เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80 - บทที่ 751 เสิ่นคงรับผิดแทนเหยียนเหยา
- Home
- เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80
- บทที่ 751 เสิ่นคงรับผิดแทนเหยียนเหยา
บทที่ 751 เสิ่นคงรับผิดแทนเหยียนเหยา
เกาซิ่วเหมยส่ายหัว “ไม่ได้บ้าหรอกค่ะ แค่สมองตอบสนองช้า มือเท้าไม่คล่องแคล่ว คงจะทำเรื่องชั่วร้ายไม่ได้ชั่วคราว แต่ต้องมีคนคอยดูแล”
แม่เจียงมุ่ยปาก “หล่อนยังอยากให้คนอื่นมารับใช้อีกงั้นเหรอ ฝันไปเถอะ!”
หลังจากหยุดนิ่งไปครู่หนึ่ง เธอก็พูดขึ้นว่า “เอาละ ฉันจะไปเหยียนจิงกับคุณ แล้วจะดูแลหล่อนเอง!”
แม่เจียงรู้ดีว่า ไม่สามารถกำจัดแม่สามีของเจียงหว่านคนนี้ได้ และถ้าพวกเขารังแกหลี่หงเหมย พวกเขาจะถูกตำหนิอย่างแน่นอน
ถึงอย่างนั้น สองสามีภรรยาจะดูแลเธอก็ได้ แต่อีกฝ่ายก็ต้องตอบแทนด้วยเหมือนกัน
หลี่หงเหมยมีจิตใจโหดร้าย อาจจะจงใจทรมานเจียงหว่านกับเฉียวเหลียนเฉิงก็ได้
ดังนั้น เธอไปดูแลเองจึงดีที่สุด!
นี่แหละคือสิ่งที่เกาซิ่วเหมยต้องการ หญิงสาวทั้งสองคนจึงเริ่มวางแผนทันที
แต่จะให้แม่เจียงไปเลยนั้นไม่ได้ ยังต้องแจ้งให้ครอบครัวเฉียวทราบด้วย
“ในเมื่อคุณมาแล้ว อย่าเพิ่งรีบไปเลยค่ะ ฉันเองก็ต้องเตรียมตัวเก็บของอีกสองถึงสามวัน คุณพักกับฉันที่นี่ก่อนนะ”
“แล้วพรุ่งนี้ฉันจะพาคุณไปพบครอบครัวเฉียว”
เกาซิ่วเหมยตอบตกลงทันทีและพักค้างคืนที่บ้านตระกูลจางในคืนนั้น
ย้อนกลับมาที่เจียงหว่าน
ช่วงนี้เธอต้องรักษาบาดแผล ทั้งยังต้องปรับตัวให้เข้ากับบุคลิกของคนที่ถูกทำร้ายและพักฟื้น จึงไม่ได้ปลอมตัวไปหาเหล่าฉี
ส่วนการถูกลักพาตัวของเจียงหว่าน ก็แจ้งความไว้แล้ว
เสิ่นคงผู้น่าสงสาร
ครั้งแรกที่เขาไปซุ่มโจมตีเจียงหว่านก็ถูกซ้อมจนบาดเจ็บสาหัส
ครั้งที่สองที่ลงมือจับตัวเจียงหว่านก็ถูกคนอื่นแย่งชิงไป
สุดท้ายผลลัพธ์คือ เขาได้เข้าคุกอย่างสง่างาม ถูกบังคับให้อยู่ในสถานกักกัน
กรณีของเสิ่นคงถือว่าเป็นการลักพาตัวไม่สำเร็จ การถูกคุมขังจึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และอาจต้องติดคุกอย่างน้อยหนึ่งปีครึ่ง
หงเหลียนไม่มีอะไรจะพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ทั้งเธอยังโทรไปถามข่าวคราวของเฉียวเหลียนเฉิงเป็นพิเศษ และนำของมาเยี่ยมเจียงหว่านด้วย
“เสิ่นคงเป็นแค่เด็กที่ถูกตามใจ ความตั้งใจเดิมของเขาคือต้องการหาเงินมารักษาโรคให้คนแก่ในแก๊ง!”
“หลังจากนั้นก็แค่โมโห แต่เขาไม่ได้คิดจะฆ่าเธอหรอก!”
หงเหลียนพยายามอธิบาย แต่เธอไม่สามารถพูดอะไรมากได้
เจียงหว่านถอนหายใจ และตบมือเธอเบา ๆ ก่อนพูดว่า
“ไม่ต้องพูดอะไรแล้วล่ะ ฉันเข้าใจ!”
“แต่ว่าเรื่องนี้ฉันพูดอะไรไม่ได้ ขึ้นอยู่กับว่าศาลจะตัดสินอย่างไร!”
หงเหลียนหน้าแดง พูดว่า “คุณช่วยเขียนจดหมายแสดงความเข้าใจได้ไหม อาจจะช่วยให้ศาลลดโทษได้บ้าง!”
เจียงหว่านครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “นั่นขึ้นอยู่กับว่าเขารู้ว่าตัวเองทำผิดหรือเปล่า”
หงเหลียนเงียบไป
เขาจะรู้ตัวอะไรล่ะ ระหว่างอยู่ในสถานกักกันก็ยังด่าทอไม่หยุด และพูดว่าจะจับตัวฉินหู่กับเจียงหว่านให้ได้
ในความคิดของเขา เจียงหว่านเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาติดคุก ถ้าเจียงหว่านยอมให้เขาฆ่าอย่างง่ายดาย เขาก็คงไม่ต้องได้รับบาดเจ็บสาหัส กระทั่งตกอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอับอายเช่นนี้
เมื่อเห็นหงเหลียนเงียบ เจียงหว่านก็เข้าใจ
เธอถอนหายใจและพูดว่า “ตอนนี้ถ้าบอกให้ฉันให้อภัยเขา แน่นอนว่าทำได้!”
“แต่ถ้าหลังจากเขาออกจากคุกแล้วยังไม่สำนึกผิด กลับทำตัวเลวร้ายยิ่งขึ้นไปอีก!”
“ตอนนั้นต้นกล้าต้นเดียวของตระกูลเสิ่นก็คงจะต้องถูกถอนราก!”
“เพราะถ้าเขาทำผิดพลาดอีกครั้ง มันอาจเป็นเรื่องใหญ่ ถึงขนาดที่โทษประหารชีวิตก็ไม่สามารถไถ่ถอนได้!”
ใบหน้าของหงเหลียนซีดขาวลง ในที่สุดเธอก็จากไปอย่างสิ้นหวัง
เจียงหว่านไม่ได้เขียนจดหมายแสดงความเข้าใจ ส่วนเรื่องความผิดของเสิ่นคงจะตัดสินอย่างไร เธอจะไม่ถามถึง
แต่เมื่อพูดถึงเสิ่นคง เจียงหว่านพลันนึกถึงอีกคนหนึ่ง นั่นก็คือ เหยียนเหยา!
เหยียนเหยาเป็นคนต้นคิดเรื่องหาคนมาลักพาตัวเธอ คราวนี้เธอถูกลักพาตัว และมีการฟ้องร้อง เหยียนเหยาจะต้องเป็นคนรับผิด
แต่เจียงหว่านรู้สึกประหลาดใจมากที่เหยียนเหยายังคงสบายดี
เธอจึงถามเฉียวเหลียนเฉิง
ซึ่งเฉียวเหลียนเฉิงบอกว่า “เสิ่นคงรับสารภาพทุกอย่าง เขาบอกว่าเขาเป็นคนลักพาตัวคุณ หลังจากที่เหยียนเหยารู้เรื่อง ก็มาดูคุณหลายครั้งเพื่อปกป้องคุณไม่ให้ถูกรังแก!”
“คนที่ไปแจ้งความที่สถานีตำรวจหลังจากนั้นก็คือเหยียนเหยา!”
เจียงหว่านรู้สึกงุนงงมาก
เธอรู้สึกประหลาดใจ ทำไมเหยียนเหยาถึงกลายเป็นคนที่ไปแจ้งความ
เฉียวเหลียนเฉิงอธิบายว่า “วันนั้นเหยียนเหยามาหาผม บอกให้ผมหย่ากับคุณ เธอบอกว่าตราบใดที่ผมตกลง คุณจะยอมหย่ากับผมแน่นอน!”
“ตอนแรกผมไม่ได้โต้ตอบอะไร แต่พอถึงเช้าวันต่อมาผมก็ฉุกคิดขึ้นได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ ทำไมเธอถึงมั่นใจขนาดนั้น คงเป็นเพราะเธอมีคุณอยู่ในกำมือ”
“ผมเลยไปหาเหยียนเหยา และเธอคงเห็นว่าผมรู้แล้ว จึงยอมพาผมไปหาคุณ!”
“แต่พอไปถึงที่นั่น คุณก็ถูกเสิ่นคงพาตัวไปแล้ว”
“หลังจากออกมาจากที่ที่คุณถูกจับตัว เธอก็ตรงไปสถานีตำรวจเพื่อแจ้งความเสิ่นคง!”
เจียงหว่านพูดไม่ออก “แล้วเธอไม่สารภาพเหรอว่า ก่อนหน้านี้เธอเป็นคนส่งว่าจ้างคนร้ายมาลักพาตัวฉัน?”
เฉียวเหลียนเฉิงส่ายหน้า “เธอพูดว่าเสิ่นคงลักพาตัวคุณ เธอรู้ข่าวจึงไปตรวจสอบ เพราะกลัวว่าเสิ่นคงจะทำร้ายคุณ!”
เจียงหว่านยิ่งพูดไม่ออกกว่าเดิม
ผ่านไปครู่ใหญ่ เจียงหว่านจึงเอ่ยถาม “แล้วนายเชื่อคำพูดของเธอไหม?”
เฉียวเหลียนเฉิงนิ่งเงียบ
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เขาตอบว่า “ผมไม่เชื่อเธออยู่แล้ว ทว่าเสิ่นคงดูเหมือนจะปกป้องเธออยู่!”
เจียงหว่านเงียบไป
เธอนึกถึงชื่อที่ฉินหู่พูดก่อนที่เขาจะสิ้นใจ มันคือชื่อของถังจินซาน
ถังจินซาน อดีตประธานสหภาพแรงงานที่เกษียณอายุแล้ว
เป็นเจ้าภาพงานเลี้ยงวันเกิดที่เฉียวเหลียนเฉิงและเหยียนเหยาไปเข้าร่วมครั้งก่อน
เขาเป็นคนที่มีอำนาจและเส้นสายเยอะมาก
นี่คือสาเหตุที่เจียงหว่านไม่ได้พูดชื่อถังจินซานออกไป หลังจากได้ยินชื่อนี้จากปากของฉินหู่
ถ้าสิ่งที่ฉินหู่พูดเป็นความจริง ถังจินซานเป็นคนที่มีอำนาจมาก พวกเขาไม่มีหลักฐาน การพูดออกมาตอนนี้รังแต่จะสร้างปัญหาให้กับตัวเอง
แต่ถ้าสิ่งที่ฉินหู่พูดไม่เป็นความจริง แบบนั้นเขาคงจงใจปั้นน้ำเป็นตัวก่อนตายเพื่อหลอกเจียงหว่าน
ถ้าเธอพูดออกมาโดยพลการ จะยิ่งสร้างศัตรูให้กับตัวเอง
แต่หลังจากฉินหู่ตายไป ชื่อนี้ก็เหมือนคำสาปที่ทำให้เจียงหว่านไม่สามารถกำจัดออกไปจากใจได้
ตอนนี้ การกระทำของเหยียนเหยายิ่งทำให้เจียงว่านหงุดหงิดมากขึ้นไปอีก
อย่างไรก็ตาม เหยียนเหยากับถังเหล่ามีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น
เฉียวเหลียนเฉิงเห็นความคิดของเธอ เขาจึงค่อย ๆ ปัดผมออกจากหน้าผากของเธอแล้วพูดว่า
“ผมรู้นะว่าคุณกำลังคิดอะไรอยู่”
“ถ้าเราพูดเรื่องนี้ออกไป ก็เกรงว่ามันอาจเป็นการหลอกลวงของฉินหู่”
“แต่ถ้าไม่พูด แล้วมันดันเป็นความจริง มันจะเป็นการปล่อยให้คนร้ายลอยนวล ให้เขาทำเรื่องเลวร้ายมากขึ้น”
เจียงหว่านยิ้มอย่างขมขื่น “อย่างน้อยก็ยังมีนายที่เข้าใจฉัน แต่เราเป็นแค่คนธรรมดา ฉันก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองเป็นคนพิเศษอะไร จะให้ไปแข่งขันกับคนมีอำนาจใหญ่โตแบบนั้นก็คงไม่ได้”
เฉียวเหลียนเฉิงพูดว่า “ไม่สำคัญหรอก มู่เหย่เองก็มีเส้นสายเยอะ ผมจะลองปรึกษากับเขา หาวิธีบอกกับคนจากหน่วยงานความมั่นคงของชาติ”
“พวกเขามีหน้าที่รับผิดชอบเรื่องนี้โดยเฉพาะ ให้พวกเขาไปสืบต่อดีกว่า”
เขาหยุดนิ่งชั่วครู่แล้วพูดต่อด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “คุณพูดถูก เราเป็นแค่คนธรรมดา ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีก็พอแล้ว”
เจียงหว่านถอนหายใจด้วยความโล่งอก วิธีนี้ดีที่สุดแล้ว!
แต่แล้วเธอก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นได้ เธอเอียงคอมองเฉียวเหลียนเฉิง
“ได้ยินมาว่าเหยียนเหยาชอบนายมาก ถึงขนาดบังคับให้แต่งงานด้วย”
“เฉียวเหลียนเฉิง มองไม่ออกเลยนะว่านายจะเป็นที่ชื่นชอบขนาดนี้”
เฉียวเหลียนเฉิงตกตะลึง เขาจิ้มแก้มเจียงหว่านพลางยกยิ้ม “ทำไมผมถึงได้กลิ่นความอิจฉาลอยออกมาจากคำพูดของคุณกันนะ”
เจียงหว่านตีมือเขาออก “อย่ามาพูดไร้สาระน่า ฉันกำลังพูดความจริงอยู่นะ! จริงจังหน่อยสิ!”
เฉียวเหลียนเฉิงรีบปรับสีหน้าให้จริงจัง “เอาละ เป็นความจริงที่ผู้ชายของคุณคนนี้หล่อเหลาไม่เบา แต่ว่าผมอยากให้คุณมั่นใจ ในสายตาผมมีแค่คุณคนเดียว”
ใบหน้าของเจียงหว่านแดงก่ำ เธอส่งเสียงฮึดฮัด แม้จะพยายามทำเป็นไม่สนใจ แต่ภายในใจกลับรู้สึกหวานชื่น
เฉียวเหลียนเฉิงขยับตัวเข้ามาใกล้ จับมือของเธอขึ้นมา ลูบไล้ด้วยความอ่อนโยน
“หว่านหว่าน รอคุณออกจากโรงพยาบาลแล้ว เราจะ…”
เขายังไม่ทันพูดจนจบประโยค ประตูห้องก็ถูกผลักให้เปิดออก แล้วมู่เหย่ก็เดินเข้ามา
ใบหน้าของเฉียวเหลียนเฉิงมืดลงทันที
“มาทำอะไรที่นี่!”