เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย - บทที่ 142 เจ้าไม่ต้องการปู่ทวดแล้วอย่างนั้นหรือ?
- Home
- เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย
- บทที่ 142 เจ้าไม่ต้องการปู่ทวดแล้วอย่างนั้นหรือ?
บทที่ 142 เจ้าไม่ต้องการปู่ทวดแล้วอย่างนั้นหรือ?
ท่านป้าเองก็มีสีหน้างุนงงเช่นกัน “เจ้ามาจากคณะละครใดกัน เหตุใดคำพูดคำจาถึงไปคนละเรื่องคนละราวเช่นนี้เล่า”
จางตงไหลจึงร้อนใจขึ้นมาทันที “กระหม่อมจางตงไหลอย่างไรเล่าพ่ะย่ะค่ะ ตอนท่านเล็ก ๆ กระหม่อมยังเคยอุ้มท่านอยู่เลยพ่ะย่ะค่ะ”
เผยจี้ฉือเข้าใจได้ในทันที ก่อนจะเอ่ยอธิบายขึ้นมา “ก่อนที่ท่านยายจะมาอยู่กับพวกเราสมองได้รับความกระทบกระเทือน จึงจำอะไรไม่ได้ขอรับ”
จู่ ๆ เขาก็เอ่ยออกมา ไท่ซ่างหวงรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย และไม่สนใจลูกสาวคนนี้อีก เขามองอาฉือก่อนจะเอ่ยขึ้นมา “เจ้า…เจ้า…”
ไท่ซ่างหวงพูดไม่ออกอยู่นาน ก่อนจะมองเผยยวนแล้วเอ่ยขึ้น “เจ้าช่างกล้าดียิ่งนัก เจ้ากล้าพาตัวพระราชนัดดาไปส่งเดชอย่างนั้นหรือ?!”
“พระราชนัดดา?” ท่านป้าตกใจขึ้นมาทันที นางเดินเข้าไปตรงหน้าเผยยวนสองพ่อลูกพร้อมสีหน้าสงสัย ก่อนจะส่งเสียงกระซิบกระซาบออกมา “นักต้มตุ๋นสมัยนี้ใช้ข้ออ้างนี้กันแล้วหรือ? เหตุใดยังไม่ไล่ออกไปอีกเล่า?”
ไท่ซ่างหวงกลอกตามองบน “กระซิบอะไรกัน คิดว่าข้าไม่ได้ยินอย่างนั้นหรือ ข้าหูดีจะตายไป เจ้านั่งลงเดี๋ยวนี้”
ท่านป้าเห็นสองพ่อลูกไม่พูดอะไร ก็ทำได้เพียงนั่งลงแต่โดยดี
“ใครจะพูดก่อน!”
ทั้งสามคนต่างก็มองมาที่เขาพร้อมด้วยสีหน้าราวกับจะบอกว่า แน่นอนว่าท่านต้องอธิบายมาก่อนว่าท่านมาที่นี่ได้อย่างไร?
ไท่ซ่างหวงถูกเจ้าพวกนี้ยั่วโมโหจนโรคเก่าแทบจะกำเริบ
“ข้ามาหาจี้จือฮวน พวกเจ้าเหตุใดถึงมาอยู่ที่นี่ได้ เจ้าไปพักรักษาตัวที่นอกเมืองไม่ใช่หรือ? หากวันนี้ข้าไม่มา ข้าคงไม่รู้ว่าเหลนสุดที่รักของข้าถูกเจ้าพรากไป เจ้าปิดบังจนข้าเป็นทุกข์ไม่น้อยเลย! ถ้าพ่อเจ้ายังอยู่ ข้าจะสั่งลงโทษครอบครัวพวกเจ้าโทษฐานหลอกลวงเบื้องสูงก่อนเลย!”
เผยยวนไม่ได้โต้แย้งแต่อย่างใด เผยจี้ฉือเองก็มองเขานิ่ง ๆ ความดื้อรั้นฉายอยู่ในดวงตากระจ่างใส
ทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่พ่อลูกแท้ ๆ แต่ตอนนี้กลับเหมือนกันเป็นอย่างมาก
“ไม่อย่างนั้นจะให้ข้ามองดูอาฉือตายอยู่ในกองเพลิงเหมือนอดีตองค์รัชทายาทอย่างนั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
คำพูดนี้ของเผยยวนถือว่ามีความผิดร้ายแรงก็จริง แต่ว่าจางตงไหลก็ไม่กล้าตำหนิเขา
ตำหนักบูรพาเกิดไฟไหม้ เป็นความเจ็บปวดที่เกาะกินอยู่ในหัวใจของไท่ซ่างหวง
“หรือท่านคิดว่าเซี่ยอวี้ยักยอกภาษีเกลือเจียงหนานจริง ๆ?”
ไท่ซ่างหวงจ้องหน้าเผยยวน “เรื่องนี้ยังมีใครรู้อีกบ้าง?”
“พระราชนัดดาหายตัวไปนานแล้ว ตอนนี้คนที่อยู่ตรงหน้าท่านเป็นลูกชายของข้าชื่อว่า เผยจี้ฉือ”
ไท่ซ่างหวงมองอาฉือ “เจ้าเองก็คิดเช่นนั้นหรือ เจ้าไม่ต้องการปู่ทวดของเจ้าแล้วอย่างนั้นหรือ?”
เหลนคนแรกของราชวงศ์ เซี่ยฉือเกิดมาท่ามกลางความคาดหวังและคำอวยพรของทุกคน และเป็นเพียงคนเดียวที่ถูกเขาอุ้มในพิธีอาบน้ำของเด็กหลังเกิดสามวัน และยอมวางตราหยกแผ่นดินไว้ข้าง ๆ เพื่อให้เขาเล่น
ไม่ว่าฮ่องเต้องค์ปัจจุบันจะทำให้เขาผิดหวังมากจนอยากจะสละตำแหน่งนี้ แต่เขาก็ยังรักอาฉือมากที่สุดอยู่ดี
เพียงแต่ตอนนั้นเรื่องปลดรัชทายาทใหญ่โตมาก และมีหลักฐานแน่นหนา รวมทั้งตอนนั้นไท่ซ่างหวงก็ทรงประชวรหนัก แต่เมื่อเขาจะหายดีก็ได้รับข่าวว่าตำหนักบูรพาถูกไฟไหม้จนวอดไปเสียแล้ว
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้หัวใจของไท่ซ่างหวงแตกสลาย แม้แต่องค์ฮ่องเต้เขาก็ปฏิเสธที่จะให้เข้าพบ และหลบไปอยู่ที่เขาชิงหลิง
แต่เด็กคนนั้นยังอยู่ เขาเติบโตขึ้นและคล้ายพ่อของเขามากขึ้นเรื่อย ๆ อย่างไรเสียไท่ซ่างหวงก็ยังรู้สึกขอบคุณเผยยวน
ขุนนางทั้งราชสำนักก็มีเพียงเผยยวนที่มีความกล้าเช่นนี้ กล้าที่จะเก็บสายเลือดของอดีตองค์รัชทายาทเอาไว้
เมื่อเห็นเผยจี้ฉือไม่มองตน ไท่ซ่างหวงก็ลุกขึ้นเดินไปหาเขาสองก้าว “เด็กน้อย…เจ้าไม่ต้องการปู่ทวดแล้วอย่างนั้นหรือ?
เจ้าไม่ต้องการปู่ทวดแล้วจริง ๆ หรือ?” ไท่ซ่างหวงถามย้ำถึงสามครั้ง ประโยคสุดท้ายเขาเอ่ยออกมาพร้อมน้ำตา
ขอบตาของเผยจี้ฉือก็ค่อย ๆ แดงก่ำ กำมือจนแน่น ทว่าร่างเล็ก ๆ ยังคงตั้งตรง
ไม่มีใครรู้ว่าตอนที่เขาถูกขังอยู่ในตำหนักบูรพา มองดูเสด็จแม่ล้มป่วยจนตาย มองดูเสด็จพ่อคลุ้มคลั่งอยู่ในห้องหนังสือ มองดูมือสังหารเหล่านั้นพุ่งเข้ามา เขากำลังคิดอะไรอยู่
เขาอยากจะฆ่าทุกคนในวังหลวง เขาอยากจะให้คนเหล่านั้นตายไปซะ
เขาเกลียดทุกสิ่งที่มี และไม่อยากคิดถึงชีวิตก่อนหน้านี้ว่าเขาต้องประสบอะไรมาบ้าง
เขาบอกกับตัวเองอยู่เสมอว่า เขาชื่อเผยจี้ฉือ เขาไม่ใช่เซี่ยฉือ
แต่ท้ายที่สุดเมื่อถูกชายชราซักถามเช่นนี้ น้ำตาหยดหนึ่งก็ไหลลงมาจากหางตาของเขา
เผยจี้ฉือเอ่ยขึ้นมาอย่างสะอึกสะอื้น “อาฉือไม่กล้ายอมรับพ่ะย่ะค่ะ”
พระราชนัดดาขององค์ฮ่องเต้ในตอนนั้นไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะถูกฝังในสุสานหลวง และตอนนี้เขาก็ถูกปลดเป็นสามัญชนแล้ว จะมีสิทธิ์อะไรไปเรียกชายชราตรงหน้าว่าปู่ทวดกัน
ไท่ซ่างหวงได้ยินดังนั้นหัวใจก็สั่นสะท้าน เขาก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวพร้อมกับอ้าปากขึ้นเล็กน้อย จากนั้นก็ก้าวเข้าไปตรงหน้าของอาฉืออีกสองสามก้าว “เจ้าเป็นเหลนของข้า ข้าเป็นคนตั้งชื่อให้เจ้า เจ้ารู้หรือไม่ว่าหมายความเช่นไร? ตอนนั้นข้าขึ้นครองราชย์ที่เขาตงฉือ ข้าอยากให้เจ้าสืบทอดบัลลังก์อย่างไรเล่า เด็กโง่
ตอนนั้นเป็นเพราะปู่ทวดไม่รู้เรื่อง ดังนั้นเจ้าจึงไม่ต้องการปู่ทวดอีกแล้วหรือ…” ไท่ซ่างหวงเอ่ยถึงตรงนี้ เผยจี้ฉือก็ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกต่อไป เขาพุ่งตัวเข้าไปในอ้อมแขนของเสด็จปู่ทวดทันที
ไม่มีใครรู้ว่าตอนที่เขาอายุยังน้อย และต้องออกมาจากตำหนักบูรพาก็ป่วยหนักมาก และนับตั้งแต่นั้นมาเขาก็ไม่ได้พูดกับใครอีกนานกว่าครึ่งปี จนกระทั่งเขาคุ้นเคยกับอาอินและอาชิงแล้ว ทั้งสามคนเล่นด้วยกัน เขาจึงได้เผยรอยยิ้มออกมาอีกครั้ง
เผยยวนกับน้อง ๆ คือแสงสว่างเดียวในช่วงเวลานั้นของชีวิตเขา
ทว่าต่อมาเผยยวนก็ถูกคนทำร้ายอีก เขาจึงคิดว่าตัวเองคงต้องตกอยู่ในนรกไปตลอดกาลเป็นแน่ และเขาสาบานว่าจะทำทุกอย่างเพื่อแก้แค้นคนเหล่านั้น
กี่วันมาแล้ว ที่เขาใช้ชีวิตด้วยความเกลียดชังต่อราชตระกูลเซี่ย
เขาเก็บซ่อนความแค้นไว้ในใจมากมาย เก็บกดหลาย ๆ สิ่งเอาไว้ เมื่อพังทลายลงหัวใจจึงแตกสลายอย่างแท้จริง
เมื่อเผชิญหน้ากับไท่ซ่างหวงที่อ่อนแอเช่นนี้ เผยยวนเองก็เบือนหน้าหนี เขาและเซี่ยอวี้รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก มองดูเซี่ยอวี้ทำงานหนักเพื่อบ้านเมืองและราษฎร และมองดูเขาถูกคนใส่ร้าย หากบอกว่าไม่เจ็บแค้นก็คงจะเป็นเรื่องโกหก
ตอนนี้เขาหวังเพียงให้อาฉือปลอดภัย ใครกล้าทำร้ายลูกชายเขา แม้แต่ฟ้าเขาก็จะถล่มมันเอง
ไท่ซ่างหวงกอดเผยจี้ฉือเอาไว้แน่น ทั้งสองคนร้องไห้กันอยู่พักใหญ่จึงได้หยุดลง
ไท่ซ่างหวงเช็ดน้ำตาและเอ่ยออกมา “เด็กน้อย เจ้าจะกลับเมืองหลวงไปกับปู่ทวดหรือไม่ ตำแหน่งของพ่อเจ้า ปู่ทวดจะไม่ยอมให้ผู้ใดได้ไป ขอเพียงเจ้ายอมตกลง ไม่ว่าอย่างไรปู่ทวดก็จะเอาตำแหน่งหวงไท่ซุน*คืนมาให้เจ้าให้จงได้”
* หวงไท่ซุน (皇太孙) ตำแหน่งพระนัดดารัชทายาท เมื่อพระโอรสองค์โตในองค์รัชทายาทมีอายุเหมาะสม สามารถแต่งตั้งเป็นพระโอรสผู้สืบทอดในองค์รัชทายาทได้
แม้ไท่ซ่างหวงจะสละราชสมบัติไปนานแล้ว แต่เขาจะไม่ทิ้งคนเอาไว้ได้อย่างไร ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันหากกล้าขัดคำสั่งเขา เช่นนั้นก็คงจะต้องบาดเจ็บกันไปข้าง
เผยจี้ฉือส่ายหน้า “ตอนนี้ข้าแค่อยากอยู่กับท่านพ่อท่านแม่”
เผยยวนเองก็เอ่ยขึ้น “ตอนนี้ข้าเพิ่งจะหายดี ส่วนอาฉือยังต้องการกองทัพ ต้องการพลัง ต้องการอำนาจที่ทำให้คนไม่อาจมองข้ามได้คอยหนุนหลัง ดังนั้นเขายังไม่สามารถกลับไปตอนนี้ได้ คดีขององค์รัชทายาทที่ถูกใส่ร้ายก็ต้องชี้แจงให้คนทั้งใต้หล้าได้รู้ความจริง ไม่อย่างนั้นเขาก็จะถูกวิพากษ์วิจารณ์ไปตลอด ไท่ซ่างหวง ท่านจะปกป้องเขาไปได้นานเพียงใดกัน?”
ที่เขาพูดมาล้วนเป็นความจริงทั้งหมด มีแค้นก็ต้องชำระ แต่ก็ต้องดูด้วยว่าจะชำระแค้นเช่นไร
หากตามไท่ซ่างหวงกลับไปตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์อะไร เพราะการฆ่าเด็กสักคนหนึ่งในวังไม่ใช่เรื่องยากอะไร
จางตงไหลเองก็ช่วยเกลี้ยกล่อมเช่นกัน “ฝ่าบาท ที่หย่งกวานโหวพูดมาก็มีเหตุผลนะพ่ะย่ะค่ะ”
ไท่ซ่างหวงสงบสติอารมณ์ลงเล็กน้อย ก่อนจะมองเผยยวนและเอ่ยขึ้นมา “แล้วเจ้าเล่า เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า? ไหนบอกว่าไปพักรักษาตัวไม่ใช่หรือ เหตุใดถึงมาอยู่ที่นี่ได้?”