เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?) - ตอนที่ 457 งานเลี้ยงตระกูลซู!
ตอนที่ 457 งานเลี้ยงตระกูลซู!
เดิมซูเจิ้นหางอยากจะช่วยกลบเกลื่อนแทนลูกสะใภ้ แต่ในเมื่อพวกเย่เฉินก็ได้ยินกันหมดแล้ว เลยตำหนิหล่อนเสีย
จางเชี่ยนจือโดนพ่อสามีตำหนิก็ไม่กล้าเถียง อีกทั้งยังรู้สึกอับอายอย่างมาก เย่เฉินไม่เคยเห็นสภาพน่าเกลียดแบบนี้ของหล่อน จนหล่อนอยากจะมุดดินหนีให้รู้แล้วรู้รอด!
ดังนั้นเย่เฉินเลยหลุดหัวเราะออกมา เขารู้สึกเพลิดเพลินมากทีเดียว!
ทว่าจางเชี่ยนจือเห็นเย่เฉินหัวเราะก็หงุดหงิด “แกไอ้คนไร้ประโยชน์หัวอะไร! แค่กินข้าวยังต้องให้คนป้อนไม่อายหรือไง เย่เฉินถ้าแกเป็นลูกผู้ชาย ยังพอมีเกียรติอยู่บ้างก็น่าจะเลิกกับลูกสาวฉันได้แล้ว อย่าเป็นตัวถ่วงชีวิตลูกสาวฉันเลย!”
ซูเจิ้นหางเตือนสติลูกสะใภ้ “เชี่ยนจือ!”
ซูมู่ชิงเองก็กล่าว “คุณแม่คะ เช้าๆ แบบนี้จะต้องพูดไม่ดีกันด้วยเหรอคะ?”
ตระกูลซูมีกฎข้อหนึ่งว่าห้ามทะเลาะกันตั้งแต่เช้า
ทว่าเย่เฉินกลับไม่ได้โกรธ ตั้งแต่รู้ว่าจางเชี่ยนจือไม่ใช่คนวางยาตนเองให้ตาบอด ก็รู้สึกว่าแม่ยายคนนี้ถึงจะปากคอเลาะร้ายแต่ไม่ได้มีจิตใจเลวร้ายอะไร
เย่เฉินเองก็กล่าวด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม “ตอนนี้ผมตาบอด มองไม่เห็น ถ้าหย่ากับลูกสาวคุณแม่แล้วใครจะดูแลผมล่ะครับ? ก็ยิ่งไม่มีใครอยากแต่งงานกับผมแล้วล่ะครับ”
จางเชี่ยนจือได้ยินก็หัวเสียกว่าเดิม “ดีนี่เย่เฉิน แกมันเหลวไหล คิดไม่ถึงว่าจะคิดแบบนี้! แกมันทุเรศจริงๆ จะฝากชีวิตไว้กับลูกสาวฉันใช่ไหม!”
เย่เฉินจงใจยั่วโมโหเขา “นั่นสิ ผมอยากจะเกาะซูมู่ชิงไปตลอดชีวิต ให้หล่อนเลี้ยงผม ป้อนข้าวผมไปตลอดชีวิตเลย”
บางทีเพราะเมื่อคืนเย่เฉินไม่ระวังไปสัมผัสใกล้ชิดจางเชี่ยนจือเข้า จู่ๆ เขาก็เลยชอบลับฝีปากกับแม่ยาย
จางเชี่ยนจือย่อมจำอะไรเรื่องเมื่อคืนที่เกิดขึ้นไม่ได้ จึงกล่าวกับเย่เฉินอย่างหัวเสีย
“ก็ได้ ในเมื่อแกพึ่งพาไม่ได้ ฉันก็จะบอกแกเลยนะ หนึ่งสัปดาห์หลังจากนี้ในวันเกิดของคุณพ่อ เราจะเลือกผัวใหม่ให้มู่ชิงจากพวกทายาทลูกเศรษฐี!”
ซูมู่ชิวางตะเกียบและถ้วยลงแล้วกล่าวอย่างไม่พอใจ “จะเลือกแม่ก็เลือกไปนะคะ แต่หนูไม่เอา ถ้าหากว่าแม่จะต้องทำแบบนั้นในงานวันเกิด งั้นหนูก็ไม่ขอร่วมงานแล้วกัน”
จางเชี่ยนจือตำหนิบุตรสาวอย่างรุนแรงทันที “แกกล้าไม่มางานเรอะ! แกนี่เหลวไหลไปทุกที!”
และในตอนนี้เองเย่เฉินก็กุมมือซูมู่ชิงเอาไว้แล้วกล่าว “ที่รัก คนอย่างคุณปู่ที่มีคนนับหน้าถือตาเยอะแยะ ถ้าคนในบ้านไม่มางาน คนอื่นเยาะเย้ยแย่ ”
จางเชี่ยนจือและซูเจิ้นหางนิ่งไปทันทีคิดไม่ถึงว่าเย่เฉินจะสนับสนุนให้ภรรยาไปงาน เพื่อให้หล่อนไปเลือกสามีใหม่งั้นเหรอ?
เย่เฉินไม่มีทางใจกว้างขนาดนี้ล่ะมั้ง?
เย่เฉินกล่าวต่อ “พอถึงเวลา เราก็ไปด้วยกัน”
จางเชี่ยนจือตกใจ “เย่เฉินแกก็จะมางานเหรอ?”
เย่เฉินกล่าว “ใช่สิครับ ผมเป็นหลานเขยตระกูลซูนะครับ ปู่ของมู่ชิงจัดงานวันเกิดผมไม่ไปจะดีเหรอครับ?”
ซูเจิ้นหางไอแล้วกล่าว “เย่เฉิน ปู่รู้ว่าเธอกตัญญู แล้วก็มีมารยาทมาก แต่ว่าสภาพเธอตอนนี้…”
จางเชี่ยนจือหัวเราะเสียงเย็น “พ่อลูกเขยคนดี อย่าหาว่าฉันไม่เตือนเลยนะ วันงานคนมาเยอะนะ แล้วมีแต่คนใหญ่คนโตในประเทศนี้ทั้งนั้นด้วย เป็นคนตาบอดไปโผล่ที่งานจะต้องเป็นจุดสนใจแน่หรือไม่กลัวโดนแขกเยาะเย้ยเหรอ?”
เย่เฉินกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ผมเชื่อวานคนในสังคมผู้ดี้ล้วนแต่มีมารยาทและใจกว้าง ไม่มีทางเรียกคนตาบอดๆ เหมือนใครบางคนแน่”
“แก…” จางเชี่ยนจือโกรธอีกครั้ง เห็นชัดๆ ว่าเย่เฉินกำลังพูดว่าตนเองไม่มีมารยาท!
จางเชี่ยนจือแค่นเสียงเย็น “ดี งั้นก็มาสิมา อย่างไรเสียตอนนี้แค่เดินแกก็ลำบากจะตายอยู่แล้ว ไม่กลัวลำบากก็มาเลย…”
……
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา ภายในสวยของโรงแรมส่วนตัวที่ลึกลับบางแห่ง
ที่นี่ก็คือสถานที่จัดงานเลี้ยงของซูเจิ้นหาง
แขกที่มาร่วมงานคราวนี้ซ้ำกับแขกในงานแต่งของเย่เฉินและซูมู่ชิงอย่างมาก
แต่จำนวนกลับลดลงถึง 2 ใน 3 ครั้งนี้ตระกูลซูคงตั้งมาครฐานแขกเอาไว้สูง คนจากครอบครัวธรรมดาๆ จะมาเข้าร่วมไม่ได้
และในขณะนี้เอง ณ ลานจอดรถของหลิ่วเฟิงและหลิ่วอวี่เจ๋อก็อยู่บนรถเบนซ์คันใหญ่จากป้ายทะเบียนเทียนไห่
หลิ่วเฟิงกำชับหลจ “อวี่เจ๋อ งานเลี้ยงซูเจิ้นหางครั้งนี้ นายระวังหน่อยนะ โดยเฉพาะตอนเจอเย่เฉิน อย่าให้เขาจับได้เชียวว่าที่เขาตาบอดเป็นฝีมือนาย!”
หลิ่วอวี่เจ๋อกล่าวด้วยรอยยิ้ม “สบายใจเถอะพี่ชาย ผมไม่ใช่คนโง่นะครับ อีกอย่างครั้งนี้เย่เฉินไม่ได้เป็นคนเชิญผมนะครับ แต่เป็นแม่ยายเขาต่างหาก ผมได้ยินมาว่าจางเชี่ยนจือเชิญผู้ชายที่อายุน้อยๆ และก็พื้นฐานทางบ้านไม่ต่างกับผมมาตั้งหลายคน ดูๆ แล้วหล่อนอยากจะเตะเย่เฉิน แล้วหาผัวใหม่ให้ลูกสาวหล่อน!”
หลิ่วเฟิงพยักหน้ารับ “พี่ก็ได้ยินมาเหมือนกัน หลังจากที่เย่เฉินกินยาพิษของเราแล้ว ไม่ได้รักษาใน 24 ชั่วโมง ก็จะพลาดโอกาสในการรักษาไป คุณหมอบราวน์บอกแล้วว่าตาขอเขาจะไม่มีทางหายไปตลอดชีวิต สำหรับคนตระกูลซูแล้ว ตอนนี้เย่ฉินเป็นคนพิการ พวกเขาย่อมไม่ยอมให้คนพิการคนหนึ่งเป็นเขยของพวกเขาไปตลอดชีวิตหรอก คนตระกูลซูค่อนข้างมองโลกตามความจริง อวี่เจ๋อ คราวนี้ทำตัวให้ดีๆ นะ จะต้องทำให่ซูเจิ้นหาง ซูหมิงเจ๋อกับจางเชี่ยนจือชอบนายให้ได้ ซูมู่ชิงคนนี้เหมือนว่ารักเย่เฉินมาก ลองทำให้หล่อนชอบดู ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร อย่างไรเสียเรื่องงานแต่งงานของตระกูลซูจะต้องตามใจผู้อาวุโสในบ้านอยู่ดี”
หลิ่วอวี่เจ๋อส่องกระจกตรงที่นั่งข้างคนขับแล้วกล่าวกับตนเอง “ผมหล่อขนาดนี้ ซูมู่ชิงจะไม่ชอบผมเหรอ? ผมคิดว่าซูมู่ชิงก็คือหวังเจียเหยาคนที่สอง ในเมื่อหวังเจียเหยายังโดนผมแย่งมาได้ งั้นซูมู่ชิงเองก็ไม่น่าจะใช่ปัญหา! พี่ครับ พี่รอดูเถอะ ไม่ว่าจะช้าหรือเร็วก็จะต้องแต่งงานกับซูมู่ชิงให้ได้!”
หลิ่วเฟิงยิ้ม “อืม ถ้าหากว่าตระกูลหลิ่วเราได้ดองกับตระกูลซู งั้นเราก็ไม่ต้องกังวลว่าจะโดนใครเล่นงานแล้ว!”
พูดพลางหลิ่วอวี่เจ๋อลงจากรถหยิบเอาของขวัญที่หนักอึ้งเดินเข้างานไป
เพราะหลิ่วเฟิงไม่ได้รับคำเชิญ ดังนั้นเขาเลยไม่ได้ตามเข้างานไปด้วย
เมื่อมาถึงงานเลี้ยงแล้ว หลิ่วอวี่เจ๋อในชุดสูทเต็มยศ เรือนร่างสูงโปร่ง ใบหน้าหล่อเหลา ตกเป็นเป้าสายตาขอสาวๆ ไม่น้อยในงาน
เขาตรงดิ่งไปที่โต๊ะของซูเจิ้นหางที่อยู่ด้านในสุด
เขาเองก็สังเกตเห็นว่าเย่เฉินนั่งอยู่โต๊ะเดียวกับซูเจิ้นหาง เย่เฉินในตอนนี้สวมแว่นตากันแดดเท่ๆ ถือจอกน้ำชาแล้วจิบชาไปพลาง ดูๆ แล้วเหมือนคนปกติ
“เหอะๆ ใส่แว่นตาดำไปก็เพื่อไม่ให้คนมองออกว่าเป็นคนตาดำล่ะสิ?”
หลิ่วอวี่เจ๋อหัวเราะหึหึในใจ เมื่อเห็นเย่เฉินตาบอดก็สะใจอย่างมาก!
ก่อนหน้านี้แกทำฉันมีลูกไม่ได้ ตอนนี้รู้จุดจบของคนที่ล่วงเกินฉันแล้วล่ะสิ!
ฉันจะทให้แกมองไม่เห็นอะไรเลยไปตลอดชีวิต มองไม่เห็นโลกใบงาม มองไม่เห็นหน้าและร่างสวยๆ ของเมียแก!
อีกทั้งฉันยังจะต้องแย่งเมียแกให้ได้ด้วย!
เหมือนที่แย่งหวังเจียเหยาเมื่อคราวก่อนอย่างไรอย่างนั้น!