เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย - บทที่ 620 หลานชายคนโตช่างน่ากลัวยิ่งนัก!
- Home
- เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย
- บทที่ 620 หลานชายคนโตช่างน่ากลัวยิ่งนัก!
บทที่ 620 หลานชายคนโตช่างน่ากลัวยิ่งนัก!
…………….
“ก้าบ ๆ ๆ ๆ~”
“เอ้กอีเอ้กเอ้ก!”
“มออออ~~”
อาชิงนอนลืมตา เหยียดแข้งเหยียดขา มองคานเหนือศีรษะอย่างว่างเปล่า
ช่วยเขาด้วย!!!
เขายังเด็กอยู่ เหตุใดต้องอดหลับอดนอนคอยป้อนนมเด็กน้อย ตอนกลางวันพอหลับตา ไม่ไก่ร้องก็เป็ดร้อง หรือไม่ก็มีเสียงวัวร้องตลอดเวลา!
พวกเจ้านัดกันมาหรืออย่างไร!?
ดอกไม้ที่ถือเป็นอนาคตของราชสำนักต้าจิ้นอย่างเขา กำลังจะเหี่ยวเฉาตายอยู่แล้ว
ว่าที่เจ้าสำนักของสำนักกู่และสำนักพิษ จะต้องมาตายตั้งแต่ยังเด็ก
เขา…ไม่มี…ความสุขเลยจริง ๆ
ขณะที่เขารู้สึกว่ามีชีวิตอยู่ไปก็ไร้ความหมายนั้น เจ้าตัวน้อยข้าง ๆ ก็พลิกตัวเผยให้เห็นพุงน้อย ๆ และนอนอยู่ในท่าเดียวกันกับเขา พร้อมน้ำลายที่ไหลออกมาเป็นสาย
อาชิงลุกขึ้น จัดผมเผ้าเล็กน้อย และมองดูน้องสาวตัวน้อยของตัวเองด้วยสีหน้าหดหู่
สามปีแล้ว เขายังรู้สึกเหมือนกำลังฝันอยู่
เหตุใดพี่ใหญ่ถึงไม่รำคาญกันนะ ถึงแม้จะพานางไปประชุมด้วย!?
อาชิงรีบปิดปาก ไม่ได้ เขาจะคิดเช่นนี้ไม่ได้เด็ดขาด นางคือน้องสาวคนเล็กที่เขารอมานาน เขาต้องผ่อนคลายให้มากกว่านี้
แต่ในขณะที่เขากำลังปลอบใจตัวเองอยู่นั้น มือป้อม ๆ ก็เริ่มขยับเกาพุงเล็ก ๆ ของตัวเอง เท้าป้อม ๆ ก็กำลังเคลื่อนไหว ทว่าเพียงเท่านี้ก็ทำให้อาชิงหวาดกลัวจนต้องขดตัวอยู่ในมุมทันที
โชคดีที่เด็กน้อยลืมตากลมโตราวกับองุ่นดำขึ้นมาก็ไม่ได้ร้องไห้โยเย หลังจากส่งยิ้มหวานให้เขาแล้ว ก็พยายามลุกขึ้นด้วยตัวเอง
อาชิงจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก ก่อนจะเดินไปดูเด็กที่อยู่อีกเตียง ยังดีที่เตียงนี้นอนหลับสนิท แม้จะมีคนหนึ่งที่อยากจะแย่งจุกนมของพี่ชาย แต่ทำไม่สำเร็จ เพียงแค่เอามือเล็ก ๆ ปัดป่ายไปมาเท่านั้น
อาชิงเปิดผ้าอ้อมของน้องสาวดู เมื่อเห็นว่าสะอาดเอี่ยมจึงสวมเสื้อผ้าให้นางจนเรียบร้อย และวางผ้าห่มเน่าไว้ในอ้อมแขนของนาง ก่อนจะอุ้มนางออกไปอาบแดด
ไก่ที่อยู่หน้าประตูกระพือปีกบินผ่านหน้าพวกเขาไป
เสี่ยวเกอเอ๋อร์กัดนิ้วตัวเอง งอแงจะไปที่ห้องโถง
เรือนหลังเล็กในตอนนี้ได้ขยายออกไปอีกไม่น้อย ไม่อย่างนั้นคงไม่เพียงพอสำหรับครอบครัวใหญ่เช่นนี้แน่
เมื่ออาชิงก้าวเข้าประตูมา หย่งหนิงที่เพิ่งตื่นก็กำลังมวยผมอยู่
นางเห็นเขาเข้ามาก็รีบกวักมือเรียก “ช่วยข้าดูที วันก่อนข้าเห็นมวยผมของพี่เยี่ยนชิวงดงามมาก แต่ไม่ว่าข้าจะทำอย่างไรก็ทำไม่ได้เหมือนนาง”
อาชิงอ้าปากหาวหนึ่งที “มา ข้าทำให้”
แค่ทำผมมีอะไรยากกัน
เขาพับแขนเสื้อขึ้น หยิบผ้าผูกผมของนางมาคาบไว้ที่ปาก มือก็เริ่มม้วนผมสีดำของนางไปด้วย
เสี่ยวเกอเอ๋อร์จึงถูกยัดใส่อ้อมแขนของหย่งหนิง ไม่นานอาชิงก็ม้วนผมไปม้วนผมมา ม้วนจนผมกลายเป็นก้อนอึ และเกือบจะถูกหย่งหนิงเตะออกไป
โชคดีที่ผู้ใหญ่ในบ้านกลับมาเร็ว ก็ถึงตาที่พวกเขาต้องดูเด็ก ๆ แล้ว
ทันใดนั้นหย่งหนิงคิดขึ้นมาได้ว่าวันนี้ร้านเครื่องประทินโฉมของตระกูลเซียวจะเปิดตัวเครื่องประทินโฉมตัวใหม่!
นอกจากนี้ยังมีการแจกลายมือชื่อของยอดบัณฑิตสามอันดับแรกในปีนี้จำนวนจำกัดอีกด้วย!
หย่งหนิงจึงร้อนอกร้อนใจอยากให้อาชิงพานางไป นางต้องซื้อชุดแรกมาให้ได้ แต่เพราะรีบร้อน จึงไม่ทันสังเกตว่าได้พาเสี่ยวเกอเอ๋อร์ขึ้นรถม้าไปตำบลฉาซู่ด้วย
เมื่อมาถึง ทั้งสองคนก็จูงมือกันเข้าไปด้านใน
“ข้าต้องการรูปภาพพร้อมลายมือชื่อของบัณฑิตอันดับสาม!”
อาชิงอุ้มเสี่ยวเกอเอ๋อร์เบียดเข้าไปด้านใน ทว่าเนื่องจากมีคนเยอะเกินไป จึงถูกสตรีมีเงินกลุ่มหนึ่งเบียดออกมา เมื่อไม่มีวิธีอื่น จึงได้พาหย่งหนิงเข้าทางประตูหลังแทน
หย่งหนิงยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห “หลานชายคนโตของข้าตั้งแต่แต่งงานก็ขี้เหนียวยิ่งกว่าเดิม อาหญิงน้อยอยากได้สีชาดสักอันก็ไม่ยอมเอาให้”
นางถึงต้องมาต่อแถวด้วยตัวเอง! ใช้ได้ที่ใดกัน!
อาชิงพยักหน้าเห็นด้วย และพูดออกมาว่า “ใช้ไม่ได้ ๆ หลานชายเช่นนี้ต้องลากตัวออกไป”
เสี่ยวเกอเอ๋อร์ก็โยกหัวตาม
และทันทีที่พวกเขาเข้าไปก็ได้ยินเซียวเย่เจ๋อกำลังคุยเรื่องการค้ากับใครบางคนอยู่ที่สวนด้านหลัง ดูท่าทางแล้วน่าจะเป็นชาวปอซือ*
* ชาวปอซือ (波斯) หมายถึง ชาวเปอร์เซีย
ก่อนจะได้ยินเซียวเย่เจ๋อเกลี้ยกล่อมอีกฝ่าย “แนวคิดเรื่องการค้าของข้าและแคว้นของท่านใกล้เคียงกัน สามารถเพิ่มผลกำไรได้ก็นับว่าเป็นเรื่องที่ดี แต่หากพวกท่านต้องการซื้อสูตรของพวกเราไป ด้วยความเคารพ ข้าไม่ได้ดูถูกพวกท่าน แต่เกรงว่าพวกท่านจะจ่ายไม่ไหว ไม่สู้เอาแบบนี้ดีหรือไม่”
ไม่รู้ว่าเซียวเย่เจ๋อไปหยิบป้ายผ้าผืนหนึ่งออกมาจากที่ใด โดยมีเอี๋ยนเฉาและอาควนช่วยดึงให้คนละด้าน
“เรากำลังพูดถึงพันธมิตร ท่านเคยได้ยินหรือไม่?”
พ่อค้าชาวปอซือผู้นั้นได้ยินก็ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง แต่ยังไม่เข้าใจแนวคิดการค้านี้ จึงถามออกมา “แนวคิดการค้าคืออะไร?”
“เรื่องนี้ง่ายมาก ขอเพียงท่านเข้าร่วมกับ ‘บริษัทหมู่บ้านตระกูลเฉินจำกัด’ ก็จะสามารถทำกิจการได้แบบครบวงจร!”
เอี๋ยนเฉาเก็บป้ายผ้าลง จากนั้นอาควนก็เข็นรถเข็นไม้คันหนึ่งเข้ามา เพื่อนำเสนอด้วยแผนภาพ
“โปรดดูข้อมูลการขายในช่วงครึ่งปีแรกของเรา ตามนโยบายของพระชายาเนี่ยเจิ้งอ๋อง จี้จือฮวนหัวหน้าใหญ่ของพวกเรา จะเห็นได้ว่าหมู่บ้านตระกูลเฉินมีวัฒนธรรมองค์กรที่ดี
ชาวบ้านในหมู่บ้านทุกคนรวมถึงผู้ถือหุ้นส่วนล้วนยึดถือศีลธรรมอันดี และการทำเงินต้องมาเป็นอันดับแรก
พันธมิตร ท่านจะได้สัมผัสถึงความอบอุ่นเปรียบเสมือนครอบครัวเดียวกัน มีอุตสาหกรรมที่ครบวงจร และเป็นกิจการที่สมบูรณ์แบบ
ไม่ว่าจะเป็นร้านผินซีซี ไหเต๋อเลา เครื่องประทินโฉม ชานมไข่มุก ถนนของว่างยามดึก และกิจการอื่น ๆ อีกมากมาย ท่านสามารถเลือกเป็นตัวแทนการค้าของต้าจิ้นได้ตามสบาย เราขอรับประกันความพึงพอใจ พร้อมสอนตั้งแต่เริ่มต้น ผู้นำที่ใส่ใจ ตราสินค้าที่ทำอย่างตั้งใจ เด็กรับใช้ที่มีพลังแข็งแกร่ง สาวใช้ยกชาที่มีรูปโฉมงดงามพร้อมเสียงหวาน ๆ เลือกมาก ก็มีหนทางสู่ความสำเร็จมาก และมีโอกาสชนะสูง!”
ก่อนที่เซียวเย่เจ๋อจะพูดปิดท้ายอย่างฮึกเหิมว่า “จะเลือก ก็ต้องเลือก ‘บริษัทหมู่บ้านตระกูลเฉินจำกัด’! ท่านจะไม่มีปัญหาคอยกวนใจภายหลังอย่างแน่นอน อนาคตของท่านจะเต็มไปด้วยความสุข เป็นพันธมิตรกับเราตอนนี้ เก้าหมื่นเก้าพันเก้าร้อยแปดสิบแปดเราไม่เอา เราคิดเพียงเก้าพันเก้าร้อยแปดสิบแปดเท่านั้น! ท่าน…สนใจหรือไม่?”
อาชิง “…”
หย่งหนิง “…”
เสี่ยวเกอเอ๋อร์ ‘ปับ ๆ…’
ในที่สุดพ่อค้าชาวปอซือนั่นก็ตกหลุมพรางจนได้ “เอาพู่กันมา!!!”
เขาต้องการจะทำสัญญาเดี๋ยวนี้!
หย่งหนิงและอาชิงโน้มตัวไปด้านหลังเล็กน้อย แล้วสูดลมหายใจเย็นเยียบเข้าปอด
หลานชาย! น่ากลัวเพียงนี้เชียวหรือ!?
ผ่านมาหลายปี เขาได้กลายเป็นผู้นำเรื่องการขายตรงไปแล้ว!
ขณะที่ทางนี้กำลังทำสัญญากัน หย่งหนิงก็อาศัยทักษะทารุณหลานชาย จนได้รูปภาพพร้อมลายมือชื่อใบแรกมาได้สำเร็จ!
อาชิงก็ชะโงกหน้ามามองอย่างมีความสุขเช่นกัน
“ในที่สุดข้าก็ได้แล้ว ข้าจะดูสิว่าคนใดในสำนักศึกษายังจะมาหาเรื่องทะเลาะกับข้าอีก”
หย่งหนิงเอ่ยจบก็หันหน้ามามองอาชิง “หืม เสี่ยวเกอเอ๋อร์เล่า?”
อาชิงก้มมองอ้อมแขนตัวเอง
หืม!? น้องสาวเล่า!?
น้องสาวข้าเล่า!?
…
เวลานี้ชายชุดขาวผู้ลึกลับที่กลัวการเข้าสังคม ปรากฏตัวทั้งเล่มแต่กลับไม่มีชื่อก็หิ้วเจ้าก้อนแป้งในอ้อมแขนขึ้นมา แล้วนำไปไว้ในอ้อมแขนของเจียงจือหวยด้วยความรังเกียจอย่างยิ่ง
เมื่อเจียงจือหวยรับไป เขาก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยในทันที
เจียงจือหวยกับเจ้าก้อนแป้งในอ้อมแขนจ้องตากัน
เขามีท่าทางอึกอัก
“เหตุใดถึงนุ่มเช่นนี้นะ! ตัวเล็กแค่นี้เองหรือ เจ้ากินข้าวไม่อิ่มหรืออย่างไร?”
รู้สึกเหมือนผ่านไปสองสามปีแล้ว เหตุใดถึงได้โตช้าเช่นนี้กัน แล้วเมื่อใดเขาจะได้เกษียณกันเล่า?
เผยอวิ่นเกอกะพริบตาปริบ ๆ ยื่นมือกลมป้อมออกไป แล้วยัดเข้าไปในรูจมูกของเขา
เจียงจือหวยก็หลบได้อย่างสง่างาม หลบเลี่ยงการโจมตีของเจ้าก้อนแป้ง ก่อนจะพานางไปนั่งบนเก้าอี้หวายในสวนแทน
.
.
.
…………….