เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80 - บทที่ 606 เฉียวเหลียนเฉิงขึ้นเรือโจรสลัดอย่างมีความสุข
- Home
- เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80
- บทที่ 606 เฉียวเหลียนเฉิงขึ้นเรือโจรสลัดอย่างมีความสุข
บทที่ 606 เฉียวเหลียนเฉิงขึ้นเรือโจรสลัดอย่างมีความสุข
หยานเหยาเริ่งกังวล เธอเท้าสะเอวแล้วพูดว่า “แต่ฉันเป็นผู้หญิง ในขณะที่คุณเป็นผู้ชายตัวออกใหญ่ คุณก็ควรจะยอมให้ฉันไม่ใช่เหรอ?”
เฉียวเหลียนเฉิงตอบกลับอย่างเย็นชา “ผมมีความเคารพต่อผู้อาวุโสและเด็กน้อย แต่คุณไม่ใช่คนแก่หรือเด็ก!”
“ทำไมผมจะต้องยอมให้คุณด้วย? เว้นเสียแต่ว่าจะมีอันตราย ผู้ชายถึงควรปกป้องผู้หญิง”
“ตอนนี้ผมแค่มาซื้อหนังสือ ถ้าหากคุณอยากจะให้ผู้ชายยอมให้คุณ ก็ควรจะไปหาแฟนของคุณมากกว่า!”
เมื่อเห็นเฉียวเหลียนเฉิงขึ้นรถโดยสารออกไปพร้อมกับหนังสือในมือโดยไม่หันกลับมามอง หยานเหยาโกรธจัด เธอกระทืบเท้าหลายครั้ง จำต้องยอมหันหลังกลับอย่างไม่ยินดี
หลังจากนั้น เฉียวเหลียนเฉิงกลับมาหาเสี่ยวติงพร้อมหนังสือ
ตอนเขากลับมา คนของเสี่ยวติงส่วนใหญ่กลับออกไปแล้ว เหลือเพียงสองสามคนที่กำลังหารือกับเสี่ยวติงอยู่
เสี่ยวติงเห็นเฉียวเหลียนเฉิงกลับมาก็รีบโบกมือทักทาย
“คุณหลัวกลับมาแล้วเหรอ เสี่ยวเจียงเป็นยังไงบ้าง?”
เฉียวเหลียนเฉิงนั่งลงตรงข้ามพวกเขาก่อนจะวางหนังสือในมือลง พร้อมเอ่ยปากอย่างไม่แยแส
“พี่ชายของฉันยังกลับมาที่นี่ไม่ได้ ที่โรงพักมีการตรวจสอบเข้มงวดมาก เขาไม่กล้าปรากฏตัวหรอก”
เสี่ยวติงอดไม่ได้ที่จะเสียใจ
เฉียวเหลียนเฉิงพูดต่อไปว่า “ฉันคิดเรื่องนี้ตลอดทางกลับ ตอนนี้เรามีเวลาไม่มากแล้ว และหากว่าเรามัวแต่รอพึ่งพาหัวหน้าของเราตรวจสอบสิ่งต่าง ๆ เกรงว่าจะช้าเกินไป”
เสี่ยวติงเผยสีหน้าประหลาดใจ “คุณหมายความว่ายังไง?”
เฉียวเหลียนเฉิงเงียบ ก่อนจะเอ่ยปากตอบกลับ “ฉันจะไปเอง!”
เสี่ยวติงตกตะลึง “จะไปเอง? คุณเป็นผู้หญิง คุณจะไปได้ยังไง?”
เฉียวเหลียนเฉิงโบกมือเพื่อส่งสัญญาณให้เขาหยุดพูด
เสี่ยวติงชะงักเงียบ
เฉียวเหลียนเฉิงพูดต่อ “คุณคงจะเห็นสถานการณ์ปัจจุบันของฉันแล้ว ฉันสามารถปลอมตัวได้ และหลังจากนี้ฉันจะแสร้งปลอมตัวเป็นผู้ชายแล้วลอบเข้าไปในแก๊งมีดมาเชเต้”
“ด้วยวิธีนี้เราจะค้นหารังของพวกมันได้ และหาตัวนายใหญ่ของพวกมันพบ”
“แล้วเรายังสามารถค้นหาเบาะแสของถานหย่งผ่านแก๊งมีดมาเชเต้ได้ด้วย”
“มันไม่สะดวกสำหรับฉันที่จะจัดการกับถานหย่ง เพราะฉันกับถานหย่งรู้จักกัน”
“ต่อให้ฉันจะเป็นผู้ชาย ฉันก็สามารถดึงดูดสายตาของเขาได้!”
เสี่ยวติงคล้ายกับตกอยู่ในภวังค์ เขาเปิดปากกล่าวติดขัด “คุณ… คุณ… คุณ!”
“จะปลอมเป็นผู้ชาย!”
เฉียวเหลียนเฉิงเงียบ “เดี๋ยว… รอดูแล้วกัน”
พูดจบเขาหยิบพจนานุกรม ก่อนจะเข้าไปในห้อง
เขาหายไปนาน เพราะไม่ต้องการให้ใครพบเห็นรูปลักษณ์นี้ ผ่านไปพักใหญ่กว่าเสี่ยวติงจะได้เข้ามา
ทันทีที่เสี่ยวติงเดินเข้ามา เขาก็เห็นชายคนหนึ่งยืนอยู่ในห้อง
ผมถูกตัดสั้นและไม่ค่อยจะเรียบร้อยเท่าไหร่นัก เห็นชัดว่าเพิ่งตัดใหม่ เพราะมีเส้นผมมากมายร่วงอยู่ที่พื้น
หากแต่เสื้อผ้ายังคงเป็นชุดเดิม ทว่าส่วนโค้งเว้าที่หน้าอกหายไป ทั้งบรรยากาศก็ดูน่าเกรงขามอย่างบอกไม่ถูก
แน่นอนว่าคนตรงหน้าดูเหมือนผู้ชายมากจริง ๆ
“คุณ… คุณคือหลัวนีน่าเหรอ!” แม้เสี่ยวติงจะถามออกไปอย่างนั้น แต่เขาเองก็รู้คำตอบอยู่แล้ว
เฉียวเหลียนเฉิงพึมพำตอบรับ
คราวนี้เขาไม่จำเป็นต้องบีบเสียงอีกต่อไป เพียงแค่กล่าวถ้อยคำธรรมดาหากแต่ไม่หยาบกระด้างมากนัก
เสี่ยวติงรู้สึกว่านี่ช่างมหัศจรรย์ เขาจึงรีบเรียกให้คนอื่นเข้ามาดู
ทันทีที่ลูกน้องเข้ามาในห้อง ทั้งหมดตะโกนพร้อมกัน “เฮ้ย ผู้ชายคนนี้มาจากไหน!”
หลังจากพูดออกไปแล้ว ทุกคนในห้องถึงกับระเบิดหัวเราะออกมา
มีคนก้าวไปด้านหน้าด้วยความสงสัย ก่อนจะเอื้อมมือไปคว้าเป้าของเฉียวเหลียนเฉิง
เฉียวเหลียนเฉิงสบถออกมาอย่างเย็นชาก่อนจะคว้าข้อมือของอีกฝ่ายไว้แน่นราวกับคีมเหล็ก
“อ๊า อ๊าก!” ผู้ชายคนนั้นกรีดร้องราวกับหมูถูกเชือด
เสี่ยวติงกลอกตาไปมา “เฮ้ ไอ้หนุ่ม แกคิดทำอะไร?”
ชายที่ถูกเรียกยิ้มแห้ง ก่อนจะพูดว่า “พี่รอง ผู้ชายมีบางอย่างที่ไม่เหมือนผู้หญิง ผมเลยอยากรู้ว่าเธอมีไอ้นั่นหรือเปล่า!”
“ผม… ผมกลัวว่าเธอจะไม่ใช่คนที่ปลอมตัวมา!”
เฉียวเหลียนเฉิงนิ่งเงียบก่อนจะล้วงเข้าไปในกางเกงแล้วควักเอามะเขือยาวลูกเล็กออกมา
“อันนี้เหรอ?”
ดวงตาของชายหนุ่มคนนั้นเบิกกว้างจนแทบถลนออกมา
จากนั้นเฉียวเหลียนเฉิงก็ยัดมะเขือยาวกลับเข้าไป
ก่อนจะเอ่ยปากเสียงเรียบ “ยังมีไข่อีกสองฟองด้วย อยากจะดูหรือกินไหม?”
ทันทีที่พูดจบ ชายหนุ่มคนนั้นเลิกสงสัยทันที
ทุกคนรู้สึกประทับใจมากเมื่อเห็นสถานการณ์ตรงหน้า
“ไม่คิดเลยว่าคุณหลัวจะมีความรอบคอบมากขนาดนี้!”
หลัวนีน่าตะคอกกลับ “คิดว่าฉันโง่เหมือนพวกนายเหรอ? แล้วจากนี้ไปห้ามเรียกฉันว่าคุณหลัวอีก! ไม่อย่างนั้นความลับทั้งหมดจะถูกเปิดเผย เข้าใจไหม!”
เสี่ยวติงรีบพยักหน้าทันที
พวกเขาพูดคุยกันเรื่องการส่งสัญญาณเพื่อสื่อสาร กระทั่งเฉียวเหลียนเฉิงพูดขึ้นว่า
“ฉันพร้อมแล้ว แต่ฉันต้องการใบเบิกทาง… คุณคงต้องเล่นละครกับฉันสักหน่อยแล้วล่ะ!”
เสี่ยวติงรีบตอบรับทันที
ตอนนี้นับประสาอะไรกับการแสดงละคร ต่อให้ร้องขอสิ่งใดเขาก็จะทำให้ทั้งหมด
หวังต้าเฉิงเป็นผู้นำระดับล่างของแก๊งมีดมาเชเต้
ก่อนหน้านี้เจ้านายของเขาตัดสินใจผิดพลาด คนของแก๊งมีดมาเชเต้จึงถูกควบคุมตัวไปที่โรงพักกว่าสามสิบคน
แม้พวกเขาจะถูกปล่อยตัวเร็วก็จริง
แต่เจ้านายกำลังหมกมุ่นอยู่กับการแก้แค้นเฉียวเหลียนเฉิงเท่านั้น
มันจึงส่งผลให้แก๊งมีดมาเชเต้ขาดแคลนกำลังคนอย่างหนัก
เจ้านายจึงส่งพวกเขาออกไปให้รับสมัครคนมาเพิ่มเติม
โดยไม่จำเป็นต้องมีเงื่อนไขอะไร ตราบใดที่เก่งกาจในศิลปะการต่อสู้ได้ก็เพียงพอแล้ว
แต่จะสามารถพบเจอคนแบบนั้นบนท้องถนนได้ยังไง?
ขณะที่เขากำลังสับสน และไม่รู้ว่าควรทำยังไง ทันใดเขาเห็นผู้คนมากมายวิ่งแตกรังออกมาจากสถานที่เดียวกัน
“พี่ชาย เกิดอะไรขึ้น!” หวังต้าเฉิงคว้าคนคนหนึ่งไว้ก่อนจะเอ่ยถาม
“มีคนทะเลาะกันตรงนั้น ฉันได้ยินว่าเพียงคนเดียวสามารถจัดการกับทั้งกลุ่มได้!”
แววตาของหวังต้าเฉิงสว่างวาบทันทีที่ได้ยิน เขารีบวิ่งไปที่นั่นอย่างรวดเร้ว
และเมื่อเข้าไปใกล้ เขาก็เห็นว่ามีคนสองคนกำลังต่อสู้กันอยู่
ระยะห่างจากตรงนี้ค่อนข้างมาก แต่ก็สามารถบอกได้อย่างรวดเร็วว่าชายผมสั้นคนนั้นมีทักษะที่ยอดเยี่ยม
เขาคนเดียวต่อสู้กับกลุ่มอันธพาลได้จริง ๆ
การเคลื่อนไหวของเขาไม่เพียงแต่ว่องไว แต่การขยับตัวง่าย ๆ ไม่กี่ครั้งก็ทำให้ล้มคนเหล่านั้นได้อย่างรวดเร็ว ราวกับว่ากำปั้นนั้นมีน้ำหนักกว่าห้าร้อยกิโลกรัม
สำหรับคนที่ยืนรับชมอยู่ด้านนอก อาจจะรู้สึกเหมือนพวกเขากำลังเล่นละคร
ถ้าคนที่นอนอยู่บนพื้นไม่สาปแช่งออกมาอย่างเกรี้ยวกราด ทุกคนคงจะคิดไปว่านี่เป็นการถ่ายทำภาพยนตร์!
ยอดฝีมือ!
หวังต้าเฉิงถูกใจชายคนนี้ในทันที
หลังจากการต่อสู้ระหว่างทั้งสองฝ่ายสิ้นสุดคน กลุ่มคนจำนวนมากที่พ่ายแพ้แยกย้ายไปคนละทาง
สายตาของหวังต้าเฉิงจับตามองชายคนนั้น
ก่อนจะวิ่งเข้าหาแล้วตบบ่าเขาเบา ๆ
“พี่ชาย คุณชื่ออะไร!”
เฉียวเหลียนเฉิงหันมองก่อนจะเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เรียกฉันว่าเหล่าหลางก็ได้!”
“ทุกคนแถวนี้เรียกฉันแบบนั้น!”
หวังต้าเฉิงยิ้มสดใส “เหล่าหลาง เป็นชื่อที่ยอดเยี่ยม”
“ทำไมผมไม่เคยเห็นคุณมาก่อนเลย อีกอย่างสำเนียงของคุณดูแปลก ๆ คล้ายกับเป็นคนต่างถิ่น!”
เฉียวเหลียนเฉิงพึมพำก่อนจะตั้งใจเลียนแบบเจียงจวิน เขาเผยสีหน้าไร้เดียงสาแล้วพูดว่า
“ฉันมาจากชุนเฉิง ตำบลซานถา!”
ก่อนจะกล่าวต่อในใจว่า ‘ฉันเป็นลูกเขยของตำบลซานถา!’
“แผ่นดินไหวที่ชุนเฉิงทำให้บ้านของฉันพัง ฉันเลยต้องออกจากบ้านเพื่อมาหาเงินกลับไปสร้างบ้านใหม่!”
“ใครให้เงินกับฉัน ฉันก็พร้อมจะช่วยพวกเขาต่อสู้!”
หวังต้าเฉิงยิ่งตื่นเต้น เขาเอ่ยปากถามอย่างสงสัย “แล้วคุณไปเรียนรู้ศิลปะการต่อสู้มาจากที่ไหน? ดูไม่เหมือนคนจรเลย!”
เฉียวเหลียนเฉิงเกาศีรษะ “ชายชราในหมู่บ้านสั่งสอนมาน่ะ เขาเคยอยู่ที่วัดเส้าหลินมาก่อน และยังเคยรับราชการทหารด้วย เขาเป็นทหารผ่านศึก!”
ดวงตาของหวังต้าเฉิงร้อนแรงดั่งเปลวไฟ เขาตบไหล่ของเฉียวเหลียนเฉิงด้วยรอยยิ้มสดใส
“ผมมีงานให้ทำ คุณจะหาเงินได้มากมายและง่ายดายแน่นอน สนใจไหม?”