เงินอุดหนุนหมื่นล้านเป็นของฉันคนเดียว - ตอนที่ 69 ไม่รู้ว่าเหยียบโดนแก
บทที่ 69 ไม่รู้ว่าเหยียบโดนแก
ตอนแรกกะว่าจะพักสักหน่อย แต่ว่ามีชายหนุ่มใส่สูทสีขาวเนกไทแดงถือแก้วไวน์เดินเข้ามาหา ใบหน้ามีแต่สิวและรอยยิ้มจอมปลอม ดูก็รู้ว่าไม่ใช่คนดีอะไร
“ประธานโจวเต้นรำได้ดีจริงๆ มาดื่มด้วยกันสักแก้วเถอะ”ชายหนุ่มสูทขาวยกแก้ว
“ประธานมู่ยกย่องเกินไปแล้ว”โจวซีถงตอบนิ่งๆ ชนแก้วกับเขาไปหนึ่งที จิบแชมเปญไปหนึ่งอึก
“ไม่ทราบว่าตอนนี้ชวนประธานโจวเต้นรำด้วยกันสักเพลงได้ไหม? “ชายสูทขาวถาม ตอนนี้เขาทำเป็นสุภาพบุรุษ แต่ดูยังไงก็เสแสร้ง
อยู่ๆเฉินห้าวก็พูดแทรก “ขอโทษด้วย คืนนี้โจวซีถงเต้นรำกับผมเท่านั้น”
ความสุภาพบุรุษที่ชายสูทขาวแสดงออกหายไปในทันที เขาจ้องเขม็งไปที่เฉินห้าวแล้วพูดว่า “แกเป็นใคร กล้ามาขัดที่ฉันคุยกับประธานโจว”
“นี่หลานชายของมู่ต้าเหวยชื่อมู่โจวซาน”
โจวซีถงไม่อยากเต้นรำกับผู้ชายแย่ๆแบบนี้ ดังนั้นจึงรู้สึกขอบคุณเฉินห้าวที่ช่วยออกหน้าแทนเธอ ในเวลาเดียวกันก็บอกถึงฐานะของชายสูทขาว
เฉินห้าวเข้าใจแล้วว่าบ้านตระกูลมู่นั้นก็ไม่เท่าไหร่
“ก็แค่ซื้อตักไปตึกเดียวเท่านั้นเอง ก็แค่มีทรัพย์สินอยู่พันล้านกว่าก็คิดว่าตัวเองเก่งมากงั้นหรอ?ฉันแนะนำให้แกหลบไปซะ อย่ามาขัดฉันคุยกับประธานโจว ไม่งั้นผลที่ตามมาแกรับผิดชอบเอง”
มู่โจวซานยิ้มเย็นชาแล้วดื่มไวน์ในแก้วจนหมด เขาไม่วางเฉินห้าวไว้ในสายตาเลยสักนิด เขารู้ว่าทรัพย์สินของเฉินห้าวมีน้อย เพราะงั้นก็หมายความว่าเขาจงใจมาเรื่อง
“นายต่างหากที่เป็นคนมาขัดพวกเราคุยกัน ดูตัวเองก่อนดีมั้ย? ”เฉินห้าวตอกกลับไปอย่างนิ่งๆ
“แม่งเอ้ย มาเสแสร้งใส่ฉัน เชื่อมั้ยว่ากูจะทำให้มึงออกจากงานเลี้ยงนี้ไม่ได้! “มู่โจวซานอาศัยถิ่นของลุงตัวเองมาอวดเบ่ง โยนแก้วไวน์ลงกับพื้นเพื่อแสดงออกถึงความโมโหของเขา
“เดินออกจากงานเลี้ยงไม่ได้?งั้นฉันวิ่งออกไปได้มั้ย? ”เฉินห้าวแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจ
โจวซีถงเกือบถูกเฉินห้าวทำให้หัวเราะออกมา ทั้งๆที่เป็นเรื่องที่จริงจัง แต่เมื่อถูกเฉินห้าวกวนกลับไปนั้นก็กลายเป็นเรื่องตลกไปเลย
สายตาของมู่โจวซานฉายแววโมโหออกมา เขาส่งสายตาไปทีหนึ่ง จากนั้นก็มีบอดี้การ์ดร่างใหญ่สองคนเดินออกมา เข้าใส่ทั้งซ้ายและขวาเพื่อจะจับเฉินห้าวไว้
“เฮ้ อย่าลงไม้ลงมือสิ”
โจวซีถงมาหยุดไว้ แต่เฉินห้าวเพียงส่งสายตา “สบายใจได้”ให้กับเธอ มู่โจวซานนี่มาหาเรื่องดูเหมือนจะทำการบ้านมาแล้ว แต่พามาแค่สองคน ยังไม่พอให้เขาสนุกเลย
บอดี้การ์ดสองคนนั้นจับเฉินห้าวไว้คนละข้าง กระชากไปทีหนึ่ง แต่เฉินห้าวกลับไม่ขยับเลยสักนิด
“หือ? ”
บอดี้การ์ดอึ้ง คิดว่าตัวเองจับท่อนซุงไว้ซะอีก ใช้แรงยังไงก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบรับ
เฉินห้าวยิ้มหันไปยิ้มกับพวกเขา แล้วก็จับมือของทั้งสองคนไว้ออกแรงจับก็ได้ยินเสียง “กร๊อบ” กระดูกของสองคนนั้นเลื่อน หลังจากนั้นก็มีเสียงเหมือนหมูถูกเชือดดังตามมา
มู่โจวซานเห็นว่าเฉินห้าวเอาคืนแล้วโมโหหนักขึ้นจึงพุ่งเขาสู้ด้วย แต่อยู่ๆเฉินห้าวก็ยกขาขึ้นแล้วเหยียบเท้าเขาไว้ เมื่อออกแรงรองเท้าหนังที่มีเหล็กของมู่โจวซานก็แบนลงไป ฝ่าเท้าเหมือนกับถูกของหนักทับไว้ เจ็บปวดไปถึงกระดูก
“โอ๊ย แกกล้าเหยียบฉันหรอ ปล่อยนะ ปล่อยเดี๋ยวนี้! ”
มู่โจวซานร้องอย่างเจ็บปวดและผลักเฉินห้าว แต่ไม่ว่ายังไงก็ไม่ขยับ เจ็บจนเขาถึงกับนั่งลงไปร้องโอดโอยไม่หยุด
มีสุภาษิตคำว่า “ฝ่ามือเชื่อมกับใจ” แต่จริงๆแล้วเท้าก็เจ็บไม่แพ้กัน
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงนี้ดึงดูดความสนใจแขกคนอื่นๆ พวกเขาเดินมาทางฝั่งนี้เพราะคิดว่ากำลังต่อสู้กัน
“มีคนกล้าหาเรื่องคุณชายมู่ ไม่อยากมีชีวิตรอดแล้วแน่ๆ? ”
“น่าสงสารจริงๆ ยังหนุ่มแท้ๆ แต่ชีวิตคงจบสิ้นแล้ว กล้าไปมีปัญหากับคนที่ไม่สมควร”
“เกิดอะไรขึ้น? ”ในตอนนี้เองเจ้าของงานเลี้ยงก็เดินมา มู่ต้าเหวยเดินมาอย่างอารมณ์เสีย ด้านหลังมีคนเดินตามมามากมาย
“ลุงครับ มันกล้าเหยียบผม เจ็บมากเลย ผมบอกให้มันปล่อยมันก็ไม่ยอมปล่อย โอยๆๆ”
มู่โจวซานเจ็บจนร้องโอดโอย งอแงเหมือนเด็กอนุบาลที่ถูกรังแกแล้วไปฟ้องผู้ปกครอง
“ปล่อยเถอะ อย่าทำให้เรื่องมันใหญ่โตเลย”โจวซีถงพูดเตือนอยู่ข้างๆ
“โอเค ฟังเธอละกัน”
เฉินห้าวยิ้มกับโจวซีถง แล้วก็ปล่อยมือตามที่พวกมันต้องการ บอดี้การ์ดสองคนนั้นที่ถูกจับมือหักถึงได้หลุดพ้น รอพวกมันสะบัดมือด้วยความเจ็บปวดเสร็จ มองดูอีกทีก็เห็นรอยยุบที่เป็นลายนิ้วมือ แรงของเฉินห้าวไม่ใช่น้อยๆเลย อาจจะมากกว่าพวกนักสู้ในนิยายด้วยซ้ำ
“ยังไม่ปล่อยอีก! ”มู่ต้าเหวยเดินมาพูดอย่างโหดเหี้ยม
“ก็พวกแกเป็นคนบอกให้ฉันปล่อยเองนี่ ฉันปล่อยแล้ว ยังไม่พอใจอะไรอีก พวกแกนี่เอาใจยากจริงๆ”เฉินห้าวยกมือขึ้นแสดงออกถึงความเบื่อหน่าย
ในตอนนี้มู่โจวซานที่ถูกเหยียบเท้าไว้ถึงได้รู้สึกตัวแล้วพูดว่า “หมายถึงปล่อยเท้า รีบปล่อยเท้าเดี๋ยวนี้! ”
“โอ๊ะ ขอโทษด้วย ไม่รู้ว่าเหยียบโดนแก”
เฉินห้าวแสร้งทำเป็นว่าเพิ่งรู้ตัว ยกขาขึ้นแล้วพูดขอโทษ แต่ใครๆก็ดูออกว่าเขาเสแสร้ง
ใช่แล้ว เฉินห้าวจงใจทำ มายั่วโมโหเขาก็ต้องเจอแบบนี้
และอย่างนี้มู่โจวซานถึงได้หลุดพ้นจาก “เท้าปีศาจ” ก้มลงมอง ปลายแหลมที่รองเท้าของเขานั้นแบนไปหมดเหมือนกับถูกล้อรถทับ เขาลองเดินดูก้าวหนึ่ง แล้วร้องออกมาอย่างเจ็บปวด ฝ่าเท้าของเขานั้นได้รับบาดเจ็บแล้ว
“ลุงครับ ลุงต้องช่วยผมนะ! ”มู่โจวซานพูดด้วยใบหน้าที่ร้องไห้
เขาได้รับคำสั่งจากมู่ต้าเหวยถึงได้มาสั่งสอนเฉินห้าว แต่ปรากฏว่าถูกทำร้ายซะเอง
“พยุงเขาลงไป! ”
สายตาของมู่ต้าเหวยฉายแววโมโห เขาให้คนพาหลานชายออกไป แล้วตัดสินใจจะจัดการเฉินห้าวเอง