เข้าสู่ระบบ ฝ่ามือยูไล - ตอนที่ 363 ดาบศักดิ์สิทธิ์
Sign in Buddha’s palm 363 ดาบศักดิ์สิทธิ์
ภูเขาศักดิ์สิทธิ์สูงตระหง่านตั้งตรงราวกับเป็นดาบศักดิ์สิทธิ์ แม้จะเป็นผู้ที่แข็งแกร่งอย่างซูฉินท่าทีก็ยังต้องเคร่งขรึมอยู่เล็กน้อยในตอนนี้เขาไม่อาจประเมินสิ่งตรงหน้าให้ต่ําตมจนเกินไปได้
แม้จะผ่านช่วงเวลามายาวนาน ซูฉินก็ยังคงสัมผัสได้ถึงความเฉียบคมที่ไหลเวียนอยู่ภายในส่วนลึกของภูเขาศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้….หากไม่ใช่เพราะได้ทราบมาว่าผู้ทรงพลังถึงขีดสุดจิ๋วหลี”มีชีวิตอยู่เมื่อห้าหมื่นปีที่แล้วพูดตามเหตุผล อายุขัยก็คงหมดลงไปนานแล้วไม่เช่นนั้นคงเป็นไปไม่ได้ที่ซฉินจะเข้ามาภายในอาณาจักรเก่าดาบได้อย่างง่ายดายเพียงนี้
“นี่คือภูเขาศักดิ์สิทธิ์……สถานที่ที่ผู้ทรงพลังถึงขีดสุดเก้าดาบเคยปิดด่านฝึกตนอยู่ภายใน…” เมื่อเทียบกับดวงตาที่สงบนิ่งของซูฉิน ฉุนหยางสื่อที่อยู่ด้านข้างเต็มไปด้วยความรู้สึกอัศจรรย์ใจ
ในฐานะที่เป็นแกนกลางหนึ่งเดียวภายในอาณาจักรเก่าดาบ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์เก้าดาบจึงได้ใช้ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เพื่อครองโลกนี้มาเป็นเวลานานกว่าห้าหมื่นปีไม่รู้ว่ามีผู้คนสักกี่คนที่ต้องการจะเห็นภูเขาศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ด้วยตาของตัวเอง
เป็นเรื่องน่าเสียดายที่ตั้งแต่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์เก้าดาบเข้ายึดครองภูเขาศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่อนุญาตให้ผู้ใดเข้าใกล้เขตภูเขาในรัศมีหมื่นลี้ หากครั้งนี้ฉนหยางสื่อไม่ได้ติดตามมากับซูฉินจะมาถึงที่นี่ได้อย่างไร?เกรงว่าคงจะถูกศิษย์ดินแดนศักดิ์สิทธิ์สกัดเอาไว้รอบนอกภูเขาศักดิ์สิทธิ์ตั้งนานแล้ว
และในตอนนี้
บนภูเขาศักดิ์สิทธิ์ ศิษย์สาวกจํานวนมากภายในดินแดนศักดิ์สิทธิ์เก้าดาบก็มองมาที่การปรากฏตัวของซูฉิน
เรื่องที่ศิษย์ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองคนได้ตกตายด้วยฝีมือของคนนอกได้แพร่กระจายไปทั่วดินแดนศักดิ์สิทธิ์เก้าดาบมาสักพักแล้วและเจ้าลัทธิรวมถึงผู้อาวุโสระดับสูงก็ไม่ได้มีเจตนาจะปกปิดมันจากศิษย์สาวกทั้งหลาย
ท้ายที่สุดแล้ว ดินแดนศักดิ์สิทธิ์เก้าดาบก็ต้องการช่องทางมิติ ซึ่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์เก่าดาบผู้ครอบครองโลกอาณาจักรเก่าดาบอยู่แล้วไม่จําเป็นต้องปิดบังเรื่องนี้เลย
“เขาคือคนนอกที่ท่านเจ้าลัทธิได้แจ้งมาใช่หรือไม่?
“คนจากโลกภายนอก…..ข้าแทบไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าจะมีโลกอีกแห่งหนึ่งนอกจากโลกอาณาจักรเก่าดาบของพวกเรา….”
“ดูเหมือนว่าคนจากนอกโลกผู้นี้จะไม่ต่างไปจากข้าเลย ทําไมท่านเจ้าลัทธิและผู้อาวุโสระดับสูงถึงเคร่งเครียดเช่นนั้น?”
ศิษย์สาวกดินแดนศักดิ์สิทธิ์จํานวนมากต่างพูดคุยกันเป็นการลับ
แม้ว่าดินแดนศักดิ์สิทธิ์เก้าดาบจะมีบันทึกเกี่ยวกับโลกภายนอกอาณาจักรเก่าดาบแต่สําหรับศิษย์สาวกของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ซึ่งอาศัยอยู่ภายในอาณาจักรเก่าดาบมาหลายชั่วอายุคนมันก็ไม่ได้ต่างไปจากเรื่องเล่าในตํานาน
“พวกเจ้าว่าคนนอกผู้นี้จะมีค่าพอจะให้ดาบศักดิ์สิทธิ์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์เก้าดาบเราได้สําแดงเดชหรือไม่?”
มีศิษย์ดินแดนศักดิ์สิทธิ์บางคนถามออกด้วยความสนใจใคร่รู้
ซูฉินมาถึงภูเขาศักดิ์สิทธิ์อย่างองอาจ ควบคู่ไปกับคําสั่งของเจ้าลัทธิและผู้อาวุโสระดับสูงของดินแดนศักดิ์สิทธิ์เก้าดาบ ศิษย์สาวกของดินแดนศักดิ์สิทธิ์จํานวนนับไม่ถ้วนในที่แห่งนี้ล้วนตระห นักดีว่าจะต้องเกิดการต่อสู้ระหว่างดินแดนศักดิ์สิทธิ์เก้าดาบกับซุฉินเป็นแน่
การต่อสู้นี้เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สุดในรอบห้าหมื่นปีของดินแดนศักดิ์สิทธิ์เก้าดาบหากชนะดินแดนศักดิ์สิทธิ์เก้าดาบจะสามารถกําจัดโซ่ตรวนที่เรียกว่าโลกอาณาจักรเก่าดาบได้
“ใครจะไปรู้”
“อย่างไรเสีย ดินแดนศักดิ์สิทธิ์เก้าดาบของเราก็มีมรดกตกทอดมาจากผู้ทรงพลังถึงขีดสุดย่อมไม่มีอะไรเกิดขึ้นแน่”
แม้ว่าศิษย์อีกคนจะมีสีหน้ากังวล แต่ก็ฟื้นกลับมาได้อย่างรวดเร็ว พร้อมกับกล่าวออกด้วยความมั่นอกมั่นใจ
แม้ว่าต้นกําเนิดของซูฉินจะลึกลับ เป็นคนจากด้านนอกของโลกตามตํานานเล่าขานไม่อาจรู้ตื้นลึกหนาบาง แต่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์เก้าดาบได้ครองโลกมากว่าห้าหมื่นปีแล้ว……ไม่ว่าซูฉินจะแข็งแกร่งแค่ไหนเขาจะแข็งแกร่งกว่าผู้ทรงพลังถึงขีดสุดหรือ?
“ตอนนี้ควรทําเช่นไรดี?”
“พวกเราต้องลงมือจัดการอีกฝ่ายเลยไหม?”
ศิษย์คนหนึ่งที่มีใบหน้าดุดันอาฆาต เขาเป็นศิษย์ที่มีความผูกพันกับดินแดนศักดิ์สิทธิ์อย่างมากจ้องไปที่ซูฉินน้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความต้องการที่จะต่อสู้
“ไม่ต้องรีบร้อนไป”
“ไม่ว่าจะทําอะไรต่อไป เราก็ต้องรอค่าสั่งจากเจ้าลัทธิสั่งการลงมา”
หญิงที่สวมผ้าคลุมหน้าด้านข้างกล่าวออกเบาๆ
“เจ้าลัทธ…
ศิษย์ดินแดนศักดิ์สิทธิ์เก้าดาบที่ดูอาฆาตแค้นก็เงียบไปครู่หนึ่ง ระงับจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ที่กาลังเดือดพล่านของตนและไม่พูดอะไรต่อไปอีก
เจ้าดินแดนศักดิ์สิทธิ์เก้าดาบนั้นคอยรับผิดชอบดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ก่อนที่เจ้าดินแดนศักดิ์สิทธิ์เก้าดาบจะตัดสินใจศิษย์สาวกเหล่านี้จะกล้าลงมือโดยพลการได้อย่างไร?
ในเวลาเดียวกัน
ลึกเข้าไปในดินแดนศักดิ์สิทธิ์เก้าดาบ
เจ้าลัทธิและผู้อาวุโสระดับสูงแห่งดินแดนศักดิ์สิทธิ์เก้าดาบที่นั่งขัดสมาธิอยู่แทบจะมองไปยังซูฉินโดยพร้อมเพรียงกัน
“เจ้าลัทธิ เขาคือคนที่ข้ามผ่านช่องทางมิติเข้าสู่อาณาจักรเก่าดาบของพวกเราหรือ?” ความตกใจวาบผ่านสีหน้าของผู้อาวุโสระดับสูงคนหนึ่งเขาพึมพํากับตนเอง
เช่นเดียวกับผู้อาวุโสระดับสูงคนอื่นๆ
ตอนที่ซูฉินเพิ่งจะเข้าสู่อาณาจักรเก้าดาบ ทั้งเจ้าลัทธิและผู้อาวุโสระดับสูงของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก็ได้สังเกตเห็นตั้งแต่แรกแล้วแต่ในตอนนั้นเจ้าลัทธิดินแดนศักดิ์สิทธิ์เก้าดาบต้องการจะลอบดูซูฉินด้วยพลังของดาบศักดิ์สิทธิ์ทว่าสุดท้ายก็ล้มเหลว
ดังนั้น นี่จึงเป็นครั้งแรกที่ผู้อาวุโสได้เห็นซูฉินด้วยตาของพวกเขาเอง
“เป็นพลังที่แข็งแกร่งมาก”
เจ้าดินแดนศักดิ์สิทธิ์เก้าดาบสัมผัสได้ถึงปฏิกิริยาที่ปรากฏขึ้นจางๆ กับดาบศักดิ์สิทธิ์เห็นเขาจ้องไปที่ซูฉินครู่หนึ่งหลังจากนั้นจึงกระซิบคํากับตนเอง
“มีพลังแข็งแกร่งมาก?”
การแสดงออกของผู้อาวุโสระดับสูงจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่รอบข้างต่างก็เปลี่ยนแปลงไป
พวกเขารู้ว่าเจ้าลัทธิดินแดนศักดิ์สิทธิ์เก้าดาบหยิ่งผยองเพียงใด แม้เมื่อเทียบกับเจ้าลัทธิดินแดนศักดิ์สิทธิ์ทุกยุคทุกสมัยในอดีต เจ้าลัทธิดินแดนศักดิ์สิทธิ์ในรุ่นนี้ก็นับว่าติดหนึ่งในสามอันดับแรก หากไม่ใช่เพราะข้อจํากัดของฟ้าดินเกรงว่าเจ้าลัทธิคงจะผ่านโซ่ตรวนของขั้นกลับคืนต้นกําเนิดและเข้าสู่ขั้นสถิตเทพไปแล้ว
แต่ตอนนี้เจ้าลัทธิดินแดนศักดิ์สิทธิ์เก้าดาบกลับพูดออกมาก่อนเลยว่าเป็นพลังที่แข็งแกร่งมากแสดงให้เห็นว่าเขาระวังซูฉินมากแค่ไหน
“สบายใจได้”
เจ้าลัทธิดินแดนศักดิ์สิทธิ์เก้าดาบเหลือบมองดูผู้อาวุโสระดับสูงไม่กี่คนที่อยู่ตรงหน้าส่ายศีรษะพร้อมกับกล่าวว่า“แม้ว่าอีกฝ่ายจะแข็งแกร่งมากแต่เขาก็ยังไม่ได้เข้าสู่ขั้นสถิตเทพ”
เซียนเทพปฐพี่แบ่งออกเป็นสามระดับ คือ แบ่งจิต กลับคืนต้นกําเนิดและสถิตเทพ
และเซียนเทพปฐพี่ขั้นสถิตเทพก็เริ่มสัมผัสถึงพลังของพื้นที่มิติแล้ว และขั้นสถิตเทพระดับสูงสุด ตัวตนที่แสนทรงพลังก็เริ่มรับรู้และเข้าใจพลังมิติบ้างแล้วแม้จะยังห่างไกลจากความสามารถในการทะลวงความว่างเปล่าแต่พลังมิติที่โอบล้อมทุกท่วงท่าอิริยาบถนั้นย่อมติดตัวอยู่ตลอดอย่างชัดเจน
ดังนั้นเจ้าลัทธิดินแดนศักดิ์สิทธิ์เก่าดาบจึงยืนยันได้ว่าซูฉินน่าจะยังไม่เข้าสู่ขั้นสถิตเพราะเขาไม่ได้รับรู้ถึงพลังมิติจากซูฉิน
“ยังไม่ได้ก้าวเข้าสู่ขั้นสถิตเทพ……”
ผู้อาวุโสระดับสูงมองหน้ากันและถอนหายใจด้วยความโล่งอก
แม้ว่าขั้นสถิตเทพจะเป็นขั้นสุดท้ายของขอบเขตเซียนเทพปฐพีแต่ภายในขอบเขตนี้ช่องว่างช่างกว้างใหญ่นักโดยเฉพาะตัวตนขั้นสถิตเทพผู้ไร้เทียมทานความสามารถบางอย่างของคนเหล่านี้ก็ทรงพลังจนน่าเหลือเชื่อถึงขีดสุด
ตัวอย่างเช่น ทายาทสายตรงบางคนที่ปลุกสายเลือดของผู้ทรงพลังถึงขีดสุดสามารถกวาดล้างเซียนเทพปฐพีขั้นสถิตเทพเกือบทั้งหมดได้ด้วยสมบัติล้ำค่าโดยกําเนิดที่ตรงกับพลังของ พวกเขา
“เพียงแค่ขั้นกลับคืนต้นกําเนิด กลับกลามาที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์เก้าดาบของข้า สิ่งนี้ก็ไม่ต่างไป จากการมองหาความตาย”
ความหนาวเหน็บปรากฏอยู่บนใบหน้าของผู้อาวุโสระดับสูงดินแดนศักดิ์สิทธิ์คนหนึ่ง
“เอาล่ะ”
“ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว”
เจ้าลัทธิดินแดนศักดิ์สิทธิ์เก้าดาบไม่ได้ดูแคลนซูฉิน เพียงยกมือขวาขึ้นและกล่าวออกเบาๆ
ทันใดนั้น ดาบศักดิ์สิทธิ์อันวาววับก็ปรากฏขึ้นราวกับมันเต็มไปด้วยพลังฟ้าดินดาบศักดิ์สิทธิ์นี้ทรงพลังและเจตจํานงดาบที่น่าสะพรึงกลัวก็เข้าปกคลุมทุกซอกทุกมุมของภูเขาศักดิ์สิทธิ์แทบจะในทันที
“ดาบศักดิ์สิทธิ์”
“เจ้าลัทธิต้องการจะใช้ดาบศักดิ์สิทธิ์?”
ผู้อาวุโสที่อยู่ด้านข้างตกใจ ดาบศักดิ์สิทธิ์นั้นเป็นหนึ่งในสมบัติล้ำค่าไม่กี่ชิ้นที่ถูกทิ้งไว้โดยผู้ทรงพลังถึงขีดสุดเก้าดาบและในตอนนี้ดินแดนศักดิ์สิทธิ์เก่าดาบก็ถูกพลังของดาบศักดิ์สิทธิ์ปกคลุมรอบนอกภูเขาศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดตรวจสอบทุกสิ่งที่เข้ามาในรัศมี
เมื่อซฉินเข้าสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์เก้าดาบครั้งแรก เขาก็สังเกตเห็นดาบศักดิ์สิทธิ์อันนี้แม้ว่าก่อนหน้านี้ซูฉินจะปิดกั้นการสอดส่องของดาบศักดิ์สิทธิ์ได้ด้วยกระบวนท่าสังหารจิตวิญญาณแรกกําเนิดหุบเหวอับแสง…..แต่ต้องรู้ว่าบทบาทหลักที่ดาบศักดิ์สิทธิ์นั้นทําได้ไม่ใช่การสอดส่องแต่เป็นการจู่โจม
หากพูดกันตามหลักเหตุผล ในฐานะหนึ่งในมรดกของดินแดนศักดิ์สิทธิ์เก้าดาบมันควรจะนําออกมาใช้ในวินาทีสุดท้ายแต่เจ้าลัทธิดินแดนศักดิ์สิทธิ์เก้าดาบกลับเปิดใช้งานพลังของดาบศัก ดิ์สิทธิ์ตั้งแต่แรก
หวิ่ง!!!
เมื่อพลังของดาบศักดิ์สิทธิ์ตื่นขึ้น……
แต่เดิมบนชั้นฟ้านั้นปลอดโปร่งไม่มีเมฆบดบัง ฉับพลัน บรรยากาศอันน่าหวาดกลัวเหนือจินตนาการก็เข้าปกคลุมทั่วไปหมด
รัศมีหลายพันลี้ถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นอาณาเขตแห่งดาบอันไร้ที่สิ้นสุด
และเมื่อกลิ่นอายของดาบศักดิ์สิทธิ์ปะทุขึ้นเรื่อยๆ
ด้านนอกภูเขาศักดิ์สิทธิ์ ดวงตาของซูฉินก็เป็นประกายเต็มไปด้วยความประหลาดใจ“รีบลงมือใช้พลังที่ผู้ทรงพลังถึงขีดสุดจิ๋วหลีทิ้งเอาไว้อย่างรวดเร็วถึงเพียงนี้เชียว?”