เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零] - ตอนที่ 20 ลูกเขยเอาเนื้อมาให้
ตอนที่ 20 ลูกเขยเอาเนื้อมาให้
จ้าวเหวินเทาเป็นลูกเขยตระกูลเย่ ฝ่ายผลิตตระกูลเย่ย่อมรู้ดี
ปีนี้พวกเขาไม่ได้ออกไปข้างนอก หากแต่รวมตัวกันอยู่ในบ้าน ต่างจากคนรุ่นหลังเหล่านั้นที่ออกไปทำงานข้างนอกกันหมด
ดังนั้นจึงเข้าใจเรื่องของจ้าวเหวินเทาเป็นอย่างดี
คุณพ่อเย่เองก็ไม่พอใจกับลูกเขยคนนี้เท่าไรนัก
ตอนที่คุณแม่เย่พูด คุณพ่อเย่เองก็ได้ยินมาแล้ว และรู้ด้วยว่าจ้าวเหวินเทาเป็นคนแบบไหน เขาจึงประเมินอีกฝ่ายไว้ต่ำ จะยอมปล่อยให้ลูกสาวแต่งงานกับคนแบบนี้ได้อย่างไร?
แต่ก็รั้งไม่อยู่เพราะคุณแม่เย่เห็นเขาก็รู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก รู้สึกว่าเด็กคนนี้หน้าตาดี สิบลี้แปดตำบลก็ไม่อาจหาคนดี ๆ แบบนี้ได้ ตอนที่เห็นเขาก็ยิ้มแย้มให้สามส่วน แต่ก็ยังรู้สึกไม่ดีอยู่นิดหน่อย ทว่าคุณแม่เย่รู้สึกได้ว่าถูกตาต้องใจเด็กคนนี้
โดยไม่ได้สนใจการคัดค้านของคุณพ่อเย่เลย
สิ่งนี้ทำให้คุณพ่อเย่โกรธจนทนไม่ไหว สายตาของผู้ชายที่มองผู้ชายแตกต่างจากสายตาของผู้หญิงที่มองผู้ชายอย่างสิ้นเชิง สำหรับคุณพ่อเย่แล้วบนตัวของลูกเขยคนนี้ไม่มีอะไรที่ดูดีเลยสักอย่าง ถึงจะหน้าตาดีแต่มันก็ไม่ใช่คุณสมบัติโดดเด่นอะไร
ผู้ชายจะหน้าตาดีไปเพื่ออะไร สิ่งที่สำคัญที่สุดของผู้ชายก็คือหาเลี้ยงครอบครัวได้ นี่แหละถึงจะเรียกว่าเป็นผู้ชายที่ดี!
การประพฤติตัวของลูกเขยคนนี้ จะให้คุณพ่อเย่พึงพอใจได้อย่างไร? แต่ท้ายที่สุดก็สู้ภรรยาของตนเองรวมถึงลูกสาวที่เต็มใจจะไปไม่ได้อยู่ดี ครอบครัวนี้จึงลงเอยเช่นนี้
แต่อย่าพูดถึงเลย จวบจนตอนนี้คุณพ่อเย่ก็ยังไม่ชอบลูกเขยคนนี้อยู่ดี
จ้าวเหวินเทาเองก็รู้ตัวดี ดังนั้นเขาจึงไม่ได้รู้สึกเหนือความคาดหมายกับการแสดงสีหน้าของพ่อตา เขาคนนี้มีจุดเด่นอีกอย่างหนึ่ง นั่นก็คือหน้าหนา
ดังนั้นเขาจึงทำเป็นมองไม่เห็นสีหน้าของพ่อตา เขาแค่เรียกว่าคุณพ่อจากนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรมากมาย
พี่ใหญ่เย่ พี่รองเย่ และพี่สามเย่ไม่ได้รู้สึกไม่พอใจกับน้องเขยคนนี้ พวกเขาต่างยิ้มแย้มทักทาย
จ้าวเหวินเทาตะโกนเรียกทุกคน จากนั้นก็ยื่นกระต่ายให้พี่ใหญ่ “พี่ใหญ่ ผมเพิ่งจับมาได้ พี่เอากลับไปทำอาหารคืนนี้นะ!”
ทุกคนต่างก็เห็นกระต่ายตัวใหญ่ที่เขาหิ้วมา จึงถามไถ่เป็นการใหญ่ว่าไปได้มาจากที่ไหน
“ผมจับมาจากในดินน่ะ พี่ดูสิกระต่ายตัวอ้วนเชียว ไม่รู้ว่ากินเข้าไปเยอะขนาดไหน ถลกขนออกมาก็น่าจะมีเนื้อ 2-3 ชั่ง การเก็บเกี่ยวฤดูใบไม้ร่วงต่างก็เหน็ดเหนื่อยกัน คืนนี้คุณพ่อกินข้าวเยอะหน่อยนะครับ” ประโยคสุดท้ายของจ้าวเหวินเทา เขาหันไปมองพ่อตาของตัวเอง
ตระกูลเย่มีฐานะ และไม่ได้เดือดร้อนอะไร แต่เมื่อคุณพ่อเย่มองลูกเขยคนนี้ เขาก็พบว่าอีกฝ่ายดูจริงใจ จึงพูดไปว่า “แกจับกระต่ายเอามาให้ทางนี้ แล้วที่บ้านแกล่ะ?”
“ผมจับมาได้สองตัวครับ ก็เลยแบ่งบ้านละตัวพอดีเลย” จ้าวเหวินเทาแย้มยิ้ม
“งั้นคืนนี้พวกเธอจะไปกินข้าวที่บ้านไหม?” คุณพ่อเย่พูด
“ถ้าคุณพ่อไม่รังเกียจ รอให้ว่างจากการเก็บเกี่ยว ถึงเวลานั้นผมจะพาฉูฉู่กลับไปเยี่ยมที่บ้านนะครับ?” จ้าวเหวินเทาเป็นคนประจบประแจงเก่ง ได้ยินเช่นนี้ก็พูดออกไป
เขาเองก็รู้ดีว่าพ่อตาไม่พอใจเขา การแต่งงานระหว่างเขาและภรรยาสำเร็จได้ก็เป็นเพราะแม่ยายพึงพอใจในตัวเขา ด้วยความพยายามจึงนำไปสู่ความสำเร็จ แม้ว่าแบบนี้จะไม่ใช่เรื่องผิด แต่ท้ายที่สุดพ่อตาคนนี้ก็ยกลูกสาวให้เขา อีกอย่างช่วงนี้ก็มอบของอร่อย ๆ มาให้พวกเขาสองคนไม่น้อยเลย
ดังนั้นเมื่อวันนี้ได้กระต่ายมาสองตัว เขาจึงคิดอยากจะแบ่งให้ทางฝั่งนี้หนึ่งตัว
“งั้นถึงเวลาก็มาที่บ้านแล้วกัน” คุณพ่อเย่พยักหน้าพูดและไม่ได้พูดอะไรอีก
จ้าวเหวินเทารู้สึกดีใจมาก เขารู้ดีว่าพ่อตาเริ่มเปิดใจยอมรับเขาแล้ว
“พี่ใหญ่ พี่รอง พี่สาม ผมกลับก่อนนะครับ” จ้าวเหวินเทาพูด
พี่ใหญ่และคนอื่น ๆ จึงบอกให้เขาเดินดี ๆ และบอกให้มารับประทานอาหารด้วยกันที่บ้านหลังจากว่างจากการทำนาแล้ว
หลังจากจ้าวเหวินเทาจากไป ฝ่ายผลิตตระกูลเย่ทางฝั่งนี้ก็เริ่มพูดคุยกัน
“เหล่าเย่ ลูกเขยนายไม่เลวเลยนะ กระต่ายอ้วนแบบนี้ยังตัดใจเอามาให้นายได้!”
“นั่นน่ะสิ เมื่อไม่กี่วันก่อนฉันเห็นเขาถือปลาตัวใหญ่ไปที่บ้านด้วย วันนี้ยังเอากระต่ายตัวอ้วนมาอีก นี่ถ้าถลกขนออกมาคงไม่ได้มีเนื้อแค่ 2-3 ชั่งหรอก อ้วนขนาดนี้เกรงว่าคงมีเนื้อ 4-5 ชั่งเลยมั้ง!”
“ลูกเขยนายคนนี้ เทียบกับลูกเขยพวกฉันเหล่านั้น ทำเอาด้อยค่าจนต้องโยนทิ้งไปเลย เอามาเทียบกันแล้วมันน่าโมโหชะมัด!”
“……”
คุณพ่อเย่รู้สึกดีไม่น้อย กระต่ายอ้วนก็เป็นเรื่องของกระต่ายอ้วน แต่ความกตัญญูของลูกเขยคนนี้ต่างหากล่ะที่สำคัญ
ในช่วงกลางดึก คุณแม่เย่นำกระต่ายตัวนี้ไปทำเป็นเนื้อกระต่ายผัดน้ำแดงหนึ่งจานแล้ว
เช่นเดียวกับคุณแม่จ้าว หลังจากที่คุณแม่เย่ทำเนื้อกระต่ายผัดน้ำแดงเสร็จก็ไม่ได้เก็บไว้รับประทานเพียงคนเดียว นางยังตักแบ่งใส่ถ้วยไว้อีกสองสามถ้วย เพื่อนำไปเรียกความประทับใจจากลูกเขยตัวเองด้วย
จากนั้นก็กลับมารับประทานอาหารที่บ้าน ทุกคนจึงเริ่มลงมือรับประทาน
ครั้นรับประทานอาหารเสร็จ ก็เรียกเหล่าลูกสะใภ้มาเก็บกวาด คุณแม่เย่เข้าห้องมาหาคุณพ่อเย่ ในตอนนี้คุณพ่อเย่กำลังทำกรงไก่อยู่
“เนื้อกระต่ายคืนนี้อร่อยไหมคะ?” คุณแม่เย่ใช้เข็มลับกับหิน จากนั้นก็เริ่มเย็บรองเท้าผ้า ขณะเอ่ยถามสามี
“ก็ไม่เลว” คุณพ่อเย่ตอบ
ต้องยอมรับว่าเนื้อกระต่ายผัดน้ำแดงคืนนี้หอมมากเลยล่ะ
“แสดงว่าลูกเขยของเราก็ดีสินะคะ?” คุณแม่เย่แค่นเสียงหึออกมา
คุณพ่อเย่เพิ่งจะมีปฏิกิริยาตอบสนองได้ว่านางเข้ามาเพื่อจะพูดอะไร เขาจึงพูดว่า “ฉูฉู่แต่งงานกับเขาก็ทะเลาะกันอยู่บ่อย ๆ!”
คุณแม่เย่ไม่ได้ใส่ใจ “นิสัยนั้นของฉูฉู่ก็เป็นเพราะเราตามใจจนเสียคน เลยอารมณ์ร้ายแบบนั้น ชีวิตคู่ของพวกเขาสองคนเพิ่งจะเริ่มต้น เรื่องทะเลาะเบาะแว้งกันก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่เหรอคะ?”
คุณพ่อเย่พูด “ฉูฉู่ก็ไม่ได้นิสัยไม่ดี”
“ลูกสาวของเราเป็นยังไงเราย่อมรู้ดี คุณอย่ามาโม้กับฉันเลยค่ะ” คุณแม่เย่พูด ลูกสาวคนเล็กของตัวเองทำอะไรไม่ดีสักอย่างจนนางเองก็ขี้เกียจจะพูดแล้ว ก่อนหน้านี้นางเป็นกังวลมากว่าการแต่งงานนี้จะไม่เกิดขึ้น ในที่สุดจ้าวเหวินเทาหนุ่มหล่อคนนี้ ไม่เพียงแต่สูงยาวเข่าดี แต่ยังช่างเจรจาด้วย ไม่มีทางเลือกอื่นแล้วจริง ๆ
คุณพ่อเย่กลอกตามองบน เขาเองก็คร้านจะสนใจภรรยาคนนี้แล้ว นี่คือเรื่องปกติของแม่ยายที่มองลูกเขย ยิ่งมองก็ยิ่งพึงพอใจ
แม้แต่ลูกสาวตัวเองก็รังเกียจเสียอย่างนั้น
“ตอนแรกฉันเองก็บอกไปแล้วว่าการแต่งงานครั้งนี้ดี คุณก็ไม่ยอมเชื่อ ดูตอนนี้สิ ฉันนี่ตาถึงเหมือนกันนะคะ?” คุณแม่เย่กระหยิ่มยิ้มย่อง
ก่อนหน้านี้นางเองก็ไม่ได้ดูแค่เหวินเทา จะซื้อหมูก็ต้องดูให้ครอบคลุม แน่นอนว่าต้องดูตระกูลจ้าวด้วย
สองสามีตระกูลจ้าวต่างก็รักจ้าวเหวินเทาลูกชายคนเล็กคนนี้ นางเองก็รู้นิสัยของลูกสาวตัวเอง ถ้าตบแต่งเข้าไปโดยมีผู้อาวุโสอาศัยอยู่ด้วยการใช้ชีวิตก็จะไม่ยุ่งเหยิง
นางจึงตัดสินใจให้ลูกสาวคนเล็กแต่งงาน ในตอนนี้ก็ดีมากเลยไม่ใช่เหรอ?
“คาดว่าตระกูลจ้าวใกล้จะแยกบ้านแล้ว” คุณพ่อเย่พูดเนิบช้า
“แยกบ้านยิ่งดีเลยค่ะ ฉันว่าต่อให้เด็กที่มีหัวคิดแบบเหวินเทาแยกบ้านออกไป ตราบใดที่ฉูฉู่ไม่เป็นคนเจ้าอารมณ์ บ้านนี้ต้องไม่เลวแน่นอน!” คุณแม่เย่พูด
คุณพ่อเย่พูดไม่ออก นี่คือภรรยาของเขา สายตาแทบจะเอียงถึงขอบฟ้าอยู่แล้ว มีอย่างที่ไหนรังเกียจลูกสาวแท้ ๆ ของตัวเอง?
“วันนี้กินเนื้อไปแล้ว ไก่รุ่นตัวนั้นเก็บไว้ก่อนแล้วกันค่ะ รอให้พวกเขาสองคนเสร็จธุระกลับมาแล้ว ถึงเวลานั้นค่อยผัดกับข้าวให้พวกเขากิน” คุณแม่เย่พูดอย่างพึงพอใจ
เดิมทีก็ต้องกินไก่ในบ้านอยู่แล้ว แต่เพิ่งรับประทานเนื้อกระต่ายไป ดังนั้นเก็บไว้รอลูกสาวและลูกเขยมาก่อนถึงค่อยรับประทานแล้วกัน!
………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ถ้ายุคสมัยเปลี่ยนไปแล้ว อีกหน่อยจะรู้สึกคิดถูกนะคะที่ให้ลูกสาวแต่งงานกับเหวินเทา
ไหหม่า(海馬)