เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?) - ตอนที่ 200 เอาชนะสวี่ฉู่หมิงได้อย่างเด็ดขาด
- Home
- เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?)
- ตอนที่ 200 เอาชนะสวี่ฉู่หมิงได้อย่างเด็ดขาด
ตั้งแต่หลับมาที่นี่แล้วแต่งงานเข้าไปในตระกูลหวังได้สามปี เย่เฉินก็ได้ลองสัมผัสความเศร้าโศกของผู้ชายในประเทศนี้อย่างแท้จริง!
ตัวเย่เฉินเองนั้นเก่งอาจในหลายด้าน แต่ผู้ชายแบบนี้ยังโดนผู้หญิงหักหลัง และทอดทิ้ง
แต่แค่คิดก็รู้แล้วว่าผู้ชายทั่วไปในประเทศ ก็จะมีชีวิตอยู่อย่างทุกข์ทรมานเท่าไหร่!
ถึงแม้ว่าเฉิงว่านหลี่จะอนาถาอย่างมาก แต่อย่างน้อยๆ ก็ยังมีผู้หญิงหน้าตาสะสวยก็ยังยอมแต่งงานกับเขา คนจำนวนเท่าไหร่ที่กระทั่งแต่งงานก็ยังทำไม่ได้ ทันทีที่เจอกันในวันดูตัวก็ถูกปฎิเสธแล้ว
แน่นอนว่าที่เย่เฉินยอมจะช่วยเหลือผู้ชายในประเทศนี้ ไม่ใช่เพียงแค่เพราะจิตใจที่ประเสริฐของเขา
ในความเป็นจริงแล้วเขารู้สึกผิดกับผู้ชายในประเทศนี้!
เพราะปัจจุบันนี้ค่าห้องแพง สาเหตุส่วนใหญ่นั้นเป็นฝีมือของผู้ปู่เย่เฉิน!
ทั้งพวกพื้นที่ส่วนกลาง พื้นที่การศึกษาอะไรพวกนี้ ก็ล้วนแต่เป็นความคิดของปู่เย่เฉิน
20 ปีก่อนหน้านี้ ตระกูลเย่เคยมีที่ดินขนาดใหญ่อยู่ที่เมืองหลวง เทียนไห่และสถานที่อื่นๆ อีกมากมาย
และเป็นเพราะปู่ของเย่เฉินทำให้มูลค่าอสังหาริมทรัพย์ในหลายปีนี้สูงขึ้น!
สายงานอสังหาริมทรัพย์มีการปั่นราคากันมากมาย เห็นได้ชัดว่าเป็นการกระทำชั้นต่ำ
ปู่ของเย่เฉินเองก็เคยปั่นราคาจนได้ที่ดินมา เมื่อเริ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์นั้นก็ใช้เวลาสิบกว่าปี หลังจากที่มูลค่าที่ดินเพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่งแล้ว ก็เปลี่ยนมือผู้ถือครองอย่างรวดเร็ว โดยไม่ยอมถือครองอสังหาริมทรัพย์จริงๆ เอาไว้
เพียงแค่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในประเทศ ตระกูลเย่ก็ได้เงินไปไม่รู้กี่แสนล้านแล้ว ดังนั้นเย่เฉินจึงยอมจะแบ่งเงินส่วนหนึ่งมาช่วยเหลือคนในประเทศนี้!
สวี่ฉู่หมิงเองก็ถือแก้วไวน์ขึ้นมาแล้วอย่างนับถือชายหนุ่มตรงหน้า “พูดเกรงใจเกินไปแล้ว คุยยเรื่องพวกนี้กับนายทำไห้ฉันเองเกิดซาบซึ้งใจเหมือนกัน!”
ทั้งสองคนชนแก้วแล้วยกไวน์ดื่มจนหมดในครั้งเดียว
ฉินหงเหยียนยืนอยู่ข้างๆ มองชายสองคนอย่างแปลกใจ “เมื่อครู่พวกเขาคุยอะไรกันนะ?”
ผู้หญิงล้วนแต่เป็นพวกหลงตัวเอง ฉินหงเหยียนจึงไพล่คิดไปว่าเมื่อครู่พวกเขาน่าจะพูดถึงหล่อนอยู่หรือเปล่านะ?
เมื่อเย่เฉินเชื้อเชิญให้สวี่ฉู่หมิงนั่งใหม่อีกครั้งนั้น ก็สั่งอาหารต่อแล้วพวกเขาสามคนก็ดื่มต่อ
และเหตุการณ์ก็ดำเนินไปเช่นนี้อีกหนึ่งชั่วโมง
ในระยะเวลาสามชั่วโมงนี้ การสนทนาของพวกเขาสามคนก็ดำเนินไปอย่างราบรื่น สวี่ฉู่หมิงก็ดูเกรงใจเย่เฉินขึ้นมาอย่างมาก
เพราะว่าประกาศิตเมื่อครู่ของเย่เฉินที่บอกว่าจะใช้เงินหลายหมื่นล้านมาช่วยแก้ไขปัญหาเรื่องการแต่งงานและมีลูกให้กับคนรุ่นใหม่ในประเทศนี้ ความคิดที่ยิ่งใหญ่แบบนี้ทำให้นักธุรกิจตัวเล็กๆ อย่างสวี่ฉู่หมิงตกใจ
ในฐานะที่เป็นผู้ชายเหมือนกัน สวี่ฉู่หมิงนับถือเย่เฉินอย่างมาก เขาจะมองไม่ออกได้อย่างไรว่าสถานการณ์ของผู้หญิงในประเทศนี้ในปัจจุบันมีปัญหาหรือไม่อย่างไร?
ในยามข้าวยากหมากแพงหรือยามศิวิไลซ์นั้นต่างกันอย่างมากมาย
เพื่อนสนิทของเขาเคยกล่าวเอาไว้ว่า “นิสัยแย่ของผู้หญิงในประเทศย่อมส่งผลให้ทั้งประเทศแย่ลงไป”
นี่คือสวี่ฉู่หมิงเองก็เห็นด้วยกับคำพูดนี้ แต่ว่าถูกผู้หญิงทั้งประเทศบอกว่าเป็นเรื่องเหลวไหล
ตั้งแต่ขึ้นเรือสำราญลำนี้ สวี่ฉู่หมิงก็ถูกเย่เฉินข่มทุกทาง นั่งฮอลิคอปเตอร์ ทำให้เห็นว่าฐานะของเขานั้นด้อยกว่าเย่เฉิน
ความหรูหราของเรือสำราญนี้ตบเข้าหน้าสวี่ฉู่หมิง
จู่ๆ ก็มีคนมาขอบหยิบยืมเงิน เดิมสวี่ฉู่หมิงเองก็คิดจะวางท่าเสียหน่อย สวมบทบาทเป็นผู้กอบกู้โลก
ผลกลับกลายเป็นว่าโดนเย่เฉินทำลายความตั้งใจของเขาไปเสียหมดสิ้น
ส่วนเย่เฉินกลับเปิดเผยความทะเยอทะยานและวิสัยทัศน์ที่อยู่เหนือกว่าเขาระหว่างที่สนทนากัน!
สวี่ฉู่หมิงในวันนี้พ่ายแพ้อย่างราบคาบ!
“เด็กน่ารังเกียจ!”
ยิ่งสวี่ฉู่หมิงดื่มเหล้าก็ยิ่งไม่พอใจ คิดไม่ถึงว่าเขาที่เป็นผู้บริหารที่มีทรัพย์สินมูลค่าแสนล้าน กลับต้องมาพ่ายแพ้ให้เด็กเวรนี่
ทันใดนั้นเองความคิดชั่วร้ายก็ผุดขึ้นในหัวสวี่ฉู่หมิง
สวี่ฉู่หมิงถือแก้วไวน์แล้วชนแก้วกับทั้งสองคน แล้วทำทีเอ่ยถามอย่างไม่ใส่ใจ
“จริงสิ หงเหยียน ตอนนี้เธอยังเขียนบล็อคอยู่ไหมน่ะ?”
“บล็อคเหรอ?” ฉินหงเหยียนและเย่เฉินชะงักไป
เย่เฉินถามอย่างสงสัย “คุณเคยเขียนบล็อคด้วยเหรอ?”
สวี่ฉู่หมิงกล่าวพร้อมระบายยิ้ม “น้องเย่เฉิน นายรู้หรือเปล่า? สไตล์ของหงเหยียนนะสนุกสุดๆ นี่ถือเป็นมรดกจากพันธุกรรม ถ้าพ่อของหล่อนไม่ได้ทำธุรกิจล่ะก็คงต้องกลายเป็นนักเขียนแน่นอน! ฉันจำได้ว่าตอนที่บล็อคยังฮิตๆ หงเหยียนก็ชอบเขียนบล็อคมาก เหมือว่าเขียนใน BLOGCN ใช่ไหมล่ะ? ผมยังจำ URL บล็อคได้อยู่เลย ใช่ qinxiaoxue.blogcn.com ใช่ไหม?”
หลังจากเย่เฉินได้ฟังแล้ว ก็หันมองฉินหงเหยียนอย่างประหลาดใจ “ฉินเสี่ยวเสวี่ยเหรอ? เป็นชื่อที่ตลาดล่างจริงๆ ฮ่าๆ”
ในยุคนั้นคาดว่าน่าจะยังเป็นยุคที่คนนิยมเป็นสก๊อยกันอยู่ ดังนั้นผู้หญิงจำนวนมากจึงชอบเติมกำลังเสี่ยวไปในชื่อ เช่นฉินเสี่ยวเสวี่ย เหยียนเสี่ยวตั่ว อะไรพวกนี้
“คุณนี่มันปากเสียจริงๆ!” ฉินหงเหยียนทุบเย่เฉินด้วยใบหน้าแดงก่ำ
ฉินหงเหยียนกล่าว “ยุคนั้นมันก็ฮิตอะไรประมาณนี้นั่นแหละ พอมีเวยป๋อฉันก็เลิกเขียนบล็อคแล้วค่ะ อีกอย่างเว็บเขียนบล็อคนั้นก็ไม่อยู่แล้ว”
สวี่ฉู่หมิงพยักหน้า มีรอยยิ้มประหลาดแต่งแต้มบนใบหน้า “เสียดายจริงๆ ถ้าบล็อคนั้นยังอยู่ล่ะก็เย่เฉินจะได้ดูรูปถ่ายแล้วก็ทักษะการเขียนของเธอสักหน่อย”
ทันใดนั้นเองเย่เฉินก็ตระหนักได้ว่า เหมือนฝั่งตรงข้ามกำลังพยายามจะส่งสัญญาณบอกอะไรเขาบางอย่าง
หรือว่าในบล็อคเก่าของฉินหงเหยียน มีรูปของหญิงสาวและฝ่ายตรงข้ามหรือเปล่านะ?
“BLOGCN” เย่เฉินแอบจำชื่อนี้ไว้ในใจ
5 นาทีผ่านไป สวี่ฉู่หมิงก็ผุดลุกขึ้น “วันนี้เราดื่มกันพอประมาณแล้ว พวกเรากลับกันเถอะ”
เย่เฉินเองก็ลุกขึ้นแล้วกล่าวกับฉินหงเหยียน “พวกเราไปส่งคุณสวี่กันที่ฝั่งแล้ววันนี้พวกเราสอคนนอนที่นี่กันเถอะ”
“ได้สิคะๆ” ฉินหงเหยียนยิ้มกว้างอย่างมีความสุข
ได้นอนบนเรือหรูในแม่น้ำหวงผู่ถือเป็นเรื่องที่มีความสุขเสียเหลือเกิน
สีหน้าสวี่ฉู่หมิงไม่ค่อยสู้ดี
ครังนี้เย่เฉินไม่ได้ใช้เฮลิคอปเตอร์มาย่ำยีศักดิ์ศรีของสวี่ฉู่หมิงอีก แต่ให้ขับเรือไปส่งเขาที่ฝั่งแทน
เมื่อเรือเทียบฝั่ง ก็มีชายในชุดสูทรอสวี่ฉู่หมิงอยู่
ก่อนจะแยกย้าย คนสูงวัยกว่าก็หันมาจับมือกับเย่เฉิน “เย่เฉิน นายทำให้ฉันจำนายได้แม่นทีเดียว ขอบใจนะที่ชวนมากินข้าว คราวหน้าถ้าไปเมืองเสินเฉิง ฉันเลี้ยงนายเอง”
“ได้ครับ” เย่เฉินก็ส่งยิ้มด้วยความเกรงใจให้เขา
ฉินหงเหยียนควงแขนเย่เฉิน “ดูไปแล้วพวกคุณสองคนคงคุยกันถูกคอนะคะ ดีจริงๆ ตอนแรกยังนึกว่าพวกคุณจะทะเลาะกันเสียอีก”
เย่เฉินยิ้มบางๆ เขารู้ว่าสวี่ฉู่หมิงคนนี้ไม่มีทางตัดใจจากฉินหงเหยียนง่ายๆ แน่
วันใดวันหนึ่งในอนาคต พวกเขาสองคนก็จะต้องสู้กันจนตายไปข้างหนึ่งแน่นอน!
ในตอนนี้เฉิงว่านหลี่เองก็กำลังเดินโซซัดโซเซลงมาจากเรือสำราญ ในมือถือขวดไวน์ที่ดื่มไปหมดแล้วสามขวด
เย่เฉินแอบไม่พอใจนัก คิดว่าอีกฝ่ายทำไม่ถูกต้อง เพราะตนเองยกไวน์ให้เขาแค่ขวดเดียว แต่หมอนี่ดันแอบขโมยไปอีกสองขววด ไวน์สามขวดรวมกันนั้นก็มีมูลค่าปาเข้าไปหกแสนแล้ว มูลค่ามากพอเป็นสินสอดของเขาแล้ว
วันนี้เย่เฉินเลี้ยงข้าวสวี่ฉู่หมิงไปหลายล้าน เขาจึงไม่สนใจเงินเล็กน้อยพวกนี้
ฉินหงเหยียนเห็นเฉิงว่านหลี่ก็ประหลาดใจ “เย่เฉิน เขาคือใครคะ? ขึ้นเรือมาเมื่อไหร่?”
ดูไปแล้วเฉิงว่านหลี่ไม่เหมือนพนักงานในเรือเท่าไหร่นัก
เย่เฉินเองไม่ทันได้อธิบายกับหญิงสาว เฉิงว่านหลี่ก็พุ่งตัวลงมาคุกเข่าลงตรงหน้าเย่เฉิน “ลูกพี่ ขอบคุณครับ!”
เขาจึงประคองอีกฝ่ายขึ้นแล้วกล่าว “ไม่ต้องขอบคุณผมหรอกครับ เราสองคนมีชะตาต้องกัน ต่อไปให้ตั้งใจทำงานให้ดีๆ พอต้องดูตัวอีก ให้พยายามหลบพวกผู้หญิงที่ทำงานในธนาคารกับอสังหาริมทรัพย์ นั่นถือเป็นหลุดระเบิดที่นายต้องระวังให้ดี”
เฉิงว่านหลี่เองก็พยักหน้ารับคำอย่างซาบซึ้งแล้วกล่าว “งั้นแอร์โฮสเตสล่ะ? แต่งงานกับพวกหล่อนได้ไหม?”
“แอร์โฮสเตสไม่มีทางชอบนายหรอก นายเลิกคิดที” เย่เฉินกล่าวอย่างตรงไปตรงมา