เจี้ยนกู่ เซียนกระบี่สยบหล้า - ตอนที่ 114 การขัดขืนของเด็กสาวในกรง (3)
ตอนที่ 114 การขัดขืนของเด็กสาวในกรง (3)
เมฆหมอกวนเวียน
เส้นทางภูเขาแดงลาดชัน เศษหินพากันร่วงลงมา
ก้อนหินและเศษหินที่ตกลงสุดเส้นทางภูเขากระทบบนกิ่งไม้สนที่เกิดขึ้นบนหินผาอย่างน่าเหลือเชื่อ ต้นสนแก่สั่นไหว เมฆหมอกพลิ้วไหว ก้อนหินสนอ่อนที่เดิมทีถูกผ่ากลาง เดิมทีควรเด้งอีกที ทว่าตอนที่จะลอยขึ้นอีกครั้งก็ถูกผนึกยักษ์กระแทก จึงตกลงไปด้วยความเร็วกว่าเดิม เศษหินที่ลอยออกจากหน้าผาเหมือนน้ำฝนตก ไกลขึ้นเรื่อยๆ ไม่นานก็ไม่ได้ยินเสียงตก
ผาขาดภูเขาแดงไม่รู้สูงเท่าไร ลึกลงไปก็ไม่รู้ว่าเท่าไร
ลายเก่าแก่ที่ลุกลามบนตัวยอดปีศาจหนุ่มหายไปช้าๆ เขายืนบนสุดของรถม้า มือที่กดกับผนังเหล็กรถม้ายังมีควันขาวลอยโขมง ขาสองข้างชาเล็กน้อย ใบหน้ากลับยังคงสงบนิ่งเฉยชา หันมามอง ชำเลืองตามองหน้าผาขาดที่ลึกไม่เห็นก้น ก่อนพ่นลมหายใจหอมยาว
ไอปีศาจพ่นออกมาเหมือนเมฆหมอก เส้นทางภูเขาส่วนนี้ลาดชันอย่างยิ่ง ตรงกลางกลับถูกตัดขาด ผนึกของภูเขาแดงมีเยอะมาก ทางแยกก็เยอะยิ่ง รถม้านี้เผาแสงดารา ด้วยความเร็วเมื่อครู่ก็อาจจะพุ่งข้ามหุบเหวสวรรค์มหึมานี้ได้
ยอดปีศาจหนุ่มเผยแววตาไม่อยู่กับร่องกับรอยนิดๆ เขาดึงดาบเรียบสีทองอมเงินนั้นออกมา ตรงคมดาบมีเลือดอยู่ จิ้งจอกลมตายแล้ว ผู้บำเพ็ญโลกเทาคนนี้สุดท้ายเตรียมจะสู้ตาย พารถม้ากระโดดข้ามไปอีกฝั่งของภูเขาแดง
ต่อให้ตนตามไม่ทัน บทสรุปสุดท้ายของจิ้งจอกลมก็มีโอกาสสูงที่จะถูกผนึกของภูเขาแดงขังตาย หรือแสงดาราเหือดแห้งแล้วก็แห้งตาย
ตามรถม้าทันเป็นเพราะความคิดในช่วงสุดท้ายของเขาอย่างเดียว
เขาอยากรู้นิดๆ ว่า…สินค้าที่ทำให้ผู้บำเพ็ญแดนประจิมสู้สุดชีวิตเช่นนี้คืออะไรกันแน่
ด้วยพละกำลังของจิ้งจอกลมคงขับเคลื่อนรถม้าถึงขนาดนี้ไม่ได้ ส่วนยันต์กับค่ายกลที่องค์ชายสามวางไว้ก่อนหน้านี้ ยิ่งไม่มีทางปล่อยแสงดารามาทุกครั้งที่ตนจะตามทันแน่ ทำให้รถม้าเร่งความเร็วยิ่งขึ้นไปอีก
สินค้าในนั้นเหมือนทารกทึ่มทื่อที่เพิ่งสัมผัสโลกผู้บำเพ็ญ มองเห็นการเปลี่ยนแปลงข้างนอก พยายามใช้สัญชาตญาณของตนหนีจากหายนะครั้งนี้
นอกและในรถม้าเงียบสงัด
ยอดปีศาจหนุ่มนอกรถม้ายิ้มพลางพ่นลมหายใจ เขาไม่ได้เสียงแปลกใดๆ มองไม่เห็นว่าในรถม้าซ่อนอะไรไว้ ขณะวิ่งขนาบข้างรถม้า ม่านรถที่ปลิวขึ้น ในนั้นเหมือนจะมีค่ายกลเผ่ามนุษย์ที่แปลกอย่างยิ่ง ขวางการมองเห็นจากข้างนอก
กลอุบายเก็บงำความลับของรถม้าเช่นนี้ทำได้ดีมาก…ผู้บำเพ็ญสี่คนที่รวมจิ้งจอกลมเดินทางพร้อมกับองค์ชายสาม ก็ยังไม่เคยรู้เลยว่าในนั้นมีแม่นางคนหนึ่งนั่งอยู่
และต่อให้เป็นยอดปีศาจหนุ่มที่มีสัมผัสพลิกฟ้าในตอนนี้ ก็ยังมองผ่านผนังเหล็กไปเห็นข้างในไม่ได้
เขาไม่รีบร้อนเปิดความลับ เขาเสียพลังปีศาจที่ไม่ควรเสียไปมากเพื่อสกัดรถม้าบ้าคลั่งนี้ การเดินทางมาเขตปราชญ์ปฐมเก้าวิญญาณครั้งนี้ ตามหลักไม่ควรจะซับซ้อนเช่นนี้ เขาควรจะมาถึงภูเขาแดงแล้วตรงไปเขตต้องห้ามบุพกาล ใช้สายเลือดแก่กล้าของตน ทำ ‘การใหญ่’ ที่สำคัญยิ่งกับทั้งเผ่าปีศาจนั้นให้สำเร็จ
ดีที่ตอนนี้มีเวลาเยอะ อยู่เป็นเพื่อนได้
ยอดปีศาจหนุ่มหัวเราะเบาๆ “ท่านนั้นที่นั่งข้างใน ตกใจกลัวไปแล้วรึ”
เขาเล่นคมดาบในมือ เลือดของจิ้งจอกลมลอยขึ้นช้าๆ ระดับของดาบปีศาจนี้วางในใต้ฟ้าเผ่าปีศาจจะมีชื่อเสียงโด่งดังอย่างแน่นอน ชอบกินเลือดเผ่ามนุษย์มากที่สุด ทว่าสิ่งที่ทำให้ยอดปีศาจเพ่งสายตามอง…คือเลือดเดือดพล่านหลายหยดนั้นที่กลิ้งไปมาบนคมดาบเหมือนหยดน้ำเดือดไม่อาจไหลลงคอได้
ในรถม้าไม่ใช่สินค้า
ในนั้นเป็นคนนั่งอยู่
ยอดปีศาจหนุ่มหรี่ตาลง มองเลือดที่ถูกกระเทือนบนคมดาบไม่หยุด ตกลงมาและก็เด้งขึ้นอีก ซ้ำไปมา สุดท้ายคมดาบของดาบปีศาจกระเทือนมันลอยไป สาดไปกลางฝุ่นควันเศษหินรอบๆ
เขาอุทานเบาๆ ก่อนจะเงยหน้าด้วยรอยยิ้ม มองตรงร่องเล็กของรถม้าที่ถูกดาบตนแทงพลางพูดงึมงำ “น่าสนใจ…”
ยอดปีศาจหนุ่มก้มตัวลง สองมือจับผนังเหล็กสองข้างของรถม้า ใช้ดวงตาข้างหนึ่งเพ่งมองของในรถม้า…ทว่าน่าเสียดาย ยันต์ของรถม้านี้ปิดบังไว้ดีมากจริงๆ ต่อให้มองไปเช่นนี้ก็ยังถูกบดบัง
ในดวงตาเป็นความมืดมิด
สวีชิงเยี่ยนที่นั่งในรถม้าหน้าซีดขาวเล็กน้อย แววตานางยังคงแน่วแน่ หลังจากยันต์ปลดผนึกออกทั้งหมด นางก็เห็นว่าข้างนอกเกิดอะไรขึ้น และยังเห็นยอดปีศาจไร้มนุษยธรรมออกมือขัดขวางทุกอย่าง…ตอนนี้ยอดปีศาจเหมือนลดความระแวงลง อยากจะเย้าหยอกให้ตนเข้าสู่ความสิ้นหวัง
สุดท้ายก็จะสังหารตนด้วยดาบเดียว
สวีชิงเยี่ยนเม้มริมฝีปาก นางกัดฟัน จ้องแก้มยอดปีศาจที่ก้มหน้ามา ห่างจากตนเพียงผนังเหล็กชั้นเดียว ลายสีทองอมดำบนแก้มนั้นจุดไฟขึ้นอีกครั้ง เขาเหมือนอยากลองใช้สายเลือดตนทำลายผนึก มองเห็นว่ามีอะไรกันแน่…เด็กสาวหัวใจเต้นเร็วขึ้นเรื่อยๆ
ยอมตาย ไม่ขออยู่รอดไปวันๆ
นางบีบยันต์แน่น กระดาษยันต์สีขาวถูกสูบพลังทั้งหมดจนแห้ง แสงดาราของผู้บำเพ็ญเขาอนันต์เล็กสามคนรวมถึงพลังทั้งหมดของจิ้งจอกลมส่งเข้าไปในยันต์นี้ หากไม่เจอยอดปีศาจตนนี้ คลังแสงดาราในรถม้าจะมากพอให้สวีชิงเยี่ยนออกจากภูเขาแดง ไปจนถึงค่ายแดนประจิม อีกทั้งยังมีเหลือสบายๆ
จากการปะทะของคนกับรถ ยอดปีศาจนี้ใช้แสงดาราทั้งหมดในยันต์…
สวีชิงเยี่ยนมีสีหน้าสิ้นหวังเล็กน้อย
มือนั้นที่ก่อนหน้านี้สัมผัสผนังหินแดนต้องห้ามบุพกาลยังคงมีไอร้อน ตอนนี้สัมผัสยันต์ที่แสงดาราเหือดแห้งทำให้ในกายเด็กสาวเกิดความรู้สึกแปลกขึ้น…การสัมผัสผนังหินภูเขาแดงครั้งก่อนเหมือนเปิดประตูใหญ่บานใหม่ หากโลกนี้มีอะไรที่ต้องใช้ความเป็นเทพเป็นกุญแจ เช่นนั้นสวีชิงเยี่ยนคือสื่อกลางที่ดีที่สุด นางเชื่อมต่อเขตแดนสองโลกระหว่างเทพกับมนุษย์
ความเป็นเทพในกายนางเป็นพลังที่บริสุทธิ์และแกร่งกว่าแสงดารา
แต่แสงดาราเหือดแห้งแล้ว…
นัยน์ตาสวีชิงเยี่ยนจากมัวหมองก็สว่างขึ้น ตรงมุมหน้าผากมีเม็ดเหงื่อยาวไหลลงมา หยดลงบนยันต์ กระดาษขาวเสียหายจุดแสงสว่างขึ้นอีกครั้ง เหมือนหญ้าน้ำค้างเหี่ยวเฉาที่ผ่านไฟป่ามา หลังสายลมใบไม้ผลิพัดมา…ก็กำเนิดใหม่ขึ้นอีกครั้ง!
แสงดาราเผาไหม้หมด นางยังมีความเป็นเทพ!
ยอดปีศาจหนุ่มที่เก็บพลังสายเลือดทองอมแดงเลิกคิดจะหยั่งเชิง เขารู้สึกว่ามนุษย์คนนั้นในรถม้าคงจะตกใจกลัวตนแย่แล้ว ชื่อเสียงขององค์ชายสามก็เป็นที่รู้กันในเผ่าปีศาจมาแต่ไหนแต่ไร คนที่หลี่ไป๋หลินทะนุถนอมและปกป้องเช่นนี้ บางทีอาจจะเป็นแม่นางเผ่ามนุษย์เปราะบาง
ยอดปีศาจหนุ่มเผยแววตาเย้าหยอกเสี้ยวหนึ่ง
เขากำด้ามดาบ คมดาบลากเป็นเส้นโค้ง ผนังเหล็กรถม้าที่ภายนอกดูแข็งแรงนั้น ถูกหน้าดาบเรียบผ่าออก ค่ายกลสว่างขึ้น ก่อนจะแตกเป็นเสี่ยงๆ
แสงดาบฟันเปิดประตูแคบเล็กสี่เหลี่ยม สะดวกให้ยอดปีศาจหนุ่มเห็นคนที่นั่งข้างในชัดเจนว่าเป็นเทพเซียนที่ใด
ทว่าหลังจากเขาเห็นเด็กสาวที่เผยใบหน้าแท้จริงหลังหมวกนั่นขาดแล้ว ก็อดใจสั่นไหวไม่ได้
ยอดปีศาจหนุ่มมีสีหน้าตะลึงงัน
เขาไม่เคยนึกเลยว่าใต้ฟ้าต้าสุยจะมีเผ่ามนุษย์ที่งดงามเช่นนี้
สีหน้าเด็กสาวนั่นไม่ได้ดูน่าสงสาร
และใบหน้าไม่ได้เต็มไปด้วยน้ำตา
แต่กัดริมฝีปากแน่น สองมือบีบยันต์สีขาวหิมะ สายตาจ้องนอกรถม้าที่ถูกฟันเปิดออกเขม็ง
พริบตาต่อมา รถม้าที่เดิมทีหยุดยิ่งก็ส่งเสียงดังสนั่น พุ่งชนหน้าอกของยอดปีศาจหนุ่มอย่างแรง
ยอดปีศาจหนุ่มหรี่ตาลง เขาไม่เข้าใจว่าพลังรุนแรงนี่มาจากที่ใด พลังรุนแรงส่งเข้าไปในยันต์ ขับเคลื่อนค่ายกลพุ่งชนหน้าอกตน ถูกสองมือกดไว้อย่างยากลำบาก ไม่อยากเชื่อว่าจะรุนแรงกว่าความเร็วสูงสุดของรถม้าก่อนหน้านี้อีก
พลังแห่งสายเลือดแผ่ออกมา ผิวหนังสีทองแดงโบราณพลันปกคลุมลายทองอมดำ
ยื้อไว้ได้สามสี่ลมหายใจ
รถม้าส่งเสียงดังสนั่นขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายพุ่งชนไปข้างหน้าอย่างห้าวหาญ ชนยอดปีศาจหนุ่มข้ามผาขาดนั้น ขณะอยู่กลางอากาศยังลากผนึกหลายสิบหลายร้อยไป คมวายุกับดาบอากาศฟันเข้ามา ฟันหลังของยอดปีศาจหนุ่มจนเกิดประกายไฟสีทองมากมาย เสียงคำรามต่ำดังมาจากหน้าอกของบุรุษร่างหนา เขากางสองแขนกอดรถม้าไว้ อยากจะใช้พลังมหาศาลของเทพสวรรค์เยือนโลกมนุษย์นั้นหยุดรถม้าไว้
ทว่ากลับเร็วขึ้นเรื่อยๆ
ความเป็นเทพที่รุนแรงกว่าแสงดาราก่อนหน้านี้ไหลเข้าไปในยันต์ ไม่นานยันต์ก็รับภาระหนักเกินไป เริ่มเผาไหม้
เด็กสาวที่สองมือบีบยันต์จ้องยอดปีศาจหนุ่มตรงหน้าเขม็ง
คนกับรถข้ามผ่านหุบเหวผาขาด กระแทกบนพื้น ไถลไปข้างหน้าต่อ
ผาขาดที่สอง
กระโดดลอยขึ้นสูง กระแทกลงมาอีกครั้ง ยอดปีศาจหนุ่มมีใบหน้าเหี้ยมเกรียม เขาใกล้จะกอดรถม้าบ้าคลั่งนี่ไม่ไหวแล้ว ความเร็วน่าเหลือเชื่อทำให้เขาใช้มือดึงดาบออกมาไม่ได้ง่ายๆ เขาอาจจะถูกรถม้าบดผ่านไปได้ตลอดเวลา…จากแนวโน้มตอนนี้ หากตนปล่อยมือ ต่อให้เป็นร่างสุดท้ายก็ตามรถม้าไม่ทัน
สมควรตาย…นี่มันพลังอะไรกัน
เขาจ้องยันต์ของเด็กสาวเขม็ง ไม่อยากเชื่อว่าองค์ชายสามต้าสุยจะมีไพ่ตายเช่นนี้…เด็กสาวคนนี้ไม่มีพลังบำเพ็ญชัดๆ แต่ขับเคลื่อนยันต์แสงดารานี่ได้อย่างไร
พลังนี้มาจาก ‘แสงดารา’ จริงๆ หรือ
ภายใต้การพุ่งชนเจ็ดแปดครั้งต่อเนื่องกัน รถม้าโดดลอยขึ้นสูง กระแทกกับพื้นดิน ในที่สุดยอดปีศาจหนุ่มที่อยู่หน้าสุดก็ปล่อยมือ หลังถูกเหยียบผ่านไปก็ลองคว้าล้อรถ พลิกตัวดึงดาบออกมา ท่ามกลางเสียงแสงดาบดังกึกก้อง ส่วนหลังของรถม้าถูกฟันเปิดออก เด็กสาวที่เกือบจะตกจากรถม้าหลบแสงดาบไปได้อย่างหวุดหวิด สองมือจับรถม้าไว้ มองยอดปีศาจหนุ่มกระโดดขึ้นด้วยความไม่ยอมและโกรธแค้น สำแดงพลังปีศาจทั้งหมดไล่ตามมา ครั้งนี้ทิ้งห่างไปเรื่อยจริงๆ
รถม้าไม่มั่นคง ถูกหดเล็กลงอย่างไร้ขีดจำกัดภายในความเร็วสูง
เลี้ยวโค้งไม่หยุด ลอยขึ้น
ภูเขาแดงมีทางแยกมากมาย
โดดข้ามหุบเหวครั้งสุดท้าย รถม้าโคลงเคลงลอยขึ้น ยันต์เผาไหม้ทั้งหมดกลายเป็นเถ้าถ่านหายไป
ตอนลอยอยู่จุดสูงสุด เด็กสาวตัวอ่อนพลิกตัวขึ้นอย่างยากลำบาก ถีบผนังเหล็กรถม้าที่กำลังจะตกไปข้างล่าง กระโดดลอยขึ้นสูงไปอีกทาง
ต่อให้อยู่ในเงามืด ต่อให้ไม่เป็นอิสระ
แต่ขอแต่มีความกล้าหาญบุกไปข้างหน้า ก็จะหลุดจากกรงได้
…………………….