เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย - บทที่ 489 ราชาร้อยกู่ตั้งแผงลอยหาเงิน
- Home
- เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย
- บทที่ 489 ราชาร้อยกู่ตั้งแผงลอยหาเงิน
บทที่ 489 ราชาร้อยกู่ตั้งแผงลอยหาเงิน
อาอินเงยหน้าขึ้นมองพวกเขา ในดวงตาเป็นประกายแฝงด้วยความระแวดระวัง จากนั้นจึงได้พยักหน้ารับ “ชอบ”
พวกเผ่าหมาป่าได้ยินดังนั้นก็รู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก ต้องการยื่นมือออกไปอุ้มอาอิน
คราวนี้ไม่จำเป็นต้องให้จี้จือฮวนลงมือ เผยยวนก็รีบจับมือที่พวกเขายื่นมาเอาไว้ทันที “ทุกท่าน ที่ข้าปล่อยพวกท่านไป เพราะไม่ต้องการให้ชาวบ้านในเมืองตื่นตกใจ และเข้าใจความหวงแหนที่เผ่าหมาป่าของพวกท่านมีต่อหมาป่าหิมะ เคารพธรรมเนียมของพวกท่าน แต่ว่าเด็กคนนี้ไม่ใช่คนของพวกท่าน จะไปก็รีบไปเสีย”
เผ่าหมาป่าชักมือกลับไป มองดูผู้คนรอบตัวด้วยความรังเกียจ จากนั้นก็เดินจากไป ทว่าก็ยังหันกลับมามองเป็นระยะ สายตายังคงจับจ้องมาที่เด็กทั้งสองคน
อาอินเองแม้ว่าจะอาลัยอาวรณ์ลูกหมาป่า แต่ก็ทำได้เพียงส่งคืนไป
ลูกหมาป่าตัวน้อยเหล่านั้นเดินโซซัดโซเซตามไป พวกมันน่ารักราวกับก้อนขนที่ขยับได้ จิตวิญญาณของเด็กทั้งสองคนก็แทบจะถูกพวกมันล่อลวงไป
เมื่อเห็นว่าเผ่าหมาป่าจากไปไกลแล้ว ทุกคนจึงได้กลับคืนสู่บรรยากาศเดิมอีกครั้ง ทว่าเมื่อไม่มีสัตว์ที่หายากอย่างหมาป่าหิมะแล้ว สัตว์ชนิดอื่นก็ดูธรรมดาไปทันที
พวกเผยยวนก็เดินกลับแล้วเช่นกัน
ลู่เอี้ยนประหลาดใจ “จวนของสือฟางโอ่อ่าตระการตา เหตุใดเจ้าถึงมาพักโรงเตี๊ยมเล่า?”
“ข้าเกลียดความสกปรก” จวนหลังนั้นสือฟางแย่งชิงเขามา ดังนั้นจึงไม่ต้องพูดถึงเรื่องความหรูหราตระการตาในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เพราะอลังการยิ่งกว่าตำหนักบรรทมของเซี่ยเจินเสียอีก เผยยวนจึงไม่คุ้นเคยกับสถานที่เช่นนั้น และไม่นานเขาก็จะต้องเดินทัพไปพั่นโจวแล้ว
“ก็จริง ได้ยินมาว่าสือฟางได้จับผู้หญิงท้องถิ่นไปขังเอาไว้อีกด้วย เพื่อเอาไว้เป็นที่ปลดปล่อยความสุขของพวกเขา” ลู่เอี้ยนพูดถึงตรงนี้ เผยยวนก็เอ่ยขึ้นมา “เจ้ามาได้เวลาพอดี ข้ากำลังคิดว่าจะหารือเรื่องนี้กับเจ้าอยู่พอดี”
“บนโลกนี้เกิดเป็นผู้หญิงนั้นยากลำบาก ทั้ง ๆ ที่ถูกข่มเหงแต่กลับไม่ได้รับความเห็นใจจากผู้อื่นเลยแม้แต่น้อย คนในครอบครัวก็ต้องการให้พวกนางตายเพื่อรักษาคุณธรรมอันสูงส่งของพวกเขา แทนที่จะปล่อยให้ผู้หญิงเหล่านี้ต้องทนทุกข์กับคำพูดกระแนะกระแหนของผู้คน ข้าและฮวนฮวนจึงมีความคิดที่จะให้พวกนางไปทำงานในโรงงานที่เมืองหลวง แต่หากพวกนางไม่ต้องการละทิ้งบ้านเกิด ก็ให้อยู่ที่จินโจวของพวกเจ้าไป”
เดิมทีร้านค้าเหล่านั้นของพวกเขาก็วางแผนว่าจะมาเปิดที่จินโจวอยู่แล้ว เป้าหมายก็เพื่อทำการค้าทั่วแคว้น นอกจากนี้ยังมีเป้าหมายในการสนับสนุนให้หญิงม่ายที่ต้องเลี้ยงดูลูกตัวคนเดียวอย่างยากลำบาก หรือผู้ที่ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก และคนที่พิการได้มีงานทำ
โดยเฉพาะงานทอผ้าหรือตัดเย็บเสื้อผ้า ที่ไม่จำเป็นต้องออกไปเผชิญหน้ากับลูกค้าหรือไปเรียกลูกค้าด้านนอก
หากผู้หญิงในเพี่ยวโจวต้องการจะฆ่าตัวตายเพราะถูกกองกำลังสือฟางข่มเหง เช่นนั้นราชสำนักก็จะต้องให้ทางเลือกแก่พวกนาง
พวกนางไม่มีความผิด ไม่ควรได้รับการปฏิบัติเช่นนั้น
ลู่เอี้ยนได้ยินดังนั้นก็โค้งตัวลงคำนับให้กับเผยยวน “พี่เผย เมื่อก่อนข้ารู้สึกว่าท่านเป็นคนเข้าถึงยาก พูดน้อยและคร่ำครึ ประกอบกับมีชื่อเสียงตั้งแต่อายุยังน้อย แต่กลับมีจิตใจฮึกเหิม ข้าจึงคิดว่าท่านคงไม่ได้สนใจเรื่องเหล่านี้ แต่ช่วงที่ผ่านมาได้อยู่ร่วมกับท่าน นายอำเภออย่างข้าก็ได้เรียนรู้จากท่านเช่นกัน”
เผยยวนเลิกคิ้วขึ้น “เดิมข้าก็ไม่ได้เป็นคนคร่ำครึอยู่แล้ว อีกอย่างเรื่องเหล่านี้เมื่อก่อนข้าก็ไม่ได้คิดถึงจริง ๆ แต่เป็นฮวนฮวนที่คอยพูดกรอกหูข้า ข้าจึงคิดได้ขึ้นมา หากว่าชายหญิงสลับกัน นี่จะเป็นความคับข้องใจเพียงใดกัน”
บุรุษสองคนเดินนำอยู่ด้านหน้า ส่วนด้านหลังเย่จิ่งฝูได้ดึงจี้จือฮวนเอาไว้เพื่อขอคำแนะนำเกี่ยวกับปัญหาที่นางพบในช่วงที่ผ่านมา ตัวอย่างเช่น วิธีการใช้มีดที่นางฝึกตอนนี้ผ่านหรือไม่เป็นต้น
มีเพียงเด็กน้อยสองคนที่ยังจับจูงกันอยู่ พร้อมท่าทางเศร้าสร้อย
จี้จือฮวนสังเกตเห็นว่าเซียวเซวียนจิ่นกำลังหยอกล้อพยายามทำให้พวกเขาหัวเราะอยู่ จึงได้กวักมือแล้วเอ่ยเรียก “มานี่มา”
เจ้าตัวเล็กทั้งสองจึงเข้าไปใกล้
จี้จือฮวนจึงเอ่ยถามขึ้นมา “คิดถึงลูกหมาป่าหิมะหรือ?”
เจ้าตัวเล็กทั้งสองคนเพียงแค่พยักหน้ารับ
“พวกเราชอบมันมากเลยเจ้าค่ะ แต่มันล้ำค่ามาก พวกเราซื้อไม่ได้ใช่หรือไม่เจ้าคะ?”
อาชิงหยิบอั่งเปาขึ้นมา “ข้าเตรียมอั่งเปาเอาไว้แล้ว”
จี้จือฮวนเอ่ยตอบ “ลูกหมาป่าหิมะอยู่กับพ่อแม่ของมันดีที่สุดแล้ว หากมีคนต้องการแยกพวกเราออกจากกัน เพียงเพราะพวกเขาชอบพวกเจ้ามาก พวกเจ้าจะยอมหรือไม่?”
เจ้าตัวเล็กทั้งสองรีบส่ายหน้า
“ไม่ได้ ข้าแยกจากท่านแม่ไม่ได้”
จี้จือฮวนยัดตั๋วเงินของอาชิงกลับเข้าไป “เงินอั่งเปาที่ท่านทวดให้พวกเจ้า ไม่ได้ให้พวกเจ้าเอามาใช้ส่งเดชเช่นนี้”
ปกติแล้วอาชิงก็ไม่ได้มีนิสัยใช้เงินสุรุ่ยสุร่าย แต่วันนี้เขาชอบพวกมันมากจริง ๆ
เขาพยักหน้ารับคำ ต่อไปเขาต้องหาเงินเองให้ได้!
แล้วจะหาเงินเช่นไรดี!
เมื่อกลับมาถึงโรงเตี๊ยม พี่หญิงก็เดินตามท่านแม่เข้าไปในห้อง อาจารย์ทั้งสองก็ไม่รู้ว่าไปอยู่ที่ใด อาชิงจึงเดินไปที่ประตูและนั่งเหม่ออยู่คนเดียว กองทัพทหารเกราะเหล็กที่เดินไปเดินมาก็มีจำนวนมาก จึงไม่ต้องกังวลว่าเขาจะถูกคนลักพาตัวไป ยิ่งไปกว่านั้น เด็กคนนี้ยังร้ายกาจเป็นอย่างยิ่ง
อาชิงหน้าตาน่ารัก ทั้งยังมีท่าทางน่าเอ็นดู ตัวเล็ก ๆ นั่งเหม่ออยู่ที่ธรณีประตู ทำเอาคนที่เดินผ่านไปผ่านมาต่างก็มองมาที่เขา
“มีวิธีแล้ว! ข้ารู้แล้วว่าจะขายอะไร!”
อาชิงเอ่ยกับตัวเอง จากนั้นขาสั้น ๆ ก็วิ่งดุกดิกเข้าไปด้านใน ก่อนจะหยิบผ้าป่านผืนหนึ่งมาปูที่ประตูหน้าโรงเตี๊ยม
เสี่ยวเอ้อและเถ้าแก่ของโรงเตี๊ยมกำลังยืนพิงประตูมองดูบรรยากาศที่คึกคัก
“คุณชายน้อยของครอบครัวเนี่ยเจิ้งอ๋องจะทำอะไรกัน?”
“ใครจะไปรู้เล่า แต่ทำสัญลักษณ์เอาไว้ตรงนี้ด้วย ประตูนี้ของพวกเราเป็นสุดยอดทำเลทอง เพราะน้องชายของหวงไท่ซุนองค์ปัจจุบัน คุณชายน้อยของเนี่ยเจิ้นอ๋อง เคยมาตั้งแผงที่ประตูนี้ด้วย!”
ต่อไปต้องกั้นตรงนี้เอาไว้ จะปล่อยให้คนเข้าออกส่งเดชได้อย่างไร
อาชิงหยิบขวดและโหลทั้งหมดในห้องของไป๋จิ่นออกมา ยังมีของในห้องของเยว่พั่วหลัวด้วย
ต้องทำป้ายอีกสักแผ่น!
‘สุดยอดอาวุธสังหาร ไม่มีการหลอกลวง ท่องยุทธภพ ผู้กล้าต้องมี!’
เนื่องจากรู้จักตัวหนังสือไม่มาก ดังนั้นอาชิงจึงไปขอให้เถ้าแก่โรงเตี๊ยมช่วยเขียนให้
เอาป้ายตั้งไว้ตรงนั้น เปิดร้านแบกะดินเช่นนี้ วันนี้เขา ราชาร้อยกู่จะหาเงินค่าขนมให้ได้!
จากนั้นก็เอาเงินไปซื้อหมาป่าหิมะ!
สายตาของเขาจ้องมองคนที่เดินผ่านไปผ่านมาอย่างคาดหวัง
เนื่องจากเขายังเด็ก ประกอบกับกองทัพทหารเกราะเหล็กก็รู้จักเขาดี จึงไม่มีใครจับกุมเขา ไม่อย่างนั้นอาศัยเพียงข้อความที่เขียนบนป้ายแผ่นนี้ คงถูกจับตัวไปสอบปากคำที่ที่ว่าการแล้ว
“เด็กน้อย ข้าไม่ฆ่าคน มียาเบื่อหนูหรือไม่!”
อาชิงเกาหัว “สามารถฆ่าคนได้ก็คงฆ่าหนูได้กระมัง!”
เขาเปิดขวดออกเลือกไปเลือกมา ก่อนจะเลือกยาที่ไป๋จิ่นใช้เวลาทำหลายคืนออกมา จากนั้นก็ห่อให้เรียบร้อยแล้วเอ่ยขึ้น “สามารถเบื่อหนูได้ยกรังอย่างแน่นอน เก้าชั่วโคตรจะถูกพิษจนตาย!”
ชายชราเมื่อได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกขบขัน “เจ้าพูดจาไม่ซื่อสัตย์เอาเสียเลย ข้าจะสามารถหาหนูทั้งตระกูลได้อย่างไรกัน”
อาชิงคิดไปคิดมา ก็ล้วงงูหนึ่งงูสองที่กำลังจำศีลออกมาจากในตะกร้าไม้ไผ่ใบน้อยข้าง ๆ แล้วเขย่าไปเขย่ามา “ตื่นเร็ว ออกมาทำงานได้แล้ว!
ท่านปู่ ท่านพาพวกมันไปเถอะขอรับ พวกมันจะช่วยท่านจับหนูจนหมดได้อย่างแน่นอน!”
“อ้ากกก งู!” ชายชราผู้นั้นตกใจอย่างมาก จึงรีบจ้วงไม้ค้ำวิ่งหนีไปทันที ไหนเลยจะยังสนใจยาเบื่อหนูอีก
อาชิงเกาหัว หาเงินช่างยากเย็นจริง ๆ ข้ามีน้ำใจเพียงนี้ ซื้อยาเบื่อหนูแถมงูฆ่าได้เก้าชั่วโคตร มีที่ใดไม่รอบคอบอีกอย่างนั้นหรือ?
ขณะที่เขากำลังครุ่นคิดอยู่นั้น ก็มีลิ้นอุ่น ๆ และมีหนามเล็ก ๆ มาเลียที่หน้า เมื่อเขาหันหน้าไปก็พบว่าเป็นเมี้ยวเมี้ยว เสือตัวใหญ่ที่มีสีขาวราวกับหิมะทั้งตัวนั่งลงข้าง ๆ แล้วส่งเสียงร้องอย่างเชื่อง ๆ ออกมา
อาชิงพิงหัวเล็ก ๆ ลงบนหน้าอกของมันและเอ่ยขึ้นด้วยความสงสัย “เมี้ยวเมี้ยว เจ้าว่าวันนี้ข้าจะสามารถหาเงินได้ถึงสองเหวินหรือไม่?”
เมี้ยวเมี้ยวเลียปากตัวเอง และเอาหัวโต ๆ พิงกับหัวของเขา
.
.
.