เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย - บทที่ 406 ดูถูกราชาพิษน้อยอย่างนั้นหรือ?
- Home
- เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย
- บทที่ 406 ดูถูกราชาพิษน้อยอย่างนั้นหรือ?
บทที่ 406 ดูถูกราชาพิษน้อยอย่างนั้นหรือ?
“บัง!! บังอาจ!” เจียงเต๋อเองก็ตกใจไม่น้อย รีบเข้าไปดูอาการของฮ่องเต้เซี่ยเจินทันที กลัวว่าเขาจะดื่มถ้วยที่มีพิษเข้าไป
อาอินเบะปาก “โตป่านนี้แล้ว แค่ดื่มชาก็ยังดื่มไม่เป็น จะสำลักตายหรืออย่างไรกัน”
เสียงของเด็กน้อยไม่ได้ดังมากนัก แต่ความรังเกียจที่ชัดเจนนั้นแสดงออกมาทางสีหน้าหมดแล้ว เมื่อเห็นเจียงเต๋อลูบหลังของฮ่องเต้เซี่ยเจินอย่างระมัดระวังเช่นนี้ ก็เหลือแค่เช็ดอึเช็ดฉี่แล้ว
อาอินคิดในใจว่าอย่างน้อยเจ้าเชลยอ้วนก็เป็นลูกน้องของนาง เดี๋ยวนางต้องบอกเขา ต่อไปหากถูกคนปรนนิบัติจนกลายเป็นง่อย ออกไปข้างนอกอย่าบอกใครว่ารู้จักนางอย่างเด็ดขาด เพราะลูกพี่อินแห่งหมู่บ้านตระกูลเฉินไม่สามารถขายหน้าเช่นนี้ได้
ไท่ซ่างหวงเองก็รู้สึกว่าสองคนนี้ไม่มีมารยาทเลยแม้แต่น้อย อายุรวมกันมากกว่าพวกเด็ก ๆ ไม่รู้ตั้งกี่รอบ แค่ดื่มชายังจะตะโกนใส่เด็กคนหนึ่งอีก
ฮ่องเต้เซี่ยเจินตื่นตระหนกมากจริง ๆ เพราะเขาเผลอสำลักชาเข้าไปด้วย และเมื่อเห็นว่าอาชิงนั้นยังสบายดี เขาก็รู้สึกอยากจะร้องไห้ออกมา
เด็กนั่นไม่เป็นอะไร เช่นนั้นคนที่ถูกพิษก็ต้องเป็นเขาน่ะสิ!
ฮ่องเต้เซี่ยเจินตบที่แขนของเจียงเต๋อ ให้เขารีบไปหาภาชนะมา เขาต้องอาเจียนเอาพิษออกมา
ฮ่องเต้เซี่ยเจินมีท่าทางตื่นตระหนกมากเพียงนี้ ต้องมีอะไรบางอย่างไม่ปกติอย่างแน่นอน ในใจของไท่ซ่างหวงก็เกิดความสงสัยขึ้นมา
อีกด้านหนึ่ง เผยจี้ฉือพุ่งตัวมาถึงประตูตำหนักแล้ว เมื่อเห็นบนโต๊ะมีชาวางอยู่สองถ้วย และอาชิงกำลังเล่นถ้วยชาหนึ่งในนั้นอยู่ ส่วนฮ่องเต้เซี่ยเจินที่อยู่ข้าง ๆ ก็ล้วงคออาเจียนโดยไม่คำนึงถึงภาพลักษณ์ หัวใจของเขาก็พลันสงบลงทันที
องค์ชายสิบตัวอ้วนจึงวิ่งได้ช้า ดังนั้นเขาจึงถูกทิ้งไว้ด้านหลังตั้งนานแล้ว
ฮ่องเต้เซี่ยเจินเวลานี้ก็ไม่มีเวลามาสนใจหลานชายผู้นี้อีกแล้ว สิ่งที่เขากลัวที่สุดก็คือกลัวว่าพิษนั่นจะอยู่ในร่างกายของเขา
เผยจี้ฉือค่อย ๆ เดินเข้ามาทีละก้าว สายตาระแวดระวังราวกับสัตว์ตัวน้อย และพูดกับอาชิงว่า “อย่าเล่นถ้วยชา นี่เป็นของที่เอาให้ท่านทวดดื่ม”
อาชิงไม่เข้าใจสิ่งที่เผยจี้ฉือต้องการจะสื่อ แต่ความเข้าขากันของอาอินกับเผยจี้ฉือนั้นเรียกได้ว่าถึงระดับสุดยอดแล้ว นางจึงเข้าใจได้ในทันที ก่อนจะรีบเอ่ยขึ้นมา “ข้าบอกเขาแล้วแต่เขาไม่ยอมฟัง ชาสุขภาพของท่านทวดที่คนยกมาให้ ถูกเขาดื่มจนหมดแล้ว ส่วนท่านลุงฮ่องเต้ก็ดื่มไปหนึ่งถ้วย แต่คงเป็นเพราะชาของท่านทวดของเราไม่ดี เมื่อดื่มแล้วจึงรู้สึกไม่สบายกระมัง”
คำพูดแปลก ๆ นี่ เหลือแค่ไม่ได้พูดออกมาว่า ฮ่องเต้อกตัญญู ดื่มชาเพื่อสุขภาพของไท่ซ่างหวงไปแล้วยังจะอาเจียนออกมาเช่นนี้อีก ก็เท่านั้น
ฮ่องเต้เซี่ยเจินทั้งโมโหทั้งร้อนใจ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร จู่ ๆ ก็รู้สึกหายใจลำบาก เหมือนท้องขยายใหญ่ขึ้น พริบตาต่อมาก็มีเลือดไหลออกมาจากมุมปาก แม้แต่จมูกก็มีของเหลวอุ่น ๆ ไหลออกมาเช่นกัน
“ฝ่าบาท! ฝ่าบาท! หมอหลวง เรียกหมอหลวงเร็วเข้า!” เจียงเต๋อกระทืบเท้าเร่า ๆ ด้วยความร้อนใจ ฮ่องเต้เซี่ยเจินตาเหลือกทั้งสองข้าง ก่อนจะหงายหลังล้มลงไป
ไท่ซ่างหวงเองก็คิดไม่ถึงว่าจู่ ๆ จะเกิดเรื่องที่กะทันหันเช่นนี้ จางตงไหลจึงตะโกนขึ้นมาทันที “เด็ก ๆ ปิดประตูตำหนักทั้งด้านหน้าและด้านหลังให้หมด นำตัวคนทั้งหมดมาที่ตำหนักใหญ่ ไม่มีคำสั่งของข้าห้ามออกไปแม้แต่คนเดียว”
ยอดฝีมือที่เฝ้าอยู่ด้านนอกต่างก็เหาะออกไปโดยพร้อมเพรียงกัน
เจียงเต๋อเอ่ยด้วยความร้อนใจ “เช่นนั้นหมอหลวงจะทำเช่นไรเล่า!”
จางตงไหลมีท่าทีเฉยเมย ต่อหน้าเขาเจียงเต๋อในเมื่อก่อนก็เป็นเพียงขันทีตัวเล็ก ๆ ที่คอยล้างเท้าให้เขาเท่านั้น ทว่าตอนนี้กล้ามาขึ้นเสียงกับเขาแล้วอย่างนั้นหรือ?
เจียงเต๋อมองดูไท่ซ่างหวงและจางตงไหล ในใจก็ยิ่งกระวนกระวาย ความคิดสับสนวุ่นวายไปหมด หากพวกเขาอาศัยตอนที่ฮ่องเต้เซี่ยเจินล้มป่วย สนับสนุนเซี่ยฉือขึ้นครองบัลลังก์…เช่นนั้นต้าจิ้นก็คงต้องเปลี่ยนมือแล้ว!
เจียงเต๋ออดคิดไม่ได้ นอกเมืองยังมีกองทัพทหารเกราะเหล็กเฝ้าอยู่ หรือเผยยวนจะรู้แผนการของฝ่าบาทตั้งนานแล้ว?
แต่เขาจำได้ว่าพิษนี้เป็นแบบที่ออกฤทธิ์ช้า ไม่ได้ทำให้คนตายในทันทีอย่างแน่นอน อย่างน้อยก็ต้องกินถึงสามเดือนจึงจะค่อย ๆ ทำให้คนหมดสิ้นเรี่ยวแรง เหตุใดฮ่องเต้เซี่ยเจินกินเพียงครั้งเดียวก็มีอาการเช่นนี้ได้?
แต่เจียงเต๋อไหนเลยจะรู้ว่า พิษจะออกฤทธิ์หรือไม่ ต้องดูด้วยว่าคนที่ยกชาให้ฮ่องเต้เซี่ยเจินดื่มเป็นใคร ไม่อย่างนั้นสิ่งที่ไป๋จิ่นเฝ้าสอนตั้งหลายเดือนก็สูญเปล่าหมดน่ะสิ?
ยิ่งไปกว่านั้น ภายในร่างกายของฮ่องเต้เซี่ยเจินเดิมก็ได้รับพิษที่อยู่ในยาอายุวัฒนะอยู่แล้ว พิษในตับจึงสูง อีกทั้งตอนกลางคืนก็มักจะนอนหลับไม่สนิท เมื่อเจอกับพิษที่มีฤทธิ์ทำให้ร้อนก็จะยิ่งอันตราย หากความโกรธโจมตีหัวใจพิษก็จะออกฤทธิ์เร็วขึ้น อย่าว่าแต่ยาพิษที่ออกฤทธิ์ช้าที่คนทั่วไปไม่สามารถตรวจสอบได้เลย ต่อให้เป็นชาที่ไม่มีพิษถ้วยหนึ่ง เมื่อผ่านมือของอาชิงก็ต้องขึ้นอยู่กับดวงแล้ว
เผยยวนกับจี้จือฮวนเพิ่งจะมาถึงตำหนักไท่จี๋ ก็พบกับภาพความวุ่นวายเข้า พวกเขาสบตากันเล็กน้อย ก่อนจะก้าวเร็ว ๆ เข้าไปในตำหนักใหญ่ เวลานี้จึงไม่มีใครมาขวางพวกเขา
แต่อย่างไรเสียจางตงไหลก็ต้องให้คนไปเชิญหมอหลวงมา เพราะมีคนวางยาพิษที่ตำหนักไท่จี๋ เช่นนั้นคนที่ตกเป็นเป้าก็ไม่ใช่ฮ่องเต้เซี่ยเจิน ทว่าเล็งมาที่ไท่ซ่างหวงโดยเฉพาะ!
ฮ่องเต้เซี่ยเจินนอนเหยียดตรงอยู่บนเก้าอี้ยาวที่ใช้พักผ่อนของไท่ซ่างหวง หมอหลวงเพิ่งจะนั่งลงเตรียมตรวจชีพจร ทุกคนต่างมองไปที่เขาจนเป็นตาเดียว
องค์ชายสิบตอนนี้ยืนอยู่ด้านหลังของเผยจี้ฉือ เขาเองก็ตกใจมากเช่นกัน ดูท่าที่เขาได้ยินคนพูดกันจะเป็นเรื่องวางยาพิษจริง ๆ!?
เช่นนั้นเหตุใดถึงกลายเป็นเสด็จพ่อที่ดื่มเข้าไปได้ เขาคงไม่ตายหรอกกระมัง?
เขาอายุยังน้อยทั้งยังขี้กลัว จึงไม่กล้าพูดออกไป ทำได้เพียงรอดูว่าหลานชายจะมีปฏิกิริยาเช่นไร
เผยจี้ฉือใบหน้าเรียบนิ่ง คนที่ถูกพิษคือฮ่องเต้เซี่ยเจิน เขาจึงไม่มีความรู้สึกใด ๆ ให้แม้แต่น้อย หากเขาตายไปเช่นนี้ เผยจี้ฉือยังรู้สึกว่ายากที่จะลบล้างความแค้นภายในใจได้
หมอหลวงตรวจชีพจร สีหน้าก็พลันเคร่งเครียดขึ้น จากนั้นก็ฝังเข็มและนำยามาให้ฮ่องเต้เซี่ยเจินกิน ก่อนจะคุกเข่าแล้วเอ่ยขึ้น “ทูลไท่ซ่างหวง พิษได้โจมตีหัวใจของฝ่าบาทแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
เจียงเต๋อจึงตะโกนขึ้นมาทันที “เป็นเขา เป็นเจ้าเด็กนี่ที่เอาชาให้ฝ่าบาทเสวย ต้องเป็นเขาที่ตั้งใจทำร้ายฝ่าบาทอย่างแน่นอน! เด็ก ๆ จับตัวเจ้าเด็กนี่เอาไว้!”
ทันทีที่สิ้นเสียง เผยยวนก็ก้าวเข้ามาด้านใน พร้อมกับเอ่ยเสียงเย็น “ใครกล้า?”
เจียงเต๋อสะอึกทันที ก่อนจะจ้องหน้าเขาแล้วเอ่ยขึ้นมา “หย่งกวานโหว ลูกชายของท่านเอาชาที่มีพิษให้ฝ่าบาทเสวย ท่านยังจะปกป้องเขาอีกอย่างนั้นหรือ!?”
ทันใดนั้นเผยจี้ฉือก็เอ่ยขึ้นมา “คำพูดนี้ของเจียงกงกงน่าสนใจมากทีเดียว น้องชายของข้าเพิ่งจะอายุเท่าใดกัน กาน้ำชาใบเดียวกัน เดิมควรให้ไท่ซ่างหวงเสวย ตัวเขาเองก็ได้ดื่มด้วย ก่อนที่ฝ่าบาทจะเสวยด้วยซ้ำ เหตุใดน้องชายข้าถึงไม่เป็นอะไรเล่า ท่านแน่ใจได้อย่างไรว่าเขาเป็นคนวางยา แล้วเขาจะทำเช่นนี้ไปเพื่ออะไร?”
เจียงเต๋อเอ่ยด้วยความโมโห “พระราชนัดดา เด็กคนนี้วางยาหรือไม่ ก็ต้องดูว่าผู้ใหญ่สั่งสอนมาเช่นไร ตอนแรกฝ่าบาทยังดี ๆ อยู่เลย แต่พอเสวยชาที่เขาส่งให้ก็เกิดเรื่องขึ้น กระหม่อมจะนำตัวเขาไปสอบสวน มีปัญหาอะไรอย่างนั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
“แต่ตอนนั้นคนที่สามารถสัมผัสฝ่าบาทได้ก็ไม่ได้มีแค่น้องชายข้าเพียงคนเดียว เจียงกงกง ท่านไม่ได้เป็นคนที่อยู่ใกล้ฝ่าบาทที่สุดอย่างนั้นหรือ?” เผยจี้ฉือเองก็ไม่ยอมอ่อนข้อให้
“กระหม่อมจะวางยาฝ่าบาทได้อย่างไรกัน?”
“เช่นนั้นเหตุใดน้องชายข้าต้องวางยาฝ่าบาทด้วยเล่า?”
“แน่นอนว่า แน่นอนว่าเพราะตระกูลเผย…” เจียงเต๋อเห็นสีหน้าจะยิ้มก็ไม่ยิ้มของเผยยวนแล้ว ก็นิ่งเงียบไปไม่กล้าพูดออกมาอีก
“เจียงกงกง เหตุใดถึงไม่พูดต่อเล่า?” เผยยวนเอ่ยถาม
“หมอหลวง ถ้วยชานั่นยังอยู่ที่โต๊ะ ท่านลองตรวจสอบดูว่าชามีปัญหาอะไรหรือไม่”
หมอหลวงเห็นไท่ซ่างหวงไม่คัดค้านจึงเข้าไปตรวจสอบดู เผยจี้ฉือเองก็จับตามองทุกการกระทำของหมอหลวงเช่นกัน ในใจรู้สึกเป็นกังวล หากพวกเขาบอกว่าอาชิงเป็นคนวางยา เรื่องนี้คงต้องเกิดการปะทะกันเป็นแน่
ทว่าอาชิงกลับไม่ได้สนใจอะไร มิหนำซ้ำยังอ้าปากหาว ก่อนจะเดินไปออดอ้อนอยู่ข้างกายจี้จือฮวนอีกด้วย
ราชาพิษน้อยไม่สนใจ ราชาพิษน้อยยังกลอกตามองบนใส่อีกด้วย
ท่านอาจารย์บอกเอาไว้ว่า~ ความลึกล้ำของการวางยาพิษอยู่ที่ไม่มีใครรู้ ทว่าเนื่องจากเขามีราชาร้อยกู่อยู่ในตัว ย่อมสามารถควบคุมพิษได้อย่างง่ายดาย
ช่างอ่อนแอจริง ๆ เขาแค่สังเกตเห็นยาพิษเพียงเล็กน้อยก็เลยส่งให้เขาไป ทว่าเพียงเท่านี้ก็รับไม่ไหวเสียแล้ว ชิ ๆ ๆ
.
.
.