ตอนที่ 6 กลายร่างเป็นสตรีครั้งแรก
เดิมทีเฉินเสวี่ยเริ่มฝึกยุทธ์ครั้งแรกตอนมีอายุได้สองขวบ กว่าจะก้าวขึ้นไปถึงระดับนักยุทธ์ 6ดาวได้นั้น เขาต้องผลาญทรัพยากรของตระกูลเฉินไปกว่าครึ่ง กระนั้นยังคงใช้เวลานานถึง 12 ปีเต็มจึงสำเร็จเป็นนักยุทธ์ 6 ดาวที่ว่า ตอนนั้นยังแอบรู้สึกภูมิใจและผยองในความเก่งกาจของตนจนแทบจะมองผู้อื่นด้วยรูจมูกไปเสียแล้ว มาตอนนี้พอได้สัมผัสกับความเร็วในการฝึกยุทธ์ระดับจอมมารจอมปีศาจเช่นนี้ พรสวรรค์ที่เคยภาคภูมิใจในอดีตก็กลายเป็นเรื่องไร้ค่าน่าอับอายไปเลย
เมื่อเวลาห้าวันผ่านไปไอปราณในร่างก็ถูกบีบอัดจนกลายเป็นปราณเหลวอยู่ในจุดตันเถียนหมดสิ้น เฉินเสวี่ยจึงค่อยค้นพบว่ากากปราณส่วนเกินที่ถูกกล่าวถึงในเคล็ดวิชาจันทราวารีคืออันใด สมัยก่อนที่เขาเคยฝึกยุทธ์โดยวิธีปกติธรรมดานั้นเขาไม่เคยพบกากปราณที่ว่านี้ในร่างกายตนเองมาก่อน มันมีลักษณะคล้ายฝุ่นตะกอนสีเงินส่งประกายระยิบระยับลอยปะปนอยู่ในปราณเหลว เมื่อเวลาผ่านไปสักพักพวกมันก็ค่อยๆ ตกตะกอนและถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสโลหิต จากนั้นมันก็ไหลไปรวมตัวอยู่ในแท่งหยกพันปีของเขา ร่างกายของเขาพลันค่อยๆ ตื่นตัวและร้อนรุ่มขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เจ้าท่อนเอ็นที่เพิ่งงอกออกมาใหม่ใหญ่กว่าเดิมและได้แต่นอนสงบนิ่งตรงหว่างขามาตลอดหลายวันนี้ กลับกลายเป็นขยายผงาดชูชั้นตั้งขึ้นมาราวกับเป็นพญามังกร มันทั้งแข็งและขยายใหญ่จนทำให้เขาเจ็บปวดทรมานแทบขาดใจ เขารู้สึกได้เลยว่ามันสามารถจะระเบิดได้ทุกเมื่อ เฉินเสวี่ยลองใช้มือของตนรูดขึ้นรูดลงเพื่อบรรเทาความทรมานดังที่เคยทำมาในสมัยอดีต แต่กลับพบว่าครั้งนี้นอกจากมันจะไม่ช่วยให้รู้สึกดีขึ้นแม้แต่นิดเดียวแล้ว มันยังทำท่าจะพองตัวจนระเบิดเร็วกว่าเดิมอีกหลายเท่า เขาจึงต้องรีบกวักเอาร่างของจิ้งจอกมายาบรรพกาลในแหวนมิติออกมาอีกครั้ง ถึงจะเห็นว่านางอยู่ในสภาพหลับใหลเช่นเดียวกับคราวก่อนก็ไม่มีเวลาจะสนใจอันใดให้มาก หลับหูหลับตาเอาปลายโซ่ที่ล่ามมือเท้าของนางเส้นหนึ่งคล้องไว้กับห่วงบนกำแพงอย่างลวกๆ แล้วจ้วงแทงท่อนเอ็นที่จวนเจียนจะระเบิดของตนเข้าสู่ช่องโพรงตรงกลางหว่างขาของนางจนมิดด้ามในคราเดียว ทันใดนั้นของเหลวเย็นจัดจากร่างท่อนล่างของเฉินเสวี่ยก็ระเบิดเข้าสู่ใจกลางร่างของจิ้งจอกมายาบรรพกาลในทันที นางหวีดร้องและทะลึ่งพรวดเบิกตาโพลง รู้สึกตัวตื่นขึ้นกะทันหันเพราะความเจ็บปวดจากการที่กากปราณเย็นยะเยือกเสียดกระดูกที่แทรกซึมเข้าสู่เส้นลมปราณ ร่างของนางสั่นสะท้านเพราะความหนาวเหน็บ อวัยวะทั่วทั้งร่างราวกับกำลังถูกแช่แข็งด้วยความเย็นจัดจนไม่อาจขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวใดๆ ได้อีก ชั้นผิวหนังทั่วทั้งร่างพลันปรากฏเกล็ดน้ำแข็งบางๆ ขึ้นปกคลุมชั้นแล้วชั้นเล่า
เฉินเสวี่ยเองก็ไม่คาดคิดมาก่อนว่ากากพลังปราณธาตุน้ำของตนจะมีความเย็นจัดจนสามารถแช่แข็งอีกฝ่ายได้แบบนี้ เขาเริ่มจะกังวลขึ้นมาแล้วว่าจิ้งจอกตนนี้จะทานทนได้อีกสักกี่น้ำ เพราะแม้ว่าเขาจะปลดปล่อยไปแล้วครั้งหนึ่งแต่มันยังมีอีกมากที่อัดแน่นอยู่ภายใน และพร้อมจะระเบิดได้ทุกเมื่อความเจ็บปวดทรมานเช่นนี้ก็ทำให้เขาไม่มีแรงจะไปสนใจอีกต่อไปแล้วว่าจิ้งจอกตนนี้จะขาดใจตายคาที่อยู่ตรงนี้หรือไม่ เขาหลับตาและเริ่มขยับร่างเข้าออกอย่างรุนแรง ทุกๆ การกระแทกร่างสิบกว่าครั้งก็ปลดปล่อยกากปราณเข้าสู่ร่างของนางคราหนึ่ง ทำต่อเนื่องเช่นนี้ราวๆ ยี่สิบรอบจึงค่อยๆ รู้สึกสบายตัวและหายจากความเจ็บปวดทรมานในที่สุด เมื่อก้มลงมองร่างของจิ้งจอกที่อยู่ใต้ร่างตนก็พบว่าผิวหนังทั่วร่างของนางปกคลุมไปด้วยผลึกน้ำแข็งสีเทาอมฟ้า บัดนี้แทบจะกลายเป็นก้อนน้ำแข็งก้อนหนึ่งไปแล้ว เขาค่อยๆ ถอดถอนร่างออกมาจากช่องโพรงที่คับแน่นของนางแล้วก้มลงไปมองดูด้วยความสงสัยใคร่รู้ กลีบเนื้อบริเวณนั้นของนางมีร่องรอยฉีกขาดจากการที่ถูกเขาทะลวงจู่โจมเข้าไปตั้งแต่คราวที่แล้วและยังไม่ทันหายดีบัดนี้มีสภาพที่เรียกได้ว่าแทบจะยับเยินเลยทีเดียว เมื่อเห็นว่ามีรอยเลือดที่กลายเป็นน้ำแข็งเปรอะเปื้อนอยู่รอบๆ ช่องโพรงเล็กๆ นั้นเป็นทาง ทำให้ความละอายใจพลุ่งพล่านขึ้นมาเล็กน้อย แต่แล้วความละอายใจเหล่านั้นก็ถูกพลังความแค้นในใจของเขาทำลายลงจนหมดสิ้นอย่างรวดเร็ว สิ่งที่มารดากับน้องสาวของตนต้องประสบพบเจอนั้นเลวร้ายกว่านี้หลายเท่านัก อีกอย่าง จิ้งจอกตนนี้ก็เป็นมรดกที่ถูกจัดเตรียมเอาไว้เป็นเตาบำเพ็ญของเขาโดยชอบธรรมมาแต่แรกแล้วด้วย ความเห็นอกเห็นใจหรือมโนธรรมอะไรนี่มีแต่จะขัดขวางให้เขากลับไปแก้แค้นได้ช้าลงก็เท่านั้น
นอกจากรอยเลือดและรอยแผลจากการถูกอัดกระแทกอย่างรุนแรงเหล่านั้นแล้ว เฉินเสวี่ยก็ไม่เห็นของเหลวอื่นใดไหลออกมาจากโพรงเนื้อเล็กๆ นั้นอีก คาดว่าร่างของนางคงจะดูดซับกากปราณของเขาเข้าสู่เส้นลมปราณจนเกลี้ยงแล้วจึงไม่มีของเหลวอื่นใดไหลนองออกมาแม้แต่หยดเดียว
พอเงยหน้าขึ้นมองดูร่างเปล่าเปลือยที่มีชั้นน้ำแข็งหนาปกคลุมจนแข็งเกร็งไปทั้งร่างของนาง เขาเริ่มเป็นกังวลว่าหากปล่อยเอาไว้แบบนี้นางจะตายเข้าจริงๆ และหากนางตายไปเขาจะไปหาเตาบำเพ็ญดีๆ มารองรับการถ่ายกากปราณแบบนี้ได้จากที่ไหนอีกเล่า เขารีบเก็บร่างที่แข็งค้างของนางกลับลงไปเก็บไว้ในแหวนมิติที่เวลาในนั้นหยุดนิ่ง จากนั้นก็เดินไปรื้อค้นที่ห้องเก็บสมบัติของตำหนักมารเพื่อค้นดูว่าพอจะมีอะไรที่ช่วยอบอุ่นร่างกายผู้ที่ถูกแช่แข็งเช่นนี้ได้บ้าง ใช้เวลานานพักใหญ่กว่าจะค้นเจอเตียงที่แกะสลักขึ้นมาจากหินแร่ผลึกเพลิงโลกันตร์ออกมาได้หลังหนึ่ง ผลึกแร่เพลิงโลกันตร์นี้เป็นหินแร่ที่แผ่ความร้อนออกมาตลอดเวลา แร่ชนิดนี้เป็นแร่ล้ำค่าหายาก ปกติถ้าพบก้อนขนาดเท่าเล็บนิ้วมือก็มีราคาค่างวดเทียบเท่าราคาซื้อขายจวนของคหบดีหลังหนึ่งแล้ว ไม่คิดเลยว่าตนจะร่ำรวยขนาดที่มีเตียงนอนหลังใหญ่ที่แกะสลักขึ้นมาจากหินแร่ชนิดนี้อยู่ในครอบครอง
ความร้อนที่หินแร่ชนิดนี้ปล่อยออกมานั้นไม่ถึงกับสูงจนทำให้น้ำเดือด แต่กลับมีคุณสมบัติที่ช่วยสลายพิษเย็นได้เป็นอย่างดี เขาจึงคิดว่ามันน่าจะพอช่วยละลายร่างที่แข็งเป็นน้ำแข็งของจิ้งจอกมายาบรรพกาลได้บ้างไม่มากก็น้อย
แม้ว่าเฉินเสวี่ยจะเป็นเด็กหนุ่มที่ตัวสูงกว่าเด็กวัยเดียวกันแต่ก็ยังตัวเล็กเกินกว่าจะสามารถย้ายเตียงที่สลักขึ้นมาจากหินแร่ทั้งหลังได้ด้วยตัวคนเดียว เขาจึงต้องนำมันลงไปเก็บในแหวนมิติ แล้วเดินกลับไปที่ห้องอาบน้ำก่อนจะกวักมันออกมาจากแหวนแล้วตั้งมันไว้ชิดกับผนังห้องด้านหนึ่ง เสร็จแล้วก็นำร่างของจิ้งจอกบรรพกาลออกมาวางบนเตียงนั้นแล้วเดินไปขนผ้าห่มจากห้องนอนมาสุมทับตัวนางหลายต่อหลายชั้นเพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้แก่นาง
เมื่อเวลาผ่านไปประมาณหนึ่งครึ่งชั่วโมง เขาก็พบว่าสีหน้าท่าทางของนางดูดีขึ้นมาก ชั้นน้ำแข็งบนร่างละลายไปหมด และผิวกายก็ไม่ได้เขียวจนดูประหนึ่งซากศพอีกต่อไป แม้นางจะยังคงนอนแน่นิ่งเนื้อตัวอ่อนระทวยไม่อาจขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวใดๆ ได้ แต่ดวงตากลมโตที่บัดนี้เอ่อคลอไปด้วยน้ำตาสามารถกลอกมองมาที่เฉินเสวี่ยด้วยอาการหวาดผวาได้แล้ว
เฉินเสวี่ยถอนหายใจโล่งอก พึมพำออกมาเบาๆ ว่า “ไม่ตายแล้วสินะ”
เขาลุกขึ้นไปจัดการล่ามคอของนางเอาไว้กับห่วงเหล็กที่ผนังด้านหัวเตียง จัดท่านอนของนางให้เปลี่ยนมานอนหงายแล้วปัดเส้นผมนุ่มนิ่มของนางให้พ้นทางเพื่อมองสำรวจร่างของนางได้อย่างละเอียด ผิวของนางคลายจากอาการถูกแช่แข็งและกลับมานุ่มนิ่มดังเดิมแล้ว เขาลูบไล้ไปตามผิวหนังส่วนที่ไวต่อสัมผัสของนางจนนางหน้าแดง และกัดริมฝีปากแน่นเพื่อสะกดเสียงคราง ตอนนี้นางดูเหมือนเด็กสาวที่มีไม่ต่างจากเขาเท่าไหร่ แต่สัตว์อสูรมีชีวิตที่ยืนยาวมาก พวกมันจึงเจริญเติบโตช้ากว่ามนุษย์หลายเท่า ดังนั้นแม้ว่าตอนนี้พวกตนจะมีส่วนสูงใกล้เคียงกันแต่อีกเพียงไม่กี่ปีเขาคงจะเติบโตจนมีรูปร่างที่สูงใหญ่กว่านางมากอย่างแน่นอน เขากวาดตามองร่างของนางด้วยความพึงพอใจ ร่างของนางสั่นระริกและบิดเร่าไปกับสัมผัสของเขา นางหลับตาแน่น ตั้งแต่ถูกแช่แข็งเพราะกากพลังปราณนางก็ไม่กล้าลืมตาขึ้นมาสบตากับเขาอีกเลย คงจะยังหวาดกลัวกับสิ่งที่เพิ่งเกิดกับตนไม่หายกระมัง เด็กชายยิ้มแล้วถอนมือออกจากร่างของนาง เขาชอบมรดกชิ้นนี้ของตนยิ่ง แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมาเล่นของเล่นชิ้นนี้ ยังคงปล่อยให้นางนอนพักผ่อนสักหลายวันจะดีกว่า เขาหันไปวางน้ำและอาหารสำหรับจิ้งจอกเอาไว้ให้นางที่โต๊ะเล็กข้างเตียง ส่วนตนเองก็กลับลงไปนั่งแช่ในสระน้ำเพื่อทำการดูดซับพลังปราณอีกครั้ง คาดว่าชั่วระยะเวลาสิบกว่าวันที่ตนเองจะต้องทำการดูดซับและบีบอัดพลังปราณรอบที่สองนี้น่าจะเพียงพอให้เตาบำเพ็ญตนนี้ได้พักฟื้นร่างกายจนหายสนิทและพร้อมสำหรับรองรับการถ่ายกากปราณของตนได้อีกครั้ง
หลังจากมีประสบการณ์จากใช้เคล็ดจันทราพิสุทธิ์ครั้งแรกมาแล้ว การดูดซับพลังปราณธรรมชาติครั้งที่สองของเฉินเสวี่ยจึงเป็นไปอย่างคล่องแคล่วและเจนจัดยิ่งขึ้น ครั้งนี้ใช้เวลาดูดซับเพียงห้าวันก็มีไอปราณอัดแน่นเต็มเส้นลมปราณและจุดตันเถียนเรียบร้อยแล้ว แต่ระยะเวลาที่ต้องใช้ในการบีบอัดไอปราณให้กลายเป็นหยดของเหลวกลับไม่อาจลดลงได้เลย เขายังคงต้องใช้เวลาถึงห้าวันในการบีบอัดไอปราณเช่นเดียวกับครั้งแรก เมื่อรวมเวลาทั้งหมด ครั้งนี้เขาจึงใช้เวลารวมสิบวันในการเลื่อนขั้นสู่ระดับรวบรวมปราณ 2 ดาว
ครั้งนี้เฉินเสวี่ยไม่รอจนกากปราณทันได้ตกตะกอนเสร็จ เขาก็รีบลืมตาขึ้นและก้าวเร็วๆ ไปยังเตียงผลึกแร่โลกันตร์ จิ้งจอกมายาบรรพกาลที่กำลังนั่งเอกเขนกห้อยขาอยู่ตรงขอบเตียงสะดุ้งโหยงเมื่อเห็นเขาพุ่งเข้ามาหา นางรีบหมุนตัวกระโดดหนีไปด้านในของเตียงแต่ก็ถูกเฉินเสวี่ยกระชากโซ่ที่ล่ามคอนางเอาไว้จนปลิวกลับมานอนหงายหลังอยู่ตรงกลางเตียง นางเองก็ไม่รู้ว่าทำไมตนจะต้องรู้สึกหวาดกลัวและยำเกรงมนุษย์ที่อ่อนแอกว่านางคนนี้มากมายนัก หากมิใช่เพราะความกลัวที่ฝังแน่นอยู่ในแก่นวิญญาณบังคับนางเอาไว้อยู่นางคงจะกัดเจ้าเด็กมนุษย์ที่ชั่วร้ายหยาบคายคนนี้จนเนื้อหลุดไปนานแล้ว ทำร้ายเจ้ามารร้ายตัวน้อยนี้ไม่ได้ก็แล้วไปเถอะ แต่ที่จะยอมให้มารังแกนางได้โดยง่ายนั้นอย่าได้หวัง นางยังจำความทรมานจากการถูกกากพลังปราณแช่แข็งจนเกือบเอาชีวิตไม่รอดคราวที่แล้วได้อย่างฝังใจ กว่านางจะย่อยสลายกากพลังปราณอันเย็นเยียบในร่างจนหมดต้องใช้เวลาตั้งเจ็ดแปดวัน แม้ว่ามันจะทำให้พลังฝีมือนางแข็งแกร่งขึ้นมาไม่น้อย แต่เมื่อเทียบกับความเจ็บปวดเจียนตายราวกับเส้นลมปราณทั่วร่างเจียนระเบิดแล้ว นางยอมฝึกยุทธ์ด้วยวิธีธรรมดาที่ให้ผลช้าเสียยังจะดีกว่า
เฉินเสวี่ยเองก็พอจะเข้าใจสาเหตุอยู่บ้างว่าทำไมนางจิ้งจอกตนนี้จึงดิ้นรนสุดชีวิตเพื่อที่จะสะบัดตัวหนีออกจากการจับกุมของเขา การถูกแช่แข็งคราวที่แล้วคงทำให้นางหวาดกลัวน่าดู แต่หากเขาไม่รีบจับนางให้อยู่หมัดและเร่งทำการถ่ายเทกากพลังปราณเข้าสู่ร่างของนางโดยไว เขาเองที่จะกลายเป็นฝ่ายตกตายลงเสียเอง
ปล้ำจับอยู่นาน เฉินเสวี่ยที่มีกำลังน้อยกว่าก็ยังไม่อาจจับนางให้อยู่นิ่งๆ ได้เลย ตอนนี้ท่อนเอ็นของเขาเจ็บปวดเจียนจะระเบิดอยู่แล้ว ใบหน้าหล่อเหลาคมคายของเขาจึงเปลี่ยนเป็นถมึงทึงอำมหิตขึ้นมาในทันที เขาล้มเลิกความคิดที่จะเสียเวลาไปกับใช้กำลังอันน้อยนิดของตนกดร่างกายอีกฝ่ายเอาไว้ แล้วหันไปรวบจับปลายโซ่ที่ล่ามข้อมือข้อเท้าของนางแทน เพียงกระโดดเอาโซ่เหล่านั้นไปคล้องไว้กับห่วงเหล็กรอบเตียงไม่กี่ครั้งเขาก็สามารถขึงพืดนางให้นอนหงายกางแขนกางขาตรึงนิ่งอยู่บนเตียงได้สำเร็จ มาถึงตอนนี้เขาก็ไม่มีเวลาจะมาสนใจเรื่องอื่นใดแล้ว เฉินเสวี่ยรีบกระแทกอัดเจ้าท่อนเอ็นที่ขยายจนมีขนาดใหญ่กว่าท่อนแขนของตนเข้าสู่ช่องโพรงคับแน่นที่กำลังบีบเกร็งเพราะความหวาดกลัวสุดขีดของนาง
จิ้งจอกมายาบรรพกาลกรีดร้องลั่นด้วยความเจ็บปวดราวกับร่างกายถูกฉีกกระชากอีกครั้ง แผลเก่าที่ยังไม่ทันจะหายดีก็ต้องมาฉีกขาดใหม่อีกรอบ เลือดสีแดงสดไหลรินออกมาเป็นทาง การอัดกระแทกอย่างรุนแรงแต่ละครั้งทำเอาร่างแบบบางสะดุ้งเฮือกและสั่นสะท้าน นางหวีดร้องครวญครางเสียงแหบแห้งราวกับลูกแมวบาดเจ็บ น้ำตาไหลรินเป็นทาง
เฉินเสวี่ยกระแทกกระทั้นอยู่สิบกว่าครั้งก็ปลดปล่อยกากปราณระลอกแรกเข้าสู่ร่างของนางอย่างรุนแรง ไอเย็นเสียดกระดูกค่อยๆ แผ่ลามเข้าสู่เส้นลมปราณทั่วร่างและทำการแช่แข็งนางอีกครั้ง พอเห็นว่านางเริ่มจะมีเกล็ดน้ำแข็งปกคลุมผิวหนังแล้ว เขาจึงจำต้องเร่งจังหวะในการขยับโยกตัวเข้าออกให้เร็วยิ่งขึ้นเพื่อรีดเค้นกากปราณในร่างของตนออกมาให้หมดไวๆ ก่อนที่นางจะทนไม่ไหว จนเมื่อปลดปล่อยไปยี่สิบกว่าครั้งติดๆ กันร่างกายของเขาจึงค่อยเปลี่ยนมาเป็นเบาสบายและคลายความตึงเครียดลงในที่สุด
เขาซบหน้าลงบนอกที่เย็นจนเป็นน้ำแข็งของนางอย่างหมดแรง หลับไปครู่ใหญ่เมื่อตื่นขึ้นมาก็พบว่าเกล็ดน้ำแข็งบนร่างของนางละลายหายไปหมดแล้ว เขาลุกขึ้นนั่งแล้วลูบศีรษะนางเพื่อปลอบใจ แต่นางกลับตัวสั่นงันงกด้วยความหวาดผวากับการกระทำนั้น เขาจึงได้แต่ส่ายหน้าแล้วลุกออกไปจากเตียง เมื่อเหลือบตาไปดูที่โต๊ะข้างเตียงนอนและเห็นว่าน้ำกับอาหารที่ตนวางทิ้งเอาไว้ให้นางไม่มีร่องรอยว่าถูกแตะต้องแม้แต่นิดเดียว เขาจึงเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าปกติผู้ฝึกยุทธ์ระดับปรมาจารย์ยุทธ์จะมีความต้องการในการรับประทานอาหารที่น้อยลงมาก เพราะร่างกายสามารถนำพลังปราณมาใช้เป็นพลังงานแทนอาหารได้ และสัตว์อสูรระดับสิบก็เทียบชั้นได้เท่ากับปรมาจารย์ยุทธ์หนึ่งดาวแล้ว นางจึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องดื่มกินทุกวันแบบมนุษย์และสัตว์อสูรทั่วไป
เฉินเสวี่ยเก็บอาหารและน้ำเหล่านั้นกลับเข้าไปไว้ในแหวนมิติ แล้วเดินกลับไปนั่งแช่ในสระน้ำเพื่อทำการดูดซับพลังปราณธรรมชาติอีกครั้ง แต่การดูดซับพลังปราณครั้งนี้ผ่านไปได้เพียงสองวันเท่านั้น เขาก็พลันรู้สึกว่าร่างกายปวดร้าวจนผิดปกติ จึงจำต้องคลานขึ้นจากสระแล้วเดินไปเอนหลังนอนบนฟูกที่อยู่ข้างสระน้ำ ความเจ็บปวดแผ่นซ่านทั่วสรรพางค์กายราวกับกระดูกและกล้ามเนื้อทั้งร่างกำลังถูกหลอมรวมเป็นเนื้อเดียวกัน เหงื่อไหลจนเปียกชุ่มราวกับน้ำ เขากัดฟันข่มกลั้นเสียงครางด้วยความเจ็บปวดไม่ให้หลุดออกมาจากปากอย่างสุดกำลัง แล้วสติก็ดับวูบไป
พอตื่นขึ้นมาอีกทีในเช้าวันรุ่งขึ้น เฉินเสวี่ยรู้สึกสดชื่นสบายตัวเป็นอย่างยิ่ง รีบเดินกลับไปที่สระน้ำเพื่อที่ดูดซับพลังปราณธรรมชาติต่อ แต่พอก้มลงเห็นสภาพร่างกายตนเองก็ถึงกับสูดหายใจหนาวเหน็บ ใบหน้าที่ปกติก็ขาวจัดอยู่แล้วตอนนี้กลายมาเป็นซีดเผือดเมื่อเห็นว่าร่างกายตนเองเปลี่ยนกลายเป็นหญิงเสียแล้ว มาถึงตอนนี้จึงเพิ่งนึกได้ว่าเพราะผลข้างเคียงของเคล็ดวิชาจันทราวารีที่ตนรับสืบทอดมา นับแต่นี้ไปเขาจะต้องเปลี่ยนร่างเป็นชายและหญิงสลับกันไปมาโดยไม่อาจควบคุมได้จนกว่าตนจะบรรลุระดับชั้นจักรพรรดิยุทธ์จริงๆ สินะ
…จำได้ว่าในเคล็ดวิชาบอกเอาไว้ว่าร่างกายนี้จะเปลี่ยนแปลงตามอิทธิพลของดวงจันทรามิใช่รึ ถ้าเป็นแบบนั้นก็น่าจะต้องเปลี่ยนทุกๆ ประมาณ 14-15 วันน่ะสิ แต่ตั้งแต่รับสืบทอดเคล็ดวิชาเข้ามาในร่างเขาก็อยู่ในร่างนี้เกิน 20 วันเข้าไปแล้ว เขาจึงลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท
เพิ่งจะนึกได้ว่าในห้วงมิติแห่งนี้ไม่มีดวงจันทร์ อ้อ… หรือว่าจะเป็นเพราะเวลาในห้วงมิติแห่งนี้เดินช้ากว่าโลกภายนอกสองเท่า และร่างกายนี้ได้รับอิทธิพลจากดวงจันทร์ที่อยู่ในโลกภายนอก ทำให้ช่วงเวลาในการเปลี่ยนร่างตอนอยู่ในห้วงมิตินี้กลายเป็นทุกๆ 28-30 วันแทนอย่างนั้นสินะ
น่าเสียดายที่ว่าตอนที่อยู่ในร่างผู้หญิง ตนไม่อาจดูดซับพลังปราณธรรมชาติด้วยเคล็ดจันทราพิสุทธิ์ได้ และตนก็ไม่เคยมีความคิดที่ใช้ร่างผู้หญิงของตนไปหลับนอนกับชายใดเพื่อใช้เคล็ดวารีผสานหยินหยางดูดพลังปราณของผู้อื่นมาเป็นของตน หาใช่เพราะเป็นคนดีอันใดไม่ แต่แค่คิดว่าตนต้องทนหลับนอนกับผู้ชายด้วยกันเพื่อความก้าวหน้าในการฝึกยุทธ์แล้วก็พลันรู้สึกขนลุกและคลื่นไส้ขึ้นมากะทันหัน
เมื่อเป็นเช่นนี้ ความเร็วในการฝึกยุทธ์ของตนคงจะต้องสำเร็จช้าลงไปอีกสองเท่าอย่างช่วยไม่ได้ คิ้วโก่งเรียวของนางพลันขมวดมุ่น แค่คิดก็ทำให้หงุดหงิดแล้ว ยังดีที่เวลาในห้วงมิตินี้ช้ากว่าโลกภายนอกสองเท่า หากใช้เวลาฝึกยุทธ์ในห้วงมิติแห่งนี้หกปี โลกภายนอกก็เพิ่งจะผ่านไปแค่สามปีเท่านั้น
เมื่อคิดได้ดังนั้น เฉินเสวี่ยก็ค่อยเบาใจลง และเริ่มมานั่งใคร่ครวญว่าระหว่างรอให้ตนเองกลับไปอยู่ในร่างผู้ชาย ตนควรจะทำอะไรเพื่อฆ่าเวลาบ้าง
นางไม่คิดว่าการออกไปเดินสำรวจป่ารอบๆ ตำหนักมารแห่งนี้ด้วยวรยุทธ์ขั้นรวบรวมปราณ 2ดาวจะเป็นความคิดที่ดี เพราะหากพบสัตว์อสูรขั้นสองหรือขั้นสามเข้าสักตัว นางคงจะถูกพวกมันจับกินเป็นอาหารได้โดยไม่ทันได้กะพริบตาเสียด้วยซ้ำ
คิดไปคิดมาก็นึกขึ้นได้ว่าตนน่าจะลองออกไปสืบข่าวคราวของพวกศัตรูที่โลกภายนอกดูบ้าง การที่ตนกลายเป็นหญิงเช่นนี้คงไม่มีใครคิดว่าตนคือนายน้อยแห่งตระกูลเฉิน และการสืบหาข่าวก็คงจะสะดวกง่ายดายยิ่ง ว่าแล้วนางก็รีบเข้าไปรื้อค้นหาเสื้อผ้าเด็กผู้หญิงชุดหนึ่งมาสวมใส่ และจัดการมัดผมตนเองให้เป็นมวยซาลาเปาสองลูกบนหัว โชคดีที่เมื่อก่อนเคยช่วยท่านแม่และปิงเอ๋อร์ทำผมอยู่บ่อยๆ จึงพอจะทำผมทรงผู้หญิงเป็นอยู่บ้าง
เมื่อรวบผมและแต่งตัวเรียบร้อย เฉินเสวี่ยก็มองเงาสะท้อนที่อยู่ในกระจกของตน เห็นภาพเด็กสาววัยสิบสี่ที่มีหน้าตางดงามราวกับนางเซียนน้อยจ้องมองกลับมา นางมีหน้าผากกลมมน คิ้วโก่งเรียวยาว ดวงตาคมปลาบ ปากนิด จมูกหน่อย แก้มอิ่มเต็ม แถมรูปร่างยังอวบอัดเกินวัย อายุสิบสี่ยังงามชวนตะลึงเสียขนาดนี้ ไม่รู้ว่าผ่านไปอีกสักปีสองปีตนจะงามสะท้านสะเทือนสักเพียงใด คงจะงามเสียยิ่งกว่ามารดาและน้องสาวของตนเป็นแน่ ขนาดตนเองมองเงาตนเองเช่นนี้ยังอดจะใจสั่นหวั่นไหวมิได้ นึกภาพออกเลยว่าบุรุษอื่นจะเป็นเช่นไรยามได้ยลโฉมนาง รูปร่างหน้าตาเช่นนี้ช่างเหมาะจะนำไปใช้ในการล่อลวงผู้คนยิ่งนัก คิดแล้วริมฝีปากเรียวบางก็เหยียดยิ้มชั่วร้ายจากนั้นก็แหงนหน้าหัวเราะลั่นด้วยความสาสมใจ
Chapters
Comments
- ตอนที่ 17 ทาสวิญญาณ มกราคม 5, 2022
- ตอนที่ 16 นักโทษแห่งตำหนักมาร มกราคม 5, 2022
- ตอนที่ 15 กวาดปล้นตำหนักบุปผา มกราคม 5, 2022
- ตอนที่ 14 เก็บเหล่าหญิงงามใส่ลงในแหวนมิติ มกราคม 5, 2022
- ตอนที่ 13 องค์หญิงโยวหลิน มกราคม 5, 2022
- ตอนที่ 12 สมัครเข้าเป็นศิษย์ตำหนักบุปผา มกราคม 5, 2022
- ตอนที่ 11 สัตว์อสูรผมสีเงิน มกราคม 5, 2022
- ตอนที่ 10 ออกสำรวจห้วงมิติ มกราคม 5, 2022
- ตอนที่ 9 งูธารา มกราคม 5, 2022
- ตอนที่ 8 วางกับดัก มกราคม 5, 2022
- ตอนที่ 7 นายน้อยเสวียนจิ้ง มกราคม 5, 2022
- ตอนที่ 6 กลายร่างเป็นสตรีครั้งแรก มกราคม 5, 2022
- ตอนที่ 5 จิ้งจอกมายาบรรพกาล มกราคม 5, 2022
- ตอนที่ 4 มรดกตกทอดจากจอมมารรุ่นก่อน มกราคม 5, 2022
- ตอนที่ 3 ผู้สืบทอดแห่งจอมมาร มกราคม 5, 2022
- ตอนที่ 2 แผนการร้าย มกราคม 5, 2022
- ตอนที่ 1 นายน้อยตระกูลเฉิน มกราคม 5, 2022
MANGA DISCUSSION