เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย - บทที่ 127 เดินเส้นทางของนางเอก ทำให้นางเอกไร้ทางเดิน
- Home
- เข้าสู่โลกนิยายเพื่อไปเป็นแม่เลี้ยงจอมโหดของสามวายร้าย
- บทที่ 127 เดินเส้นทางของนางเอก ทำให้นางเอกไร้ทางเดิน
บทที่ 127 เดินเส้นทางของนางเอก ทำให้นางเอกไร้ทางเดิน
สาวใช้กะพริบตาปริบ ๆ “จี้จือฮวน?”
“ใช่ จำชื่อนี้ให้ดี อย่าพูดผิดล่ะ”
สาวใช้รีบพยักหน้ารับ “ข้าไม่มีทางพูดผิดแน่เจ้าค่ะ เพียงแต่…เหตุใดท่านต้องทำเช่นนี้กับแม่นมฟางหรือเจ้าคะ? ข้ากลับไปเช่นนี้จะอธิบายเช่นไร”
“เจ้าแค่เล่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นที่นี่ให้จี้หมิงซูฟัง แล้วเจ้าจะไม่เป็นอะไร เพราะนางจะเก็บเจ้าไว้เพื่อถามเรื่องของข้า”
สาวใช้รวบรวมความกล้าและเอ่ยขึ้นมา “เหตุใดท่านถึงมั่นใจเพียงนี้ ข้าเพิ่งเข้ามาทำงานในจวนจี้กั๋วกง ข้ายังไม่เคยเห็นหน้าคุณหนูด้วยซ้ำ”
จี้จือฮวนเปล่งเสียงหัวเราะออกมา “เพราะบนโลกนี้ ข้าเป็นคนที่รู้จักนางดียิ่งกว่าตัวนางเองเสียอีก”
ในฐานะนักอ่านนิยาย นางรู้ทุกก้าวที่จี้หมิงซูจะเดิน หากไม่ใช่เพราะจู่ ๆ คนของจวนจี้กั๋วกงโผล่มา นางก็ยังจะไม่คิดบัญชีกับพวกเขาในตอนนี้
ในเมื่อพวกเขารนหาที่ตายเพื่อให้เนื้อเรื่องดำเนินต่อ นางจะไม่ยอมให้พวกเขาสมหวังเด็ดขาด!
หลังจากจี้จือฮวนพูดจบก็ก้าวข้ามร่างของแม่นมฟางไป อายุปูนนี้แล้ว ถูกฉีดยาพิษเข้าไปเช่นนี้อีก นางจะต้องตายภายในสามวันแน่นอน ซึ่งนั่นก็เพียงพอแล้วที่ทุกคนในจวนจี้กั๋วกงจะได้เห็นว่านางตายเช่นไร
ยายแก่เจ้าเล่ห์ดื้อด้านไม่น้อย ทำให้นางต้องเปลืองพิษไปหนึ่งหลอด แต่ก็ถือว่านางได้กำไรกลับมาอยู่ดี
เมื่อออกมาจากประตูโรงเตี๊ยม จี้จือฮวนก็เห็นคนเดินผ่านทางเข้าตรอกไปอย่างรีบร้อน
“จางปาเหลี่ยง”
เสียงผู้หญิงที่เย็นชาดังขึ้นในความมืด จางปาเหลี่ยงถึงกับสะดุ้งโหยงขึ้นมา ก่อนจะหันไปมองและหรี่ตาลง พลางเดินเข้าไปดูใกล้ ๆ “เจ้า…เป็นใครกัน?”
“จี้จือฮวน”
จางปาเหลี่ยงที่เดิมแอบมองนางพร้อมกับใบหน้าแดงเรื่อ ทว่าก็ต้องสลัดความคิดนั้นทิ้งไป พลางก้มหน้าลงอย่างละอายแก่ใจ “ลูกพี่จี้ ดึกดื่นป่านนี้เหตุใดท่านถึงมาอยู่ที่นี่ได้ วันนี้ท่านจะค้างที่ตำบลหรือขอรับ?”
“ตอนนี้เจ้ายุ่งอยู่หรือไม่?” จี้จือฮวนไม่ได้ตอบเขา แต่ย้อนถามเขาแทน
จางปาเหลี่ยงไหนเลยจะกล้าบอกว่าตัวเองกำลังยุ่งอยู่ “เล็กน้อยขอรับ”
“ฉือชางไห่หมดอำนาจแล้ว เจ้าคงไม่มีงานทำมานานแล้วกระมัง ในฐานะอันธพาลที่เก่งที่สุดในตำบลฉาซู่ ข้าจะให้เจ้าสามตำลึง พรุ่งนี้เช้าแขกห้องหมายเลขหนึ่งของโรงเตี๊ยมหรูอี้จะกลับ เจ้าไปกับพวกเขา รอถึงเมืองหลวงแล้วก็หาโรงน้ำชาที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่ง และที่ที่พวกขอทานชอบอยู่ จากนั้นก็ปล่อยข่าวนี้ออกไป”
หลังจากที่จี้จือฮวนสั่งงานจางปาเหลี่ยงเสร็จแล้ว ก็ตบที่บ่าของเขา “ทำให้ดีล่ะ ให้ข้าเห็นความสามารถของอันธพาลอย่างเจ้าหน่อย หากทำไม่สำเร็จล่ะก็…” สายตาของจี้จือฮวนมองต่ำลงไปเล็กน้อย
จางปาเหลี่ยงรีบหนีบขาแน่นทันที สมบัติของข้า ข้าปกป้องเองได้ เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง!
“ข้าจะทำให้ดีแน่นอน ลูกพี่วางใจได้!”
“เช่นนั้นข้าจะรอดูผลงานของเจ้านะ”
…
สายลมยามค่ำคืนพัดโชยมา เผยยวนยืนอยู่ที่ประตูเรือนไม่ยอมขยับไปไหน และไม่รู้ว่ายืนมานานเท่าไรแล้ว เมื่อเขาได้ยินเสียงเกือกม้าที่คุ้นเคยดังใกล้เข้ามา ดวงตาที่เย็นชาและคมกริบจู่ ๆ ก็อ่อนแสงลง
ราวกับภูเขาหิมะที่เย็นยะเยือกจู่ ๆ ก็ถูกสายลมในฤดูใบไม้ผลิพัดผ่าน ทันใดนั้นฤดูใบไม้ผลิก็หวนคืนกลับมาอีกครั้ง
เขาถือโคมไฟดวงหนึ่งและยืนอยู่เช่นนั้น ราวกับเป็นไฟนำทางในยามกลับบ้านให้นาง เมื่อจี้จือฮวนมาถึงก็เห็นประกายระยิบระยับในดวงตาของชายหนุ่ม
ในนั้นมีภาพสะท้อนของนางที่ชัดเจนและสว่างไสว
“กลับมาแล้วหรือ?” เขาไม่ถามว่าจี้จือฮวนไปที่ใด และไม่ถามว่านางไปทำสิ่งใดมา
เขาเพียงเป็นกังวล กลัวว่านางจะไม่กลับมาอีก
จี้จือฮวนส่งเสียง “อืม” ออกมาเบา ๆ ก่อนจะลงจากหลังม้า จ้านอิ่งจึงกลับเข้าคอกม้าด้วยตัวเอง
จี้จือฮวนแตะที่แขนของเผยยวนเล็กน้อย แม้ว่าจะยังเป็นฤดูร้อนแต่ก็ใกล้จะเข้าฤดูใบไม้ร่วงแล้ว ตอนกลางคืนในป่าก็ยังคงหนาวเย็นอยู่
“ร่างกายของเจ้าไม่ค่อยแข็งแรง คราวหน้าไม่ต้องรอข้าเช่นนี้แล้ว”
จู่ ๆ เผยยวนก็รู้สึกเสียใจ ว่าเหตุใดเขาจะต้องแสร้งทำเป็นร่างกายอ่อนแอด้วย เพราะไม่อย่างนั้นเวลาที่นางอยากออกไปทำอะไร เขาก็จะสามารถตามนางไปและช่วยเหลืออะไรนางได้บ้าง
“น้ำอาบยังเหลืออีกหรือไม่?”
“มี ข้าจะไปตักให้เจ้าเอง”
“อืม ไปสัมผัสของสกปรกมา หากไม่อาบน้ำคงรู้สึกไม่สบายตัวเป็นแน่” เอ่ยจบจี้จือฮวนก็เดินไปทางห้องน้ำ
ตอนที่เผยยวนหิ้วถังน้ำเข้ามา จี้จือฮวนกำลังนั่งรอเขาอยู่ด้านใน เผยยวนไม่กล้าที่จะมองนาง หลังจากเทน้ำให้ก็เอาผ้ามาถูส่วนที่เปียกในห้องน้ำให้อีกครั้ง
“เช่นนั้นข้าจะออกไปก่อน หากเจ้ามีอะไรก็เรียกข้านะ”
“อืม”
เผยยวนปิดประตูให้นาง ก่อนจะนั่งลงใกล้ ๆ บริเวณนั้น และเหลาไม้ไผ่ไปด้วย
ความจริงตอนนี้เด็ก ๆ สามารถปรับตัวเข้ากับชีวิตในชนบทได้แล้ว แต่เผยยวนซึ่งความทรงจำยังคงหยุดอยู่ที่ก่อนเขาจะสลบไป จึงต้องพยายามปรับตัวให้เข้ากับหมู่บ้านนี้ทุกวัน
เขาทำงานไม่เป็น ดังนั้นจึงต้องอาศัยการดูเยอะ ๆ เรียนรู้เยอะ ๆ จนทำให้ตอนนี้เขาสามารถทำงานในไร่นาได้หลายอย่างแล้ว และเขาก็จะทำงานให้หนักเพื่ออยากเป็นสามีที่ดีคนหนึ่ง
เขาไม่อยากให้ฮวนฮวนลำบากอีก
เสียงน้ำดังออกมาจากในห้องน้ำ เผยยวนนั่งอยู่ที่หน้าประตูเพื่อเฝ้านางเงียบ ๆ
จี้จือฮวนวักน้ำอุ่นในอ่างอาบน้ำขึ้นมา ทันใดนั้นก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ว่าใกล้จะเข้าฤดูใบไม้ร่วงแล้ว
ฤดูใบไม้ร่วงกำลังจะมาเยือน
ในนิยายจี้หมิงซูเคยออกจากเมืองหลวงครั้งหนึ่ง และได้พบกับไท่ซ่างหวง*ที่ตอนนั้นมีอาการปวดหัว
* ไท่ซ่างหวง (太上皇) หมายถึงตำแหน่งพระบิดาของพระจักรพรรดิองค์ปัจจุบันที่ยังมีพระชนม์ชีพอยู่
เนื่องจากมีความดีความชอบช่วยไท่ซ่างหวงเอาไว้ ดังนั้นจี้หมิงซูจึงได้รับการคุ้มครองจากไท่ซ่างหวง ครั้งแรกที่เปิดตัวต่อหน้าพระพักตร์ของฮ่องเต้ ก็ทำให้ชื่อเสียงในฐานะสตรีผู้มีความสามารถอันดับหนึ่งในเมืองหลวงของนางเป็นที่รู้จักมากขึ้นไปอีก
จี้จือฮวนคิดถึงตรงนี้ก็หรี่ตาลง จี้หมิงซูคิดที่จะอาศัยเรื่องนี้เพื่อให้ตัวเองอยู่ในสายตาของราชวงศ์ ก็ต้องดูว่านางจะมีโชคพอหรือไม่
เมื่อจี้จือฮวนอาบน้ำเสร็จและเปิดประตูออกมา ก็ต้องตกใจกับเผยยวนที่นั่งอยู่หน้าประตู
“เหตุใดเจ้าถึงยังไม่กลับห้องอีก?”
เผยยวนไม่กล้ามองนาง เขาหันหลังให้และเอ่ยขึ้นมา “ฟ้ามืดแล้ว ในป่าในเขาข้าไม่วางใจ”
หมูเหยี่ยวล่าเหยื่อที่อยู่ใต้ชายคาย่ำกรงเล็บไปมา จิ๊
จี้จือฮวนพยักหน้ารับรู้ “ขอบคุณ”
เผยยวนทำได้แค่เพียงมองบนพื้นเท่านั้น แม้แต่ร่างกายก็พลันแข็งค้างไปด้วย “เช่นนั้น…ข้าจะรอเจ้ากลับห้องก่อน และตรวจดูรอบบ้านอีกทีค่อยไปนอน”
“อืม” จี้จือฮวนไม่ได้พูดอะไรอีก ก่อนจะเช็ดผมที่ยังเปียกอยู่แล้วเดินเข้าห้องไป
เผยยวนดับเทียนทั้งหมดในห้องน้ำ จากนั้นก็ยืนอยู่ที่หน้าประตูห้องของจี้จือฮวนครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินกลับห้องของตัวเองไปอย่างเงียบ ๆ
…
เช้าวันต่อมา ระหว่างที่กินข้าวกัน จี้จือฮวนก็เอ่ยขึ้นมา “ข้าจะไปภูเขาชิงหลิงสักหน่อย ไม่ไกลจากที่นี่มากนัก ใช้เวลาครึ่งวันกว่า ๆ ก็คงจะถึงแล้ว”
คนทั้งครอบครัวจึงหยุดกินข้าว พลางมองหน้านาง
ทันใดนั้นอาชิงน้อยก็ได้สติขึ้นมา ก่อนจะวิ่งไปอยู่ข้าง ๆ นางด้วยความรวดเร็ว น้ำตาก็พลันคลอเบ้าขึ้นมาทันที “ท่านแม่ ท่านจะไปแล้วหรือขอรับ?”
ทันทีที่เขาเอ่ยออกมา คนทั้งครอบครัวก็มีสีหน้าที่ไม่สู้ดีเท่าไรนัก
อาอินกล่าว “ท่านแม่ ช่วงนี้ข้าทำอะไรผิดไปหรือเจ้าคะ ท่านอย่าไปเลยนะเจ้าคะ ท่านจะตีจะด่าข้าก็ได้”
เผยจี้ฉือหยิบกระดาษและพู่กันที่อยู่ข้าง ๆ มา “ท่านแม่ ท่านพูดมาได้เลยขอรับ ตรงไหนที่พวกเรายังทำได้ไม่ดี พวกเราจะเขียนหนังสือรับรองให้ขอรับ”
จี้จือฮวน “…”
ข้าแค่อยากไปพบไท่ซ่างหวง แย่งบทของนางเอกมาก็เท่านั้น
“ไม่ใช่แบบนั้น ข้าเห็นว่าอาฉือใกล้จะเข้าเรียนแล้ว คนในหมู่บ้านต่างก็บอกว่าภูเขาชิงหลิงนั้นศักดิ์สิทธิ์เรื่องเรียนมาก ดังนั้นก็เลยคิดที่จะไปดูเท่านั้น” จี้จือฮวนหาข้ออ้างส่งเดช
ทันใดนั้นเผยจี้ฉือก็เอ่ยออกมา “เช่นนั้นข้าจะไปด้วย ในเมื่อเป็นเรื่องเรียนของข้า เช่นนั้นตัวข้าก็ต้องไปขอพระโพธิสัตว์เอง เช่นนี้ก็ยิ่งศักดิ์สิทธิ์ขึ้นด้วยสิขอรับ”
อาอินยกมือ “ข้าไปด้วย ข้าแรงเยอะ สามารถหิ้วของสักการะให้พระโพธิสัตว์ได้”
“เช่นนั้นอาชิงก็ไปด้วย พระโพธิสัตว์ต้องชอบอาชิงแน่นอน”
เผยยวนเองก็ยืดอกขึ้นมา “ข้าในฐานะพ่อของลูก ข้าคิดว่าพระโพธิสัตว์ก็ต้องอยากเห็นข้ามากกว่าใคร”
ท่านป้าคิดว่าคนทั้งครอบครัวพูดขนาดนี้แล้ว หากนางไม่พูดอะไรเลยก็คงไม่เหมาะกระมัง?
“วัดนั่นมีเซียนพนันหรือไม่?”
ไป๋จิ่นที่กำลังพุ้ยข้าวอยู่เห็นว่าเมื่อถึงตาตัวเองพูดแล้ว ก็เช็ดปากเล็กน้อยและเอ่ยขึ้นมา “ในเมื่อพวกเจ้าจะไปกันหมด เช่นนั้นพวกเราเอาอาหารแห้งไปมากหน่อย แล้วค่อยออกเดินทางเถอะ?”
กินไม่อิ่มไม่ได้นะ