เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?) - ตอนที่ 579 จู้โหยวซู่! เวทมนต์โบราณ
ตอนที่ 579 จู้โหยวซู่! เวทมนต์โบราณ
จงโหย่วเหอกล่าว “ตระกูลเย่และตระกูลพัคก็เป็นแปดตระกูลลึกลับเหมือนกัน หลายสิบปีก่อนนี้ทั้งแปดตระกูลสนิทสนมกันราวเป็นญาติ แต่ตอนนี้ในรุ่นของพวกคุณ ถึงจะไม่ได้สนิทสนมกันแบบคนรุ่นก่อน แต่พวกเขาก็ไม่น่าถึงขนาดจะรังแกคุณ”
เย่เฉินกล่าว “ผมไม่กลัวว่าเขาจะทำร้ายผม แต่ผมกลัวว่าเขาวางก้ามต่อหน้าผม แล้วผมจะทนไม่ได้ต่างหาก! ก่อนนี้ที่ผมแต่งเข้าตระกูลหวัง สามารถอดทนยอมให้คนอื่นอวดรวย ดูถูกว่าผมเป็นเพียงคนจนได้ นั้นเพราะผมรู้ดีแก่ใจว่าตระกูลเย่ของเรารวยกว่าพวกเขา ในสายตาผมพวกเขาเป็นเพียงมดปลวกนั้นเอง ผมสามารถมองข้ามเสียงด่าของพวกเขาได้เลย แต่ว่าตระกูลพัคนั้นต่างออกไป ตระกูลของพวกเขาเก่งมากจริงๆ!”
จงโหย่วเหอถอนหายใจ “นั่นสิครับ ผมได้ยินมาว่าตระกูลพัคค่อนข้างให้ความสนใจกับการวิจัยเรื่องความสวยความงาม คงจะมีพัฒนาการมากทีเดียว”
เย่เฉินกล่าว “เขาคิดค้นยาที่ทำให้คนอายุน้อยลง 10 ปี”
“อะไรนะ?”
จงโหย่วเหอแตกตื่น “ตระกูลพัคเก่งขนาดนี้เลยเหรอ?”
เย่เฉินพยักหน้ารับ “ผมไปเกาหลีรอบนี้ ก็เพราะอยากไปขโมยยาของพวกเขามา เพื่อให้ทีมวิจัยของเราได้ลองดูยา คุณหมอจงผมได้ยินคุณปู่เล่าว่าแพทย์แผนจีนของพวกเรา ตอนนี้น่าจะพัฒนาไปได้ไกลมากแล้ว่ไหม?”
จงโหย่วเหอลูบเคราตนเองอย่างภูมิใจ “ถูกต้อง เพราะได้ความช่วยเหลือจากเทพธิกาในอดีต ทำให้แพทย์แผนจีนของพวกเราถึงได้พัฒนาไปไกลขนาดนี้! โรคที่รักษายากๆ เราสามารถใช้ความรู้แพทย์แผนจีนของเรา โดยการกินยา ฝังเข็ม รักษาผู้ป่วยได้! คุณชายตอนนี้มีภรรยากี่คนแล้วเหรอครับ?”
เย่เฉินไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ๆ เขาถึงได้โยงเรื่องนี้ขึ้นมาแต่ก็ตอบกลับ “สองคน”
จงโหย่วเหอหัวเราะร่วน “ถึงแม้ว่าคุณชายจะแข็งแรงแต่เรี่ยวแรงก็มีจำกัด ตอนนี้ผมจะให้ยาจีนคุณชาย ผมรับรองเลยว่าถ้าคุณชายกินเข้าไปแล้วจะทำให้คุณนายทั้งสองพอใจมากๆ ได้แน่นอน”
เย่เฉิน “…”
เย่เฉินเก้อเขินไปทันที บบ้าชิบ ตระกูลเย่ตอนนั้นขอความช่วยเหลือจากเทพธิดาเพื่อเพิ่มศักยภาพของแพทย์แผนจีน คงจะไม่สนใจแต่เพิ่มความแข็งแรงให้กับอวัยวะภายในร่างกายนั้นหรอกมั้ง?
เย่เฉินรีบดึงมือจงโหย่วเหอ “คุณหมอจง ผมไม่รีบครับ ผมยังอายุน้อยอยู่เลย ตอนนนี้ยังไหว ไม่ต้องกินยาหรอกครับ…”
เย่เฉินค่อนข้างมีความเชื่อมั่นในด้านนี้อย่างมาก กินยาอะไร ในฐานะลูกผู้ชายมันน่าขายหน้าสุดๆ
เย่เฉินถามด้วยท่าทีขึงขัง “มียาอะไรที่คล้ายๆ กับยาของตระกูลพัคไหม? หรือว่ามียาที่เจ๋งกว่ายาที่ทำให้คนอายุน้อยกว่า 10 ปีหรือเปล่า?”
จงโหย่วเหอส่ายหน้า “ถ้ำให้หน้าตาอ่อนวัยลงหรือสุขภาพหนุ่มขึ้น 10 ปี นี่มันผิดธรรมชาติแล้ว การแพทย์ของพวกเราเองก้าวหน้ากว่าการแพทย์ทั่วๆ ไปแต่ก็ยังไม่ถึงขนาดนั้น”
เย่เฉินถอนหายใจอย่างเสียดาย ระดับการแพทย์ของตระกูลเย่น่าจะสู้ตระกูลพัคไม่ได้
แต่ว่าเย่เฉินไม่อยากจะให้พัคซุงวูดูถูกพวกเขา ในเมื่อเขาจะต้องเป็นตัวแทนตระกูลเย่ ก็ควรจะเป็นหน้าเป็นตาให้ตระกูล ให้คนในตระกูลอื่นๆ ต้องสรรเสริญเขา!
เย่เฉินจึงถามต่อ “งั้นพอจะมียาที่ทำให้ดูเก่งๆ หน่อยไหม? เอาไว้ไปข่มคนอื่น”
“ข่มคนอื่นเหรอ?”
จงโหย่วเหอได้ยินคำพูดตรงๆ แบบนี้ ก็ชะงักไปแล้วส่ายหน้า
เย่เฉินถอนหายใจ “ในเมื่อไม่มี งั้นผมขอตัว ไว้ผมจะมาขอความรู้เรื่องการแพทย์ของตระกูลเย่กับคุณใหม่”
ในตอนที่เย่เฉินกำลังจะกลับออกไปด้วยความผิดหวังนั้นเอง จงโหย่วเหอกลับเรียกเขา “เดี๋ยวก่อนครับ!”
จงโหย่วเหอเดินปราดเข้ามาแล้วกล่าว “คุณชายเย่ ถ้าพูดตรงๆ คือทักษะของตระกูลเราอาจจะด้อยกว่าเขา แต่ถ้าคุณชายอยากได้วิชาแพทย์ที่ดูเจ๋งๆ แต่ใช้ไม่ได้จริงก็พอมีอยู่ครับ”
เย่เฉินดีใจ “อะไรเหรอครับ?”
จงโหย่วเหอกล่าวด้วบใบหน้าเผื้อนยิ้ม “จู้โหยวซู่!”
เย่เฉินขมวดคิ้วมุ่น รู้สึกว่าชื่อนี้คุ้นหู เขาเองก็เคยเรียนแพทย์แผนจีนมาช่วงหนึ่ง แต่ไม่ได้เข้าใจลึกซึ้งอะไรนัก ลืมอะไรๆ ไปไม่น้อยแล้ว
“จู้โหยวซู่คืออะไรเหรอครับ?” เย่เฉินถาม
จงโหย่วเหอตอบ “ในตำราโบราณบันทึกเอาไว้ ‘ธาตุลมที่เหลือรักษาอาการป่วย สามารถเปลี่ยนแปลงทุกอย่าง มีเพียงจู้โหยวเท่านั้น จู้โหยวซู่ คือการใช้เวทย์มนต์มาช่วยรักษาอาการเจ็บป่วย แต่คนอื่นๆ ก็คิดว่าเป็นการรักษาทางจิตใจ ใช้จิตวิทยาในการรักษาโรคบางอย่างให้ผู้ป่วย”
เย่เฉินเข้าใจทันที “ผมคิดออกแล้วเหมือนจะมีอะไรแบบนี้อยู่จริงๆ ด้วย จู้โหยวซู่ รักษาอาการทางใจ แต่ก็จะพูดว่ามันเป็นวิชาเวทย์มนตร์หรือว่าความเชื่องมงาย เพราะร่างกายและจิตใจสอดคล้องกัน ถ้าสภาพจอตใจของผู้ป่วยดีขึ้น ก็จะส่งผลกับอาการป่วยอย่างมากทีเดียว ตอนนี้ทิศทางในการรักษาโรคค่อนข้างให้ความสำคัญกับยา อีกทั้งต้องเป็นยากินด้วย เพราะว่าของแบบนี้ทำให้ผู้ป่วยเชื่อมั่น”
จงโหย่วเหอระบายยิ้มน้อยๆ “ความรู้ของคุณชายเลิศล้ำจนผมทึ่งเลยนะครับ”
เย่เฉินถาม “แล้วจู้โหยวซู่นี่ข่มคนได้ยังไงเหรอครับ?”
จงโหย่วเหอกล่าวด้วยใบหน้าปื้อนยิ้ม “ตอนนั้นคุณพ่อของคุณชายสมัยหนุ่มๆ ค่อนข้างชื่นชอบของสวยๆ งามๆ ได้ยินมาว่าเขาทำไปเพื่อตามจีบสาวคนนหนึ่ง ตอนนั้นเทพธิดายังอยู่ เขาเลยไปขอให้ล่อนช่วยเหลือ ดังนั้นเทพธิดาจึงได้สอนเขา”
เย่เฉินเริ่มสนใจขึ้นมา “คุณหมอจงพอจะแสดงให้ดูหน่อยได้ไหมครับ?”
จงโหย่วเหอพยักหน้ารับ หลังจากนั้นก็ไปกหยิบกระดาษสีเหลืองสำหรับวาดยันต์ขึ้นมาแล้วกล่าว “ผมจะวาดยันต์ไปเรื่อยให้คุณชายก่อน”
จงโหย่วเหอหยิบปากกาขึ้นมาวาดลวดลายเลอะเทอะบนกระดาษสีเหลือง
“ตอนนั้นผมจะแกล้งรักษาโรคให้คุณชาย คุณชายป่วยเป็นโรคอะไรไหมครับ?” จงโหย่วเหอถาม
เย่เฉินส่ายหน้า “ผมร่างกายแข็งแรงดีไม่ได้ป่วยอะไร”
จงโหย่วเหอกล่าว “เพราะเป็นการทดสอบ งั้นผมจะหาโรคให้คุณชาย ยกตัวอย่างเช่นคุณชายเสื่อมสมรรถภาพทางเพศแล้วกัน”
บ้าชิบ ตาเฒ่าคนนี้ มีโรคเยอะแยะดันบอกว่าเขาป่วยเป็นโรคนี้ไปเสียได้!
จงโหย่วเหอกล่าวอย่างจริงจัง “คุณชายไม่มีเรี่ยวแรง ได้แค่ดูแต่ก็แตะต้องภรรยาคนสวยสองคนไม่ได้ อีกทั้งพวกเหล่อนยังว่าคุณชาย คุณชายอยากทำเรื่องอย่างว่ามาก”
เย่เฉิน “ผม…”
แค่ให้เย่เฉินคิดว่าตนเองตอบสนองความต้องการของซูมู่ชิงกับฉินหงเหยียนไม่ได้ ฆ่าผมให้ตายเสียยังดีกว่า!
จงโหย่วเหอกล่าวต่อ “คุณชายถอดเสื้อผ้าสิ”
ทันใดนั้นเองจงโหย่วเหอก็จัดแจงโยนกระดาษยันต์ขึ้นกลางอากาศ แล้วกระดาษนั้นก็ลอยอยู่กลางอากาศ!
ด้วยเทคโนโลยนีของตระกูลเย่ในตอนนี้ก็ไม่ได้มีอะไรแปลก
หลังจากนั้นจงโหย่วเหอก็ตีหลังมือเย่เฉิน ทันใดนั้นเองเขาก็รู้สึกร้อนวาบที่มือขึ้นมา
ตามหลักแล้วมือของจงโหย่วเหอไม่มีทางจะร้อนได้ขนาดนี้ แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าเขาใช้วิธีอะไร
หลังมือของเย่เฉินร้อนปุดๆ ไม่หยุด ดูแล้วเหมือนเป็นเทพกำลังส่งพลังให้เขาอย่างไรอย่างนั้น
จงโหย่วเหอกล่าวเตือน “ตอนนี้คุณชายลองนึกถึงอาการป่วยของตนเอง แล้วดูภาพยันต์ จากนั้นก็วาดยันต์ที่หน้าตาเหมือนกันออกมา!”
เย่เฉินมองยันต์ที่ลอยอยู่กลางอากาศแล้วถาม “ที่ลอยอยู่กลางอากาศเหรอ?”
“ใช่!”
เย่เฉินลองยื่นมืออกไปแล้ววาดตามอย่างยากลำยาก
ภาพที่ปรากฏขึ้นทำให้เขาตกใจ ลายเส้นที่เขาวาดเล่นๆ กลับเป็นสีเหลืองทอง!