เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80 - บทที่ 763 เฉียวเหลียนเฉิงเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง
- Home
- เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80
- บทที่ 763 เฉียวเหลียนเฉิงเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง
บทที่ 763 เฉียวเหลียนเฉิงเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง
ไป๋อวี้ซิ่วพยักหน้าและส่งหนังสือมอบอำนาจให้เกาซิ่วเหมย เธอหยุดชั่วครู่แล้วพูดต่อ
“ฉันคิดว่าคุณน่าจะต้องการพยานด้วย ฉันยินดีขึ้นเป็นพยานในศาล!”
เกาซิ่วเหมยรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เธอจ้องมองไป๋อวี้ซิ่วและยิ้มอย่างพอใจ
ผู้หญิงไม่ควรทำร้ายผู้หญิงด้วยกัน แต่ก็ต้องดูกันต่อไปว่าควรช่วยเหลือเธอหรือไม่
เช้าวันรุ่งขึ้น เกาซิ่วเหมยพาไป๋อวี้ซิ่วและเด็กทารกไปยังเหยียนจิง
เดิมทีเธอตั้งใจจะพาแม่เจียงไป แต่ตอนนี้ไป๋อวี้ซิ่วไปแทนแล้ว จึงมีคนดูแลหลี่หงเหมย และแม่เจียงไม่จำเป็นต้องไปอีก
อีกอย่าง ตัวเธอก็ไม่อยากไปทะเลาะกับคนสติไม่ดี
เมื่อเห็นเกาซิ่วเหมยขับรถออกไป แม่เจียงยืนอยู่หน้าประตูบ้าน มองดูผู้คนที่จากไปด้วยความรู้สึกเสียดาย
“ดูเหมือนว่าหลี่หงเหมยคงจะไม่กลับมาเร็ว ๆ นี้ เมื่อไหร่จะกลับมานะ ฉันจะได้มีคู่กัดด้วยอีก!”
“ตอนนี้ไม่มีใครคอยมาปะทะฝีปากด้วย รู้สึกเหงาจัง!”
พูดจบเธอก็หันหลังและเดินกลับไปอย่างเดียวดาย
ณ เหยียนจิง!
คนของตงเลี่ยวกลับมาแล้ว พวกเขาแอบติดต่อเฉียวเหลียนเฉิง และนำหลักฐานทั้งหมดมาให้
ในวันนัดพบ ตงเลี่ยวสวมชุดลำลองสีขาวล้วน
ชุดทำจากผ้าแพร สวมใส่แล้วดูหรูหราและสง่างามยิ่ง
โดยเฉพาะผมสีเงินที่แซมอยู่บนหน้าผาก เมื่อจับคู่กับชุดลำลองบุรุษที่สง่างามนี้ เขาดูดีสุด ๆ
ก่อนออกจากบ้าน ตงเหล่ามองดูเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า
“กำลังจะออกไปไหนเหรอ?”
ตงเลี่ยวตอบอย่างภาคภูมิใจว่า “ไปเดทครับ วันนี้ผมจะต้องสารภาพรักเธอให้ได้ แล้วผมจะพาหลานสะใภ้มาหาคุณตานะ!”
ตงเหล่าหัวเราะเบา ๆ “ดีแล้ว ตาจะรอฟังข่าวดี!”
ตงเลี่ยวรีบไปที่นัดหมายและเห็น ‘หลัวนีน่า’ รออยู่ที่นั่น
เฉียวเหลียนเฉิงก็เห็นอีกฝ่ายแล้ว แววตาของเขามืดมนลง ขณะยื่นมือออกไป
“ของที่ฉันต้องการล่ะ?”
ตงเลี่ยวรีบหยิบรายชื่อและสมุดบัญชีออกมา!
“นี่คือสำเนา ไม่ใช่ต้นฉบับ แต่ก็ยังสามารถใช้เป็นหลักฐานได้!”
เฉียวเหลียนเฉิงพยักหน้ารับ หยิบของใส่กระเป๋าสะพายหลัง
“ขอบคุณนะ ครั้งนี้คุณทำดีมาก!”
พูดจบก็หันหลังเดินจากไป
แต่ตงเลี่ยวก็รีบหยุดเขาไว้ “นีน่า ผมชอบคุณ!”
เฉียวเหลียนเฉิงหน้าซีด “ฉันไม่ได้ชอบคุณ ลืมมันเถอะค่ะ มันไม่มีทางเป็นไปได้!”
เขาปฏิเสธอย่างเด็ดขาด น้ำเสียงไร้เยื่อใยมาก
ตงเลี่ยวกัดริมฝีปาก “เพราะพี่ชายของคุณหรือเปล่า? พี่ชายของคุณไม่ใช่หลัวชิงซานนะ เธอคือเจียงหว่าน”
“มันเป็นไปไม่ได้ที่คุณจะมีความสัมพันธ์แบบนั้น!”
เฉียวเหลียนเฉิงขมวดคิ้ว “ไม่ว่าคุณจะคิดยังไง สำหรับฉันกับคุณก็เป็นไปไม่ได้ ฉันบอกแล้วไง มันไม่มีทางเป็นไปได้!”
เขาพูดจบและกำลังจะเดินจากไป แต่ตงเลี่ยวยังไม่ยอมแพ้ “เดี๋ยวสิ คุณต้องให้เหตุผลผมก่อน ทำไมถึงเป็นไปไม่ได้ ผมถึงขนาดทรยศคุณตาเพื่อคุณเลยนะ”
“นีน่า ผมชอบคุณมากจริง ๆ!”
เฉียวเหลียนเฉิงโมโหสุดขีด ผลักเขาออกอย่างแรง และต่อยเขาไปหนึ่งหมัด
ตงเลี่ยวยืนนิ่ง ไม่ได้หลบหลีก เขาโดนหมัดเต็ม ๆ รอบตาปรากฏรอยช้ำขึ้นทันที
เฉียวเหลียนเฉิงหัวเราะด้วยความโกรธ “อยากรู้เหตุผลมากนักเหรอ?”
ตงเลี่ยวก้มหน้ารับอย่างดื้อรั้น “ใช่ ถ้าคุณไม่บอกเหตุผลมา ผมจะไม่ปล่อยคุณไป!”
เฉียวเหลียนเฉิงพยักหน้า มองเขาด้วยสายตาเยาะหยัน
“เพราะว่าฉันคือเฉียวเหลียนเฉิงไงล่ะ!”
ตงเลี่ยวตะลึงงัน
เฉียวเหลียนเฉิงพูดต่อ “เจียงหว่านเป็นผู้หญิงที่ปลอมตัวเป็นผู้ชาย แล้วฉันจะเป็นผู้หญิงจริง ๆ ได้ยังไง!”
“เสี่ยวเจียงกับหลัวนีน่าที่พวกคุณรู้จัก ก็คือเจียงหว่านกับเฉียวเหลียนเฉิงที่ปลิมตัวไป”
ตงเลี่ยวแข็งค้างเหมือนรูปปั้นหิน
“ไม่ เป็นไปไม่ได้ เห็นได้ชัดว่าคุณมีหน้าอก!”
พูดจบ เขาก็มองตรงไปที่เฉียวเหลียนเฉิง
เฉียวเหลียนเฉิงหัวเราะเยาะ เอื้อมมือหยิบซาลาเปาลูกหนึ่งออกจากหน้าอก ก่อนจะอ้าปาก กัดคำโต ไม่สนว่ามันจะสกปรกหรือไม่
ตงเลี่ยวมองดูหน้าอกของเฉียวเหลียนเฉิงที่ยุบลงไป
ตงเลี่ยว “…”
เฉียวเหลียนเฉิงยังคงพูดต่อ “เราสองคนปลอมตัวเพื่อปราบปรามแก๊งค้ามนุษย์! ดังนั้น ทุกอย่างเป็นการโกหกมาตั้งแต่แรก!”
ตงเลี่ยวรู้สึกเหมือนถูกฟ้าผ่ากลางหัว!
เฉียวเหลียนเฉิงเห็นว่าเล่นงานจนได้ที่แล้ว จึงหันหลังแล้วเดินจากไป
ดวงตาของตงเลี่ยวสั่นไหว แต่เขาไม่ได้ไล่ตาม!
เฉียวเหลียนเฉิงไม่สนว่าเขาจะเป็นอย่างไร
เขาเก็บหลักฐานไว้ในกระเป๋าสะพายหลัง ก่อนจะกอดกระเป๋าและเดินจากไป
สถานที่ที่พวกเขานัดพบกันคือในสวนสาธารณะ พอออกจากสวนสาธารณะ เจียงหว่านจะจอดรถรอเฉียวเหลียนเฉิงอยู่ในมุมมืดด้านนอก
เมื่อทั้งสองคนพบกัน พวกเขาก็จะเอาหลักฐานไปที่สถานีตำรวจทันที
เฉียวเหลียนเฉิงเดินออกไป ตอนนี้มีคนเดินผ่านไปมาน้อยและไม่มีอะไรผิดปกติ
เขาเดินมาหลายร้อยเมตร เมื่อเดินอ้อมก้อนหินจำลอง เขาก็เห็นประตูสวนสาธารณะ
แต่ทันใดนั้นก็มีคนกลุ่มหนึ่งวิ่งออกมาจากหลังก้อนหินจำลอง
หัวหน้ากลุ่มคนนั้นคือตงเหล่า
เฉียวเหลียนเฉิงหยุดเดิน กอดกระเป๋าสะพายหลังไว้แน่น ก่อนถอยหลังไปหนึ่งก้าวด้วยความระแวดระวัง
“พวกคุณมาทำอะไรที่นี่?”
ตงเหล่าเดินแหวกฝูงชนออกมา ยืนประจันหน้าแล้วพูดว่า
“หลัวนีน่า หลานชายของฉันบอกอะไรเธอเมื่อกี้?”
“เขาบอกว่าจะคบกับเธอหรือเปล่า?”
เฉียวเหลียนเฉิงคิดว่าพอตงเลี่ยวรู้ตัวตนของเขา เลยให้ตงเหล่ามารอจัดการเขา
แต่พอได้ยินคำพูดของเหล่า มันกลับไม่เป็นอย่างที่คิด
เขาตอบกลับไปเสียงเบา “ใช่ค่ะ!”
ตงเหล่าพูดอย่างเย็นชา “อานีน่า เธอเป็นผู้หญิงที่พิเศษมาก แต่ตงเลี่ยวหลานชายของฉันไม่สามารถแต่งงานกับคนอย่างเธอได้!”
เฉียวเหลียนเฉิงเริ่มเข้าใจอะไรบางอย่าง ฉากนี้เหมือนกับนิยายที่คุณนายผู้ร่ำรวยไม่ชอบลูกสะใภ้ที่มาจากชนบทไม่มีผิด
เฉียวเหลียนเฉิงเป็นคนฉลาด เขารีบพูดว่า “คุณวางใจได้ ฉันปฏิเสธหลานชายของคุณแล้ว คุณแค่ดูแลเขาให้ดีก็พอ!”
“ฉันจะไม่มีวันชอบเขาหรอก!”
หลังได้ยินเช่นนั้น ตงเหล่ารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้แสดงออกมากนัก
เขาหรี่ตามองเฉียวเหลียนเฉิงแล้วพูดว่า “ถึงแม้ว่าเธอจะปฏิเสธ แต่ตราบใดที่เธอยังมีชีวิตอยู่ หลานชายของฉันก็จะไม่มีวันยอมแพ้”
“ในโลกนี้ ไม่มีใครเข้าใจเขามากกว่าฉันอีกแล้ว”
“ถ้าเขารักใคร เขาจะรักคนนั้นไปตลอดชีวิต ไม่มีวันยอมแพ้!”
“ดังนั้น ฉันขอโทษเธอด้วยจริง ๆ แต่เธอต้องตายเท่านั้น!”
พูดจบเขาก็โบกมือ ชายแปลกหน้าหลายคนที่ไม่เคยเห็นมาก่อนพลันวิ่งออกมาข้างหน้า เข้าล้อมรอบตัวเฉียวเหลียนเฉิง
เฉียวเหลียนเฉิงคลายมือจากกระเป๋าสะพายหลังช้า ๆ มองกลุ่มชายตรงหน้าอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า
“นี่พวกแกจริงจังเหรอ? คิดจะฆ่าคนกลางที่สาธารณะแบบนี้เนี่ยนะ?”
ตงเหล่ากางมือออก “ลองมองดูรอบ ๆ สิ ยังมีคนอยู่แถวนี้หรือไง?”
เฉียวเหลียนเฉิงมองไปรอบ ๆ และเห็นว่ามันว่างเปล่า ก่อนหน้านี้สวนสาธารณะยังมีผู้คนอยู่บ้าง เขาเลยไม่ได้สังเกตอะไรมากนัก
พอเขาเริ่มสังเกต กลับกลายเป็นว่าสายเกินไปเสียแล้ว
ปรากฎว่าคนของตงเหล่าเคลียร์สถานที่
เฉียวเหลียนเฉิงหัวเราะเยาะ “ที่นี่คือเหยียนจิง ไม่ใช่มณฑลกว่างของพวกแก!”
“แกกันผู้คนออกจากพื้นที่ งั้นลองดูก็ได้ว่าแกจะทำได้นานสักแค่ไหน แล้วจะฆ่าฉันได้หรือเปล่า!”
ก่อนที่เขาจะพูดจบ ฝ่ายตรงข้ามก็เข้าโจมตีแล้ว ชายฉกรรจ์สามคนชกหมัดเข้าที่ใบหน้าของเขา
เฉียวเหลียนเฉิงสูดลมหายใจเย็นชา สะบัดมือเท้าเล็กน้อย ก่อนที่ร่างของเขาจะหายไปในพริบตา
เมื่อปรากฏตัวอีกครั้งเขาก็อยู่ด้านหลังของทั้งสามคนแล้ว เขาเหยียดฝ่ามือออกไปและทุบไปที่ท้ายทอยของทั้งสามคนอย่างแรง
หากเป็นปกติ เขาคงพยายามไม่ทำร้ายใคร
แต่ว่าวันนี้ไม่เหมือนกัน เห็นได้ชัดว่าคนเหล่านี้ล้วนโหดเหี้ยม
ฝีมือก็ไม่ธรรมดา อีกทั้งคนมากขนาดนี้ ถ้าเขาไม่ลงมือหนักกว่าปกติ วันนี้เขาคงไม่ได้ออกไปจากที่นี่