เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย - บทที่ 584 ฆ่าใครก่อนดี?
บทที่ 584 ฆ่าใครก่อนดี?
ฝนยังคงตกอย่างต่อเนื่องไม่ยอมหยุด แม่นมฟางกับซวงสี่อาบน้ำให้เด็กทั้งสองคน แม้จะอยู่ไกลก็ยังสามารถได้ยินเสียงหัวเราะของอาชิงได้อย่างชัดเจน
เผยเสี่ยวเตานอนอยู่บนเตียงพร้อมกับความโมโห ในมือก็จับพู่ที่ห้อยอยู่ข้าง ๆ และพึมพำกับตัวเอง
“เขามาง้อข้า…”
“เขาไม่มาง้อข้า”
“มาง้อ”
“ไม่ง้อ”
…
..
.
จนกระทั่งถึงเส้นสุดท้าย
เผยเสี่ยวเตาโยนพู่ชิ้นนั้นออกไปด้วยความโมโห “ไม่ง้อก็ไม่ต้องง้อ ใครสนใจกัน!”
นางเอาผ้าห่มมาห่อตัว ขนาดหลับตาก็ยังคงคิดว่าจะฆ่าเว่ยเจ๋อเซิงอย่างไรจึงจะหายโมโห
ในตอนนั้นเองหูของนางก็ขยับ
เว่ยเจ๋อเซิงเดินมาที่หน้าประตู ก่อนจะเคาะประตูห้องเบา ๆ “เสี่ยวเตา?”
มุมปากของเผยเสี่ยวเตาอดไม่ได้ที่จะโค้งขึ้น แต่เลือกที่จะไม่สนใจเขา
เว่ยเจ๋อเซิงก็ไม่ได้ไปไหน ก่อนจะเคาะประตูอีกครั้ง “เจ้ากินมื้อเย็นไปแค่นั้นคงไม่อิ่มกระมัง ข้าจะไปต้มบะหมี่ในครัวมาให้ เจ้าจะกินหรือไม่?”
ได้ยินดังนั้นท้องที่ไม่เอาไหนของเผยเสี่ยวเตาก็ส่งเสียงร้องจ๊อก ๆ ออกมาทันที
นางกระแอมเล็กน้อย “ข้าไม่อยากกิน ข้าไม่กิน”
เว่ยเจ๋อเซิงเองก็เริ่มลำบากใจ
พอดีกับที่เย่จิ่งฝูเดินผ่านมา เมื่อเห็นเขาลังเลไม่ยอมก้าวเข้าไป นางจึงหยิบถาดไปจากมือของเขา จากนั้นก็เตะก้นของเว่ยเจ๋อเซิงไปหนึ่งที “เจ้าเข้าไปเถอะ!”
เว่ยเจ๋อเซิงจึงหน้าคะมำเข้าไปในห้อง เย่จิ่งฝูจึงได้เอาถาดนั่นกลับมาวางไว้บนมือเขาอีกครั้ง พร้อมทั้งปิดประตูให้เรียบร้อยเสร็จสรรพ
ตระกูลหมอเทวดา ทำความดีโดยไม่หวังชื่อเสียง!
นางยังซาบซึ้งกับการกระทำของตัวเองเลย!
เย่จิ่งฝูรู้สึกว่าวันนี้ตัวเองได้ทำความดี จึงหันหน้าไปอย่างมีความสุข ก่อนจะพบกับลู่เอี้ยนที่ยืนกอดอกอยู่ใต้ชายคาพอดี
รอยยิ้มของนางพลันแข็งค้าง พลางแสร้งทำเป็นมองไม่เห็น
“เฮ้อ! พระจันทร์คืนนี้ช่างงดงามจริง ๆ เหมาะกับการไปนอน!”
นางจึงเดินไปในทิศทางตรงกันข้ามอย่างรวดเร็ว ทว่าต่อให้จะเร็วกว่านี้ แต่คิดว่าจะสามารถสลัดลู่เอี้ยนหลุดได้อย่างนั้นหรือ?
นางเดินได้เพียงสองสามก้าวลู่เอี้ยนก็เดินตามมาทันแล้ว
“ท่านหมอเย่ คืนนี้ฝนตก มีพระจันทร์ที่ใดกัน?”
เย่จิ่งฝูถอยหลังไปหนึ่งก้าว มองใบหน้าหล่อเหลาของลู่เอี้ยน ก็รู้สึกว่าหัวใจตัวเองเต้นเร็วกว่าปกติ
“นี่ไม่ถูกต้อง ข้าเหมือนจะไม่สบายแล้ว ข้ากลัวเอาไข้ไปติดเจ้า เจ้ารีบหลีกไปซะ!”
ลู่เอี้ยนจึงเอ่ยขึ้นมา “อ้อ ไม่สบายอย่างนั้นหรือ ช่วงนี้ข้าเรียนตรวจชีพจรมาพอดี ไม่สู้ให้ข้าตรวจชีพจรให้เจ้าดีกว่า”
เอ่ยจบ ลู่เอี้ยนก็จับข้อมือของเย่จิ่งฝูเอาไว้อย่างรวดเร็ว และแตะปลายนิ้วลงบนชีพจรของนาง
เนื่องจากอยู่ใกล้กันเกินไป ทั้งคู่ต่างก็สามารถสัมผัสได้ถึงลมหายใจของกันและกัน เย่จิ่งฝูอดไม่ได้ที่จะสะอึกขึ้นมา ในขณะที่สายตาของลู่เอี้ยนกลับไม่ละไปจากใบหน้าของนางเลย
“ท่านหมอเย่ โรคนี้ของเจ้ารักษาได้ยากนะ”
เย่จิ่งฝูใบหน้าแดงเรื่อ “เหลวไหล เจ้าแค่ตรวจไม่เป็นก็เท่านั้น”
“หืม โรคความคิดถึงมีวิธีรักษาด้วยอย่างนั้นหรือ?” ลู่เอี้ยนก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว เย่จิ่งฝูก็ถอยหลังอย่างต่อเนื่อง
“ไม่ทราบว่ายาของข้า ท่านหมอเย่จะมอบให้ข้าได้เมื่อใดอย่างนั้นหรือ?”
เย่จิ่งฝูหลบจนไม่มีทางให้หลบได้แล้ว ในตอนนั้นเองในลานบ้านก็มีคนสองคนวิ่งออกมา ลู่เอี้ยนปิดปากของเย่จิ่งฝูเอาไว้แล้วลากนางเข้าไปหลังภูเขาจำลองที่อยู่ด้านข้าง
ร่างของเย่จิ่งฝูแนบเข้ากับร่างของเขา ก่อนจะยื่นหน้าออกมาเพื่อแอบสังเกตการณ์ แล้วก็พบว่าเป็นเยว่พั่วหลัวที่กำลังจะกลับห้อง แต่ถูกไป๋จิ่นขวางทางเอาไว้
ไม่รู้ว่าทั้งสองคนพูดอะไรกัน เยว่พั่วหลัวถึงมีท่าทางกระมิดกระเมี้ยน ก่อนจะกดไป๋จิ่นเข้ากับต้นไม้แล้วจูบเขาหนึ่งที ทว่าต่อมาไป๋จิ่นกลับทำตัวเป็นเจ้าบ้านเสียเอง ภาพที่น่าตื่นตานั้น ทำให้ดวงตาของเย่จิ่งฝูเบิกกว้าง!
นี่มัน?! ที่แท้พวกเขาก็ไม่ได้กำลังนวดให้กันหรอกหรือ!?
เมื่อเห็นไป๋จิ่นกอดรัดเอวที่เพรียวบางของเยว่พั่วหลัวไม่หยุด มิน่าเล่า วัน ๆ นางถึงเอาแต่บอกว่าตัวเองปวดเอว!
นางคิดอยู่ว่าสูตรยาของนางเหตุใดจึงใช้ไม่ได้ผลกัน
ลู่เอี้ยนเอ่ยเสียงเบาขึ้นมา “ท่านหมอเย่ มองอย่างตั้งใจเช่นนี้ อยากลองดูใช่หรือไม่?”
เมื่อเย่จิ่งฝูหันหน้ามา ปลายจมูกของลู่เอี้ยนกับนางก็ปัดผ่านกัน ทันใดนั้นราวกับมีกระแสบางอย่างไหลผ่านไปที่แขนขา
พริบตาต่อมา ร่างของนางก็ถูกดึงเข้ามาในอ้อมแขนของเขา ริมฝีปากของลู่เอี้ยนพลันประทับลงมา
คำพูดทั้งหมดของเย่จิ่งฝูล้วนถูกปิดด้วยริมฝีปากของเขา
มือของเย่จิ่งฝูกำแน่นและคลายออก จากนั้นก็ยืนนิ่งอยู่ในอ้อมแขนอยู่อย่างนั้น ดวงตาฉ่ำวาว แม้แต่หายใจก็ลืมไปแล้ว
บ้าจริง มิน่าเล่า อาจารย์มักจะบอกว่า ไม่ควรยุ่งเกี่ยวกับสัตว์ที่ดุร้ายอย่างบุรุษ มันจะทำลายวิถีบำเพ็ญเพียร
ปากของเขาช่างนุ่มจริง ๆ…
ด้านนั้นไม่รู้ว่าเยว่พั่วหลัวและไป๋จิ่นหายไปตั้งแต่เมื่อใด แต่เวลานี้เย่จิ่งฝูกำลังหอบหายใจสะท้าน
“น่ามองหรือไม่?” ลู่เอี้ยนเช็ดมุมปากเล็กน้อย รอยยิ้มแฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์
เย่จิ่งฝูไม่กล้ามองหน้าเขา “อะไร…น่ามองหรือไม่?”
“เมื่อครู่เจ้ามองอย่างตั้งใจเพียงนั้น ข้าคิดว่าเจ้าอยากจะทำบ้างเสียอีก”
“ข้า…ข้าคิดว่าพวกเขากำลังนวดกันต่างหาก”
ลู่เอี้ยนเลิกคิ้วขึ้น “เจ้าเรียกการทำเช่นนี้ว่าการนวดอย่างนั้นหรือ?”
เย่จิ่งฝูเองก็รู้สึกขัดเขินเช่นกัน
ก่อนจะได้ยินประโยคต่อมาของลู่เอี้ยนที่เจือด้วยความประจบเอาใจ “เช่นนั้นเมื่อใดเจ้าจะให้ข้านวดเจ้าอย่างถูกต้องตามครรลองคลองธรรมบ้างเล่า?”
เย่จิ่งฝูอยากจะหนี ทว่าลู่เอี้ยนกลับทำสีหน้าเจ็บปวดขึ้นมาอีกครั้ง “เจ้าได้ข้าแล้วคงไม่คิดจะทิ้งข้าหรอกกระมัง”
เขาจับที่ริมฝีปาก “ไม่เคยมีผู้หญิงคนใดจูบข้ามาก่อน ความบริสุทธิ์ของข้าถูกทำลายไปแล้ว ภายภาคหน้าไหนเลยจะยังสามารถหาผู้หญิงดี ๆ ได้อีก…”
เขาเผยสีหน้าตำหนิออกมา เจ้าไม่รู้สึกอะไรเลยอย่างนั้นหรือ?
ขณะที่เย่จิ่งฝูกำลังตกตะลึงอยู่นั้น ป่านหลานเกินและศิษย์พี่ศิษย์น้องกลุ่มหนึ่งก็กระโดดออกมา หยิบหนังสือสู่ขอและสีชาดออกมาทันที ก่อนจะดึงนิ้วหัวแม่มือของเย่จิ่งฝูไปประทับตรา
“ใต้เท้าลู่โปรดวางใจ ตระกูลหมอเทวดาของพวกเราไม่ใช่คนไร้หัวใจเช่นนั้นแน่นอน! ศิษย์พี่หญิงของพวกเราล่วงเกินท่านแล้ว! ท่านรอนางแสดงความรับผิดชอบได้เลย! ส่วนนี่คือหนังสือสู่ขอของท่าน รอพวกเราไปหาสำนักเทพพยากรณ์และได้ฤกษ์งามยามดีแล้ว จะส่งสินสอดไปให้ท่านนะขอรับ!”
ลู่เอี้ยนที่ได้หนังสือสู่ขอมา “???”
พวกเจ้าโผล่มาจากที่ใดกัน?
เย่จิ่งฝูที่ประทับนิ้วมือลงบนหนังสือสู่ขอไปแล้ว ก็มองนิ้วหัวแม่มือของตัวเองอย่างงงงัน “???”
จะฆ่าคนใดเพื่อบูชายัญก่อนดี!
…
ด้านนอกพายุแห่งการนองเลือดกำลังจะเริ่มขึ้น
ทว่าภายในห้องกลับเงียบสงัด
เผยเสี่ยวเตาไม่กล้าขยับตัวแม้แต่น้อย
เว่ยเจ๋อเซิงเองเห็นนางไม่ขยับก็ไม่ได้ขยับเช่นกัน
จนกระทั่งท้องของเผยเสี่ยวเตาร้องขึ้นมาอีกครั้ง เว่ยเจ๋อเซิงจึงได้ยกชามบะหมี่มาที่ข้างเตียงของนางแล้วเอ่ยเสียงเบา “เสี่ยวเตา?”
เผยเสี่ยวเตามุดหน้าเข้าไปในผ้าห่ม “เจ้าเข้ามาทำไม อย่าคิดว่าง้อข้าสองสามประโยค ป้อนบะหมี่ข้าหน่อย แล้วข้าจะหายโกรธนะ”
เว่ยเจ๋อเซิงอยู่กับนางมานานเพียงนี้ มีหรือจะไม่รู้ว่านางกำลังคิดอะไรอยู่
เขาจึงคีบบะหมี่ขึ้นมา จากนั้นก็เป่าเบา ๆ “หอมมากเลย ยังร้อน ๆ อยู่เลย ข้าใส่ไข่ลงไปสองฟอง
และยังใส่กุ้งด้วยนะ”
เผยเสี่ยวเตาได้ยินที่เขาบรรยายก็รู้สึกหิวจนทนไม่ไหว จึงลุกขึ้นมานั่งแต่ก็ยังกรุ่นโกรธและทำแก้มป่องอยู่ ทว่าปากกลับอ้าออกเสียแล้ว
เว่ยเจ๋อเซิงยกยิ้มขึ้นมา ก่อนจะรีบป้อนบะหมี่ให้นาง
เมื่อเห็นนางกินจนเกือบจะอิ่มแล้ว จึงได้เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนเป็นอย่างมาก “ข้าไม่รู้จักแม่นางผู้นั้นจริง ๆ ยิ่งไปกว่านั้นตอนที่นางกระโจนเข้ามา เจ้าก็ลากนางออกไปแล้ว ข้ายังไม่ได้แตะโดนแม้แต่เสื้อผ้าของนางเลยนะ”
“ทำไม เจ้าอยากแตะเสื้อผ้านางหรืออย่างไร!?” เผยเสี่ยวเตาไม่พอใจขึ้นมา
เว่ยเจ๋อเซิงกระบิดกระบวนเล็กน้อย “ไม่ใช่เช่นนั้นอยู่แล้ว ความหมายของข้า…”
เขายังพูดไม่ทันจบ นิ้วที่ว่างอยู่สองนิ้วนั้น ก็เข้าไปใกล้มือของนางที่วางอยู่ข้างเตียง
จากนั้นก็เกี่ยวนิ้วของนางเอาไว้เบา ๆ “ก็คือ…ข้าได้ทำนายดวงตัวเองเอาไว้ และพบว่าข้ากำลังจะได้แต่งงานเร็ว ๆ นี้แล้ว”
.
.