เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย - บทที่ 325 คลื่นลมสงบก่อนพายุเข้า
- Home
- เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย
- บทที่ 325 คลื่นลมสงบก่อนพายุเข้า
บทที่ 325 คลื่นลมสงบก่อนพายุเข้า
แต่สมุนไพรเหล่านี้มีหลากหลายชนิด เป็นไปได้มากที่ทำเพื่อตบตาผู้คน
ตอนนี้จี้จือฮวนยังไม่แน่ใจว่าคนที่อยู่เบื้องหลังมีแค่คนเดียวหรือมีหลายฝ่าย แต่มีสิ่งหนึ่งที่มั่นใจได้ นั่นคือหลูโจวต้องเกิดเรื่องอย่างแน่นอน
นางจึงเอ่ยกับถังซุ่นขึ้นมา “คืนนี้ข้าจะออกจากเมืองหลวง กลับไปที่หมู่บ้านตระกูลเฉิน ช่วงนี้หากเมืองหลวงมีความเคลื่อนไหวใด ๆ เกี่ยวกับสมุนไพร ให้เจ้าเขียนจดหมายแจ้งข้าทันที อีกอย่างสมุนไพรทั้งหมดจะไม่ขายให้กับคนนอก ข้าจะให้คนส่งสมุนไพรที่จำเป็นไปร้านยา จำไว้ว่าให้บันทึกคนที่มาซื้อสมุนไพรทั้งหมดเอาไว้ รวมทั้งวาดภาพของพวกเขาเอาไว้ด้วย”
ถังซุ่นเห็นจี้จือฮวนเคร่งเครียดเช่นนี้ ในใจก็รู้สึกหวาดหวั่นขึ้นมา “จะเกิดเรื่องใหญ่อะไรขึ้นใช่หรือไม่ขอรับ?”
จี้จือฮวนจึงเอ่ยออกมา “อาจมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้น ดังนั้นเจ้าต้องตั้งสติให้ดี ห้ามประมาทแม้แต่นิดเดียว”
ถังซุ่นย่อมรู้ดีว่าสิ่งที่แม่นางจี้ท่านนี้บอก นั่นต้องเป็นเรื่องจริงอย่างแน่นอน จึงรีบเอ่ยขึ้นมา “แม่นางจี้ได้โปรดวางใจ ข้าจะกลับไปทำตามที่ท่านสั่งเดี๋ยวนี้ขอรับ”
“ดีมาก”
หลังถังซุ่นกลับไปแล้ว จี้จือฮวนก็ไม่รอช้าตรงไปที่ห้องและบอกในสิ่งที่ตัวเองคาดเดากับเผยยวนทันที
“อะไรนะ พวกเจ้าจะกลับหมู่บ้านตระกูลเฉินตอนนี้อย่างนั้นหรือ?” ฮวาเซียงเซียงยังกินข้าวไม่ทันเสร็จ
“เป็นเรื่องสำคัญ เจ้าอยู่ที่นี่ไปก่อน ข้ากับเผยยวนไปไม่นานและจะรีบกลับมา”
เรื่องในเมืองหลวงสลับซับซ้อน พวกเขาจึงต้องกลับมาอีกครั้ง
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นอย่างนั้นหรือ?” เซียวเย่เจ๋อลุกขึ้นพลางเอ่ยถาม
“อีกไม่นานพวกเจ้าก็จะรู้เอง แต่ตอนนี้ยังบอกไม่ได้” จี้จือฮวนไม่มีเวลาเล่ารายละเอียดให้พวกเขาฟัง เพียงแค่บอกให้พวกเขาทำสิ่งที่ควรทำต่อไป “คนในเรือนด้านหลังต้องรบกวนพวกเจ้าช่วยดูแลไปก่อน ถึงเวลาพวกเราจะมารับด้วยตัวเอง”
“เจ้าวางใจเถอะ ศาลต้าหลี่ยังจับคนของสี่ตระกูลใหญ่ไม่หมด พ่อข้าไม่มีทางกลับแน่นอน ว่าแต่พวกเจ้าเดินทางกลับต้องระวังตัวด้วยนะ”
“เอาล่ะ ขอบคุณหัวหน้าฮวาแทนข้าด้วย”
ฮวาเซียงเซียงกับเซียวเย่เจ๋อไปส่งพวกเขาที่ประตูคฤหาสน์ เห็นพวกเขาขี่ม้าออกไปไกลแล้ว ก็ถอนหายใจออกมา “เป็นเผยฮูหยินนี่ช่างเหนื่อยจริง ๆ”
เซียวเย่เจ๋อกลอกตาไปมา “แต่ตระกูลเราไม่เหนื่อยเช่นนี้ เจ้าสามารถนอนจนตะวันโด่งได้ และไม่ต้องรีบร้อนเดินทางตอนกลางคืนด้วย”
ฮวาเซียงเซียงส่งเสียงชิชะออกมา “เจ้านี่ช่างดึงเข้าตัวเองเก่งจริง ๆ”
“ข้าพูดความจริงนะ นี่ เจ้าไม่ลองคิดดูหน่อยหรือ?”
“แค่ก ๆ ๆ ๆ!!!” เสียงไอของเสี่ยวลิ่วจื่อกับอาอู๋ดังขึ้นมาอีกครั้ง
…
ทางด้านนี้อู๋ซิ่วนอนนิ่งอยู่ที่บ้านครึ่งค่อนวัน สุดท้ายก็ยังถูกคนขุดมาที่ประตูเมืองจนได้ ตอนนี้เรื่องที่เขาพบเผยยวนแพร่ออกไปแล้ว เทพเฝ้าประตูแม่นจริง ๆ เบื้องบนจึงต้องการให้อู๋ซิ่วเฝ้าประตูเมืองนี้ไปตลอดชีวิต
อยากไปด่านอวี่เหมินอย่างนั้นหรือ? นั่นเป็นไปไม่ได้ เขาไปแล้วใครจะมารับหน้าเผยยวนกันเล่า?
แค่อยากจะอยู่บ้านเพื่อไตร่ตรองชีวิตก็ยังทำไม่ได้
อู๋ซิ่วเกาหัวด้วยความงุนงง หากหนีไปไม่แน่อาจจะถูกหมายจับก็เป็นได้ ไม่ต้องพูดถึงชีวิตที่มีความสุขอีกแล้ว หากเข้าไปซ่อนตัวอยู่ในป่าในเขา วันใดถูกหมาป่าจับกินก็คงไม่มีคนเก็บศพ
อู๋ซิ่วคิดถึงภาพนั้น น้ำตาก็คลอเบ้าขึ้นมา จึงกินถั่วลิสงและดื่มเหล้าขาวไปด้วย
“เจ้าว่าเหตุใดข้าถึงน่าสงสารเพียงนี้ ใครบอกกันว่าข้าเข้าเวรก็จะสามารถเจอเผยยวนได้?”
ทหารชั้นผู้น้อยอยากจะบอกว่า ก็ใช่น่ะสิ เหตุใดถึงโชคดีเพียงนั้น เหตุใดท่านไม่ลองไปบ่อนดู ไม่แน่อาจจะร่ำรวยขึ้นมาก็ได้
เขากำลังคิดจะปลอบใจอู๋ซิ่ว ในเมื่อไปไหนไม่ได้ท่านก็เพลิดเพลินไปกับมันสิขอรับ อย่างน้อยก็ถือว่าเป็นงานที่มั่นคงแล้ว ไม่ว่าท่านจะทำอะไรผิด นายกองประตูเมืองก็ไม่มีใครมาแทนที่ท่านได้
สุดท้ายใครจะไปคิดว่าแค่เงยหน้าขึ้นก็เห็นเผยยวนปรากฏตัว
“ท่านนายกอง” ทหารชั้นผู้น้อยเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก
“มีอะไร! อย่าบอกนะว่าเผยยวนมา ต่อให้พ่อของเผยยวนมาข้าก็ไม่รู้สึกอะไรแล้ว!”
เพียงพริบตา ม้าของเผยยวนก็วิ่งมาถึงตรงหน้าอู๋ซิ่วแล้ว
“เกรงว่าเจ้าคงไม่มีโอกาสได้พบพ่อข้าแล้ว เพราะต่อให้อยากพบก็เหมือนไม่ใช่เรื่องดีนัก เหตุใดนายกองถึงคิดไม่ได้กันเล่า?” เผยยวนเอ่ยถาม
อู๋ซิ่ว “…”
เจ้าไม่รู้อย่างนั้นหรือ?!
โชคดีที่เผยยวนเอ่ยเพียงเท่านั้นก็ออกจากประตูเมืองไป รอจนกระทั่งร่างของเขาหายลับไปแล้ว อู๋ซิ่วจึงร้องไห้ออกมา ราวกับว่าแค่ร้องไห้ยังไม่พอ เขาถึงกับลงไปดิ้นกับพื้น ทำให้เหล่าทหารชั้นผู้น้อยถึงกับพูดไม่ออก
…
ฮวาเซียงเซียงกำลังเตรียมจะไล่เซียวเย่เจ๋อกลับ ก็ได้ยินว่ามีคนในวังมา ทั้งยังเป็นขันทีข้างกายของฮ่องเต้เซี่ยเจินอย่างเจียงเต๋ออีกด้วย
ฮวาเส้าจงออกมาต้อนรับเขาด้วยตัวเอง
“หย่งกวานโหว? อ้อ ก่อนหน้านี้ลูกสาวข้าถูกลักพาตัว หย่งกวานโหวได้ช่วยเอาไว้มาก ครั้งนี้ปัญหาที่สี่ขุนศึกทิ้งเอาไว้ ทางราชสำนักของพวกท่านจัดการได้ไม่ดี ข้าก็ต้องเชิญคนที่มีความสามารถมาช่วยมิใช่หรือ?” ฮวาเส้าจงเองก็ไม่คิดจะไว้หน้าเจียงเต๋อ โดยยอมรับตรง ๆ ว่าเขาให้เผยยวนพักที่คฤหาสน์
เจียงเต๋อจึงหัวเราะเบา ๆ “ฝ่าบาททรงเป็นห่วงท่านโหว ได้ยินว่าท่านโหวกลับเมืองหลวงแต่ไม่มีใครต้อนรับ จึงได้ให้ข้ามาเชิญท่านโหวและฮูหยินเข้าวังไปพูดคุยขอรับ”
“บังเอิญจริง ๆ ท่านโหวเพิ่งจะกลับไปเมื่อครู่นี้” ฮวาเส้าจงเอ่ยจบ เจียงเต๋อก็ขมวดคิ้ว “กลับไปแล้ว?”
“ใช่แล้ว ท่านโหวมาได้สองสามวันแล้ว แต่พวกท่านเพิ่งจะมาเชิญ เขากลับไปแล้วมีอะไรแปลกกัน เมืองหลวงของพวกท่านเป็นคุกอย่างนั้นหรือ เข้าออกต้องลงชื่อด้วยหรืออย่างไรกัน”
ประโยคนี้เหลือแค่พูดตรง ๆ ว่าฮ่องเต้เกลียดเผยยวนก็เท่านั้น
รอยยิ้มบนใบหน้าเจียงเต๋อแข็งค้างทันที “พูดอะไรเช่นนั้นเล่าขอรับ ในเมื่อท่านโหวกลับไปแล้ว ผู้น้อยก็ไม่กล้ารบกวนอีก”
“ช้าก่อน” ฮวาเส้าจงวางถ้วยชาลงแล้วมองเจียงเต๋อ “กลุ่มกองเรือของเราแม้ว่าจะไม่ใช่สำนักที่ยิ่งใหญ่ในยุทธภพ ที่ผ่านมาคนที่ไปมาหาสู่ก็ล้วนเป็นคนที่มักทำเรื่องอันตราย แต่ยามที่ราชสำนักต้องการความช่วยเหลือจากกองเรือของเรา พวกเราไม่เคยปฏิเสธแม้แต่ครั้งเดียว ไม่อย่างนั้นทุกคนก็คงรู้ดีว่าสถานการณ์ตามแนวชายฝั่งทะเลตะวันออกตอนนี้จะเป็นเช่นไร?”
เจียงเต๋อกลอกตาไปมา “ท่านพูดถูกต้องแล้ว ใครบ้างจะไม่รู้เรื่องที่ท่านหัวหน้าใหญ่ช่วยเหลือราชสำนัก พวกเราล้วนจดจำบุญคุณท่านเสมอขอรับ”
“คำพูดนี้ช่างเสแสร้งยิ่งนัก หากจดจำความดีของกองเรือของเราได้ เช่นนั้นเหตุใดจึงปัดตกเรื่องสำคัญของกลุ่มกองเรือเราครั้งแล้วครั้งเล่า ดูท่าฝ่าบาทคงไม่พอใจกลุ่มกองเรือของเรากระมัง ในเมื่อเป็นเช่นนั้นก็รบกวนท่านช่วยกลับไปกราบทูลพระองค์ด้วยว่า วันหน้าหากโจรสลัดทะเลตะวันออกอยากมาก็มา กองเรือของข้าก็แค่คนในยุทธภพเท่านั้น ขอเพียงสามารถปกป้องลูกเมียของข้าได้ ข้าก็ทำการค้ากับคนนั้น”
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ในเมื่อช่วยราชสำนักของพวกเจ้าแล้ว แม้แต่ลูกตัวเองก็ปกป้องไม่ได้ ใครจะทำก็ทำไป วันนี้ช่วยพวกเจ้าได้ พรุ่งนี้ข้าก็กลับคำช่วยโจรสลัดได้เหมือนกัน ส่วนพวกเจ้าอยากทำอะไรก็ทำไป
เจียงเต๋อสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เขาเป็นแค่คนรับใช้จะตัดสินใจได้อย่างไรกัน
“ท่านหัวหน้าใหญ่ คำพูดนี้…”
“คำพูดนี้เจ้าก็ไปบอกกับฮ่องเต้ของพวกเจ้าตามนี้ ข้าฮวาเส้าจงมีนิสัยเช่นนี้ คนอื่นจะรังแกข้าหรือเล่นตุกติกกับข้าเช่นไรก็ได้ แต่หากรังแกลูกเมียและพี่น้องของข้า ข้าฮวาเส้าจงจะขอสู้ตายด้วยชีวิต!”
ตอนที่เจียงเต๋อถูกนำตัวออกมาจากคฤหาสน์ฮวา ร่างทั้งร่างยังคงนิ่งงัน
คน…คนในยุทธภพ ไม่รู้จักกฎหมายบ้านเมืองจริง ๆ! เขาติดตามฮ่องเต้เซี่ยเจินมานานเพียงนั้น เชื้อพระวงศ์ขุนนางใหญ่เจอเขาต่างก็ต้องเกรงใจ แต่พวกเขากล้าดีอย่างไรมาพูดกับเขาเช่นนี้
ถุย!! เจียงเต๋อสะบัดไม้ปัดฝุ่น ก่อนจะกลับวังไปด้วยความโมโห
.
.
.