เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย - บทที่ 481 กองทัพทหารเกราะเหล็กมาถึงแล้ว
- Home
- เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย
- บทที่ 481 กองทัพทหารเกราะเหล็กมาถึงแล้ว
บทที่ 481 กองทัพทหารเกราะเหล็กมาถึงแล้ว
“ของข้า ๆ!” อาชิงยื่นมือจ้ำม่ำออกไป และโบกมือให้หานฉีไม่หยุด “ท่านพ่อ เขาเป็นเชลยเฒ่าของข้าเองขอรับ!”
เซียวเซวียนจิ่นจับเขาเอาไว้ “อย่าพูดจาส่งเดช หานฉีผู้นี้เป็นลูกสมุนข้างกายโจรเฒ่าหานเหล่ยนะ เจ้าอยากเข้าไปเป็นตัวประกันของเขาอย่างนั้นหรือ อย่าสร้างความวุ่นวายเลย!”
อาชิงร้อนใจจะแย่อยู่แล้ว “เชลยเฒ่าเขาเชื่อฟังข้าจริง ๆ นะขอรับ! สมองของเขาว่างเปล่าแล้ว!”
ในขณะที่อาชิงกำลังพูดอยู่นั้น หานฉีก็เดินมาทางเขาจริง ๆ
เผยยวนขวางเขาเอาไว้ ไอสังหารของหานฉีก็แผ่ออกมา เมื่อเห็นว่าหานฉีกำลังจะสู้กับเผยยวน อาชิงก็เอ่ยขึ้น “ห้ามทำร้ายท่านพ่อของข้านะ!”
จากนั้นทุกคนก็เห็นว่าหานฉีได้นั่งยอง ๆ ลงตรงนั้น และขยับไปอยู่ด้านข้างเล็กน้อย ท่าทางนั้นเชื่อฟังอย่างมาก
คนที่รู้จักหานฉีต่างก็สูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่ รองแม่ทัพหลายคนเข้าไปใกล้ ๆ พลางมองไปรอบ ๆ “ดวงตาของเขาไม่ละไปไหนเลย เห็นหรือไม่?”
“ข้าไม่ได้มองผิดไปกระมัง”
“เจ้าไม่ได้มองผิด สายตาเขาไม่ละไปไหนเลยจริง ๆ”
อาชิงวิ่งดุกดิกเข้ามา ทันใดนั้นก็กอดเผยยวนเอาไว้ พร้อมกับเงยหน้าขึ้นแล้วเอ่ยออกมา “ท่านพ่อ เขาเป็นเชลยของข้าเองขอรับ นี่คงเป็นของขวัญพบหน้าที่เขาอยากจะมอบให้พวกเราขอรับ”
มือเล็ก ๆ ของอาชิงชี้ไปที่หานเหล่ยที่ยังคงขัดขืนอยู่บนพื้น
ปากของหานเหล่ยถูกปิดเอาไว้ รองแม่ทัพจึงย่อตัวลงแล้วดึงที่อุดปากออกให้ หานเหล่ยเพียงแค่จ้องไปที่หานฉี ก่อนจะด่าทอยกใหญ่ “หานฉี! ข้าดีต่อเจ้าไม่น้อย! เหตุใดเจ้าถึงทำเช่นนี้กับข้า! ข้าทำผิดต่อเจ้าหรืออย่างไรกัน!”
หานเหล่ยไม่เข้าใจจริง ๆ แม้แต่ภรรยาและลูกเขาก็ไม่ได้พามาด้วย และพาหานฉีมาเพียงคนเดียวเท่านั้น แต่หานฉีกลับทรยศเขาเช่นนี้!
ทว่าหานฉีกลับนิ่งเฉย จึงทำให้หานเหล่ยคิดว่าการกระทำเช่นนี้ของหานฉีนั้นเป็นการยอมรับว่าเขาเป็นคนทรยศ!
“เจ้าสัตว์เดรัจฉาน!”
อาชิงทนฟังต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว “เจ้ามาตะโกนใส่เชลยของข้าเช่นนี้ได้อย่างไรกัน!”
แม้จะเป็นเด็กตัวเล็ก ๆ แต่อย่างไรเสียเขาก็หกขวบแล้ว ดังนั้นเมื่อเขาเอาเท้าข้างหนึ่งเหยียบลงไป ก็เกือบจะทำให้หานเหล่ยขาดใจตายได้แล้ว
“เชลย? นี่มันเรื่องอะไรกัน!”
บรรดารองแม่ทัพต่างรู้ดีว่าที่หมู่บ้านตระกูลเฉินมีเชลยอยู่ แต่ไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าเชลยของหมู่บ้านตระกูลเฉินจะสามารถออกมาอยู่ด้านนอกเช่นนี้ได้ด้วย!
อาชิงเชิดคางขึ้น ก่อนจะตบหน้าอกแล้วเอ่ยขึ้นมา “เพราะข้ามีราชาร้อยกู่ สมองของเขาถูกราชาร้อยกู่ควบคุมเอาไว้แล้ว อาจารย์พั่วหลัวของข้าบอกเอาไว้ว่า บัดนี้เขาไม่อยู่ ไม่ตาย และทั่วทั้งใต้หล้าเขาจะฟังคำสั่งของข้าเพียงคนเดียวเท่านั้น”
เผยยวนนึกประหลาดใจ “ตั้งแต่เมื่อใดกัน?”
นี่เป็นสิ่งที่หานเหล่ยก็อยากจะรู้เช่นกัน
“อืม” อาชิงเอียงคอครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “เหมือนจะเป็นตอนที่พวกเขายังอยู่หมู่บ้านตระกูลเฉินกระมัง!”
หานเหล่ย “!!!”
นี่เขาเก็บเจ้าคนทรยศผู้นี้เอาไว้ข้างกายมานานเพียงนี้เชียวหรือ!
หมู่บ้านตระกูลเฉิน! ตอนที่ยังอยู่หมู่บ้านตระกูลเฉินพวกเขาก็วางกับดักเช่นนี้เอาไว้แล้วอย่างนั้นหรือ!
“พรวด!” หานเหล่ยกระอักเลือดออกมาสองครั้ง อาชิงรีบไปดึงคอเสื้อของเขาเอาไว้ “เจ้าอย่าเพิ่งสลบสิ ข้ายังพูดไม่จบเลย เจ้าฟังข้าพูดให้จบก่อนค่อยสลบได้หรือไม่?”
หานเหล่ย ไม่ ข้าไม่อยากฟัง
แต่อาชิงก็พูดออกมาแล้ว “หากเจ้าพาคนอื่นมาก็คงไม่ถูกจับตัวมาเช่นนี้ แต่ว่าเขาควบคุมตัวเองไม่ได้นะ เพราะภายในร่างกายของเขามีหนอนกู่ของข้าคอยควบคุมเขาอยู่! เฮ้อ ข้าไม่พูดกับเจ้าแล้ว สอนเจ้าไปเจ้าก็ทำไม่ได้อยู่ดี เพราะเจ้าไม่มีหนอนกู่นี่นา”
อาชิงยังคงพูดออกมาไม่หยุด แต่ในหัวของหานเหล่ยกลับเอาแต่คิดว่า หากไม่พาหานฉีมาด้วย เขาก็คงไม่ถูกจับมาเช่นนี้!
“พรวด!” ครั้งนี้เขาจึงกระอักเลือดออกมามากกว่าเดิม
โชคดีก่อนที่เขาจะกระอักเลือดออกมา เผยยวนได้อุ้มอาชิงไปก่อนแล้ว เพื่อไม่ให้เสื้อผ้าที่ฮวนฮวนทำด้วยความยากลำบากต้องมาสกปรก
“เอาตัวอัครมหาเสนาบดีหานไป และดูแลให้ดี” หานเหล่ยผู้นี้คอยพลิกฟ้าคว้าฝน*ในราชสำนัก ใช้อำนาจยุยงอยู่เบื้องหลัง ไม่รู้ว่ามีกี่คนแล้วที่ต้องติดกับของเขา ตอนนี้ถูกคนสนิทของตัวเองจับตัวมาส่งถึงที่เช่นนี้ นับว่าถึงคราวโชคร้ายของหานเหล่ย และคงหยุดมันไม่ได้อีกแล้ว!
* พลิกฟ้าคว้าฝน (翻云覆雨) หมายถึง วางกลอุบายเหนือชั้น
บางทีหานเหล่ยเองก็คงไม่สามารถยอมรับได้ ที่ถูกจับตัวมาส่งให้เผยยวนด้วยเหตุผลเช่นนี้!
เขาสามารถกล้ำกลืนความอัปยศได้ แต่ไม่สามารถยอมรับความสะเทือนใจที่ไม่คาดคิดเช่นนี้ได้
ส่วนหานฉีก็คอยติดตามข้างกายอาชิงอย่างเงียบ ๆ ไปตลอดทาง
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน จึงมีเพียงเยว่พั่วหลัวเท่านั้นที่พูดด้วยความภาคภูมิใจออกมา “เห็นหรือไม่ ช่วงเวลาสำคัญ ยังต้องพึ่งสำนักกู่ของเรา ดังนั้นอย่าได้ดูถูกวิชาควบคุมกู่เชียว!”
ไป๋จิ่นมองไปที่น่องไก่น่องใหญ่ที่จู่ ๆ ก็เพิ่มขึ้นมาในชามของนาง ก่อนจะกินข้าวคำใหญ่ไปสองคำ ฮึ่ย ๆ ๆ!
จากนั้นเขาก็มองไปทางหานฉี!
เยว่พั่วหลัวมีผลงาน และได้น่องไก่ไปก็ไม่เป็นไร อย่างไรเสียก็เป็นคนกันเอง!
แต่หานฉีผู้นี้มีสิทธิ์อะไรได้กินขาหมูด้วย!?
แล้วจิ่นจิ่นไม่คู่ควรอย่างนั้นหรือ!?
“หานฉี เจ้ารู้ว่าภายในเมืองมีทางใต้ดินอยู่หรือไม่?” จี้จือฮวนเอ่ยถาม
หานฉีที่นั่งอยู่ตรงมุมห้องมองดูขาหมูอันใหญ่ ราวกับจมอยู่ในความคิดของตัวเอง จึงไม่ตอบสนองใด ๆ
อาชิงจึงหยิบขาหมูชิ้นใหญ่ขึ้นมา “อ้าปาก”
หานฉีอ้าปากขึ้น อาชิงยัดขาหมูชิ้นใหญ่เข้าไปในปากของเขา ก่อนจะเห็นเขาเคี้ยวและกลืนลงไปโดยไม่รู้ตัว
“เจ้ารู้อะไรกับเพี่ยวโจวบ้าง?”
เสียงนุ่มนิ่มเอ่ยถาม
“ข้าตามหานเหล่ยไปทุกที่” หานฉีพูดออกมาทีละคำ
อาชิงมองจี้จือฮวน จากนั้นถามซ้ำอีกครั้ง “ภายในเมืองนั่นมีทางลับที่สามารถตรงเข้าไปได้หรือไม่?”
“ข้าไม่รู้”
ดูท่าเจ้าจิ้งจอกเฒ่าหานเหล่ยผู้นี้ก็ไม่สามารถทำให้สือฟางเชื่อใจได้สินะ
หลังกินข้าวเสร็จ กองทัพทหารเกราะเหล็กก็ควรจะออกเดินทางได้แล้ว!
…
ต้นเดือนสาม
นอกเมืองอวิ๋นจง เพี่ยวโจว
พระอาทิตย์ยามเช้าเพิ่งจะโผล่ขึ้นมา เมื่อมองผ่านหมอกหนาในยามเช้า ก็สามารถมองเห็นธงของกองทัพทหารเกราะเหล็กราง ๆ จากในระยะไกลได้ ธงของผู้บัญชาการโบกสะบัดไปตามสายลมยามเช้าอย่างน่าเกรงขาม
ทหารยามเพ่งมองอยู่พักใหญ่ จากนั้นก็รีบลงจากกำแพงเมืองและขี่ม้ามุ่งหน้าไปยังจวนแม่ทัพ
“ท่านแม่ทัพ! ท่านแม่ทัพขอรับ!”
สือฟางสูญเสียลูกสาว ภายในเมืองอวิ๋นจงจึงถูกสั่งห้ามจัดงานมงคล ทั้งเมืองจึงต้องแขวนโคมไฟสีขาว กระดาษเงินกระจัดกระจายเกลื่อนพื้น
ภายในเมืองเดิมก็วุ่นวายอยู่แล้ว เพราะเมื่อวานนี้ได้มีการสังหารชาวบ้านที่เป็นผู้นำการก่อจลาจลไปกลุ่มหนึ่ง เหตุการณ์จึงได้สงบลง
วันนี้สือฟางเฝ้าศพของสือซุ่ยซุ่ยด้วยตัวเอง และต้องการอยู่เป็นเพื่อนลูกสาวที่บ้าน แต่กลับได้ยินว่ามีคนบุกเข้ามา
“เข้ามา”
“ท่านแม่ทัพ ทหารของกองทัพทหารเกราะเหล็กกำลังเข้าใกล้เมืองแล้วขอรับ!”
ใบหน้าของสือฟางแปรเปลี่ยนเป็นดุดัน “เฝ้าโลงศพของคุณหนูให้ดี”
จากนั้นสือฟางก็ลุกขึ้นยืน เมื่อเดินออกไปด้านนอกก็เอ่ยขึ้น “ไปเอาตัวเจ้าเซี่ยเซวียนมาให้ข้า”
สือฟางตอนนี้ไม่มีอารมณ์จะทำศึก แม้ว่าศัตรูของเหลียงจงและหวังป้าเทียนจะอยู่ด้านนอก แต่ซุ่ยซุ่ยของเขาตายแล้ว เขาจะทำทั้งหมดนี้ไปเพื่ออะไรกัน
“หยุดอยู่ตรงนี้ก็แล้วกัน!”
เผยเสี่ยวเตานั่งอยู่ข้าง ๆ เครื่องยิงหิน ล้วงโทรโข่งน้อยที่ตอนนี้นางชอบที่สุดออกมา และเริ่มพูดจาท้าทาย!
“โจรเฒ่าสือฟาง! ยังไม่รีบออกมารับความตายอีก! กดขี่ราษฎรต้าจิ้นของเรา คิดร้ายต่อแคว้นต้าจิ้น! วันนี้ถึงวันตายของเจ้าแล้ว!!”
สือฟางยังเดินไปไม่ถึงกำแพงเมือง ก็ได้ยินเสียงด่าทอนั้นแล้ว
ไม่รู้ว่ากองทัพทหารเกราะเหล็กนั่นใช้วิธีการอะไร ถึงสามารถส่งเสียงมาได้ไกลเพียงนี้!
เผยเสี่ยวเตายังคงพูดต่อไป “ชาวเมืองเพี่ยวโจวได้ยินหรือไม่! กองทัพทหารเกราะเหล็กมาแล้ว!”
สือฟางหันไปมอง มีชาวเมืองจำนวนไม่น้อยที่เปิดหน้าต่างออกมา
สือฟางจึงพูดขึ้น “ใครชะโงกหน้าออกมาฆ่าทิ้งซะ!”
“ท่านแม่ทัพทำเช่นนี้จะยิ่งทำให้ชาวบ้านเดือดดาลนะขอรับ ช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ต้องอดทนเอาไว้ก่อนนะขอรับ รอพวกเราเอาชนะกองทัพทหารเกราะเหล็กได้แล้ว พวกเขาก็จะยอมแพ้เองขอรับ”
ถูกยึดครองมาหลายปีเพียงนี้ ยังหวังว่าจะได้เป็นอิสระอีกอย่างนั้นหรือ?
.
.
.