดียว แต่ให้จิตใจของเจ้ากลับไปในสภาวะที่สงบนิ่งมากที่สุด
มีคนทำเพื่อรับรองผล ฝึกบำเพ็ญไปเรื่อยๆ สังหารไปมากมาย หันไปมอง ตนไม่ได้ทำเพื่อฝึกบำเพ็ญอย่างในตอนแรกแล้ว แต่กลายเป็นมารร้าย
มีคนตอนถือกระบี่ สาบานว่าจะปกป้องญาติพี่น้องข้างกาย แต่มาถึงสุดทาง ในการพิสูจน์มรรค กลับเลือกสังหารญาติพี่น้องเพื่อสำเร็จมรรค
ผู้บำเพ็ญมากมายเสียเจตนาเดิมไปในกาลเวลายาวนานนี้
พวกเขาฝึกบำเพ็ญเพื่อสิ่งใดก็ลืมไปแล้ว
คนเปลี่ยนแปลงเสมอ
มารก็ดี นักปราชญ์ก็ดี ล้วนเหมือนกัน มีคนละวางดาบลงก็สำเร็จอรหันต์ทันที มีคนถือกระบี่โลหิตบุกเบิกภูเขาเป็นบรรพชนมารร้าย สองสิ่งนี้ไม่มีสูงต่ำสูงส่งหรือต่ำช้า ได้แต่มองว่าตนจะปฏิบัติตามเจตนาเดิมได้หรือไม่
หากเจ้าตั้งใจมุ่งไปมหามรรคของนักปราชญ์ ระหว่างทางกลับเข้าใกล้มารมากขึ้นเรื่อยๆ เช่นนั้นการตระหนักรู้จะเตือนเจ้า ส่วนต่อไปจะเป็นมารหรือเป็นนักปราชญ์ ก็ยังอยู่ที่การตัดสินใจของเจ้า เพียงแต่หากรู้แจ้งเส้นทางที่ผ่าน เช่นนั้นก็จะฝึกบำเพ็ญได้รวดเร็วยิ่ง จะไม่เจออุปสรรคใดๆ
สิ่งที่หนิงอี้เห็นคือเมฆ คือหมอก
ใต้สะพานมีน้ำ ในน้ำมีปลา
เหนือศีรษะมีร่มกระดาษมัน ใต้ร่มมีเด็กสาวงดงามที่พิงหัวไหล่ตนหลับไป
เด็กสาวเตะผิวน้ำ เงาสะท้อนเหมือนดอกบัว ปลากระโดดขึ้นลง
หากคนนอกมองเห็นการตระหนักรู้ของหนิงอี้ เห็นภาพเช่นนี้ จะต้องรู้สึกเหลือเชื่ออย่างแน่นอน
การตระหนักรู้ของเด็กหนุ่มคนนี้ไม่มีพายุกลิ่นคาวเลือดและฝนโลหิต ไม่มีการต่อสู้ แต่เป็นสะพานเล็กกับสายน้ำ
เงียบสงบและสวยงาม
เพราะนี่ก็คือสิ่งที่เขาสนใจมากที่สุดในใจเขา
สิบปีก่อน ข้างกายเขามีเพียงเด็กสาว
สิบปีต่อมา เขามีกระบี่เพิ่มมาอีกเล่ม
เขาถือกระบี่สังหารคน แต่ไม่เคยทำเรื่องน่าละอายใจต่อตนเอง
หากการตระหนักรู้มีคำถามมาจากในใจของผู้บำเพ็ญ เช่นนั้นก็แค่ถามเท่านั้น
“เจ้าจะเป็นอะไร”
ทว่าคำตอบของหนิงอี้ง่ายมาก ไม่เคยสั่นคลอน
“เซียนกระบี่”
หลังจากถือกระบี่ก็เป็นเช่นนี้
เขาจะเป็นเซียนกระบี่หนุ่มคนที่สองแห่งใต้ฟ้าต้าสุยตลอดสิบปีมานี้หลังจากสวีจั้งตายลง
……
ความเงียบไม่ได้คงอยู่นานนัก
ไม่นาน
ก็มีเสียงเบาดังขึ้นตรงหัวสะพาน
“พี่ ข้าคิดถึงเจ้า”
เด็กสาวเอียงศีรษะ แก้มเด็กสาวมีน้ำตาใสสองสายไหลมาตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ พูดงึมงำในความฝัน
เขายักไหล่เล็กน้อย ยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาให้เผยฝาน
เด็กสาวพลันตกใจตื่น
หนิงอี้ลูบเส้นผมงามของเด็กสาว พูดหัวเราะเบาๆ “รอข้าที่จวน อีกไม่นานข้าจะกลับไป”
เผยฝานขานรับเสียงเบามาก นางสะลึมสะลือถาม “เจ้าจะทำอะไร”
หนิงอี้ลุกขึ้นช้าๆ
เขาหัวเราะสบายๆ
“ข้าจะไปวิวาทสักหน่อย”
ในทะเลสาบจิต รูปปั้นหินเคียงกระบี่ที่นั่งอยู่บนกระบี่บินสามเล่มนั้น ภายในดวงตาจุดประกายแสงสว่างขึ้น
เขามองท่าทางการลุกของหนิงอี้ พูดด้วยรอยยิ้มเสียงเบา
“ประเสริฐ”
……
ทะเลสาบจิตเดือดพล่าน น้ำทะเลสาบพุ่งขึ้น ภาพมายาทุกอย่างเหมือนเป็นควันหายไปหลังจากการตระหนักรู้
ในสุสานปรากฏแสงสว่างเหมือนยามกลางวัน เด็กหนุ่มที่นั่งขัดสมาธิบนพื้นลุกขึ้นช้าๆ
หนิงอี้กำพินิจเหมันต์ มองยอดปีศาจหนุ่มตรงหน้านิ่งๆ
เขาก้าวสู่ขอบเขตที่เจ็ดแล้ว
หลังจากตระหนักรู้ จิตมรรคก็ไม่มีช่องโหว่อีก
แสงสีขาวหิมะลุกลามผ่านตัวกระบี่ ชี้ไปทางเจียงหลิน
หนิงอี้เอ่ยด้วยรอยยิ้ม
“มาสู้กัน”
…………………………..