เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย - บทที่ 496 ราชาร้อยกู่แผลงฤทธิ์
- Home
- เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย
- บทที่ 496 ราชาร้อยกู่แผลงฤทธิ์
บทที่ 496 ราชาร้อยกู่แผลงฤทธิ์
อาชิงวางฝ่ามือลงบนจุดที่มีรอยเลือดคั่งอยู่ แล้วลูบไล้เบา ๆ
ไม่นานก็มีจุดสีดำเล็ก ๆ จุดหนึ่งเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วมาตามแขนป้อม ๆ ของเขา จากนั้นก็มีอาการปวดเล็กน้อยที่ปลายนิ้ว ก่อนจะมีหนวดสีดำเล็ก ๆ โผล่ออกมา
อาชิงเองก็ได้รู้โดยบังเอิญว่าบางครั้งเมื่อราชาร้อยกู่ได้กลิ่นพิษ มันจะโผล่หัวออกมาด้วยความสนใจอย่างมาก หลังจากนั้นเมื่อเวลาผ่านไปได้สักพัก พิษที่รุนแรงนั่นก็จะกลายเป็นแค่น้ำเปล่าเท่านั้น ราวกับว่าสำนักกู่กำลังเย้ยหยันสำนักพิษอย่างไรอย่างนั้น เหมือนคนไม่มีผิด
ตอนนี้เมื่อราชาร้อยกู่โผล่หัวออกมา ก็สามารถยืนยันได้แล้วว่าในร่างกายของอาเหริ่นมีพิษอยู่จริง ๆ แต่น่าแปลกที่เหตุใดหลายปีมานี้พิษเหล่านี้ถึงไม่เอาชีวิตเขา
อาชิงเห็นว่าหนวดของราชาร้อยกู่สัมผัสกับผิวของอาเหริ่นแล้ว จึงเอ่ยเตือนอย่างระมัดระวัง “ไป่ไป่* เจ้าลงมือเบาหน่อยล่ะ เพราะเขาเป็นพ่อแท้ ๆ ของข้า”
* ไป่ (百) หมายถึง ร้อย มาจากชื่อของราชาร้อยกู่
หนวดสีดำเล็ก ๆ สองเส้นบนหัวของราชาร้อยกู่สัมผัสกัน ราวกับกำลังตอบรับคำพูดของอาชิง ไม่นานกู่ทั้งตัวก็คลานออกมาจากปลายนิ้วของเขา ทันทีที่มันหลุดออกมา กู่ค้นหาที่อาชิงใส่เข้าไปก็รีบวิ่งออกมา ตกใจจนสั่นไปทั้งตัว
คิ้วเล็ก ๆ ของอาชิงขมวดขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะเห็นราชาร้อยกู่มุดหายเข้าไปในรูจมูกของอาเหริ่น
อาชิงกะพริบตาปริบ ๆ ก่อนจะตกใจกลัวจนเหงื่อแตกพลั่กออกมาในทันที! คงไม่ใช่กระมัง ไม่ใช่ว่าจะไม่ออกมาอีกแล้วกระมัง!
อาชิงเปิดปากของอาเหริ่นออก เขย่าร่างของเขาไปมา “ไป่ไป่ เจ้าไปอยู่ที่ใด! รีบออกมานะ”
อูหลางไม่วางใจ จึงเข้ามาดูว่าอาชิงกำลังทำอะไรอยู่ ก็เห็นภาพเด็กน้อยโก้งโค้ง เขย่าตัวอาเหริ่นอย่างบ้าคลั่ง
อูหลางรู้สึกสะเทือนใจเล็กน้อย แม้ว่าพวกเขาจะแยกจากกันมานานหลายปี แต่ความสัมพันธ์ทางสายเลือดอย่างไรเสียก็เป็นของจริง ดูสิ เด็กน้อยเห็นพ่อของตัวเองสลบไม่ฟื้น ต้องกังวลมากเพียงใดกัน
อาชิงตกตะลึง ไม่ว่าเขาจะเขย่าอย่างไร ราชาร้อยกู่นั่นก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
หากอยู่ภายในกายของอาเหริ่นแล้วคอยปกป้องเขาก็แล้วไป แต่ถ้าหากว่า…!!!
หากว่าขัดหูขัดตาปล่อยพิษใส่พ่อแท้ ๆ ของเขาจนตายจะทำอย่างไรเล่า!!
อาชิงกังวลมากจนจะร้องไห้ออกมาอยู่แล้ว ดวงตากลมโตราวกับองุ่นดำกะพริบหนึ่งที น้ำตาก็จะไหลลงมาอยู่รอมร่อ
ทว่าอึดใจต่อมา ราชาร้อยกู่ก็ส่งเสียงฟิ้วและกลับออกมา พร้อมกับลากแมลงอ้วนตัวหนึ่งออกมาด้วย มันเกือบจะติดอยู่ที่รูจมูกและออกมาไม่ได้อยู่แล้ว ราชาร้อยกู่ต้องใช้แรงอย่างมากจึงจะสามารถลากมันออกมาได้ ระหว่างนั้นแมลงตัวอ้วนยังคงขัดขืนและพยายามจะคลานกลับเข้าไปอีก ดังนั้นราชาร้อยกู่จึงอ้าปากกว้างและเริ่มกัดกินมันทันที
แค่ช่วงเวลาที่อาชิงสะอึกหนึ่งที ราชาร้อยกู่ก็กินอิ่มไปอีกหนึ่งมื้อแล้ว มันนอนหงายอยู่บนหน้าอกของอาเหริ่น ราวกับว่ากำลังย่อยอาหารอยู่
กู่ค้นหาตกใจกลัวจนขดตัวเป็นก้อนกลม ๆ ไปตั้งนานแล้ว การต่อสู้ระหว่างสองราชา ใช่เรื่องที่กู่ตัวเล็ก ๆ อย่างมันจะเข้าไปยุ่งได้ที่ใดกัน! และกลัวว่าหากราชากู่กินไม่อิ่มแล้วจะมากินมันต่อ
อย่างไรเสียราชาร้อยกู่ก็คือราชาที่กลืนกินหนอนกู่แมลงกู่ของสำนักกู่มาไม่น้อยกว่าร้อยตัว กลืนกินพวกมันมาตลอด หนอนกู่ทั้งใต้หล้าจึงมีเพียงมันที่สูงส่งที่สุด!
ส่วนอาชิงก็ตกตะลึงอีกครั้ง เขาจึงยื่นนิ้วไปจิ้มมันหนึ่งที แต่ภาพที่อูหลางเห็นกลับเป็นเพียงภาพความใกล้ชิดระหว่างพ่อลูก ไม่ได้รู้ถึงเหตุการณ์ร้ายแรงเมื่อครู่แต่อย่างใด นางเช็ดน้ำตาป้อย ๆ แล้วจึงค่อย ๆ ถอยออกไป
ส่วนทางด้านนี้ หลังจากที่ราชาร้อยกู่กินจนอิ่มแล้ว ก็เดินวนที่ตำแหน่งหัวใจของอาเหริ่น
ปกติอาชิงก็มีความคิดแตกต่างจากคนทั่วไปอยู่แล้ว จึงเข้าใจความหมายของราชาร้อยกู่ในทันที!
เขาครุ่นคิดดูแล้ว งูหนึ่งและงูสองนั้นพึ่งพาไม่ได้ อากาศหนาวเช่นนี้จำเป็นจะต้องเชิญเพียงพอนน้อยออกมาแล้ว
เขาขยับคอไปมา เพียงพอนน้อยที่ม้วนอยู่รอบคอจนกลายเป็นผ้าพันคอก็ชะโงกหัวออกมา ดวงตากลมโตสีดำมองดูอาชิงก่อนจะเอียงหัว ราวกับกำลังถามว่า จะให้ทำอะไร?
อาชิงจิ้มไปที่หน้าอกของอาเหริ่น “เพียงพอนน้อย! ช่วยดูดเลือดคั่งให้ที”
เพียงพอนน้อยปกติมักจะดื่มพิษเป็นยาบำรุงร่างกายอยู่แล้ว เมื่อได้ยินดังนั้นดวงตาก็เป็นประกายขึ้นมา ก่อนจะกระโดดขึ้นไปที่หน้าอกของอาเหริ่น ใช้อุ้งเท้าเล็ก ๆ ย่ำไปมา ก่อนจะอ้าปากแล้วกัดลงไป
เมื่อเห็นว่าเลือดคั่งบนหน้าอกถูกมันค่อย ๆ ดูดจนผิวกลายเป็นสีปกติ เวลานี้เพียงพอนน้อยก็ได้ดูดเลือดคั่งออกมาจนหมดแล้ว แมลงหนึ่งตัวกับเพียงพอนอีกหนึ่งต่างก็พลิกตัวหงายท้อง นอนอยู่บนตำแหน่งหัวใจของอาเหริ่นเพื่อพักผ่อน
เอิ๊ก อิ่มจัง!
หลอดเลือดที่ถูกควบคุมโดยพิษกู่ก็กลับมาไหลเวียนอีกครั้งในทันที ร่างกายที่นอนนิ่ง ๆ มาเป็นเวลานานก็เริ่มขยับได้อีกครั้ง ทันทีที่อาเหริ่นลืมตาขึ้นมา เขาจึงได้คว้าสิ่งที่อยู่ข้างกายโดยไม่รู้ตัว ดังนั้นเขาจึงคว้ามนุษย์ตัวเล็ก ๆ นุ่มนิ่มที่อยู่ข้างกายเอาไว้ทันที
อาชิงกับเขาต่างก็มองหน้ากัน จากนั้นก็กะพริบตาปริบ ๆ แล้วตะโกนขึ้นมา เสียงดังออกไปถึงด้านนอก “ท่านพ่อ!! ท่านแม่!!! พ่อแท้ ๆ ของข้าตื่นแล้วขอรับ!!”
นอกบ้าน ทุกคนกำลังดูเผ่าหมาป่าเต้นรำ และร้องเพลงสรรเสริญเทพเจ้าหมาป่าที่ส่งเด็กกลับคืนมายังเผ่าของพวกเขาอยู่ ไป๋จิ่นก็กำลังจะบ่นออกมาว่า เทพเจ้าหมาป่าอะไรกัน เป็นพวกเขาต่างหากที่พามา!
ทว่าก็ได้ยินเสียงร้องของอาชิงดังขึ้นมาเสียก่อน
เผยยวนและจี้จือฮวนจึงรีบเข้าไปในบ้านน้ำแข็งก่อนใคร และมีพวกไป๋จิ่นตามหลังมาติด ๆ ตอนที่คนของเผ่าหมาป่าแห่กันเข้ามา ในบ้านน้ำแข็งหลังนั้นก็เต็มไปด้วยผู้คนแล้ว
“อาเหริ่น!”
คนของเผ่าหมาป่าต่างส่งเสียงโห่ร้องด้วยความยินดีออกมา พวกเขาแทบไม่อยากจะเชื่อ จากนั้นพวกเขาก็ได้เอามือวางบนหน้าผากและอธิษฐานไปยังทางภูเขาหิมะ อูหลางเองก็น้ำตาไหลอาบแก้ม “เทพเจ้าหมาป่าคุ้มครอง ขอบคุณเทพเจ้าหมาป่า! ขอบคุณแขกผู้มีเกียรติของเรา พวกเจ้าไม่เพียงนำเด็กของเผ่าหมาป่าของเรามาคืน แต่ยังปลุกคนในเผ่าของเราให้ตื่นขึ้นมาอีกด้วย!”
พวกจี้จือฮวนรับรู้ได้ถึงความดีใจของพวกเขา แต่พวกเขากำลังสงสัยมากกว่าว่าเหตุใดอาเหริ่นผู้นั้นถึงได้จับแขนของอาชิงเอาไว้ตลอด!
“เจ้าปล่อยข้า ปล่อยข้า!” อาชิงเจ็บไปหมดแล้ว เขาจึงบิดร่างเล็ก ๆ ของตัวเองเพื่อหนีจากการจับกุม ราชาร้อยกู่ก็มุดเข้าไปในร่างของอาชิงแล้ว ส่วนเพียงพอนน้อยก็เริ่มแยกเขี้ยวยิงฟัน
ท่านย่าอูหลางจึงรีบเข้ามาใกล้เขาแล้วเอ่ยขึ้นมา “อาเหริ่น นี่เป็นลูกของเจ้า เป็นลูกของเจ้ากับเซิงเซิง เจ้ารีบปล่อยเขาเถอะ!”
สายตาที่น่าหวาดกลัวของอาเหริ่นก็ค่อย ๆ เปลี่ยนไป คำว่า ‘เซิงเซิง’ ทำให้แววตาของเขาอ่อนโยนลงทันที เขาจึงคลายมือออกเล็กน้อย ก่อนอาชิงจะถูกเผยยวนอุ้มเอาไว้ในอ้อมแขน หลังจากนั้นชายทั้งสองคนก็มองหน้ากันเงียบ ๆ อาเหริ่นพยายามฝืนร่างกายต้องการจะลุกออกไป
แต่เพราะร่างกายไม่ได้เคลื่อนไหวมาเป็นเวลานาน จึงทำให้เขาล้มลงไปกองกับพื้นทันทีที่ลุกขึ้นมา
“อาเหริ่น!”
เขาใช้มือดันพื้นอย่างแรง “ช่วยเซิงเซิง เซิงเซิงกำลังรอข้าอยู่”
ความทรงจำของเขายังคงติดอยู่ในวันที่ซือถูเซิงจากไป โดยไม่รู้เลยว่าเวลาได้ผ่านไปหกปีแล้ว สิ่งต่าง ๆ มากมายก็ล้วนเปลี่ยนไป
เผ่าหมาป่าได้ออกมาจากที่นั่นแล้ว และลูกของเขากับเซิงเซิงก็เติบโตจนสามารถวิ่งและกระโดดโลดเต้นได้แล้ว แต่เขากลับติดอยู่ในวันนั้น ในหัวเต็มไปด้วยภาพที่ซือถูเซิงถูกพาตัวไป
ฮวาหลางและคนอื่น ๆ จึงจับเขาเอาไว้ ความจริงแล้วก็ไม่ได้ใช้กำลังอะไรมากนัก เพราะเขาในตอนนี้ไม่ใช่คนของเผ่าหมาป่าที่องอาจห้าวหาญที่สุด และทรงพลังเฉกเช่นตอนนั้นอีกแล้ว
เขาเป็นเพียงชายอ่อนแอที่นอนอยู่บนเตียงน้ำแข็งมาหกปีคนหนึ่งก็เท่านั้น
“อาเหริ่น เจ้าช่วยตั้งสติหน่อย ลูก ๆ ของเจ้าเวลานี้โตแล้ว เจ้าสูญเสียเซิงเซิงไป ยังอยากจะสูญเสียลูกไปอีกอย่างนั้นหรือ?”
อาเหริ่นชะงักไปทันที ก่อนจะหันหน้ากลับไปมองพวกฮวาหลาง
“เจ้าดูสิ เด็กสองคนนี้ก็คือลูกที่เซิงเซิงทิ้งไว้ให้เจ้าอย่างไรเล่า เจ้าไม่รักพวกเขาอย่างนั้นหรือ!” ฮวาหลางเอ่ยถาม
.
.
.