เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย - บทที่ 506 จวนเจ้าเมือง ถ้ำอิสระ
- Home
- เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย
- บทที่ 506 จวนเจ้าเมือง ถ้ำอิสระ
บทที่ 506 จวนเจ้าเมือง ถ้ำอิสระ
“คุณชายของพวกเราถามเจ้าอยู่ เป็นใบ้หรืออย่างไร?” เยว่พั่วหลัวถามย้ำ
หญิงสาวชุดแดงแข้งขาพลันอ่อนแรง นางกัดฟันและคุกเข่าลง “ผู้น้อยไร้มารยาทเอง และล่วงเกินคุณชายฝูเย่เข้า ขอคุณชายได้โปรดให้โอกาสผู้น้อยสักครั้ง คุณชายเป็นผู้ใหญ่ใจกว้าง อย่าถือโทษคนรับใช้ชั้นต่ำเช่นผู้น้อยเลยนะเจ้าคะ หากโมโหจนเสียสุขภาพขึ้นมา ผู้น้อยคงยากจะเลี่ยงความผิดนี้ไปได้เจ้าค่ะ”
สตรีผู้นี้นับว่ารู้จักเอาตัวรอด แม้แต่คนรับใช้ชั้นต่ำก็ยังกล้าเรียกแทนตัวเอง
“เฮอะ ทำให้คุณชายของเราเสียหน้าเพียงนี้ คิดว่าแค่เจ้าคุกเข่าก็จบแล้วอย่างนั้นหรือ? เมืองเจว๋เฉิงของพวกเจ้าเตรียมการเอาไว้ดีจริง ๆ” จี้จือฮวนเอ่ยจบ หญิงสาวชุดแดงผู้นั้นก็โขกหัวลงกับพื้นทันที
ผู้คนที่ผ่านไปผ่านมาก็ยิ่งอยากรู้อยากเห็นมากขึ้น ใครกันที่สามารถทำให้คนในเมืองเจว๋เฉิงยอมลดตัวได้ถึงเพียงนี้?
รถม้าของเผยยวนถอยหลังไปอย่างช้า ๆ ไม่คิดจะไว้หน้านางจริง ๆ
“คุณชายฝูเย่เจ้าคะ!” หญิงสาวชุดแดงจึงตกใจสุดขีด รีบลุกขึ้นยืนเพื่อขวางเอาไว้ ทว่าพริบตาต่อมากระบี่ยาวเล่มหนึ่งก็พุ่งเข้ามา ฟันมือของนางออกเป็นสองท่อน นางส่งเสียงกรีดร้องขึ้นมาทันที ก่อนจะล้มลงไปอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้
เมื่อทุกคนเงยหน้าขึ้นมอง ก็เห็นชายในชุดสีแดงเพลิงคนหนึ่งยืนอยู่ที่ประตูเมือง ผมยาวสยาย บนร่างล้วนประดับด้วยเครื่องประดับทองและเพชรพลอย หน้าอกที่บึกบึนของเขาโผล่ออกมาจากสาบเสื้อ ดูเหมือนว่าจะมีอายุมากกว่าเผยยวนไม่กี่ปี เครื่องหน้าดูธรรมดา เพียงแต่ดวงตาคู่นั้นกลับดูน่ากลัวและชั่วร้ายอย่างยิ่ง ดูก็รู้ว่าเป็นคนที่จิตใจไม่ปกติ
แต่ดูจากการแต่งตัวของเขาแล้ว จี้จือฮวนก็รู้สึกว่าเขาสามารถคบค้าสมาคมกับจีฝูเย่ผู้นั้นได้ เพราะพวกเขามีความชอบในเรื่องความงามเหมือนกัน
เพราะหากไม่ใช่ของแพง พวกเขาก็จะไม่สวมใส่
“ท่าน…ท่านเจ้าเมือง!” หญิงสาวกุมข้อมือเอาไว้ เจ็บปวดจนเหงื่อแตกพลั่ก ๆ แต่ก็ยังพยายามขอร้องอ้อนวอน
และซือถูรุ่ยก็เอามือข้างนั้นของหญิงสาวไป ทุกคนต่างก็คาดไม่ถึง
แม้แต่จ้านอิ่งก็ตกตะลึงเช่นกัน
เป็นพวกโหดเหี้ยมและโรคจิตมากจริง ๆ
อาเหริ่นเห็นซือถูรุ่ยเดินเข้ามาหาพวกเขา ก็แทบจะควบคุมตัวเองไม่อยู่ อยากจะพุ่งเข้าไปเอาชีวิตของเขา!
ไป๋จิ่นจึงจับเขาเอาไว้อย่าแรง “อย่าใจร้อน!”
สังหารซือถูรุ่ยไม่ใช่เรื่องยาก แม้ว่าทุกคนจะโจมตีเขาพร้อมกัน แต่ก็ยังไม่สามารถฆ่าเขาได้ เช่นนั้นกองปืนไฟจะทำไม่ได้อย่างนั้นหรือ? แต่หากซือถูรุ่ยตาย ซือถูเซิงจะทำเช่นไรเล่า จุดประสงค์ของพวกเขาในครั้งนี้ไม่ใช่แค่ฆ่าซือถูรุ่ยเท่านั้น
อาเหริ่นจิกฝ่ามือจนเลือดแทบจะไหลออกมาอยู่แล้ว จึงสามารถฝืนสะกดความคิดที่ต้องการจะฆ่าเขาลงไปได้
ตรงหน้าของซือถูรุ่ยมีพรมแดงปูเอาไว้ เขามองดูเผยยวนที่นั่งอยู่ด้านในรถม้า ริมฝีปากโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มแล้วเอ่ยขึ้นมา “พี่จี ปล่อยให้ข้ารอเสียนานเลย”
“เจ้าเมืองซือถู” เผยยวนลุกขึ้นยืน มู่เหยากวงในฐานะสาวใช้ รีบเอารองเท้าแตะไม้มาวางไว้ที่ใต้ฝ่าเท้าของเขา
สายตาของซือถูรุ่ยกวาดมองไปที่เท้าของเผยยวนหนึ่งรอบ จากนั้นก็พูดขึ้นมาพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ “พี่จีคงเดินทางมาเหน็ดเหนื่อย ข้าไม่ได้รับจดหมายตอบกลับจากท่านตั้งนาน ยังกังวลว่าท่านจะไม่มาเสียอีก คิดไม่ถึงว่าสาวใช้ผู้นี้ของข้าจะไม่รู้ความทำให้ท่านเสียอารมณ์ ข้าจะให้คนจับนางไปถลกหนังเดี๋ยวนี้ เพื่อทำพัดสาวงามให้พี่จีเป็นอย่างไร?”
สาวใช้ผู้นั้นตกใจจนตาเหลือก และเป็นลมหมดสติไปทันที
เผยยวนแสร้งปัดฝุ่นบนเสื้อคลุม “ไม่จำเป็น”
ใครอยากจะได้พัดหนังมนุษย์กัน ประสาทหรืออย่างไร?
และทุกคนสังเกตเห็นว่าตอนที่เผยยวนลงมาจากรถม้า สายตาของซือถูรุ่ยยังคงจับจ้องอยู่ที่เท้าของเผยยวน
เย่จิ่งฝูจึงกระซิบกระซาบขึ้นมา “ชิ ข้าบอกพวกเจ้าแล้วว่าตลอดทางให้เขาแช่เท้าด้วยวิธีโบราณของข้า จะช่วยบำรุงผิวได้อย่างน่าอัศจรรย์ใช่หรือไม่?”
คนที่เป็นทหารอย่างเผยยวน ไม่ว่าจะปลอมตัวอย่างไรก็ต้องแตกต่างกับคนที่ชีวิตอยู่ดีกินดีอย่างจีฝูเย่อยู่แล้ว ดังนั้นตั้งแต่ตอนที่เขาอยู่เพี่ยวโจว เย่จิ่งฝูก็ได้ใช้วิธีเสริมความงามตามแบบฉบับของตระกูลหมอเทวดา ทำการแปลงโฉมให้เขาใหม่ตั้งแต่หัวจรดเท้า!
ดูแค่ตัวนางก็พอจะรู้แล้ว ดังนั้นครึ่งเดือนที่ผ่านมาผิวของเผยยวนจึงดูเกลี้ยงเกลาและนุ่มชุ่มชื้น จึงยากจะจับผิดอะไรจากเท้าของเขาได้ คิดว่านางไม่รู้หรืออย่างไร!
ทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมหมดแล้ว
แล้วก็จริงดังนั้น จากท่าทางของซือถูรุ่ยที่ค่อย ๆ เป็นมิตรมากขึ้น ก็เห็นได้ชัดว่าผ่านด่านที่สองของเขาแล้ว
ซือถูรุ่ยไม่ใช่คนพูดมาก หลังจากให้คนจัดการเรื่องรถม้าที่เผยยวนนำมาแล้ว ก็เข้าประตูเมืองไป สิ่งที่เรียกว่าจวนเจ้าเมืองจึงได้ปรากฏสู่สายตาของทุกคน
แตกต่างจากที่ทุกคนคิดเอาไว้ หลังจากเข้ามาก็ราวกับหลุดเข้าไปยังถนนอีกเส้นหนึ่ง
สองข้างทางหากไม่ใช่บ่อนการพนันก็มักจะเป็นร้านเหล้า ยังมีสตรีที่สวมผ้าคาดอกผืนบางเดินขวักไขว่ไปมา และคนที่มาหาความสุขอยู่ที่นี่ดูท่าก็คงจะเป็นคนในยุทธภพ เวลานึกสนุกขึ้นมาก็จะดึงสตรีเหล่านั้นมาไว้ใต้ร่างทันที มีเสียงหัวเราะดังขึ้นไม่หยุด และกลิ่นกายของผู้คนที่ผสมปนเปกันก็ชวนให้คนรู้สึกคลื่นเหียนขึ้นมา
ซือถูรุ่ยมองดูภาพเหล่านี้แล้วก็หัวเราะอย่างมีความสุข
อาเหริ่นมองดูจวนเจ้าเมืองที่ไม่เหลือเค้าโครงเดิมอีกแล้วด้วยความสับสน ในหัวเอาแต่คิดว่าซือถูเซิงอยู่ที่ใด แต่นี่ไม่เหมือนกับจวนซือถูในความทรงจำของเขาแม้แต่นิดเดียว
“พี่จีเคยเห็นเมืองอื่นมีความสุขและอิสระเหมือนเมืองของข้าบ้างหรือไม่?”
เผยยวน “…”
“พบเห็นได้น้อยจริง ๆ”
ซือถูรุ่ยเปล่งเสียงหัวเราะออกมา “ท่านวางใจเถอะ ข้ารู้ว่าท่านรังเกียจคนเหล่านี้ ดังนั้นข้าจึงเก็บของดีเอาไว้ให้ท่านแล้ว”
เผยยวนไม่ได้สนใจอะไร หลังจากเดินวนหนึ่งรอบ จึงได้ชี้ไปยังหอคอยเล็ก ๆ ทั้งสี่ด้านแล้วเอ่ยขึ้นมา “เหตุใดที่นี่ถึงมีหอคอยอยู่ทุกด้าน แต่กลับไม่เห็นมีทหารยามเลยเล่า?”
“อ่อ เพื่อความสวยงามก็เท่านั้น” ซือถูรุ่ยเอ่ยตอบอย่างสบาย ๆ
แต่เผยยวนกลับไม่เชื่อ
จี้จือฮวนกับคนอื่น ๆ ที่ตามหลังมาก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน
“เจ้าเมืองซือถู!”
“คารวะท่านเจ้าเมือง”
หลายคนที่เดินผ่านมาต่างก็กล่าวทักทายซือถูรุ่ย เขาปัดมือไปมา ก่อนจะมองไปทางจี้จือฮวน “แม่นางท่านนี้คงเป็นสาวใช้ข้างกายของท่านนามว่า ซือเยียน กระมัง?”
“ถูกต้อง”
“พี่จีช่างโชคดีจริง ๆ ได้ยินมาว่าสาวใช้ของท่านเชี่ยวชาญอาวุธทุกชนิด และเป็นช่างตีเหล็กที่เก่งกาจที่สุด หากข้ามีคนเช่นนี้อยู่ใต้บังคับบัญชาบ้างก็คงไม่ต้องกังวลเช่นนี้อีก”
เผยยวนเพียงเอ่ยเสียงเรียบออกมา “เจ้าเมืองซือถูมีทรัพย์สมบัติอยู่ทั่วใต้หล้า ดูจากสถานการณ์ในเมืองตอนนี้ ต่อให้กองทัพทหารเกราะเหล็กบุกมาท่านก็คงไม่หวั่นกระมัง ยังมีปัญหาอื่นอีกอย่างนั้นหรือ?”
“นั่นล้วนเป็นสิ่งที่คนข้างนอกมอง หากพูดถึงจำนวนคนและการต้องต่อสู้กับกองทัพทหารเกราะเหล็กแล้วล่ะก็ เรายังเป็นรองอยู่ และอาจมีสุนัขตัวอื่นอาศัยโอกาสนี้สร้างความวุ่นวายบุกเข้ามาพร้อมกันก็เป็นได้ คนอย่างข้าจึงไม่ไว้ใจใครง่าย ๆ”
ซือถูรุ่ยพูดถึงตรงนี้ก็เดินนำเผยยวนผ่านกำแพงกั้นเข้าไป ก่อนจะพบว่าด้านหลังเป็นเรือนและสวน
ซือถูรุ่ยพาเผยยวนไปที่ศาลากลางทะเลสาบ ทั้งคู่นั่งขัดสมาธิโดยไม่ได้พาองครักษ์เข้าไปด้วย
“พี่จีรู้หรือไม่ ครั้งนี้ที่ข้าขอร้องให้ท่านมาก็เพื่อต้องการจะซื้อสุดยอดอาวุธ ไม่ทราบว่าพี่จีเคยได้ยินข่าวที่กองทัพทหารเกราะเหล็กก่อตั้งกองปืนไฟขึ้นมาหรือไม่?”
เผยยวนมีสีหน้าเรียบนิ่ง “หืม? พอได้ยินมาบ้าง”
“บอกตามตรง ครั้งแรกที่ข้าได้ยินข้ายังคิดว่าเป็นของที่พี่จีปิดบังเอาไว้ มีของดีแต่ไม่ยอมให้ข้า แต่กลับขายให้พวกต้าจิ้น ดังนั้นหากติดปัญหาเรื่องเงิน ไม่สู้พี่จีเสนอราคามาได้เลย”
“เจ้าเมืองซือถูคงจะรู้กฎของข้าดี ข้าไม่ทำการค้ากับกองทัพหลวง คนเหล่านั้นไม่มีเงิน มีอะไรน่าสนใจกัน”
ซือถูรุ่ยหรี่ตาลง “ไม่ใช่ท่านจริง ๆ หรือ เช่นนั้นในใต้หล้านี้ยังมีนักหลอมอาวุธที่ร้ายกาจกว่าพี่จีอีกอย่างนั้นหรือ?”
เผยยวนรินชาให้ตัวเอง “ตาเห็นเป็นจริง หูได้ยินเป็นเท็จ เหตุใดเจ้าเมืองซือถูไม่คิดบ้างว่าบางทีอาจเป็นลูกไม้ที่กองทัพทหารเกราะเหล็กเอาออกมาใช้ก็ได้ หากพวกเขาเก่งกาจเช่นนั้นจริง เหตุใดล้อมเพี่ยวโจวมาเกินครึ่งเดือนแล้วยังไม่ลงมืออีกเล่า การต่อสู้กับสือฟางครั้งนั้น กองทัพทหารเกราะเหล็กก็ไม่ได้รับความเสียหายเท่าใดนี่นา? ดังนั้นก็ไม่จำเป็นจะต้องพักฟื้น”
.
.
.