เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?) - ตอนที่ 356 พูดความในใจกับซูมู่ชิง!
ตอนที่ 356 พูดความในใจกับซูมู่ชิง!
หลี่เฉิงเจี๋ยล่วงเกินเขาครั้งแล้วครั้งเล่า ท้าทายความอดทนของเย่เฉินไม่จบสิ้นเอาจนเย่เฉินทนไม่ไหวอยากจะตะบันหมัดสักหน้าเขา!
ก่อนนี้หลี่เฉิงเจี๋ยเอาแต่ค่อนแคะเรื่องความจนของเย่เฉิน เย่เฉินก็ทำอะไรไม่ได้มาก เพราะตอนนี้เขาจนมากจริงๆ ถ้าหากลงไม้ลงมือจริงๆ เท่ากับว่าก็จะยอมรับว่าตนเองไร้ความสามารถ และริษยาความร่ำรวยของอีกฝ่าย
แต่หลี่เฉิงเจี๋ยเอาแต่ใส่ไฟว่าเย่เฉินกับลิซ่ามีอะไรในกอไผ่กัน นี่เป็นปัญหาที่เกี่ยวกับคนอื่น
แต่ว่าหมัดนี้ของเย่เฉินกลับไม่ได้ต่อยใส่หน้าหลี่เฉิงเจี๋ย
เขาเป็นคนที่เรียนวิชาป้อกันตัวมา ดังนั้นจึงมีปฏิกิริยารวดเร็วว่องไว เขาจึงใช้มือบังหน้าเอาไว้ จากนั้นก็ตั้งการ์ดโจมตีทันที แล้วโวยวาย
“อยากมีเรื่องเหรอ? มาสิ! ตั้งแต่ตีกับนายครั้งก่อน ฉันก็อยากจะต่อยกับนายอีกสักครั้ง!”
ตั้งแต่คราวก่อนที่เขาต่อยตีกับเย่เฉิน จากนั้นเขาก็ฝึกซ้อมอย่างเหน็ดเหนื่อยเพราะอยากจะล้างอายอีกสักครั้ง
ทว่าซูมู่ชิงจะปล่อยให้ผู้ชายตัวโตสองคนตีกันได้ยังไงล่ะ?
ซูมู่ชิงกล่าว “พวกคุณจะมีเรื่องกันต่อหน้าซือซือได้ยังไงล่ะ?”
ถึงแม้ว่าเย่เฉินจะอยากสั่งสอนหลี่เฉิงเจี๋ย แต่เย่เฉินก็ยอมคลายมือลง แล้วสะกดอารมณ์เพื่อลูกสาว เขาไม่อยากให้ลูกสาวคิดว่าบิดาของตนเองเป็นพวกชอบใช้ความรุนแรง
ซือซือเดินมาแล้วถาม “คุณพ่อคะ คุณพ่อเอากุญแจบ้านให้น้าผมทองคนนั้นแล้ว ก็จะไม่มีบ้านอยู่แล้วสิคะ?”
เด็กน้อยใสซื่อ คิดอะไรก็พูดแบบนั้น แต่คำพูดนี้กลับทำให้หลี่เฉิงเจี๋ยระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
“ฮ่าๆ ซือซือ หนูพูดถูกจริงๆ ตอนนี้เย่เฉินไม่มีบ้านอยู่จริงๆ ฮ่าๆ”
ตอนนี้เย่เฉินไม่มีเงินติดตัว แถมยังคืนกุญแจของเรือนสี่ประสานให้เจ้าของไปแล้ว คืนนี้เกรงว่าคงต้องนอนข้างถนน
ซือซือแหงนหน้าแล้วกล่าวต่อ “ดีจังเลย! งั้นพ่อนอนกับหนูแล้วก็คุณแม่นะคะ! เราสามคนนอนด้วยกันนะคะ!”
หลี่เฉิงเจี๋ยทีเดิมหัวเราะคิกคัก สีหน้าเขียวคล้ำไปทันทีเขาไม่คิดว่าเด็กหญิงพูดจาน่าฟังอีกต่อไป
เย่เฉินอยากจะยั่วโมโหอีกฝ่าย จึงลูบศีรษะของลูกสาวพลางกล่าว “ได้สิครับ ลูกรัก พ่อแม่จะนอนกับหนูนะคะ”
“แกกล้านอนกับมู่ชิงเชียวเหรอวะ ฉันจะซ้อมแกให้ตายเลย!” หลี่เฉิงเจี๋ยระเบิดโทสะออกมา
เย่เฉินจึงกล่าวย้อนอย่างไม่เกรงใจ “ผมจะนอนกับลูกสาวตัวเอง มันเรื่องอะไรของคุณ!”
สีหน้าซูมู่ชิงขัดเขิน หญิงสาวหันมองเย่เฉิน “คุณอย่าพูดแบบนี้สิ เดี๋ยวคนอื่นเข้าใจผิดหมดหรอก ฉันกับเฉิงเจี๋ยกำลังจะแต่งงานแล้ว คุณนอนที่นี่คงไม่ค่อยดีหรอก แต่ถ้าคุณไม่มีที่พัก ฉันพอจะจัดแจงที่อยู่ให้คุณได้ หรือไม่ก็จะจองโรงแรมให้คุณได้นะ”
คืนวานเย่เฉินยังว่าหล่อนทำได้ทุกวิถีทางเพื่อจะได้แต่งงานกับเขา เรื่องนี้ทำให้มู่ชิงจำใจต้องแสดงท่าทีเด็ดขาดออกมา
หล่อนไม่อยากให้เย่เฉินอยู่ที่นี่ต่อ เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายเข้าใจผิดว่าหล่อนจงใจอยากอยู่ใกล้ชิดเขา
อีกอย่างซูมู่ชิงเองก็รู้ดี ด้วยนิสัยและอารมณ์แบบนี้ของหลี่เฉิงเจี๋ย ไม่มีทางปล่อยให้คู่หมั้นอยู่บ้านเดียวกับชายยแปลกหน้า เขารักหน้าตัวเองอย่างกับอะไร
หลี่เฉิงเจี๋ยเห็นซูมู่ชิงไม่ยอมให้เย่เฉินอยู่บ้านก็ผุดยิ้ม “ได้ยินหรือยัง ไอ้ยาจก! ถ้าไม่มีเงินจองโรงแรม เดี๋ยวฉันจ่ายให้! แต่ถ้าจะอยู่บ้านคู่หมั้นฉันไม่มีทาง!”
ซือซืออยู่ที่นี่ ทำให้เย่เฉินไม่สามารถระบายโทสะใส่หน้าอีกฝ่าย ดังนั้นเย่เฉินจึงดึงมือซูมู่ชิง แล้วกล่าว “ผมมีอะไรจะคุยด้วย”
เห็นเย่เฉินดึงมือว่าที่คู่หมั้น หลี่เฉิงเจี๋ยก็ระเบิดโทสะทันที “เฮ้ย ทำอะไรน่ะ ปล่อยผู้หญิงของฉันเดี๋ยวนี้เลย!”
ซูมู่ชิงโดนเย่เฉินจับมือ ใจเต้นระรัวเร็ว หล่อนหันไปอธิบายกับคู่หมั้นทันที “คุณรอฉันข้างนอก เราจำเป็นต้องคุยกันเรื่องลูกจริงๆ”
“แต่ว่า…”
หลี่เฉิงเจี๋ยรู้ว่าเย่เฉินเป็นบิดาของซือซือ มีสิทธิ์จะคุยเรื่องบางอย่างกับซูมู่ชิง อย่างไรเสียซูมู่ชิงไม่ได้แต่งงานเพียงคนเดียว หล่อนมีลูกสาวติดมาด้วย เรื่องนี้ถือได้ว่าเกี่ยวกับเย่เฉินจริงๆ
แต่ว่าหลี่เฉิงเจี๋ยกังวลว่าเย่เฉินจะทำลายงานแต่งงานของพวกเขาสองคน!
ส่วนเย่เฉินตั้งใจจะทำแบบนี้จริงๆ!
เมื่อมาถึงห้องนอนของหญิงสาว กลิ่นหอมลอยอ้อยอิ่งในอากาศ
เพราะมีสาวใช้คอยดูแลดังนั้นห้องนี้จึงสะอาดไร้ฝุ่นเกาะ ทุกจุดสะอาดเรียบร้อย
ถึงแม้ว่าซูมู่ชิงจะเป็นแม่คนแล้ว แต่ในห้องของหล่อนยังมีกลิ่นอายของสาวแรกรุ่น สดใส
“มู่ชิง…”
เย่เฉินหันมองซูมู่ชิง แล้วเปิดปากเอ่ยช้าๆ
ส่วนซูมู่ชิงกลับก้มหน้างุดๆ แล้วเป็นฝ่ายแกะมือเย่เฉินออก จากนั้นก็กล่าวด้วยเสียงเย็นชา “คุณอย่าเรียกฉันแบบนี้เลย เหมือนมีอะไรในกอไผ่กันเลย เรียกฉันว่าคุณซูหรือไม่ก็ชื่อเต็มของฉันเหมือนเมื่อก่อนเถอะนะคะ”
“มู่ชิง”
เย่เฉินยังคงเรียกชื่อหญิงสาวเช่นเดิม “เดิมทีผมก็คิดว่าเรียกคุณแบบนี้อาจจะดูไม่เหมาะสม เพราะคุณสวยเกินไป บวกกับที่เราสองคนมีสายสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดาต่อกันด้วย ผมก็เลยจงใจรักษาระยะห่างระหว่างเราสองคน แต่ว่าตอนนี้ผมคิดได้แล้ว เราไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้เพราะว่าผมเป็นพ่อของซือซือ ส่วนคุณเป็นแม่ของซือซือ เรามีความสัมพันธ์แบบครอบครัวกัน ไม่จำเป็นต้องรักษาระยะห่างอะไร หรือสนใจว่าคนอื่นจะมองยังไงก็ได้”
ซูมู่ชิงเข้าใจสิ่งที่ชายหนุ่มจะสื่อทันที ทั้งสองคนมีลูกด้วยกันแล้ว แต่ถ้าจะยังมาสนใจเรื่องถ้าเรียกแต่ชื่อจะดูสนิทสนมกันเกินไปหรือไม่ นี่ออกจะงี่เง่าเกินไปหน่อยแล้ว
ซูมู่ชิงพยักหน้ารับเหมือนเป็นสัญญาณว่ายินยอมให้เย่เฉินเรียกหล่อนแบบนี้
เย่เฉินกล่าว “มู่ชิงผมต้องขอโทษคุณจากใจจริง เมื่อคืนผมไม่ควรพูดกับคุณแบบนั้นเลย ผมไม่ควรสงสัยคุณ คุณจะให้อภัยผมได้ไหม?”
ตอนนี้เย่เฉินก็ยังคงคิดว่าตระกูลซูลักพาตัวฉินหงเหยียนไป แต่หญิงสาวตรงหน้าไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวด้วยก็เท่านั้น
ซูมู่ชิงกล่าวต่อ “ไม่มีเรื่องอะไรต้องให้อภัย แฟนคุณหายตัวไป คุณหงุดหงิด ก็เป็นเรื่องธรรมดา”
เย่เฉินกล่าว “ผมรู้ว่าที่คุณรับปากจะแต่งงานกับหลี่เฉิงเจี๋ยก็เพราะผม ผมรู้ว่าคุณไม่ได้ชอบเขาเสียหน่อย ผมหวังว่าคุณจะยกเลิกงานแต่งงานเสีย ผมไม่อยากให้คุณต้องแต่งานกับคนที่คุณไม่ได้รัก!”
ซูมู่ชิงส่ายหน้า “เรื่องนี้…เปลี่ยนแปลงไม่ได้แล้ว ฉันไม่ได้ใจร้อน แต่ตัดสินใจว่าจะแต่งงานกับเขาจริงๆ ที่บ้านเลี้ยงฉันมาหลายปี ฉันกินข้าวแดงแกงร้อนของบ้านหลังนั้น ก็ควรจะทำอะไรเพื่อตระกูลบ้าง”
“แต่ว่า…” เย่เฉินทำใจไม่ได้
ซูมู่ชิงกล่าวอย่างแน่วแน่ “เรื่องนี้ไม่ต้องพูดอีกแล้ว ไม่ว่าจะชีวิตแต่งงานฉันจะดีหรือไม่ ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับคุณ”
เย่เฉินถอนหายใจ “ครับ ผมรู้ว่าผมไม่มีสิทธิ์จะยุ่งวุ่นวายกับชีวิตคุณ แต่ว่าเราสองคนมีลูกสาว ถ้าคุณจะแต่งงานแล้วลูกเราจะทำยังไง?”
ซูมู่ชิงกล่าว “ลูกสาวก็ต้องแต่งงานไปกับฉันสิ เย่เฉิน หลายปีมานี้คุณไม่มีลูกอยู่ด้วย แต่ฉันเลี้ยงดูฟูมฟักลูกเรามาเองกับมือ ซือซือคือชีวิตของฉัน คุณจะใจร้ายแย่งลูกไปจากฉันไม่ได้”
ซูมู่ชิงตื่นตูมโวยวาย เย่เฉินเองก็พอจะรู้ว่าลูกสาวมีความหมายอย่างไรต่อหล่อน
เย่เฉินกล่าวว่า “ผมไม่เคยอยากพรากซือซือไปจากคุณมาก่อน ผมแค่กังวลว่าหลี่เฉิงเจี๋ยคนนั้นจะใจร้ายกับลูกเรา หลังจากที่เขากลายเป็นพ่อเลี้ยงของแกแล้ว!”