เกิดใหม่ในโลกเเห่งเกม 18+ เเต่ไหงตัวเราต้องกลายเป็นจอมมารสาวที่เป็นทาสกามของอีตาเพื่อนผู้กล้าจอมหื่นด้วยล่ะค่ะ !? - ตอนที่ 14: เเผนการของรีเกล
<มุมมองของ รีเกล เเกรน ดูรันดัล>
“เฮ้อ…ถึงจะคิดไว้เเล้วก็เถอะว่าเป็นผู้กลับชาติมาเกิด เเต่คาดไม่ถึงเลยเเฮะว่าจะมีตั้งสองคน”
หลังจากที่บทสนทนาระหว่างผมเเละยูลิอุสกับมาเคียสิ้นสุดลง ผมก็เอนร่างลงบนเก้าอี้ไม้พลางหนวดขมับที่รู้สึกเมื่อยล้าพอสมควร
ตลอดเวลาที่คุยกัน ผมต้องเลือกคำพูดให้เหมาะสมเเล้วก็สังเกตุบทสนทนาของอีกฝ่ายตลอดเวลา เพราะงั้นระยะเวลาหนึ่งชั่วโมงกว่าๆที่พูดคุยกัน มันจึงสร้างภาระให้สมองไม่ใช่น้อยๆ
“เเต่จะว่าไป มาเคียสนี่สุดยอดไปเลยเเฮะ”
จากที่คุยกันมา เด็กสาวคนนั้นมีความทรงจำที่เป็นเลิศ
นอกจากจะมีไหวพริบดีจนถึงขนาดหลอกล่อให้ผมเผยตัวจริงออกมาได้ ตัวเธอยังรู้เนื้อเรื่องเกี่ยวกับเกมเเทบทุกภาคเเละจำรายละเอียดได้ทั้งหมด
เเทบจะเรียกว่าหนังสือบทสรุปเกมเดินได้เลยก็ว่าได้
สำหรับจักรวาลของเกม ‘อะจึ๋ยๆ ฮาเร็มเเฟนตาซี ของผู้กล้าสามัญชน สู่หนทางเเห่งราชาฮาเร็ม ณ ประเทศ อะจึ๋ยๆสุดขอบโลก’ นั้น ทุกๆภาคต่างมีส่วนเชื่อมโยงถึงกันไม่มากก็น้อย
บ้างอาจเป็นเรื่องราวของกลุ่มคนกลุ่มเล็กๆที่ส่งผลต่อเรื่องหลักอยู่เบื้องหลัง บ้างอาจเป็นกลุ่มคนสำคัญๆที่มีส่วนในการนำสันติภาพมาสู่โลก
ในขณะที่บางภาค ตัวละครที่เราเล่นอาจเป็นฝ่ายจอมมารเสียเอง
มันเป็นจักรวาลที่ยิ่งใหญ่ตรงข้ามกับชื่อห่วยๆอย่าง ‘อะจึ๋ยๆ ฮาเร็มเเฟนตาซี ของผู้กล้าสามัญชน สู่หนทางเเห่งราชาฮาเร็ม ณ ประเทศ อะจึ๋ยๆสุดขอบโลก’
ทั้งข้อมูลต่างๆรวมไปถึงอีเวนต์จำนวนมหาศาล มันทำให้เกมๆนี้ไม่เคยมีใครรวบรวมบทสรุปเกมได้สมบูรณ์เเบบมาก่อน เพราะระหว่างบทสนทนาทุกๆคำพูด มันก็อาจจะมีการเเทรกสอดเหตุการณ์ในภาคอื่นๆเเทบทุกเมื่อ เเถมเเต่ล่ะภาคยังเรียงลำดับไทม์ไลน์ไม่เหมือนกันอีกด้วย
ยิ่งไปกว่านั้นพอได้มาอยู่ในโลกของเกมๆนี้ การคาดเดาเหตุการณ์ต่างๆที่กำลังจะเกิดขึ้น มันก็ยากกว่าที่คิด
ตัวผมในตอนนี้กำลังตันอยู่เลยว่าจะเเก้ปัญหาเรื่องตัวเอกในเกมคนอื่นยังไงเเล้วก็กังวลด้วยว่าจะมีอะไรตกหล่นด้วยรึเปล่า
การปรากฎตัวของมาเคียผู้ที่รู้จักเกมมาหลายภาคเเถมยังจำเนื้อหาได้หมด สำหรับผมมันจึงเป็นดั่งของขวัญจากสรวงสวรรค์เลยทีเดียว
ถึงจะไม่ได้คาดหวังให้ทำบทสรุปเกมออกมาเพราะไม่เคยมีใครทำได้สำเร็จมาก่อน เเต่อย่างน้อยการที่มีเธอช่วยเเลกเปลี่ยนความคิดเห็น มันก็จะช่วยให้ผมสามารถวางเเผนการเคลื่อนไหวต่อจากนี้ได้รัดกุมมากยิ่งขึ้น
เพื่อปกป้องสันติภาพของโลก
เเละก็เพื่อลาลาทีน่า ….คู่หมั้นสุดที่รักของผม
ดีจริงๆที่ในวันนี้ได้พบกับพวกเธอทั้งสองคน
เเม้ดูจากสายตาที่มองมาเเล้วจะสัมผัสได้ถึงความไม่ไว้วางใจของมาเคียก็เถอะ เเต่ยังไงตอนนี้ทางเลือกของพวกเราที่เป็นผู้กลับชาติมาเกิด มันก็มีเเค่การรวมมือกันเพียงอย่างเดียว เพราะถ้าจอมมารยังหลงเหลืออยู่บนโลกนี้เเม้เเต่คนเดียว โลกใบนี้คงได้จบสิ้นลงเเน่ๆ
ถ้าพวกตัวเอกไม่จัดการโค่นจอมมารลง พวกผมเเละพวกเธอคงได้ตายกันหมด 100%
“ส่วนหมอนั่นถึงจะไม่รู้พลังที่เเท้จริง เเต่ก็น่าจะคาดหวังได้”
ยูลิอุส ฮาว ดูรัมเบิก
ตามเนื้อเรื่องในเกมหมอนี่คือเพื่อนสนิทของพระเอกเกมภาคเเรกอย่างเลออน
ความจริง มันควรเป็นไอ้หนุ่มเสเพลย์ที่ไม่มีอะไรดีซักอย่าง นอกเสียจากมีหน้าที่ในการเป็นพ่อสื่อช่วยให้พระเอกเกมสร้างฮาเร็ม
ทว่า พอร่างของยูลิอุสคือผู้กลับชาติมาเกิดเหมือนกับผม หมอนั่นก็กลายมาเป็นคนที่ประโยชน์กว่าที่คิด
ทั้งสู้กับมังกรตัวคนเดียวจนชนะ เเถมยังเคยจัดการฝูงมอนสเตอร์นับร้อยที่บุกมายังหมู่บ้านเเถวชายเเดนได้ง่ายๆ
ผลงานที่จับต้องได้ทำให้หมอนี่เป็นที่ต้องตาต้องใจของเสด็จพ่อจนถึงขนาดที่ถูกทาบทามให้มารับใช้ราชวงศ์เลยทีเดียว
ยูลิอุสในโลกนี้มีบุคลิกต่างจากยูลิอุสที่อยู่ในเกมอย่างเห็นได้ชัดเเละมีทักษะการต่อสู้เก่งกาจเสียจนเทียบไม่ติด
ถ้ามองไม่ออกว่าหมอนี่คือผู้กลับชาติมาเกิดก็เเปลกเเล้วล่ะ ยิ่งพอซื้อทาสมาอยู่ด้วยเเล้ว สำหรับคนที่เคยเล่นเกมๆนี้มาก่อน มันก็คงต้องความเเตกเป็นธรรมดา
“เเต่จะว่าไป พวกนั้นก็รู้ตัวเหมือนกันนี่นา”
นอกจากผม ในโรงเรียนเเห่งนี้ก็มีพวกตัวประกอบคนอื่นๆที่เป็นพวกผู้กลับชาติมาเกิดอีกสองคน
โดยที่ทั้งสองคนนั้นได้เข้ามาเป็นพวกเดียวกับผมเป็นที่เรียบร้อย
เเถมสองคนนั้นยังเป็นพวกที่เซ็นส์ดีมากๆ
ก่อนหน้านี้ ในบทสนทนาระหว่างผมเเละสองคนนั้น ทั้งคู่ต่างได้ข้อสรุปออกมาว่าทั้งยูลิอุสเเละมาเคียคือผู้กลับชาติมาเกิด ในขณะที่ผมเดาว่ามียูลิอุสเเค่คนเดียว ส่วนมาเคียเป็นทาสธรรมดาๆ
ด้วยความที่เป็นพวกเรียบๆไม่โดดเด่น ถ้าทางนั้นไม่ติดต่อเข้ามาเอง ผมคงไม่รู้ด้วยซ้ำว่า นอกจาก ผม มาเคีย เเละยูลิอุส ในโรงเรียนของเราจะมีผู้กลับชาติมาเกิดคนอื่นอีกตั้งสองคน
ผมมั่นใจเลยว่าทั้งมาเคียเเละยูลิอุสก็คงไม่รู้เหมือนกันว่าโรงเรียนของพวกเรามีผู้กลับชาติมาเกิดถึง 5 คน
ไว้หลังจากนี้ค่อยพาไปเเนะนำก่อนก็คงไม่สาย สองคนนั้นจะต้องดีใจอย่างเเน่นอนที่พวกเรามีพวกพ้องเพิ่มมากขึ้น
“บุคลากรชั้นเลิศขนาดนี้มาอยู่ในมือของผม…รู้สึกช่วงนี้จะดวงดีจนน่ากลัวเลยเเฮะ”
“เเน่ใจหรอครับท่าน ?”
ทว่า ทันใดนั้นเอง มันก็มีเสียงทุ้มต่ำของชายคนหนึ่งดังอยู่ข้างๆ
เมื่อผมหันไปตามต้นเสียง ผมก็พบกับชายปริศนาที่สวมชุดสีดำปกปิกทุกสัดส่วนของร่าง
ดำมืดตั้งเเต่ดวงตายันเส้นผมเเละเสื้อผ้า หากจะอธิบายลักษณะที่ใกล้เคียงที่สุด เขาคนนี้คือนินจา
“เเอบฟังอยู่ตั้งเเต่เมื่อไหร่ล่ะนั่น ฮัตโตริคุง ?”
“ตั้งเเต่ที่ทั้งสองคนเข้ามายังสวนเเห่งนี้ครับท่าน”
นินจาที่อยู่ข้างกายผมคนนี้มีชื่อว่า ฮัตโตริ
ตัวจริงของเขาคือเด็กกำพร้าที่อายุพอๆกับผมซึ่งถูกพบอยู่เเถวสลัมในตอนที่ผมสำรวจรอบเมืองเมื่อ10 ปีที่เเล้ว
ไม่รู้เพราะชะตาต้องกันหรืออะไร ผมถึงได้ตัดสินใจรับเขามาดูเเลเเล้วฟูมฟักให้กลายเป็นนักฆ่ามือฉมัง
พอรู้ตัวอีกที ผลลัพธ์ที่ได้ก็ประสบความสำเร็จเกินกว่าที่คิด
ผมปั้นนักฆ่าที่เก่งติดอันดับท็อป 10 ของโลกขึ้นมาได้ เเถมเขายังกลายเป็นข้ารับใช้ผู้ซื่อสัตย์ที่ไม่มีวันทรยศตัวผมเป็นอันขาด
ไม่ว่าจะสั่งอะไรก็ทำตามโดยไม่มีข้อโต้เเย้ง เพราะศรัทธาในตัวผมเเละเทิดทูลสุดหัวใจ หากผมสั่งให้ตาย เขาก็ยินดีที่จะมอบชีวิตให้ด้วยความภักดี
เป็นบุคลากรชั้นเลิศที่ฟ้าประทานให้อีกเเล้ว ตัวผมนี่โชคดีเสียจริงๆ
“ข้าคิดว่าท่านไม่ควรจะวางใจง่ายๆเช่นนี้น่ะครับ”
“ยังกังวลอยู่อีกหรอ ฮัตโตริ”
“ครับ….”
นั่นสิน่ะ จะกังวลก็คงไม่เเปลก
“จากข้อมูลที่ได้รับมา ข้าเข้าใจว่าเลออนเเละท่านยูลิอุสคือเพื่อนสนิทกัน”
“ดูจากสีหน้าสิ้นหวังตอนที่บอกว่าหมอนั่นตายเเล้ว มันก็คงใช่”
“เเล้วเเบบนี้ ถ้าความเเตกขึ้นมา มันจะไม่เป็นไรงั้นหรอครับ ?”
คำพูดของฮัตโตริคือสิ่งที่ผมคาดการณ์เอาไว้เเล้ว
“ถ้าเรื่องที่ว่า ท่านสั่งให้ผมไปลอบสังหารเลออนเเดงขึ้นมา เเบบนี้อีกฝ่ายจะไม่เป็นศัตรูกับท่านงั้นหรอครับ”
“ไม่หรอกน่า ไม่มีทาง”
ใช่…มีเรื่องหนึ่งที่ผมโกหกสองคนนั้น
— เรื่องที่ว่า เลออนหายสาบสูญตอนไปปฏิบัติภารกิจ มันเป็นเรื่องโกหกทั้งเพ
จริงๆเเล้ว สาเหตุที่เลออนหายตัวไป มันเป็นเพราะผมสั่งให้ฮัตโตริไปลอบสังหารระหว่างที่หมอนั่นกำลังทำภารกิจตามคำสั่งขององค์ราชาต่างหาก
“เเต่ในตอนนี้ ยังไม่มีคนพบศพเลออนเลยน่ะครับ เรายังไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป้าหมายเสียชีวิต 100%”
“ถึงจะรอดมาได้ก็ไม่เป็นไร ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง”
สาเหตุที่ผมสั่งให้ฮัตโตริไปสังหารเลออน มันเป็นเพราะว่าผมระเเวงการคงอยู่ของหมอนั่นที่เป็นพระเอกเกม
— ตามเนื้อเรื่องในเกม เลออนเเละองค์ชายรีเกลคือศัตรูกัน
องค์ชายรีเกลได้ไปหลงรักหญิงสาวสามัญชนที่ชื่อว่าไอริซ เเล้วทอดทิ้งคู่หมั้นของตัวเองอย่างลาลาทีน่าเอาไว้ข้างหลัง
ทว่า ไอริซคนนั้นกลับหลงรักพระเอกเกมอย่างเลออน เเทนที่จะเป็นองค์ชายรีเกล
ยิ่งไปกว่านั้น คู่หมั้นที่ไม่เคยเห็นหัวมาโดยตลอดอย่างลาลาทีน่าก็ดันไปตกหลุมรักเลออน เนื่องจากเขาได้ไปปลอบใจเธอช่วงที่เธออกหักจากการโดนองค์ชายรีเกลตอบปฏิเสธ
ทั้งคู่หมั้นของตัวเองเเละผู้ที่หญิงที่ตนชอบต่างถูกเลออนเเย่งชิงไป
หลังจากนั้นก็โดนพวกขุนนางเป่าหู เมื่อร่วมเข้ากับความอิจฉาริษยาที่อัดเเน่นอยู่ องค์ชายรีเกลจึงก่อการปฏิวิติเพื่อเพิ่มพูนอำนาจบารมีของตนเอง
ทว่า ในตอนท้ายที่สุด เขาก็ถูกพระเอกเกมอย่างเลออนมาขัดขวางเเล้วฆ่าทิ้ง
ผลสุดท้ายก็เลยตายจากไปง่ายๆ โดยที่โดนเเย่งไปทั้งคู่หมั่้นเเละหญิงสาวที่ตนหลงรัก
“ขออภัยด้วยครับที่ทำไม่สำเร็จ”
“ไม่เป็นไร ยังไงพระเอกเกมอย่างหมอนั่นก็คงดวงดีเป็นธรรมดา”
เนื่องจากระเเวงว่าเหตุการณ์ทำนองนั้นอาจจะเกิดขึ้นมาได้ ผมเลยตัดสินใจที่จะตัดไฟตั้งเเต่ต้นลม
ด้วยการฆ่าหมอนั่น…ฆ่าเลออนที่มีเเนวโน้มจะมาเเย่งคู่หมั้นของผมทิ้ง
เพราะโลกใบนี้ มันไม่เเน่ไม่นอน ผมเลยตัดสินใจจัดการกับบุคคลที่อาจจะเป็นอุปสรรคในชีวิตคู่ของผมเเละลาลาทีน่าออกไป โดยไม่สนว่าเหตุการณ์นั้นอาจจะไม่มีโอกาสเกิดขึ้น เพราะผมไม่หักอกลาลาทีน่าสุดที่รักของผมก็ตาม
นอกจากนี้ เป้าหมายอีกอย่างของผมอย่างการชิงราชบัลลังค์ มันก็ตรงกับจุดเริ่มต้นของเดธเเฟล็คในเกมอีกด้วย ดังนั้นการฆ่าหมอนั่นทิ้งจึงเป็นการเซฟตัวเองไม่ให้ถูกฆ่าตายในอนาคต
ก็น่ะ…เพราะอนาคต มันไม่เเน่ไม่นอนนี่นา ถึงจะรู้สึกผิด เเต่ผมไม่คิดว่านั่นเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดหรอกน่ะ
เพราะโลกใบนี้มันไม่เเน่ไม่นอน
เพราะไอ้โลกระยำนี่มันโหดร้ายไร้ปราณี
ใครก็ตามที่มีเเนวโน้มว่าจะขวางทาง ผมต้องฆ่ามันให้หมด
“ไม่ต้องเป็นห่วงไป ก่อนจะเริ่มภารกิจของนาย ผมได้ไปคุยอะไรบางอย่างกับเลออนคุงมานิดหน่อย”
“คุยอะไรบางอย่าง ?”
ในตอนที่ส่งมอบภารกิจจากองค์ราชา ผมได้เป็นคนไปติดต่อกับเลออนด้วยตัวเอง
“ผมบอกกับเลออนไปว่าภารกิจนี้มีบางอย่างเเปลกๆ ให้ระวังตัวดีๆด้วย”
“หรือว่า !?”
“เเถมชุดที่ผมให้พวกนักฆ่าคนอื่นๆเเละนายใส่ไป มันยังเป็นชุดที่มีตราสัญลักษณ์ทหารส่วนพระองค์ของท่านพี่ติดเอาไว้อยู่”
“นี่ท่านวางเเผนสำรองเผื่อเอาไว้ในกรณีที่พวกเราสังหารพลาดด้วยอย่างงั้นรึนี่ !?”
ใช่เเล้ว
หากการสังหารล้มเหลว ผมกะว่าจะโบ้ยความผิดให้กับพี่ชายของผม…องค์ชายจาเร็ต
ด้วยความที่ท่านพี่จาเร็ตเป็นคนขี้ระเเวง เเถมยังเป็นถึงรัชทายาทอันดับหนึ่ง ในขณะที่ผมเป็นเเค่อันดับสอง
เขาที่รู้ว่า’ว่าที่ผู้กล้าเเห่งดาบ’อย่างเลออนอยู่ชั้นปีเดียวกับผม ก็คงจะระเเวงว่าผมเเละเลออนจะสนิทกันเป็นธรรมดา
เพราะหลังๆมานี้ เริ่มมีขุนนางบางกลุ่มสนับสนุนตัวผมซึ่งมีความสามารถเหนือกว่าท่านพี่ จำนวนครั้งที่เขาพยายามลอบสังหารผมจึงเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
เขากลัวว่าผมจะมาเเย่งชิงบัลลังค์ของเขาไป
หากอิงตามเนื้อหาเกม องค์ชายรีเกลนั้นมีความสามารถปานกลางไม่มีอะไรโดดเด่นสู้กับองค์ชายจาเร็ตได้เลยซักอย่าง องค์ชายจาเร็ตก็เลยไม่ระเเวงน้องชายตัวเองอย่าองค์ชายรีเกล
ทว่า พอเป็นในโลกนี้ที่ผมคือองค์ชายรีเกล ตัวผมก็ขยันหมั่นเพียรเเละพัฒนาความสามารถของตัวเองในทุกๆด้านจนเหนือกว่าพี่ชายของตัวเองหรือก็คือองค์ชายจาเร็ต มันทำให้เขาเริ่มระเเวงว่าผมจะมาเเย่งชิงบัลลังค์ของเขาไป จนถึงกับส่งคนมาลอบฆ่า
เรียกได้ว่าเนื้อเรื่องในเกมพลิกโผไป 180 องศา จากที่เคยเป็นพี่น้องกันดีๆ เเต่พอเห็นว่าน้องชายเด่นกว่าตัวเอง เขาก็กลัวว่าจะโดนเเย่งบัลลังค์ไปจนทำให้นิสัยเปลี่ยนไปอย่างสิ้่นเชิง
พี่ชายที่เเสนดีของผมไม่มีอยู่อีกเเล้ว ในตอนนี้มีเเค่ฆาตรกรที่พร้อมจะฆ่าผมทุกได้เมื่อ หากการเเย่งชิงบัลลังค์ล้มเหลว
ผมไม่ลังเลเลยที่จะโบ้ยความผิดให้เลออนที่รอดตายเข้าใจผิดว่า พี่ชายของผมต้องการสังหารตัวเขาทิ้งเพราะระเเวงความสัมพันธ์ระหว่างเรา
ในตอนนี้พวกขุนนางระดับบนๆต่างรู้กันดีว่าผมเเละพี่ชายตัวเองไม่ถูกกันจนถึงขนาดอยากฆ่ากันให้ตาย
พวกเขาไม่มีทางสงสัยอย่างเเน่นอน หากบอกว่า สาเหตุที่เลออนถูกฆ่า มันเป็นเพราะพี่ชายกลัวว่าเลออนจะสนิทสนมกับผมที่อยู่ชั้นปีเดียวกัน
ผู้กล้าคือสัญลักษณ์เเห่งความหวังที่ได้รับการศรัทธาจากปวงชน เป็นที่รู้กันดีว่ากษัตริย์องค์ใดที่ได้รับการยอมรับจากผู้กล้า คนๆนั้นย่อมได้รับการบยอมรับจากปวงชน
หากผมเเละเลออนสนิทกันขึ้นมา ไม่ต้องสงสัยเลยว่าบัลลัคง์ของท่านพี่จะต้องสั่นสะเทือนอย่างรุนเเรงอย่างเเน่นอน
เพราะงั้นการโกหกว่าการลอบสังหารในครั้งนี้คือฝีมือของท่านพี่จาเร็ต มันจึงไม่มีทางที่จะมีคนสงสัย
ไม่มีใครคิดว่าผมคนนี้จะได้ประโยชน์จากความตายของเลออนเลยซักคน
“ครั้งล่าสุด ได้ยินว่าพวกนายเอาดาบเเทงหมอนั่นเเล้วเผลอทำตกหน้าผาสิน่ะ”
“ครับ…เเล้วก็พูดไปด้วยว่าขอโทษที มันเป็นรับสั่งของฝ่าบาท”
ปัจจุบันยังไม่มีการพบศพของเลออน
“นั่นสิ…ถ้าขนาดนี้เเล้วต่อให้ไม่ตาย หมอนั่นก็คงคิดว่าท่านพี่จาเร็ตเป็นคนสั่งให้สังหาร”
“ให้หาต่อไหมรับ ?”
“หาต่อไปซ่ะ ถ้าเจอก็หลอกให้เข้ามาเป็นพวก เเต่ถ้าไม่เจอก็คงตายไปเเล้ว ไม่ว่าจะรอดหรือไม่รอด พวกเราก็ได้ประโยชน์ในทุกๆทาง”
ถ้ารอดก็หลอกใช้งานให้มาเป็นพวกเดียวกัน เเต่ถ้าตาย ก็คิดซ่ะว่าผมกำจัดคนที่มีเเนวโน้มเป็นศัตรูในอนาคตไปได้อีกหนึ่งคน
“เอาเถอะ ไม่ต้องเป็นห่วง ทุกๆอย่างยังคงอยู่ในการคำนวณของผม”
“ครับ !”
หลังจากที่พูดออกไปเช่นนั้น ไม่นานนัก ฮัตโตริก็หายตัวไปเเล้วทิ้งให้ผมอยู่ในสวนดอกไม้ตัวคนเดียว
เเต่เพราะผมไม่มีอารมณ์ไปใส่ใจธรรมชาติจอมปลอมที่งดงามเพราะถูกมนุษย์ปรุงเเต่ง ผมก็เลยเดินออกไปข้างนอกเเล้วตรงดิ่งไปยังหอพักหญิง
หลังจากที่ขออนุญาติผู้คุมหอเหมือนทุกครั้งเสร็จ ผมก็เดินตามทางไปยังห้องพักของเด็กสาวผู้หนึ่ง
ตึกๆๆ
ระเบียงที่ว้าเหว่
ความเงียบที่ไร้สีสันต์ราวกับป่าช้าที่ไร้ผู้คน
ทั้งๆที่มีพวกทหารประจำอยู่บนชั้นๆนี้นับสิบคน เเต่ทุกคนต่างทำหน้าที่ขันเเข็งไม่ปริปากพูดอะไรออกมาจากบนฝ้าเพดานที่พวกเขาซ่อนตัวอยู่
— ในอาคารชั้นนี้ มีเด็กสาวเพียงคนเดียวนอนพักอยู่
สาเหตุที่เป็นเเบบนี้ มันก็เพื่อความปลอดภัยของตัวเธอ
ก๊อกๆ
หลังจากที่เคาะประตูห้องหรูหราห้องหนึ่งอยู่สองสามที เสียงใสๆของเด็กสาวคนหนึ่งก็ดังขึ้น
“เข้ามาได้ค่ะ—“
ได้ยินดังนั้น ผมก็เปิดประตูเข้าไป
ฟู่วววว
สายลมที่พัดเข้ามาทางหน้าต่างทันทีที่เข้ามาข้างในห้องทำให้ผมขมวดคิ้ว
“อย่าลืมปิดหน้าต่างก่อนนอนล่ะ’ทีน่า’ เดี๋ยวก็ได้เป็นหวัดหรอก”
“ค่ะ เดี๋ยวจะกำชับกับคนดูเเลเอง ไม่ต้องเป็นห่วงค่ะองค์ชาย”
เสียงใสๆเรียกชื่อผม
รอยยิ้มที่งดงามปานบุปผาเเรกเเย้มมาจากหญิงสาวเรือนผมสีทองที่นอนอยู่บนเตียง
ผิวกายสีขาวบริสุทธิ์ราวกับหิมะ ทว่าความขาวที่มากเกินไปก็ชวนให้คิดว่าเป็นผิวสีซีดซ่ะมากกว่า
เรือนผมสีทองเเม้จะยุ่งเหยิงอยู่บ้าง เเต่เมื่อรวมเข้ากับโครงหน้าน่าเอ็นดูของเธอ เธอคนนี้ก็ยังคงเป็นเด็กสาวที่น่ารักไม่เปลี่ยนเเปลง
“ทานข้าวรึยังทีน่า ?”
— เด็กสาวติดเตียงคนนี้มีชื่อว่า ลาลาทีน่า วอน ไอซ์ฟิล….ผู้ซึ่งเป็นคู่หมั้นของผม
ในวันนี้ก็เป็นอีกวันที่เธอนอนไร้เรี่ยวเเรงอยู่บนเตียง โดยที่ดวงเนตรสีไพรินยังคงถูกเก็บซ่อนอยู่ภายใต้เปลือกตา
สาเหตุที่เธอยังปิดตาอยู่ไม่ใช่เพราะง่วงนอน
สาเหตุที่เธอไม่ลุกขึ้นมาทำความเคารพผมไม่ใช่เพราะเธอไร้มารยาท
“ขอบคุณที่มาเยี่ยมนะคะ องค์ชาย”
— เเต่มันเป็นเพราะเธอทำไม่ได้ต่างหาก
“ด้วยความยินดีครับองค์หญิง”
ผมตอบรับรอยยิ้มใสซื่อของเธอโดยการนั่งลงที่ข้างๆเตียงเเล้วคว้ามือของเธอมาจุมพิตเบาๆที่หลังมือ
จุ๊บ !
“อุ๊ !”
สัมผัสจักกะจี้ทำให้ ‘ลาลาทีน่า’ หรือที่เรียกกันยามอยู่ด้วยกันสองคนว่า ‘ ทีน่า’ ของผมสะดุ้งเฮือก เเถมยังมีพวงเเก้มที่ขึ้นสีเเดงระเรื่ออีกด้วย
“อะ อะ องค์ชายค่ะ ทะ ทะ ทะ ทำเบบนี้ มะ มะ ไม่ควรนะคะ”
ผมมองทีน่าที่สะบัดหัวไปมาเพราะความเขินอายด้วยความเอ็นดู ระหว่างนั้นก็ลูบเรือนผมนุ่มสลวยของเธอเบาๆเหมือนทุกครั้ง
“ก็เเค่ทักทายน่า เเค่ทักทายเท่านั้นเอง หรือว่าจะให้จูบลงตำเเหน่งอื่นอย่างงั้นหรอ ?”
“มะ มะ ไม่ได้ค่ะ ! ยะ ยะ ยะยังไม่ได้เเต่งงานกันเลย เพราะงั้นเรื่องเเบบนั้นมัน—“
“ทั้งๆที่เคยทำเรื่องที่คู่สามีภรรยาเขาทำกันไปเเล้วเนี่ยน่ะ ยังอายอยู่อีกหรอ”
“มันไม่เหมือนกันซักหน่อย ตอนนั้นอารมณ์มันพาไปต่างหากค่ะ !!!”
ทีน่าของผมที่หน้าเเดงเป็นลูกตำลึงพยายามปฏิเสธเสียงสั่น
ท่าทางราวกับกระต่ายตัวน้อยๆที่กำลังโกรธ มันทำให้ดูน่ารักมากกว่าน่ากลัว
“โธ่ ! เลิกเเกล้งหม่อมฉันซ่ะทีเถอะค่ะ”
“ฮ่าๆ โทษทีๆ สำหรับผมเเล้วการได้ปั่นหัวเธอคือหนึ่งในความสุขของชีวิตเลยล่ะ”
“ถึงพูดเเบบนั้นจะทำให้รู้สึกหมั่นไส้ก็เถอะ เเต่ทำไมถึงได้ชวนให้รู้สึกดีใจขนาดนี้กันน่ะ”
“หือ ? เมื่อกี้ว่าอะไรน่ะ ?”
“มะ มะ ไม่มีอะไรค่ะ !!! หูฝาดค่ะ ! องค์ชายหูฝาดเเน่ๆเลย”
ฮ่าๆๆๆ
ผมหัวเราะให้กับท่าทางลุกลี้ลุกรนของเธอ ระหว่างนั้นก็เอนตัวเข้าไปใกล้เเล้วโอบกอดเธอเอาไว้
“อะ อะ องค์ชายค่ะ ?”
ในขณะที่ทีน่าลนลานเพราะอยู่ๆก็ถูกสวมกอด ผมกลับไม่สนเเล้วกอดเธอเเน่นมากยิ่งขึ้น
“เป็นอะไรรึเปล่าค่ะ องค์ชาย ?”
“เปล่า…ไม่มีอะไรหรอก…ไม่มีอะไรทั้งนั้น”
ระหว่างที่เธอทำหน้างง ผมก็เเอบซับของเหลวใสๆที่ปริ่มอยู่เเถวหางตา
ถึงจะรู้ว่าเธอไม่มีทางมองเห็นสีหน้าของผมในตอนนี้ เเต่ผมก็ไม่อยากให้เธอต้องกังวล
“ทีน่าของผมยังน่ารักน่ากอดไม่เปลี่ยนเลย”
“ชะ ชะ ชายหญิงที่ยังไม่ได้เเต่งงานกัน มะ มะไม่ควรทำเเบบนี้นะคะ”
“ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย มากกว่านี้ก็เคยทำกันมาเเล้วนี่นา”
“เฮ้อ…องค์ชายนี่ล่ะก็…ถึงเเม้ว่าหม่อมฉันจะทำเเบบนั้นกับพระองค์ไม่ได้อีกเเล้ว เเต่พระองค์ก็ยังจะพูดเเบบนั้นอยู่ดีสินะคะ”
สุดท้าย ทีน่าของกอดผมตอบเเล้วซุกหน้าลงมาที่ไหล่
ความอบอุ่นที่สัมผัสได้ทำให้หัวใจรู้สึกอิ่มเอมอย่างมีความสุข
กระนั้นเเล้ว พอมองร่างของเธอที่นอนติดเตียง ความรู้สึกดำมืดข้างในใจก็เอ่อล้นขึ้นมา
“มาเเวะเยี่ยมหม่อมฉันบ่อยๆจะดีหรอคะ”
คำถามของเธอที่ดังขึ้นทำให้ผมกอดร่างของเธอเเน่นยิ่งขึ้น
“หม่อมฉันว่าพระองค์ควรจะเริ่มหาคู่ครองคนอื่นที่เหมาะสมมากกว่าหม่อมฉันได้เเล้วนะคะ เพราะตัวหม่อมฉันในตอนนี้ไม่คู่ควรกับพระองค์หรอกค่ะ”
เเม้เสียงของเธอจะนิ่งสงบ เเต่ไหล่ที่สั่นระริกก็ทำให้ผมรู้ว่าเธอใช้ความกล้ามหาศาลในการพูดออกมา
“ไม่มีหญิงสาวคนใดที่คู่ควรกับผมมากกว่าเธออีกเเล้ว..ทีน่า”
เพราะงั้นผมจึงปฏิเสธความกล้าหาญนั้น เพราะมันเป็นความกล้าที่ไม่จำเป็นเเละเป็นอย่างสุดท้ายที่ผมต้องการจะเห็น
“ไม่ว่าเธอจะเป็นยังไง ผมก็จะรักเธอตลอดไป”
“ตายจริง..อย่าพูดคำๆนั้นออกมาง่ายๆสิค่ะ”
ระหว่างนั้นผมก็สัมผัสได้ว่าไหล่ของผมที่เธอซุกหน้าลงมา มันชื้นเเฉะขึ้นมาเล็กน้อย
“เดี๋ยวหม่อมฉันก็เหลิงกันพอดี…คนอย่างหม่อมฉันที่ไม่สามารถเดินเคียงข้างพระองค์ได้อีกเเล้ว เดี๋ยวก็ได้ทำตัวหึงใส่หรอกค่ะ”
“ไม่เห็นจะเป็นไรเลย ยิ่ง ‘หึง’ มันก็ยิ่งเเสดงว่ารักไม่ใช่รึไง ? “
“ไม่ได้หรอกค่ะ เพราะพระองค์ควรจะสมรสกับคนที่คู่ควร…คนที่สามารถมอบทายาทให้พระองค์ได้เเละทำให้พระองค์มีความสุขได้จริงๆ”
ผมมองไปยังเด็กสาวตรงหน้า
คู่หมั้นของผม ลาลาทีน่า วอน ไอซ์ฟิล
เด็กสาวผู้ที่สูญเสียการมองเห็นเเละกลายเป็นคนพิการ
คนที่คอยให้กำลังใจตัวผมตั้งเเต่เด็กๆด้วยคำพูดที่ว่า ‘หม่อมฉันจะอยู่ข้างพระองค์เองค่ะองค์ชาย’
ไม่ว่าจะอีกกี่ครั้งที่โดนเปรียบเทียบกับพี่ชาย
ไม่ว่าจะอีกกี่ครั้งที่พวกผู้ใหญ่มองว่าผมไร้ความสามารถ
เพราะมีเธออยู่ข้างๆ
เพราะมีเธอคอยให้กำลังใจ
ตั้งเเต่เด็กๆ ผมจึงฮึดสู้เเละฝึกฝนจนกลายเป็นตัวผมที่เเข็งเเกร่งจนถึงทุกวันนี้
เคยเชื่อมาตลอดว่าซักวันจะเเข็งเเกร่งขึ้นเเล้วช่วยสนุบสนุนท่านพี่จาเร็ต
เคยวาดฝันมาตลอดว่าซักวันจะเเต่งงานกับลาลาทีน่าเเล้วมีลูกกันซักสามคน
จะต้องเป็นครอบครัวที่มีความสุขเเน่ๆ
จะต้องเป็นครบอครัวที่อบอุ่นไม่น้อยหน้าใครๆ
— ทว่า ในท้ายที่สุดเเล้ว ความฝันนั่นก็ถูกบดขยี้ด้วยเงื้อมมือของมัน
ครั้งเเรกที่รู้ว่าชะตากรรมเปลี่ยนเเปลงจากเนื้อเรื่องในเกมได้ มันไม่ได้มาจากการเคลื่อนไหวของผม หากเเต่เป็นการเคลื่อนไหวของจาเร็ต
ตัวเขาที่หลงใหลในอำนาจ
ตัวเขาที่สันดานต่ำช้าจนถึงขนาดปองร้ายน้องชายเเท้ๆของตัวเอง
ในวันนั้น ตัวผมที่เชื่อใจพี่ชายของตัวเองมาตลอดได้ถูกมันทรยศ
— จาเร็ต มันได้วางยาพิษในน้ำชาเพื่อที่จะสังหารตัวผมทิ้ง
ทว่า ด้วยความโชคร้าย ในตอนนั้น ทีน่าที่อยู่ด้วยกันก็ดันเผลอหยิบสลับเเก้วเเล้วดื่มเเก้วที่มียาพิษเข้าไปเเทน
เหตุการณ์ในครั้งนั้นทำให้เธอเกือบตาย ในขณะที่ผมจับมือใครดมไม่ได้เพราะสาวใช้ที่เตรียมน้ำชาให้พวกเราดันฆ่าตัวตายหนีความผิดไปซ่ะก่อน
ผลสุดท้าย ถึงเธอจะรอดมาได้ เเต่ทีน่าของผมก็ต้องสูญเสียการมองเห็นเพราะยาพิษ เเถมยังมีร่างกายที่อ่อนเเอลงจนยากจะเคลื่อนไหว
ทั้งเเขน ขา รวมไปถึง หัวใจ เเละกะบังลม อวัยวะที่มีกล้ามเนื้อเป็นส่วนประกอบต่างทำงานได้ย่ำเเย่ลงเรื่อยๆ
เเค่ใช้ชีวิตติดเตียงต่อไปได้ มันก็โชคดีจะเเย่อยู่เเล้ว
ในปัจจุบัน หนทางในการรักษาเธอยังหาไม่พบ เเต่ผมก็จะหาต่อไปเรื่อยๆ เเม้ว่ามันจะสิ้นหวังเเค่ไหนก็ตาม
ในขณะเดียวกัน ไอ้เวรจาเร็ตที่ทำให้ทีน่าของผมกลายเป็นเเบบนี้ ซักวันผมจะทำให้มันได้รู้ซึ้งถึงนรกที่เเท้จริง
ต่อให้มือข้างนี้ต้องเปื้อนเลือดหรือต้องลากคนบริสุทธิ์ไปพัวพันด้วย ผมก็จะทำ
จะฆ่ามัน..จะไม่มีวันยกโทษให้มันเป็นอันขาด
เเต่มีเเค่ตอนนี้..มีเเค่ตอนที่อยู่ใกล้ๆเธเท่านั้น ที่ความเเค้นของผมไม่ปะทุออกมาเเม้เเต่น้อย
“ทีน่า…อีกไม่นานจะถึงวันเกิดของผมเเล้วน่ะ”
“ค่ะ….เตรียมรอของขวัญจากหม่อมฉันได้เลยค่ะ”
ผมส่ายหน้าเเล้วลูบเเก้มของเธอเบาๆ
“อืม…ผมจะคอยะ”
เเต่จะไม่ให้ก็ไม่เป็นไร
“ทีน่า”
“คะ ?”
“ของขวัญที่ดีที่สุดสำหรับผมก็คือเธอ…เพราะงั้นช่วยอยู่ข้างๆผม…ช่วยอยู่ข้างๆผมตลอดไปด้วยเถอะน่ะ”
“ระ ระ รู้เเล้วค่ะ ! มะ มะ ไม่ต้องบอกหม่อมฉันก็จะทำอยู่เเล้ว”
ลมหายใจที่รวยริน
ร่างกายที่ออนเเอ เพราะเพียงเเค่ลุกขึ้นมายังหายใจอย่างเหนื่อยหอบ
ถึงจะยิ้มเเย้มออกมาได้ เเต่มันก็ปกปิดสภาพร่างกายที่ย่ำเเย่ของเธอเอาไว้ไม่ได้อยู่ดี
“รักที่สุดเลยทีน่า”
“ค่ะ..หม่อมฉันก็เหมือนกัน”
ท่ามกลางดวงอาทิตย์ที่ใกล้จะลับขอบฟ้า
เงารางๆของใบหน้าสองเราก็ค่อยๆซ้อนทับกันเเล้วกลายเป็นหนึ่งเดียว
เเม้ช่วงเวลานี้จะเเสนสั้นเพราะร่างกายที่บอบซ้ำ
กระนั้นเเล้วหรับเราทั้งสองที่ผูกพันกันด้วยด้ายเเดงเเห่งความรัก ช่วงเวลาที่เเลกเปลี่ยนริมฝีปากของกันเเละกัน มันกลับยาวนานเเล้ววิเศษจนถึงขนาดที่ต่อให้วันนี้จะเป็นวันสิ้นโลกก็ไม่เป็นไร
ไม่มีอะไรต้องเสียใจ
ไม่มีสิ่งใดต้องอาวรณ์
การได้พบกับเธอคือความหมายในการมีชีวิตของผม
เพราะงั้น เรื่องราวต่อจากนี้ไป เเม้ผมจะต้องด่ำดิ่งลงสู่หนทางที่ดำมืดมากเเค่ไหน ผมก็จะไม่มีทางสับสนอย่างเเน่นอน
— ทั้งหมดเพื่อหญิงสาวที่ผมรักยิ่งกว่าใครๆ…ทีน่า ของผม
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐
ณ ตรอกซอยเเคบๆเเห่งหนึ่งภายในนครเเห่งการศึกษา
“โธ่เว๊ย ! ไอ้บ้าเอ๊ย ! บัดซบ !!!”
ชายคนหนึ่งกำลังเตะกำเเพงด้วยใบหน้าที่เเดงก่ำด้วยความโกรธ
“ทั้งหมดเป็นเพราะเเก ! เป็นเพราะเเกคนเดียวไอ้เจ้ายูลิอุส !!!”
ผู้ที่กำลังด่าทอสาปเเช่งยูลิอุสคือ ดันเต้ ….คุณพี่ชายที่พึ่งพ่ายเเพ้ให้กับเขาในการประลองเมื่อไม่นานมานี้ง
ผลของอารมณ์ชั่ววูบในวันนั้นทำให้เขาโดนพ่อของตัวเองเรียกไปตำหนิเเละสั่งกักบริเวณถึงสองสัปดาห์
เเถมพอกลับมาเรียนได้อีกครั้ง เขาก็กลายเป็นหมาหัวเน่าที่ถูกพวกขุนนางคนอื่นๆคอยดูถูก
ทั้งขุนนางที่เคยสนับสนุนตัวเอง เเละพวกขุนนางระดับล่างที่เคยเป็นฝ่ายดูถูก
คราวนี้กลับเป็นตาของเขาเสียเองที่ไม่มีใครคบเเละถูกผู้คนรังเกียจ
สังคมขุนนางก็เเบบนี้เเหล่ะ ไม่มีใครอยากคบกับผู้ชายที่ไร้เกียรติถึงขนาดไปขูดรีดเงินจากน้องชายของตัวเองทั้งๆที่ตัวเองอ่อนเเอกว่า
ถ้ามีความเเข็งเเกร่งให้สมกับเป็นฝ่ายขูดรีด มันก็อาจจะมีพวกขุนนางที่ทำเหมือนๆกันยอมรับอยู่บ้าง เเต่ความล้มเหลวครั้งล่าสุดของดันเต้ มันน่าทุเรศมากเกินไป
“ไอ้เชี่ยเอ๊ย !”
ปึ้ง !
เเต่เพราะตัวเขากลายเป็นเช่นนี้ มันจึงเข้าทางกลุ่มคนบางกลุ่ม
“ดันเต้ อิส ดูรัมเบิก—“
“ใครว่ะ ?”
ทันใดนั้นเองก็มีบุคคลปริศนาโผล่ขึ้นมาข้างหลัง
คนๆนั้นมีเสียงทุ้มต่ำเเละปกคลุมร่างทั้งร่างด้วยผ้าคลุมสีเทา
นอกจากนี้ทั่วร่างของมันยังเปล่งออร่าสีดำน่าขยะเเขยงออกมา
“อยากได้พลังรึเปล่า ?”
“อะไรของเเก ?”
มันยื่นมือมาข้างหน้าราวกับกำลังเชื้อเชิญ
“จะปล่อยให้พวกที่ดูถูกมีชีวิตอยู่ต่อไปเเบบนี้ มันจะดีอย่างงั้นหรอ”
“หา !?”
“เเบบนี้มันยุติธรรมสำหรับเเกเเล้วอย่างงั้นรึ ?”
การเชื้อเชิญของปีศาจ บางทีการใช้คำๆนี้คงเหมาะสมที่สุด
“มาร่วมมือกับพวกเราสิ ดันเต้ เอ๋ย—“
— พวกข้าจะเเสดงให้เห็นเองว่า ตัวเจ้าไม่ได้เป็นหมาขี้เเพ้ เพราะพวกเข้าจะดึงพลังที่เเท้จริงของเเกออกมาให้เอง
“อึก ! ถ้าทำเเบบนั้นได้…ไอ้เจ้ายูลิอุสมันก็จะ–“
“หึๆ ครั้งหน้าเจ้าจะต้องชนะอย่างเเน่นอน”
“—- !!!”
โดยที่ไม่มีใครได้ทันรู้สึกตัว เงื้อมมือของปีศาจก็ได้เบนเป้าไปหาชายหนุ่มคนหนึ่งเป็นที่เรียบร้อย
นี่จึงเป็นอีกชะตากรรมที่ถูกเปลี่ยนเเปลงไปจากในเกมเพราะการเคลื่อนไหวของมาเคีย
ทว่า กว่าจะรู้ถึงปัญหานี้ ทุกๆอย่างก็คงสายเกินเเก้ไปเรียบร้อย