เจี้ยนกู่ เซียนกระบี่สยบหล้า - ตอนที่ 108 กระบี่บินใกล้แค่เอื้อม เลือดสาดกระจาย
ตอนที่ 108 กระบี่บินใกล้แค่เอื้อม เลือดสาดกระจาย
เศษหญ้าสีขาวแห้งถูกลมพัดขึ้น ผ่านท้องนภาภูเขาแดง บิดเบี้ยวไปมาภายใต้การส่องแสงจันทร์สีขาว วนเวียนไม่หยุด จากนั้นตกลงมา
แสงโค้งสีเงินจากล่างขึ้นบนสายหนึ่งตัดเศษหญ้าขาวนี้เป็นสองส่วน ด้ามหอกแข็งแรงเกิดเสียงดังปัง บุรุษผมเทาสะบัดหอกออกไป
ปรากฏแสงสว่างหนึ่งในดวงตาหนิงอี้
ใกล้แค่เอื้อม
ปลายหอกพุ่งเข้ามาเหมือนดอกสาลี่ฝนตกหนัก หนิงอี้หงายไปข้างหลัง แสงเงินระเบิด หินดินใต้เท้าแตกกระจายไม่หยุด เขาโคจรวิชาสัมผัสของเขาสู่ซานถึงที่สุด ปลายหอกของนกกระจอกเงินขยายออกตรงแก้มเขา เหมือนนกยูงรำแพนหาง ทุกอันเฉียดผ่านแก้ม ลากไปพร้อมกับเสียงระเบิดดังสนั่น พายุหมุนร้อนแรงหมุนม้วนเศษหญ้า ใบหญ้าสีขาวแห้งเต็มฟ้าไหลมารวมกันเหมือนมังกรขดยักษ์ตามปลายหอกนกกระจอกเงิน
สองคน คนหนึ่งถอยอีกคนตาม
กลางมังกรขด หนิงอี้เอามือข้างหนึ่งกดกระบี่ตารางหนา ส่งเสียงดังชิ้ง พลังหอกหนักกดเขาไว้ กดจนเขาต้องถอยแนบไปกับพื้น มีเพียงฝ่าเท้าขาสองข้างที่ระนาบไปกับพื้น เชือก ‘ไท่ซาน’ ที่แปะอยู่นั้นสว่างขึ้น แต่หลังหนิงอี้ชัก ‘ใต้ฟ้าต้าสุย’ ฟ้าดินก็ไม่มืดอีก แสงสว่างยาวสายหนึ่งสว่างขึ้น!
‘แก๊ง’
กระบี่ตารางหนาขวางดอกไม้หอกนี้ไว้ ตัวกระบี่หนักสะท้อนคลื่นพลังหอกที่ระเบิดออกมา เหมือนน้ำทะเลสาบเดือดบนตัวกระบี่ แรงสะท้อนกลับรุนแรงแผ่เข้ามา หนิงอี้พลันปักกระบี่ลงพื้น ใช้มันต้านแรงปะทะ แต่ก็ยังถอยไปสิบจั้งถึงหยุดลง
พายุหมุนเศษหญ้าพลันสลายไป
บนแท่นสูงมรณะเงียบสงัด
หนิงอี้มีเลือดไหลมาจากมุมปาก เขากลืนเลือดลงไป พ่นลมหายใจหอมยาว แววตาสงบนิ่ง จ้องบุรุษผมเทาที่อยู่ไม่ไกล
พลังหอกของนกกระจอกเงินแกร่งมาก มีพลังสิบส่วน ฝืนรับหนึ่งหอก กายและจิตของหนิงอี้รับไม่ไหวนิดๆ
หอกเป็นโซ่พันเอว
เยี่ยนจือหลับตาลง ผมเทาปลิวไสวกลางสายลมเบาๆ เรียนดาบหนึ่งปี เรียนไม้พลองหนึ่งเดือน แต่เขาฝึกหอกมาทั้งชีวิต หอกไม้ขาวนี้ของเขาติดตามเขามาตั้งแต่เยาว์วัย สู้ในสงครามโลกเทาจนมีชื่อเสียงโด่งดัง หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับเขามานานแล้ว
ถือหอกมีการถือสี่แบบ เสมอศีรษะ เสมอไหล่ เสมอเท้า เสมอหอก
นกกระจอกเงินยืนสองขาหน้าหลัง งอเข่าย่อตัวครึ่งหนึ่ง ทำท่าเสมอหอกกลาง พริบตาต่อมาก็เหยียบหินแตก หินดินตรงหน้าหนิงอี้แตกกระจายโดยพลัน ดอกไม้หอกที่เบ่งบานยิ่งขยายออกอีกครั้ง
เชือก ‘เขาไท่ซาน’ สว่างขึ้น หนิงอี้ยกกระบี่มากัน ตัวกระบี่พลันถูกปลายหอกกดติดกับหน้าอก หนิงอี้ตาหรี่แคบลง รู้สึกว่าถูกค้อนใหญ่ทุบที่หน้าอกอย่างแรง เขาฝึกวิชากระบี่ที่เขาสู่ซาน และยังเคยฝึกอาวุธอื่นด้วย ระดับความชำนาญในวิชาหอกของนกกระจอกเงิน แทบจะหาคนที่สองในอายุเท่ากันเทียบเท่ากับเขาไม่ได้เลย
หอกนี้เหมือนลูกธนูหนักพุ่งเข้ามา ต่อให้หนิงอี้ปัดป้องได้สำเร็จก็ยังแก้ไขไม่ได้ กระบี่ตารางหนานั้นแทบจะถูกกระแทกหลุดออกจากมือ
นกกระจอกเงินทำเป็นไม่ได้ยิน มือข้างหน้าเหมือนถือกาน้ำ มือข้างหลังส่ายเครื่องกว้าน กระดูกสันหลังขยับออกไปและกลับมา ท้องน้อยกดลง เดินไปข้างหน้า ก้าวถอยหลัง ไหล่และรักแร้ตัดกัน สองแขนโยกไปมา พู่แดงปลิวไสว หอกแทง ไม้พลองฟาด เมื่อแทงหอกไปเร็วมากพอ จุดดำปลายหอกมากมายก็พากันกระจาย ระยะสามฉื่อรอบตัวหนิงอี้เกิดเสียงดังสนั่นขึ้นลง
ตัวกระบี่ ‘ใต้ฟ้าต้าสุย’ มีความทนทานอย่างยิ่ง ระดับไม่ต่ำเลย ตัวกระบี่เหมือนทะเลสาบใบไม้ผลิ ไม่ว่าปลายหอกดุจหยดน้ำเล็กใหญ่ตกลงบนถาดหยกอย่างไร เกิดคลื่นสะท้านฟ้า แต่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะแตกหักเลย
พันตำลึงทองยากจะซื้อเสียงหนึ่ง ท่ามกลางเสียงเหมือนฝนตกหนัก หนิงอี้ชักกระบี่เล่มที่สองของตน
พินิจเหมันต์ที่พันผ้าดำต้านเสียงระเบิดของปลายหอก ไหลออกมาเป็นตัวกากบาทตรงเอว หนิงอี้จับด้ามกระบี่พินิจเหมันต์แบบคว่ำ ชักกระบี่เหมือนชักดาบ ผ้าดำถูกปราณกระบี่ฟันขาดดุจตัดน้ำ ขาดเป็นสองส่วนจากตรงกลาง
เกิดเสียงดัง ‘ปึง’ ใบร่มยักษ์กลางออก ดอกไม้หอกมากมายแทงใส่ใบร่ม น้ำฝนหนักและเล็กกระจาย เด็กหนุ่มถือร่มมีสีหน้าแน่วแน่ ต้านแรงกดดันยืนขึ้น ไม่ถอยอีก แต่เหยียบเท้าลงพื้นไปข้างหลังอย่างแรง
พริบตาต่อมา ใบร่มพลันหุบลง ดอกไม้หอกเต็มฟ้าแตกเป็นเสี่ยงๆ เหลือเพียงเส้นตรงสีเงินนั้น
หนิงอี้ที่เก็บใบร่มพินิจเหมันต์บิดเอวยกสะโพก กำกระบี่แทงออกไป ปลายกระบี่กับปลายหอกใหญ่นั้นชนกัน เกิดคลื่นแตกเล็กๆ กลางอากาศ
นกกระจอกเงินที่หลับตาปิดสนิท ตั้งหอก ขมวดคิ้ว เมื่อครู่เขาแทงหอกเดินหน้าหนึ่งก้าว หอกใหญ่นั้นไม่ได้แทงหน้าหนิงอี้เหมือนที่ตนคาดไว้ แต่ถูกปลายกระบี่พินิจเหมันต์กันไว้ ตัวหอกไม้ขาวถูกดันชิดกับตรงท้องเขาระหว่างก้าวเดิน งอเป็นลักษณะโค้งกว้าง
แรงกระเทือนทำลายหอก
นกกระจอกเงินลืมตาขึ้น เหมือนดวงตาเกรี้ยวกราดของสิงโต พลังกดดันคน
เขาจ้องตาเด็กหนุ่มที่ราบเรียบไม่มีคลื่นใดๆ
ดันตัวหอกด้วยพลังทั้งหมดจะกระแทกหนิงอี้ถอยไป แต่เท้าของอีกฝ่ายเหยียบบนด้ามกระบี่ใต้ฟ้าต้าสุยที่ลงดินไปสามส่วน ไม่ขยับเลย ดังนั้นหอกใหญ่ไม้ขาวจึงดันกับตรงท้องของนกกระจอกเงินเยี่ยนจือ เริ่มส่งเสียงไม้แตกเหมือนรับน้ำหนักไม่ไหว
นกกระจอกเงินเก็บหอกทันที ถอยหนึ่งก้าว เตรียมจะแทงใส่หนิงอี้อีกครั้ง
หนิงอี้ที่อาศัยแรงถีบ ไม่ให้โอกาสนี้กับเขา
ยาวหนึ่งนิ้วแกร่งหนึ่งนิ้ว สั้นหนึ่งนิ้วอันตรายหนึ่งนิ้ว
เข้าประชิดภายในระยะสามฉื่อ พินิจเหมันต์พลันขยายออกตรงหน้านกกระจอกเงิน ใบร่มกระดาษมันที่กางออกระเบิดออก ปราณกระบี่เทียบเท่ากำลังรบแสงดาราขอบเขตที่เจ็ดกดดันจนนกกระจอกเงินต้องยื่นมือมากันหน้าไว้ข้างหนึ่ง
ดังนั้นพินิจเหมันต์จึงเหมือนกับหอกนั้นก่อนหน้านี้ เป็นนกยูงรำแพนหางตรงหน้าเยี่ยนจื่อ สาดดอกไม้กระบี่น่าตกใจนับไม่ถ้วน เบ่งบานดุจพายุฝน
ภาพนั้นก่อนหน้านี้ กลับด้านกัน ฉายซ้ำอีกครั้ง
นกกระจอกเงินเยี่ยนจื่อที่ถอยแนบไปกับพื้นเอียงศีรษะหลบไม่หยุด ปราณกระบี่ระเบิดเฉียดแก้มเขา ปราณกระบี่ของหนิงอี้เร็วมาก แต่อัจฉริยะสงครามโลกเทาคนนี้ก็ยังใช้สัญชาตญาณจากพรสวรรค์ในการต่อสู้หลบได้
สองคนไล่ตามกัน ใช้รูปแบบการแสดงงิ้วจบบท
จนใกล้จะออกจากแท่นสูงมรณะ ถอยไปอีกก็จะตกจากที่ราบสูง เยี่ยนจือพลันหยุดลง คมกระบี่พินิจเหมันต์เฉียดผ่านแก้มลากไข่มุกโลหิตออกไปเป็นพรวน หอกใหญ่นั้นถูกลากไปตลอดทาง ตอนนี้เด้งบนพื้น ฝ่ามือนั้นที่นกกระจอกเงินยกมากันหน้าอาบไปด้วยเลือด เห็นเป็นกระดูกขาวน่ากลัว พลันกำหอกยาว ปล่อยให้ตัวหอกเสียดสีในฝ่ามืออย่างแรงด้วยพลังสายฟ้า สุดท้ายกำไว้ข้างหน้าแน่น ก่อนแทงออกไปในระยะที่ใกล้อย่างยิ่ง
ปลายหอกแทงโดนชายเสื้อ ก่อนหมุนวนเป็นเกลียว ทำให้เกิดการเสียดสีแสบร้อนใต้รักแร้หนิงอี้
ระยะห่างระหว่างสองคนเข้ามาใกล้อีกก้าว
นกกระจอกเงินฟันหอกขวาง พลันส่งแรงออกไป
ตัวหอกวาดใส่กระดูกซี่โครงหนิงอี้ อีกฝ่ายส่งเสียงร้องออกมา ในน้ำเสียงมีความเจ็บปวดเสี้ยวหนึ่ง รวมถึง…ความโกรธ
เขาจับส่วนหน้าของเสื้อนกกระจอกเงินไว้
ข้างหูเยี่ยนจื่อมีเสียงพายุรุนแรงดังขึ้น จากนั้นเป็นเสียงดังสนั่นขึ้นตรงหน้าผาก เลือดกระจาย นกกระจอกเงินหน้ามืด ฟ้าดินหมุน
เอาหน้าผากโขกกัน
หน้ากากหัวใจราชสีห์แตกเป็นเสี่ยงๆ
จากนั้นเป็นเสียงที่สอง รุนแรงและสั้น… ‘ปัง!’
กายและจิตของนกกระจอกเงินไม่แกร่งเท่าหนิงอี้ ภายใต้การโขกสองครั้งติดกัน จิตวิญญาณกับทะเลสาบจิตปั่นป่วน แต่หนิงอี้ก็ยังรักษาสมดุลร่างกายไม่ล้มได้ จับส่วนหน้าของเสื้อนกกระจอกเงินไม่ยอมปล่อย หลังหยุดไปช่วงสั้นๆ ก็หายใจกระชั้นขึ้น
ดังนั้น…จึงเกิดเสียงครั้งที่สาม ดังปังที่โหดยิ่งกว่าสองครั้งแรกรวมกัน
นี่เป็นวิธีการวิวาทที่สวีจั้งสอนหนิงอี้
‘คนอ่อนแอกลัวคนแข็งแกร่ง คนแข็งแกร่งกลัวผู้มีอำนาจ ผู้มีอำนาจกลัวคนไม่กลัวตาย’
นี่เป็นหลักการที่ง่ายที่สุดในโลก แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะทำได้
หนิงอี้ใช้แสงดาราทั้งหมดเสริมพลังในจุดหนึ่ง ความแข็งกร้าวระหว่างกายจิต ทำศัตรูบาดเจ็บพันคน ตัวเองเสียหายแปดร้อย น้อยมากที่จะเห็นวิธีการสู้เอาหัวโขก หมัดหรือข้อศอกอัดหน้าผากอีกฝ่าย ย่อมมีผลลัพธ์ที่ดีกว่าเอาหน้าผากตัวเองโขกเข้าไปมาก…แต่นี่กลับเป็นวิธีสู้ที่โหดเหี้ยมและกล้าหาญมากที่สุด!
หน้าผากของคนยักษ์แสงดาราแตกเป็นเสี่ยง เศษดาราไหลหลาก พังทลายลงไม่หยุด
หน้าผากของนกกระจอกเงินเป็นสีแดงแล้ว ผมเทาถูกย้อมด้วยเลือดดูน่าอนาถ ภาพตรงหน้าเขาส่ายไปมา กลางเงาซ้อนทับกันก็ค่อยๆ รวมกันเป็นแสงกระบี่สีขาวเงินตกลงมา
……
หานเยวียที่มองจากบนแท่นสูงมรณะ เผยรอยยิ้มขึ้นตรงแก้ม
หานเยวียมองการต่อสู้ที่วิเศษนี้ ในที่สุดก็ปิดฉากลง ผลการต่อสู้ชัดเจนมาก
ตัดสินแพ้ชนะแล้ว นกกระจอกเงินเหี้ยมโหดและกล้าหาญมาก มีชื่อเสียงในโลกเทา แต่ในศึกเร่าร้อนครั้งนี้กลับพ่ายแพ้อย่างชัดเจน หนิงอี้ต่อสู้ได้โหดกว่า
‘หญิงชุดคลุมดำ’ ที่จดจ่ออยู่เข้าใจแจ่มแจ้งแล้วว่าเหตุใดเขาสู่ซานถึงยินดีสนับสนุนหนิงอี้มากขนาดนี้ เหตุใดเด็กหนุ่มคนนี้ถึงอยู่ในอันดับรายนามดาราสูงขนาดนั้น
ภายภาคหน้า หนิงอี้อาจจะตกลงอันดับหนึ่ง…แต่ขอแค่ความเหี้ยมโหดนี้ไม่เคยหายไปในใจ เช่นนั้นหนิงอี้จะเป็นสวีจั้งคนต่อไป!
ตอนนั้นหานเยวียเห็นสวีจั้งก่อเมฆลมในต้าสุย ไม่เคยคบค้าสมาคมกับเขา…ปราณกระบี่ของอาจารย์อาน้อยเขาสู่ซานคนนั้นเจิดจรัสยิ่ง แต่ตนเมื่อสิบปีก่อนยังแกร่งไม่พอจริงๆ หากลองเก็บอีกฝ่ายในหลอดแก้ว เกรงว่าทั้งหลอดแก้วคงถูกพินิจเหมันต์ฟันแตก
แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกัน
อาจารย์อาน้อยที่อ่อนแอและไร้กำลัง ในความหมายบางอย่างก็เหนือกว่าสวีจั้งในตอนนั้น ตอนนี้อยู่ตรงหน้าตนแล้ว
หานเยวียแลบลิ้นเลียปาก
คนยักษ์เศษหญ้าที่ลอยบนแท่นสูงกดฝ่ามือลงมา
หนิงอี้ที่ตัดสินแพ้ชนะแล้วเตรียมจะฟันกระบี่ลงมาสังหารนกกระจอกเงินเยี่ยนจือ หรี่ตาลง พินิจเหมันต์ของตนจะฟันลงแล้ว ตอนที่ห่างจากหน้านกกระจอกเงินฉื่อกว่า เศษหญ้ามากมายหมุนตลบเข้ามา กลายเป็นปราการใบไม้ขวางไว้
เสียงหานเยวียดังแว่วมา “นกกระจอกเงินเป็นหน่ออ่อนดี ข้าไม่อยากให้เขาตายในมือเจ้า…”
คนอันดับหนึ่งแดนบูรพาคนนี้จะออกมือปกป้องนกกระจอกเงิน
หนิงอี้มีใบหน้าเรียบเฉย สองมือจับพินิจเหมันต์แน่น ฟันลงไปสุดแรง
ใบไม้กระจายเต็มฟ้า
พินิจเหมันต์นั้นถูกแรงต่อต้านมหาศาล เด้งขึ้นสูงมาก
หญิงที่ยืนบนทุ่งหญ้ายกมุมปากเล็กน้อย เพียงแต่รอยยิ้มนี้ก็แข็งค้างในทันใด
เชือกสีครามอ่อนสว่างขึ้น กระบี่ตารางหนาที่หนึ่งวันบินไปเก้าพันลี้นั้น ก็เปลี่ยนจาก ‘ใต้ฟ้าต้าสุย’ เป็น ‘ปราณกระบี่ท่องหล้า’
หนิงอี้ไม่ใช้ ‘หนึ่งกระบี่ทุกสรรพสิ่ง’ สู้ระยะประชิดอีก
แต่ควบคุม ‘กระบี่ซ่อน’ ของท่านเผยหมิน คุมกระบี่ดรรชนีสังหาร
กระบี่บินใกล้แค่เอื้อม
เลือดสาดกระจาย
………………………..