เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย - บทที่ 449 ปิดฉากโจรสลัด
บทที่ 449 ปิดฉากโจรสลัด
กระบวนท่านี้จี้จือฮวนใช้พละกำลังทั้งหมด การเคลื่อนไหวของอุเมะ มัตสึโมโตะก็ไม่ได้เชื่องช้า นางเบี่ยงกายหลบหลีกกรงเล็บเหล็กของจี้จือฮวนไปได้ ทว่ากลับหลบแส้หนามที่ตามนางมาติด ๆ ไม่พ้น แส้นั้นฟาดลงบนใบหน้าของนาง อุเมะกุมใบหน้าเอาไว้ จ้องจี้จือฮวนเขม็ง “เจ้ารนหาที่ตายชัด ๆ!”
จี้จือฮวนยกยิ้มออกมา “เหตุใดถึงไม่แสดงละครต่ออีกเล่า! เจ้าหลอกใช้โจวอันคัง นับว่าข้าประเมินสตรีเช่นเจ้าต่ำไปจริง ๆ”
“หึ เจ้าจับข้าให้ได้ก่อนเถอะ ค่อยมาพูด!” อุเมะเอ่ยจบก็กระโดดออกไปทางหน้าต่างที่เปิดอยู่ จี้จือฮวนจึงตามหลังไปติด ๆ เดิมทีอุเมะคิดจะอาศัยฝูงชนในการหลบหนี จี้จือฮวนก็จะไม่สามารถจับตัวนางได้
แต่คิดไม่ถึงว่าเพิ่งจะโรยตัวลงมา แส้ยาวก็พันเข้าที่เอวของนางเสียแล้ว อุเมะโมโหเป็นอย่างมาก หมุนตัวกลับมาแล้วซัดอาวุธลับออกไป ส่วนฝูงชนนั้นได้กระจัดกระจายไปตั้งนานแล้ว เนื่องจากความโกลาหลเมื่อครู่นี้ พวกชาวบ้านต่างพากันวิ่งหนีหายไปจนไม่หลงเหลือ
จี้จือฮวนใช้กำลังภายในซัดออกไปหนึ่งที อาวุธลับเหล่านั้นก็เปลี่ยนทิศทาง ย้อนกลับไปหาอุเมะในทันที
ตอนที่นางหมุนตัวไปคิดจะจับตัวประกันมานั้น ก็มีเสียงปืนดังขึ้น อุเมะ มัตสึโมโตะถูกยิงจนล้มลงกับพื้น เลือดกระเซ็นไปทั่ว นางกลิ้งไปกับพื้นหนึ่งตลบ ทำให้เลือดไหลนองเต็มพื้น
ไม่รอให้นางได้พักหายใจและลุกขึ้นมา ทหารจำนวนมากก็รีบวิ่งเข้ามาล้อมนางเอาไว้ทันที
จี้จือฮวนกระโดดลงมาจากชั้นสองของหอฉวินฟาง พวกเด็ก ๆ จากกองปืนไฟก็มายืนขวางตรงหน้าเพื่อปกป้องนาง พลางจ้องอุเมะ มัตสึโมโตะนั่น ก่อนจะส่ายหน้าไปมา
คิดไม่ถึงจริง ๆ
คนของหอฉวินฟางเมื่อได้ยินเสียงก็ชะโงกหน้าออกมาดู
“เหม่ยเหนียง!”
“เหม่ยเหนียงเหตุใดถึงมีวรยุทธ์ได้เล่า?”
โดยเฉพาะแม่เล้าที่ตกใจจนเหงื่อไหลออกมา
เมื่อได้ยินพวกทหารตะโกนว่ากากเดนของโจรสลัดและเป็นผู้บงการ ขาของนางก็พลันอ่อนแรงลงทันที ก่อนจะคลานมาตรงหน้าของจี้จือฮวน “โอ๊ย เรื่องนี้ข้าไม่รู้จริง ๆ นะเจ้าคะ ข้าไม่รู้ว่าเหม่ยเหนียงเป็นโจรสลัดมาก่อนเลยเจ้าค่ะ”
จี้จือฮวนปรายตามองนางเล็กน้อย และไม่ได้พูดอะไร
เมื่อเหม่ยเหนียงถูกเจ้าหน้าที่คุมตัวกลับมา เดิมทีแม่เล้าต้องการทุบตีนางเหมือนแต่ก่อน ทว่าตอนนี้กลับหวาดกลัวจนถอยหลังไปสองก้าวและด่าทอขึ้นมา “เจ้าจะทำลายหอฉวินฟางของเราหรืออย่างไรกัน!”
เหม่ยเหนียงไม่ได้สนใจนาง เพียงแค่จ้องหน้าจี้จือฮวนแล้วเอ่ยถาม “เจ้ารู้ได้อย่างไรกัน?”
จี้จือฮวนเลิกคิ้วขึ้น “ตอนแรกข้าไม่รู้จริง ๆ เพราะตัวหลอกอย่างโจวอันคังนั้นนับว่าไม่เลวเลย ยากที่จะมีคนบนโลกเชื่อว่ามีคนโง่เช่นนี้อยู่จริง ๆ หากเขาเป็นหัวหน้าของโจรสลัด ข้าก็ยังรู้สึกว่าเขาเป็นคนที่น่ากลัวมาก”
นางเชยคางของเหม่ยเหนียงขึ้นมา “แต่น่าเสียดายที่พวกเราเลือกโจมตีเกาะโจรสลัดก่อนอย่างไรเล่า จึงเจอจดหมายระหว่างเจ้ากับมัตสึโมโตะสองคนพี่น้องนั่นเข้า การที่เจ้าเลือกหอนางโลม จึงไม่มีใครคาดคิดว่าสตรีผู้หนึ่งจะยอมลดตัวมาอยู่ในสถานที่เช่นนี้เพื่อคอยส่งข่าว และยิ่งไม่มีใครคาดคิดว่านางระบำที่ปกติถูกแม่เล้าและบรรดาแขกรังแกจะเป็นหัวหน้าใหญ่ตัวจริงของพวกโจรสลัด แผนการนี้ของเจ้าช่างแยบยลและบ้าระห่ำจริง ๆ”
เหม่ยเหนียงเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มขึ้นมา “เจ้าก็เป็นชาววอโค่วด้วยอย่างนั้นหรือ?”
จี้จือฮวนกลับหัวเราะเสียงเย็น “ควรอ่านหนังสือให้มาก เจ้าเรียนรู้ภาษาจงหยวนได้ แต่ไม่ต้องการให้คนอื่นเรียนรู้ภาษาของเจ้าอย่างนั้นหรือ?
ลากตัวไปที่ลานประหาร”
เหม่ยเหนียงพยายามดิ้นรนและพูดขึ้นมา “เพียงเท่านี้เจ้าก็สงสัยในตัวข้าแล้วอย่างนั้นหรือ!?”
“ใครใช้ให้เจ้าใจไม่นิ่งพอกันเล่า เจ้าไม่ต้องยอมรับหวีเล่มนั้นก็ได้นี่นา ทักษะการแสดงของเจ้ายังไม่เข้าขั้น”
สายตาของเหม่ยเหนียงหม่นแสงลง ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างชั่วร้าย ดวงตาของนางในเวลานี้ไหนเลยยังจะมีความขลาดกลัวและประจบประแจงหลงเหลืออยู่อีก เพราะดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความคลุ้มคลั่งและชั่วร้ายหมดแล้ว
“ใช่ ข้าต้องการจะฆ่าพวกเจ้า ข้าจะปล้น ข้าจะชิง หากไม่ปล้นพวกเจ้า พวกเราจะมีชีวิตรอดได้อย่างไรกัน?
โลกไม่เคยยุติธรรมกับข้า เรื่องอะไรข้าต้องยอมให้คนอื่นมาข่มเหงรังแกด้วย”
จี้จือฮวนฟังจบก็หัวเราะเสียงเย็นออกมา “เจ้าเลือกเส้นทางนี้เอง หาได้มีใครบังคับเจ้าไม่ ข้าไม่สนใจอดีตของนักโทษ ไม่ใช่ทุกคนที่อยู่ในสภาพแวดล้อมและมีภูมิหลังเช่นเจ้า แล้วจะเลือกทางเดินเหมือนกันกับเจ้า อย่าแก้ตัวให้ตัวเองเลย เจ้ามันเลวและโหดเหี้ยมโดยสันดาน! เอาตัวไป!”
ตอนที่อุเมะ มัตสึโมโตะถูกลากไปที่ลานประหาร ถึงกับดิ้นจนหลุดจากการควบคุมตัวของเจ้าหน้าที่ แล้วพุ่งไปตรงหน้าฟุมิโอะ มัตสึโมโตะและตบลงไปครั้งแล้วครั้งเล่า
ปากก็ด่าเป็นภาษาที่คนอื่นฟังไม่ออก
“ฮูหยิน นางกำลังพูดว่าอะไรหรือขอรับ?”
“นางพูดว่าฟุมิโอะไม่เอาไหน พวกนางแพ้แล้ว”
“ชิ ชิ ชิ บนโลกนี้เหตุใดถึงมีสตรีที่น่ากลัวเพียงนี้ได้”
“เยอะแยะไป นางเพลิดเพลินมีความสุขกับการได้ปั่นหัวคนอื่นที่ตกอยู่ในกำมือ ทั้งยังยอมเอาตัวเองและเวลาเข้าแลก นี่จึงเป็นบุคลิกภาพอย่างหนึ่งของคนร้าย”
อวี้จื่อหนิงเกาหัว “มนุษย์ซับซ้อนเกินไปแล้ว”
เมื่อเห็นพวกเขาสามพี่น้องถูกลากขึ้นไปบนแท่นประหาร ฝูงชนก็ส่งเสียงร้องออกมาด้วยความดีใจ จี้จือฮวนจึงเอ่ยขึ้นเรียบ ๆ “มนุษย์เดิมก็ซับซ้อนอยู่แล้ว จะมีคนที่ดีแท้แน่นอน และเลวอย่างแท้จริงได้อย่างไรกัน?”
อวี้จื่อหนิงเห็นนางกำลังจะจากไปก็เอ่ยถามขึ้น “ฮูหยิน ท่านไม่ดูต่อแล้วหรือขอรับ?”
“ไม่ดู จะกลับบ้านไปทำกับข้าวให้ลูกกินแล้ว”
จี้จือฮวนเพิ่งก้าวไปได้สองก้าวก็รู้สึกเย็นที่ขนตาเล็กน้อย เมื่อเงยหน้าขึ้นก็พบว่าหิมะกำลังตก
เจียงหนานน้อยนักที่จะมีหิมะตกหนักเพียงนี้
นางจึงยื่นมือออกไปรับเกล็ดหิมะ ก่อนจะเดินต่อไป
…
เมื่อกลับมาถึงเรือนที่กลุ่มกองเรือเตรียมเอาไว้ให้พวกเขา เผยยวนไม่อยู่ แต่ไป๋จิ่นกับเยว่พั่วหลัวกลับกำลังทะเลาะกันเสียงดังโหวกเหวกโวยวายอีกแล้ว โดยมีเว่ยเจ๋อเซิงคอยไกล่เกลี่ยอยู่ตรงกลาง และเกือบถูกพวกเขาสะบัดออกไปอีกด้วย
จี้จือฮวนขี้เกียจจะสนใจพวกเขา แต่กลับได้กลิ่นหอมลอยมาจากสวนหลังบ้าน ทันทีที่เลี้ยวผ่านหัวมุมก็เห็นอาอินยกเหนียนเกา*ทะเลสูตรพิเศษของเจียงหนานมาชามหนึ่ง
* เหนียนเกา (年糕) หมายถึง ขนมที่ทำมาจากข้าวเหนียว
“ท่านแม่ ท่านรีบมาชิมดูสิเจ้าคะ ข้าเรียนมาจากท่านย่าแม่ครัวเจ้าค่ะ!”
ส่วนอาชิงก็ถือตะเกียบเดินตามหลังมา ด้านบนเป็นเสือน้อยหนึ่งตัวที่ทำจากแป้งข้าวเหนียว ดูเหมือนจริงและงดงามอย่างมาก
“ท่านแม่ ๆ ข้ากับพี่หญิงตั้งใจทำน้ำแกงเหนียนเกาให้ท่านขอรับ”
จี้จือฮวนรู้สึกประหลาดใจ อาอินจึงวางชามลงบนโต๊ะแล้วดึงนางให้นั่งลง “ท่านพ่อเป็นคนทอดไข่ดาวเองด้วยเจ้าค่ะ บอกว่าช่วงนี้ท่านแม่ลำบากมาก!”
จี้จือฮวนมองเหนียนเกาชามนั้นที่ของทะเลแทบจะล้นทะลักออกมาอยู่แล้ว นางจึงเอ่ยด้วยรอยยิ้มออกมา “พ่อของพวกเจ้าล่ะ?”
“พี่ใหญ่เขียนจดหมายมาเจ้าค่ะ ท่านพ่อจึงไปตอบจดหมายให้เขาอยู่เจ้าค่ะ”
จี้จือฮวนมองดูเหนียนเการ้อน ๆ ก่อนจะกินไปคำหนึ่ง ดวงตากลมโตของเจ้าตัวน้อยทั้งสองก็จ้องมองนางเขม็ง “อร่อยหรือไม่เจ้าคะ/ขอรับ?”
จี้จือฮวนพยักหน้ารับ “กำลังดี อร่อยมาก”
อาอินดีใจอย่างมาก จากนั้นก็นั่งลงบนม้านั่งตัวเล็ก
เมื่อเผยยวนออกมาจากห้องก็เห็นจี้จือฮวนกลับมาแล้ว ทุกคนจึงมองดูเขากระดิกหางใหญ่ ๆ เข้าไปหานางทันที
“จดหมายของอาฉือล่ะ?”
เผยยวนรู้สึกหึงเล็กน้อย แต่ก็ยังนำจดหมายยื่นให้นาง
จี้จือฮวนกินข้าวไปก็อ่านจดหมายไปด้วย “ตัวหนังสือของอาฉือพัฒนาขึ้นมาก สำนวนก็ดีขึ้นด้วย ครั้งนี้สอบติดสามอันดับแรกด้วยอย่างนั้นหรือ?”
“อืม ข้าก็บอกเขาว่าสามารถออกราชโองการปราบปรามเซี่ยเซวียนอย่างเป็นทางการได้แล้ว”
จี้จือฮวนพยักหน้ารับรู้ “พรุ่งนี้พวกเราออกเดินทางกันเลยเถอะ ข้าคิดถึงเขาแล้ว”
เผยยวนสะกิดมือเล็กของนางใต้โต๊ะ “คืนนี้?”
จี้จือฮวนกระแอมเล็กน้อย “พวกลูก ๆ อยู่ด้วยนะ”
เผยยวนลากม้านั่งเข้ามาใกล้ พลางเท้าคางมองนางตาปริบ ๆ ดูน่าสงสารไม่น้อย “ไม่ได้กอดเจ้านอนมาสามคืนแล้ว”
ช่วงนี้เพื่อวางแผนจัดการโจรสลัด สองสามีภรรยาจึงไม่ค่อยได้นอนพักผ่อนเท่าใดนัก
เผยยวนที่เลือดลมพลุ่งพล่าน รู้สึกอยากคุยกันอย่างลึกซึ้งตามประสาของสามีภรรยา
จี้จือฮวนมองหน้าเขา เผยยวนก็พูดเบา ๆ ที่ข้างหูของนาง “แม่ทัพเฉินมอบภาพวาดกล่องหนึ่งให้ข้า บอกว่าค้น…อะแฮ่ม เอามาจากเกาะโจรสลัด ข้าเห็นว่าวาดได้ดีทีเดียว อืม…ข้าจึงอยากจะลองฝึกดูบ้าง”
จี้จือฮวนใบหน้าแดงเรื่อ จึงกระทุ้งเขาไปหนึ่งที “รอลูกหลับก่อน”
.
.