เกิดใหม่เป็นไอหนุ่ม NTR ในเกมเอโรเกะ แต่ฉันไม่มีวันแย่งเธอมาเด็ดขาด - ตอนที่ 12.1 มุมมองของ อายานะ
- Home
- เกิดใหม่เป็นไอหนุ่ม NTR ในเกมเอโรเกะ แต่ฉันไม่มีวันแย่งเธอมาเด็ดขาด
- ตอนที่ 12.1 มุมมองของ อายานะ
[ไม่เพียงแต่คุณไม่พูดขอบคุณ แต่คุณยังพูดเรื่องเลวร้ายเเบบนี้กับโทวะคุงอีก ฉันไม่เพียงแต่ไม่ชอบคุณเท่านั้น ฉันไม่อยากจะคิดด้วยซ้ำว่าเรามีสายเลือดเดียวกัน]
พอฉันพูดแบบนั้น แม่ก็มองมาที่ฉันด้วยความตกตะลึงราวกับว่าเธอไม่คาดคิดมาก่อนที่จะได้ยินคำพูดเหล่านั้นออกมาจากปากของฉัน แม้ว่าฉันจะรู้สึกผิด แต่การที่ฉันพูดออกไปแบบนั้นทำให้ฉันรู้สึกดีมากกว่ารู้สึกผิด
แต่…โทวะคุง ก็เดินเข้าไปช่วยเธอ
[ฉันจะไปกับไอซากะนะ อายานะฉันรู้ว่าแม่ของเธอมองฉันไม่ดี แต่เธอก็เป็นแม่ของเธอ และแค่นั่นก็เพียงพอแล้วที่จะไปช่วย……อายานะ รออยู่ตรงนี่ก่อนนะ]
โทวะคุงไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องที่แม่ของฉันทำไว้ แต่เขารู้ว่าเธอไม่ค่อยชอบตัวเขาเท่าไหร่ ถึงแม้จะเป็นแบบนั้น แต่เพราะโทวะคุงเป็นคนใจดี เขาจึงไม่ลังเลที่จะช่วยแม่ของฉัน แม้ว่าฉันจะถูกบอกให้รอ ฉันก็อดไม่ได้ที่จะเข้าไปเตะผู้ชายคนนั้นตรงน้องชายของเขา
[หายไปซะที]
ฉันหมดหวังในตัวเธอมาก นั่นจึงเป็นเหตุผลที่คำพูดรุนแรงแบบนั้นหลุดออกมาอย่างง่ายดาย ฉันเก็บมันไว้มาตลอด แต่นี้เป็นครั้งแรกที่ฉันแสดงมันออกมาต่อหน้าโทวะคุง แม่ และเพื่อนร่วมชั้นของเเรา จริงๆแล้วฉันรู้สึกอายมากกว่าโล่งใจนะ แต่ฉันก็รู้สึกโล่งใจอยู่ดี
ถ้าถามว่าฉันชอบหรือไม่ชอบเธอ ฉันยืนยันได้เลยว่าฉันไม่ชอบเธอ ถึงเธอจะเลี้ยงดูฉันมา และฉันรู้ว่าเธอต้องผ่านอะไรมามากมายเพราะความเจ้าชู้ของพ่อและการหย่าร้างที่ตามมา แต่โทวกะคุงสำคัญกับฉันมากกว่าสิ่งเหล่านั้นทั้งหมด!
“เฮ้ย! อายานะจัง กำลังคิดอะไรอยู่เหรอจ๊ะ?”
“ว้าย!?”
เป็นเพราะฉันเหม่ออยู่หรือเปล่า? อาเคมิซังเลยเข้ามากอดฉันจากข้างหลังได้ด้วยที่ฉันยังไม่ทันตั้งตัว เธอไม่เพียงแต่กอดฉันเท่านั้น แต่เธอยังเริ่มนวดหน้าอกของฉันโดยไม่ลังเลอีกด้วย
“อ๊ะ อาเคมิซัง! หนูกำลังล้างจานอยู่นะ!”
“เอาน่า อายานะจังก็หยุดสักพักแล้วมาใช้เวลากับฉันดีกว่านะ~”
“จานมันล้างตัวเองไม่ได้หรอกนะคะ!”
ฉันพูดด้วยเสียงที่สูงขึ้นเล็กน้อย แล้วอาเคมิซังก็ทำหน้าบึ้งและถอยกลับไป
ฉันต่างหากที่ต้องทำหน้าบึ้งแบบนั้น….แต่เพราะเธอเป็นแม่ของโทวะและเธอก็เป็นคนที่ฉันชอบด้วย การที่อาเคมิซังทำตัวแบบนี้ซึ่งต่างกับภาพลักษณ์ตามปกติของเธอมันก็น่ารักและชวนเอ็นดูมากทีเดียว
(อยากอาบน้ำกับโทวะคุงจัง…)
เมื่อฉันมาที่บ้านโทวะคุง ฉันอยากอยู่ใกล้ๆโทวะคุงตลอดเวลา ถึงขนาดว่าไม่อยากห่างไปไหนเลย ยกเว้นตอนเข้าห้องน้ำ นี่มันออกจะแปลกๆไหมนะ?
ฉันพยายามคิดในแง่ดี และหวังว่าจะได้นอนข้างๆโทวะคุงในคืนนี้
ดูเหมือนฉันจะค่อนข้างเป็นสาวบริสุทธิ์สินะ
“อายานะจัง ไม่อะไรให้แม่ช่วยจริงๆเหรอ?”
“ไม่เป็นไรค่ะ อาเคมิซังอุตส่าห์เตรียมอาหารไว้เพื่อหนูดังนั้นให้หนูได้ช่วยเถอะค่ะ”
“อืม…อายานะจัง หนูอาจจะทำให้โทวะกลายเป็นคนไม่เอาไหนก็ได้นะ เขาควรจะระวังตัวไว้นะ ว่าไหม?”
ฉันยินดีเลยถ้าโทวะคุงที่กลายเป็นคนที่ “ไม่เอาไหน” ถ้านั่นหมายความว่าเขาจะไม่มีวันทิ้งฉันไปไหน และฉันก็ต้องดูแลเขาไปตลอด นั่นเป็นแผนที่ดีเลยไม่ใช่เหรอ?
“แต่ว่านะ แม่ไม่คิดว่าโทวะจะปล่อยให้ตัวเองกลายเป็นคนที่ “ไม่เอาไหน” หรอกนะ”
และอาเคมิซังก็หัวเราะอย่างมีความสุข
ฉันเห็นด้วยกับความเห็นของอาเคมิซังนะ โทวะคุงคงไม่มีทางปล่อยให้ตัวเองต้องพึ่งพาคนอื่นไปเสียหมดแน่ ถ้าเขามีปัญหาอะไร เขาก็คงจะมาเล่าให้ฟัง และถ้าเขากังวลอะไร เขาก็คงจะมาขอคำแนะนำแน่
“…อะ”
“หืม อาเคมิซัง?”
“…เปล่า ไม่มีอะไร”
การที่ฉันเปลี่ยนสีหน้าอย่างกะทันหันแบบนี้ อาเคมิซังคงจะสังเกตเห็น
ฉันยิ้มอย่างเต็มที่เพื่อกลบเกลื่อนความสงสัยของเธอ แต่เธอยังคงจ้องมาที่ฉันต่อไปพร้อมกับจิบเบียร์ของเธอ
ฉันรู้สึกไม่ค่อยสบายใจเลย
“ฉัน…ฉัน…”
ไม่ใช่แค่โทวะคุงคนเดียว แต่ชูคุงก็พูดแบบเดียวกันกับโทวะคุงด้วย พวกเขาบอกว่าดูเหมือนฉันจะสนุกกับการพูดคุยกับเพื่อนๆมาก และพวกเขาสัมผัสได้ถึงความสุขของฉันจากมัน
“…ฉันสนุกสินะ…ฉันชอบเวลาคุยกับพวกเธอ…”
ฉันต้องยอมรับ มันจริงที่ว่าเวลาอยู่กับพวกเธอฉันมีความสุขมาก แม้ว่าพวกเธอควรจะเป็นแค่ตัวประกอบบนเวทีเพื่อให้ชูคุงสิ้นหวัง แต่ความรู้สึกนั้นก็ยังไม่เปลี่ยนไป
(ถ้ามันควรจะเป็นแบบนั้น แล้วทำไม…?)
ฉันหยุดล้างจาน แล้วพึมพำกับตัวเองว่า “ฉันคิดผิด ฉันคิดผิด”
การทำแบบนี้อาจจะทำให้โทวะคุงกังวลอีก เมื่อเขากลับมาจากห้องน้ำเหมือนตอนที่ร้านกาแฟ ฉันไม่อยากให้เขาอึดอัดอีก ฉันไม่อยากให้โทวะคุงเห็นในตอนที่ฉันไม่ยิ้ม ฉันอยากให้โทวะคุงเห็นในตอนที่ฉันยิ้มอยู่เสมอ!
“อายานะจัง หยุดนะ”
มือของฉันที่กำลังล้างจานถูกอาเคมิซังจับไว้แน่น
อาเคมิซังที่นั่งดื่มเบียร์อย่างมีความสุขเมื่อกี้หายไปแล้ว ตอนนี้เธอยืนอยู่ข้างๆฉัน มองมาที่ฉันด้วยสายตาจริงจัง
“ฉันรู้ว่าเมื่อกี้ฉันเป็นคนฝากให้เธอล้างจาน แต่ฉันจะจัดการส่วนที่เหลือเอง อายานะจังไปพักก่อนเถอะ”
“แต่-”
“ไปพัก”
“ค่ะ…”
เอ่อ ฉันก็ไม่อยากจะพูดแบบนี้นะ แต่สายตาจริงจังของเธอน่ากลัวจริงๆ
ฉันวางจานที่เหลือไว้ให้กับอาเคมิซังแล้วไปนั่งตรงที่อาเคมิซังเคยนั่งเมื่อกี้ และฉันคอยมองดูเธออยู่ห่างๆ เพราะตอนนี้เธอก็เมาได้ที่แล้ว
“เฮ้ อายานะจัง”
“ค่ะ?”
“โทวะเล่าให้ฟังคร่าวๆแล้วละว่าเกิดอะไรขึ้น เธอนี้กล้าพูดอะไรที่มันสุดยอกมากเลยนะ”
“ค่ะ…”
ฉันไม่ได้บอกโทวะคุงว่าอย่าเอาเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ไปบอกใคร และยิ่งไปกว่านั้น มันแปลกมากที่ฉันจะมาค้างคืนในวันที่เราต้องไปโรงเรียนในวันถัดไป ดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่เขาจะคุยกับอาเคมิซังถึงเรื่องที่เกิดขึ้น
แต่ส่วนตัวแล้วฉันไม่ต้องการให้อาเคมิซังรู้เรื่องนี้ ฉันไม่อยากถูกมองว่าเป็นผู้หญิงป่าเถื่อนหรือใจร้าย และฉันไม่อยากทิ้งภาพลักษณ์แย่ๆเอาไว้ มันอาจส่งผลต่ออนาคตของฉันได้นะรู้ไหม!
“อืม…หนูทำรุนแรงเกินไปหรือเปล่า?”
“เอาล่ะ มาดูกันดีกว่า…ถ้าโทวะพูดแบบเดียวกันกับอายานะจังใส่แม่ ถ้าเป็นแม่ แม่ยอมตายดีกว่า”
“ฮึ…”
ฉันก้มหน้าลงด้วยความรู้สึกท้อแท้ และอาเคมิซังก็ยิ้มแห้งๆมองมาที่ฉัน
พอเธอล้างจานเสร็จ เธอก็เช็ดมือแล้วเข้ามาจับมือฉัน
“เราไปที่โซฟากันไหม? ถ้าทำอย่างนั้นแม่จะได้กอดอายานะจังไว้แน่นๆได้ไง”
“เอ่อ…”
อ๊ะ จู่ๆชักรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีเลยแฮะ…โทวะคุง กลับมาเร็วๆ สิ!
ฉันนึกภาพโทวะคุงตอนนี้ออกเลย เขาต้องกำลังแช่น้ำอย่างสบายใจอยู่แน่นอน
ทันทีที่ฉันนั่งลงบนโซฟา อาเคมิซังก็กอดฉันไว้แน่น และกลิ่นแอลกอฮอล์ก็ทำให้ฉันแสบจมูกมาก
“ขอโทษเรื่องกลิ่นแอลกอฮอล์ด้วยนะ อายานะจังงงงงงงงงง”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
“ถ้าแม่โดนมองแบบว่า ‘ช่วยไม่ได้’ แม่คงจะปล่อยอายานะจังทันทีเลยล่ะ”
“ฟูฟู ไม่ต้องกังวลหรอกค่ะ!”
กลิ่นมันอาจจะแรงไปหน่อยก็จริง แต่กลิ่นหอมของอาเคมิซังก็ผสมปนๆกันมาแถมฉันชอบตอนที่อาเคมิซังกอดฉันแบบนี้ด้วย
“น่ารักจริงๆเลยนะ อายานะจัง”
พอเธอพูดแบบนั้นแล้วก็ลูบหัวฉันเบาๆ และฉันก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงวัยเด็กของตัวเอง ฉันเคยได้รับการปลอบโยนแบบนี้จากแม่เช่นกัน จำได้ว่าเมื่อก่อนเธอทำแบบนี้กับฉันบ่อยมาก โดยเฉพาะก่อนที่ฉันจะได้เจอกับโทวะคุง
แต่ถึงแม้จะนึกถึงอดีตแบบนั้นฉันก็อดไม่ได้ที่จะคิดว่า
“ฉันจะมีความสุขแค่ไหนนะถ้าอาเคมิซังเป็นแม่ของฉัน”
ฉันเผลอหลุดคำพูดนั้นออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ อาเคมิซังคงจะอึ้งไปบ้างที่ได้ยินคำพูดแบบสายฟ้าแลบแบบนี้ แต่ฉันพูดมันออกมาจากใจจริงนะ
หลังจากเงียบไปสักพัก อาเคมิซังก็พูดขึ้น
“อายานะจัง แม่คิดว่าหนูคงจะแบกรับอะไรบางอย่างอยู่สินะ”
“……”
“แม่ไม่รู้หรอกว่ามันคืออะไร ถึงจะพยายามอธิบายเป็นคำพูดแค่ไหน อายานะจังก็คงไม่เข้าใจหรอก”
นั่นเป็นเรื่องที่น่าเจ็บปวดที่ได้ยิน ฉันคิดว่าฉันเก่งในการซ่อนตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง แม้แต่ชูคุง ฮัตสึเนะซัง โคโตเนะจัง หรือคนอื่นๆก็ไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของฉัน ดังนั้นฉันก็เลยคิดว่าฉันปกปิดตัวเองได้ดี แต่โทวะคุงและอาเคมิซังกลับมองทะลุผ่านเปลือกนอกของฉันได้
“แต่แม่รู้สึกว่าอายานะจังจะไม่เป็นไร”
“…เอ๊ะ?”
อาเคมิซังมองมาที่ฉันด้วยสายตาอ่อนโยน ขณะที่ฉันเงยหน้าขึ้น
แม้ภายนอกเธอจะดูน่ากลัวจนคนบางคนรู้สึกยำเกรง แต่กับฉันแล้ว เธอเหมือนคุณแม่ใจดีคนหนึ่งเลย
“เพราะโทวะอยู่ข้างๆอายานะจัง อายานะจังไม่ต้องกังวลหรอก แม่แน่ใจว่าไม่ว่าจะเจอสถานการณ์อะไรโทวะจะช่วยอายานะจังเสมอ…แม่มีความมั่นใจแบบนั้นล่ะ”
“โทวะคุง…”
“ใช่ และแน่นอนว่าไม่ใช่แค่โทวะเท่านั้น แม่ก็พร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือเสมอ ดังนั้นอายานะจัง จงจำไว้เสมอว่าหนูไม่ได้อยู่คนเดียว เก็บความรู้สึกที่ว่ามีคนที่หนูสามารถพึ่งพาได้เสมอไว้ในหัวใจนะ”
“ค่ะ…”
อ่า…คำพูดพวกนั้นช่างปลอบโยนหัวใจเหลือเกิน อืม..ฉันจะเก็บมันไว้ในใจตลอดไป
แต่ทั้งหมดนี้ มันคงเกิดขึ้นได้หลังจากทุกอย่างจบลง – ตอนนั้นแหละ ฉันถึงจะตัดสินใจพึ่งพาโทวะคุง เมื่อฉันมั่นใจแล้วว่าไม่มีใครทำร้ายเขาได้อีก ตอนนั้นแหละ เขาจะได้ปลอดภัยอย่างแท้จริง
“อาเคมิซัง…”
“หืม?”
“…ตอนนี้หนูขอเอาแต่ใจนิดหน่อยได้ไหมคะ?”
“ได้สิ”
ฉันซุกหน้าไว้ที่อกของอาเคมิซัง และซึมซับความอบอุ่นอยู่สักพัก
“กลับมาแล้ว~! แม่ครับ! แม่ตามใจอายานะเกินไปหน่อยนะ!”
“อาระ อาบน้ำเสร็จแล้วเหรอโทวะ”
“ยินดีต้อนรับกลับมานะโทวะคุง อืม…ฉันถูกอาเคมิซังตามใจนิดหน่อยนะ”
หลังจากนั้นไม่นาน โทวะคุงก็กลับมาหลังอาบน้ำ…และฉันต้องขอโทษที่ใช้คำที่อาจฟังดูแปลกไปสักหน่อย แต่การที่เขาเช็ดผมด้วยผ้าขนหนูหลังอาบน้ำแล้วมีเลือดฝาดเล็กๆ นั้นช่างเย้ายวนใจเหลือเกิน มันทำให้หัวใจของฉันเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ
“อายานะจังส่งกลิ่นความรักออกมาสะหึ่งเลย!”
“เดี๋ยวสิคะ!”
ฉันคิดว่าคงไม่เป็นไรถ้าจะคิดเรื่องโทวะคุงแบบนี้.…แต่ดันถูกอาเคมิซังสังเกตเห็นและพูดออกมานี่สิ มันน่าอายจนฉันอยากจะมุดดินหนีเลย
“แม่พูดอะไรน่ะ…? อายานะ ไปอาบน้ำได้แล้ว”
“ค่ะ…!”
โทวะคุงคงจะรู้ว่าฉันรู้สึกอาย เขาเลยรีบบอกให้ฉันไปอาบน้ำ และฉันก็พยักหน้ารับคำแล้วลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว
“อ่า วันนี้อายานะจังมาเป็นแขกสินะ? ชุดนอนกับชุดชั้นในของหนูวางไว้อยู่ข้างในเดินไปเดี๋ยวก็เห็นเองล่ะจ้ะ”
“ฟุฟุ ขอบคุณนะคะ”
ด้วยความใจดีของโทวกะคุงและอาเคมิซัง ฉันเลยมีชุดชั้นในและชุดนอนสำรองไว้ที่นี่หลายชุด เวลาที่เกิดอยากจะค้างคืนแบบกะทันหันอย่างวันนี้ก็จะได้ไม่มีปัญหาอะไร
“งั้นหนูขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะคะ”
“อืม”
“โชคดี”
พอออกจากห้องนั่งเล่น ฉันก็ได้ยินเสียงโทวะคุงโดนอาเคมิซังแซว เล่นเอาฉันอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเบาๆ จากนั้นฉันก็มุ่งหน้าไปยังห้องแต่งตัว และเริ่มถอดเสื้อผ้าออกก่อนจะก้าวเข้าไปในห้องน้ำ
ขณะกำลังปล่อยให้น้ำไหลผ่านหัว ฉันก็เหลือบไปเห็นภาพในกระจกโดยไม่ได้ตั้งใจ
“…เอ๊ะ?”
วูบหนึ่ง ฉันรู้สึกเหมือนมีคนสวมฮูทสีดำอยู่ข้างหลังฉัน
“ใครนะ…!?!”
โดยทั่วไปแล้วห้องน้ำมักจะเป็นสถานที่ที่คนเราจะผ่อนคลายและเผลอปล่อยตัว ดังนั้นฉันจึงตกใจและรีบหันหลังกลับไปด้วยความรวดเร็ว แต่ก็ไม่มีใครอยู่ตรงนั้น และมันทำให้ฉันสงสัยว่าฉันแค่คิดไปเองหรือเปล่า
แต่ฉันเห็นมันชัดเจนเลย คนที่อยู่ใต้ฮูทสีดำนั้น เป็นใบหน้า…ของฉันเอง แววตาเต็มไปด้วยความสิ้นหวังไม่มีที่สิ้นสุด ราวกับกำลังขอความช่วยเหลือจากใครบางคน ฉันรู้สึกเหมือนกำลังมองดูตัวเองอยู่
“…หรือว่าฉันจะเหนื่อยเกินไป?”
จริงๆแล้วหลังจากเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้ การที่จะเหนื่อยก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ฉันคิดอยู่สักพัก แต่ก็รีบไปทำความสะอาดร่างกายอย่างรวดเร็ว เพราะอาเคมิซังเองก็ต้องใช้ห้องน้ำต่อด้วยเช่นกัน
เมื่อลงแช่ในอ่างอาบน้ำ ภาพประหลาดที่เห็นไปก่อนหน้านี้ก็เลือนหายไปหมด ความคิดของฉันวนเวียนอยู่กับว่าตอนที่ฉันออกจากอ่างอาบน้ำแล้ว ฉันจะทำอะไรต่อกับโทวะคุงดี
“…โทวะคุง♪”
ดูเหมือนว่ากระบวนการคิดของฉันจะแย่ลงอย่างมากเมื่อฉันคิดเรื่องของโทวะคุง
“ฟุฟุ นี่คือความรักสินะ?”
ใช่แล้ว มันเป็นเพราะความรักต่างหาก! ไม่ว่าใครจะพูดอะไรยังไง มันเป็นเพราะความรัก!
ฉันกำมือแน่นอยู่ภายในอ่างอาบน้ำ ใช้เวลาที่เหลืออยู่ในนั้นไปกับการฟื้นฟูร่างกาย และคิดถึงแต่เรื่องของโทวกะคุงเท่านั้น
———————————————————————————————————————————————————–
คุยท้ายตอน
ขนาดหน้าตอนตกใจอายานะยังน่ารักเลย สมเป็นนางเอกจริงๆ