เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย - บทที่ 503
เผยยวนสั่งให้เหล่าทหารที่ต้องฝึกไปฝึกกันต่อ ส่วนเขาก็เปิดอ่านจดหมายนั่น
“ใครเขียนมา?” จี้จือฮวนเอ่ยถาม
หลังจากที่เผยยวนอ่านจดหมายจบก็ตอบกลับไปว่า “เจียงจือหวย”
เอ่ยจบ เขาก็ยื่นจดหมายและใบผ่านทางในมือให้กับจี้จือฮวน
ที่แท้สำนักหลัวซาก็มีสาขาอยู่ในเมืองเจว๋เฉิงด้วย ดังนั้นหากเผยยวนต้องการเข้าเมืองเจว๋เฉิงจึงไม่ใช่ปัญหา นอกจากนี้เขายังเตรียมตัวตนปลอมเอาไว้ให้พวกเขาอีกด้วย ทำให้สามารถเข้าออกเมืองเจว๋เฉิงได้อย่างอิสระ เข้าไปสืบข่าวในเมืองได้
นอกจากนี้เขายังได้กำชับมาอีกหนึ่งประโยคว่า หากต้องการรู้ที่อยู่ของซือถูเซิง ทางที่ดีที่สุดก็คือให้ทำตามวิธีการของเขา เพราะการโจมตีแบบซึ่ง ๆ หน้า มีโอกาสสูงที่สุนัขจนตรอกจะฮึดสู้โดยไม่สนใจสิ่งใด
จี้จือฮวนไม่แปลกใจที่เจียงจือหวยจะส่งสิ่งนี้มาให้ แต่ที่นางสงสัยก็คือคนผู้นี้เหตุใดถึงเหมือนกับติดกล้องวงจรปิดไว้บนตัวพวกเขาอย่างไรอย่างนั้น พวกเขากำลังทำอะไรเขาก็รู้ทุกอย่าง และยังส่งข่าวมาได้ทันเวลาพอดี
“เหตุใดเขา…ถึงรู้ความเคลื่อนไหวของพวกเรามากเพียงนี้กัน?”
“สำนักหลัวซามีสายลับอยู่ทุกหนทุกแห่ง เกรงว่าในเพี่ยวโจวก็คงมีอยู่ไม่น้อย ตอนนี้เจ้าเข้าใจแล้วใช่หรือไม่ ว่าเหตุใดข้าถึงรู้สึกว่าเขาขัดหูขัดตา”
เผยยวนนึกถึงตอนที่เขาขี่ม้าครั้งแรก ตกลงมาได้รับบาดเจ็บเอาแต่นอนร้องไห้อยู่บนเตียง แต่ไม่รู้ว่าเจียงจือหวยโผล่มาจากที่ใด และบอกว่าเขาไม่ได้เรื่อง ทำให้เผยยวนโกรธมากจนใช้เวลาทั้งคืนในคอกม้า เพื่อผูกมิตรกับม้า
และที่ทำให้เขาพูดไม่ออกเลยก็คือ ครั้งแรกตอนที่เขาฝันเปียก และคิดว่าตัวเองฉี่รดที่นอน วันต่อมาเจียงจือหวยก็ให้คนนำบทสวดชำระล้างจิตใจมาให้เขา บอกเขาว่าหากอยากเก่งวรยุทธ์ต้องอยู่ห่างจากสตรี
เขาไปใกล้ชิดกับสตรีตั้งแต่เมื่อใดกัน! แม้แต่เรื่องในมุ้งของเขาก็ยังจะเข้ามายุ่ง เขาไม่เคยเห็นใครน่ารำคาญเท่านี้มาก่อนเลยจริง ๆ
เผยยวนบ่นกับจี้จือฮวน ทว่านางไม่เพียงไม่รู้สึกรำคาญ แต่ยังคิดว่าอาจารย์ผู้นี้บางครั้งก็มีมุมน่ารักกับเขาด้วย
เผยยวนมองไปรอบ ๆ ก่อนจะหยิกหลังมือของนางเบา ๆ “เหตุใดถึงหัวเราะข้ากัน”
“ตอนที่เจ้าฝันแบบนั้นเจ้ากี่ขวบกัน?”
จี้จือฮวนจงใจเย้าแหย่เขา “ตอนนั้นเจ้าชอบใครกัน?”
เผยยวนใบหน้าแดงก่ำ “ไม่มี”
“ไม่มีจริงหรือ?”
“ข้าสาบานได้”
จี้จือฮวนแสร้งเบือนหน้าหนีและเดินจากไป กองทัพทหารเกราะเหล็กก็แสร้งทำเป็นฝึกซ้อม และแอบเหลือบมองท่านอ๋องของตัวเองที่กำลังงอนง้อพระชายาไปด้วย ชิ ๆ ๆ ไม่ว่าอยู่ด้านนอกเจ้าจะดุดันเพียงใด ทว่ากลับบ้านมาก็กลายเป็นคนตัวเล็กตัวน้อยของภรรยาอยู่ดีไม่ใช่หรือ?
จี้จือฮวนเดินไปโดยไม่สนใจเขา เมื่อใกล้จะถึงกระโจมเผยยวนก็คว้าเอวของนางแล้วอุ้มขึ้นมา จากนั้นก็เปิดม่านออกแล้วพานางเดินเข้าไปทันที
“เจ้าจะทำอะไร ด้านนอกมีทหารเต็มไปหมด รักษาภาพลักษณ์บ้างสิ!” จี้จือฮวนหยิกที่เอวของเขาไปหนึ่งที
เผยยวนอ้อมไปที่ด้านหลังฉากกั้นบังลม แล้วกดนางไว้กับเสา
จี้จือฮวนสายตาหวานเชื่อม เอามือลูบไล้ไปมาที่หน้าท้องของเขา “หืม? เป็นถึงเนี่ยเจิ้งอ๋อง กล้าทำแต่ไม่กล้ารับอย่างนั้นหรือ?”
เผยยวนพ่ายแพ้ในพริบตา “อยากรู้จริงหรือ ข้าไม่ตอบได้หรือไม่?”
จี้จือฮวนคิดไปคิดมา “เจ้าไม่ตอบก็ได้ แต่ข้าเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นมากนะ คำถามนี้หากข้าไม่ได้คำตอบ ไม่แน่ข้าอาจจะถามเจ้าทุกวัน อุ๊บ!”
เผยยวนไม่ให้โอกาสนางได้พูดอีก เขาใช้การกระทำตอบนางแทน โดยการปิดปากนางเอาไว้
จูบนี้บดลงมาอย่างรุนแรง ตอนแรกนางยังขัดขืนอยู่เล็กน้อย ก่อนที่ข้อมือทั้งสองข้างจะถูกเขารวบขึ้นไปเหนือศีรษะด้วยมือเพียงข้างเดียว จากนั้นเผยยวนก็ใช้แขนอีกข้างกอดเอวของนางเอาไว้ พร้อมกับเอาตัวแนบลงมา
เดิมทีก็แค่ต้องการปิดปากของนาง ทว่าต่อมารสจูบนั้นก็พลันเปลี่ยนไป ร่างกายของเขาเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด
จี้จือฮวนกดเขาเอาไว้ “ทำให้มันอยู่อย่างสงบเสงี่ยมหน่อยจะได้หรือไม่?”
“กินอย่างไรก็ไม่อิ่ม แน่นอนว่ามันไม่มีวันสงบเสงี่ยมได้หรอก”
จี้จือฮวนส่งเสียงชิชะออกมา เผยยวนเริ่มมือไม้อยู่ไม่สุข “ช่วงนี้พวกเด็ก ๆ ติดอาเหริ่นมาก คืนนี้เจ้ารีบมาอยู่เป็นเพื่อนข้าจะได้หรือไม่?”
จี้จือฮวนจับมือที่อยู่ไม่สุขของเขาเอาไว้ แล้วพยักหน้าให้
…
เมื่อกลับไปถึงโรงเตี๊ยมที่เป็นที่พักชั่วคราวในเพี่ยวโจว เผยยวนก็ได้แจ้งข่าวนี้ให้กับทุกคน
เยว่พั่วหลัวหยิบใบผ่านทางและใบแสดงตัวตนในมือเผยยวนมาดู
“จีฝูเย่? ชื่อนี้คุ้นหูยิ่งนัก”
เย่จิ่งฝูที่กำลังตำยาอยู่ ได้ยินดังนั้นก็ส่งเสียงชิชะออกมา “ก็คนที่เดินทางไปทั่ว เชี่ยวชาญในการขายอาวุธให้กับกองกำลังต่าง ๆ ขอเพียงมีเงินก็สามารถทำการค้ากับเขาได้ โดยไม่สนว่าอีกฝ่ายจะเป็นคนแบบใดอย่างไรเล่า”
เยว่พั่วหลัวตบหน้าผากตัวเองหนึ่งที “คิดออกแล้ว! สมกับเป็นเจ้าจริง ๆ ท่านยอดฝีมือ”
เย่จิ่งฝูโยกหัวไปมาอย่างภาคภูมิใจ “เมื่อก่อนคนของจีฝูเย่เคยไปที่สำนักของข้าเพื่อขอยา ข้าก็เลยจำได้”
“แต่พวกเราปลอมตัวเป็นเขาจะโจ่งแจ้งเกินไปหรือไม่ ไม่แน่ซือถูรุ่ยอาจเคยพบจีฝูเย่มาก่อนก็ได้?”
“ไม่มีทาง ใบหน้าของจีฝูเย่เสียโฉมแล้ว จึงไม่มีใครรู้ว่าหน้าตาที่แท้จริงของเขาเป็นเช่นไร และเขาก็ไม่มีที่อยู่ที่แน่นอน หากต้องการติดต่อกับเขา ต้องให้นกพิราบมาแจ้งข่าวก่อน แต่ต้องยอมรับว่าอาวุธที่เขาทำขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่งในใต้หล้าจริง ๆ”
จี้จือฮวนหยิบใบแสดงตัวของตัวเองขึ้นมา “เช่นนั้นซือเยียนเป็นใครกัน?”
“องครักษ์หญิงข้างกายของจีฝูเย่ และมีคนบอกว่านางเป็นคนรักของจีฝูเย่ด้วย อย่างไรเสียคนผู้นี้มีที่อยู่ที่ไม่แน่นอน ภาพจำที่ทิ้งเอาไว้จึงเป็นคนลึกลับอย่างมาก หากต้องการจะปลอมตัว เขาจึงเป็นตัวเลือกที่ดีมากจริง ๆ!”
จี้จือฮวนเก็บใบยืนยันตัวตน “มีความเป็นไปได้หรือไม่ ที่เจียงจือหวยส่งสิ่งนี้มา เพื่อต้องการจะบอกเราว่า ซือถูรุ่ยมีการติดต่อกับจีฝูเย่ และเขาต้องการจะซื้ออาวุธ?”
เผยยวนพยักหน้าเห็นด้วย เจียงจือหวยเวลาจะทำอะไรเดิมก็เข้าใจยากอยู่แล้ว เขาไม่มีทางบอกกับเจ้าตรง ๆ หรอก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในจดหมายฉบับนี้ที่มีเทียบเชิญจากซือถูรุ่ยส่งมาให้ด้วย
“เช่นนั้นหากว่าพวกเจ้าเข้าไปแล้ว พบกับจีฝูเย่ตัวจริงขึ้นมาจะทำอย่างไรเล่า?” ลู่เอี้ยนถามขึ้นมา
คนทั้งกลุ่มจึงหันไปมองเขาด้วยสีหน้าเอือมระอา
“ก็ต้องจับมัดและพาตัวมาน่ะสิ คนมีความสามารถเช่นนี้ ปล่อยให้ขายอาวุธอยู่ข้างนอกน่าเสียดายจะตายไป”
“ก็ใช่น่ะสิ หมู่บ้านตระกูลเฉินของเราใช่ว่าจะไม่มีข้าวให้เขากินเสียหน่อย”
“สามารถร่วมมือกับซือถูรุ่ยได้จะเป็นคนดีได้อย่างไร ดังนั้นตีแล้วก็พาตัวมา หากไม่ยอมก็ถลกหนังซะ”
จากนั้นทุกคนก็ต่างทำท่าปาดคอโดยพร้อมเพรียงกัน
พวกเราล้วนเป็นพวกที่ชอบใช้กำลังสยบศัตรูมาตลอด คำถามโง่เง่าเช่นนี้ต่อไปไม่ต้องถามแล้ว
“เช่นนั้นพวกเจ้าตัดสินใจจะใช้แผนนี้แล้วหรือ?”
เผยยวนเอ่ยเสียงเข้มขึ้นมา “เราสามารถบุกโจมตีซึ่ง ๆ หน้าได้ แต่เรากลัวว่าหากซือถูเซิงยังมีชีวิตอยู่ ซือถูรุ่ยอาจทำอะไรสุดโต่งก็เป็นได้ ดังนั้นเข้าไปสืบข่าวดูก่อนก็ไม่เสียหายอะไร”
เมื่อเจียงจือหวยแนะนำมาเช่นนี้ เกรงว่าในเมืองเจว๋เฉิงนั่น ต้องมีเหตุผลอะไรบางอย่างที่เขาต้องเข้าไปเองเป็นแน่
เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับแม่ผู้ให้กำเนิดของเด็กทั้งสองคน เผยยวนจึงไม่กล้าเสี่ยง
เพราะหากทำอะไรบุ่มบ่ามแล้วทำให้ซือถูเซิงเป็นอะไรขึ้นมา เขาก็คงให้อภัยตัวเองไม่ได้อย่างแน่นอน
และจากใบยืนยันตัวตนและใบผ่านทางที่ส่งมาให้นั้น เขาสามารถนำคนรับใช้ไปได้สามสิบกว่าคน ดังนั้นพวกเขาก็แค่เตรียมตัวออกเดินทางไปยังเมืองเจว๋เฉิงก็พอแล้ว
ประกอบกับอาเหริ่นเคยอาศัยอยู่ในเมืองเจว๋เฉิงมาหลายปี คงจะคุ้นเคยกับประเพณีท้องถิ่นและจวนซือถูเป็นอย่างดี
เย่จิ่งฝูคิดไปคิดมา “ศิษย์น้องเล็กของข้าเคยพบกับพวกจีฝูเย่ ได้ยินว่ารับมือยากและเซ้าซี้อย่างมาก ทำให้เขาจำได้ดีมาจนถึงทุกวันนี้ ข้าจะไปเรียกเขามาสอบถามรายละเอียดให้ชัดเจน และคงทำให้พวกเราปลอมตัวเป็นเขาได้เหมือนเจ็ดถึงแปดส่วน ท่านอ๋อง ถึงเวลาท่านเพียงแค่สวมหน้ากากเอาไว้ รับรองว่าพวกเราต้องทำสำเร็จอย่างแน่นอน”
เอ่ยจบ นางก็รีบออกไปและตะโกนเรียกคนทันที “ป่านหลานเกิน!!”
.
.
.