เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80 - บทที่ 589 ไห่หรงเทียนคิดในใจ เจียงหว่านทำให้เด็กคนนั้นเสียคน!
- Home
- เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80
- บทที่ 589 ไห่หรงเทียนคิดในใจ เจียงหว่านทำให้เด็กคนนั้นเสียคน!
บทที่ 589 ไห่หรงเทียนคิดในใจ เจียงหว่านทำให้เด็กคนนั้นเสียคน!
เฉียวเหลียนเฉิงพยักหน้า “อืม ใช่ ตำรวจมาถามหลายครั้งแล้ว ตรวจบ้านเรือนละแวกนั้นไปตั้งหลายหน!”
เมื่อเขาพูดถึงตรงนี้ เขาก็มองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยท่าทางสงสัย “นี่คุณเป็นพวกเดียวกับหลัวชิงซานหรือเปล่า?”
ชายหนุ่มส่ายหัวอย่างเร่งรีบ “ไม่ ๆ ไม่ใช่แน่นอน เจ้านายของผมเคยร่วมมือกับหลัวชิงซานเรื่องงาน แต่โครงการยังไม่ทันเริ่ม หลัวชิงซานก็หายตัวไปเสียก่อนแล้ว”
“เจ้านายของผมเลยให้มาตามหาเขา!”
เฉียวเหลียนเฉิงพูดขึ้นทันที “แบบนี้นี่เอง! งั้นนายควรรีบออกไปโดยเร็ว!”
“ตำรวจกำลังตามหาพรรคพวกของหลัวชิงซานอยู่ และเงินสามแสนนั้นก็ยังหาไม่เจอ!”
“ถ้าโดนตำรวจจับได้ นายมีสิทธิ์ติดคุกแน่นอน!”
ชายหนุ่มหน้าซีดเมื่อได้ยินดังนั้น เขารีบพยักหน้ารับ
แต่พอคิดถึงคำสั่งของหัวหน้า เขาก็ต้องหยุดชะงัก
เขาเหลือบมองไปรอบ ๆ แล้วคว้าตัวเฉียวเหลียนเฉิงเดินออกไป
ช่างบังเอิญเสียจริง ที่ดันดึงตัวเฉียวเหลียนเฉิงไปทางที่ไห่หรงเทียนอยู่พอดี ทั้งยังมาหยุดอยู่ตรงหน้าของไห่หรงเทียนเลยทีเดียว
และรถสมัยนี้ก็ไม่มีฟิล์มกรองแสงเพื่อความเป็นส่วนตัว
แต่เนื่องจากเป็นรถจี๊ปทหาร จึงมีการติดกระดาษแบบโปร่งแสงเพิ่มเติมบนกระจกประตู
ทำให้ทั้งคนในคนนอกต่างก็มองเห็นไม่ชัด
ไห่หรงเทียนนั่งอยู่เบาะหลัง เขาแค่ก้มตัวลงเล็กน้อย คนข้างนอกก็มองไม่เห็นเขาแล้ว อีกทั้งเขายังสามารถแอบมองผ่านช่องว่างระหว่างกระดาษโปร่งแสงกับขอบหน้าต่างรถได้
ด้านข้างกำแพง ชายหนุ่มเห็นว่าบริเวณนี้เป็นที่อับสายตา เขาจึงล้วงเงินหนึ่งใบจากกระเป๋าเสื้อยัดใส่มือเฉียวเหลียนเฉิง
เฉียวเหลียนเฉิงเห็นแบบนี้ก็รีบยัดมันกลับไปทันที
“นี่นายจะทำอะไร เอากลับไปซะ เอาไป!”
ชายหนุ่มยัดเงินคืนให้ “สหายอย่ากลัวไปเลย ฉันแค่อยากจะถามอะไรอีกสักหน่อย”
เจียงหว่านที่ยืนอยู่ข้าง ๆ รู้สึกตงิดใจ เธอจึงสะกิดให้เฉียวเหลียนเฉิงรับเงินไว้
ในสถานการณ์แบบนี้ หากไม่รับเงินไว้ อีกฝ่ายก็คงไม่กล้าพูดสิ่งที่ตัวเองต้องการ แล้วพวกเขาจะรู้ได้อย่างไรว่าชายหนุ่มคนนี้จะทำอะไร?
แม้เฉียวเหลียนเฉิงไม่เต็มใจ แต่เมื่อคิดถึงจุดประสงค์แล้ว เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องรับเงิน
“นายอยากรู้อะไรล่ะ ถามมาสิ!”
เมื่อเห็นว่าเขารับเงินไปจริง ๆ ชายหนุ่มก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ก่อนจะถามเสียงเบา
“หลัวชิงซานและหลัวนีน่ามีหน้าตายังไง!”
เฉียวเหลียนเฉิงขมวดคิ้ว “โอ้ เรื่องนี้…”
เขาจงใจยืดเสียง พูดด้วยท่าทางที่แสดงถึงความลำบากใจ
สาเหตุหลักคือเขาคิดไม่ออกว่าจะตอบอย่างไร เขาเป็นคนซื่อ สมองทึบ ไม่มีความคิดหลักแหลมเหมือนภรรยา
ชายหนุ่มเหมือนเข้าใจบางอย่าง เขาจึงหยิบเงินอีกสิบหยวนออกมาให้เฉียวเหลียนเฉิง
เฉียวเหลียนเฉิงมองดูเงินยี่สิบหยวนที่ได้รับมาด้วยความรู้สึกหลากหลาย
แต่ตอนนี้เขาคิดวิธีแก้ปัญหาได้แล้ว จึงพูดช้า ๆ ว่า “ฉันไม่มีรูปถ่ายของพวกเขาหรอก!”
ชายหนุ่มโบกมือ “ไม่เป็นไรครับ แค่บอกลักษณะคร่าว ๆ ก็พอ เช่น สูงต่ำ อ้วนผอม อะไรประมาณนี้!”
เฉียวเหลียนเฉิงทำท่าเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ “ถ้างั้นก็ได้! หลัวชิงซานสูงประมาณร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตร”
ชายหนุ่มคิดถึงส่วนสูงของเจียงหว่าน ซึ่งก็คือร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตร มันจึงเป็นข้อมูลที่ถูกต้องแล้ว
เฉียวเหลียนเฉิงพูดต่อ “ส่วนหลัวนีน่าคนนั้น ก็ประมาณร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตรเหมือนกัน!”
หัวใจของชายหนุ่มเต้นรัว
เจียงหว่านรู้สึกหงุดหงิด ในใจคิดว่า…แค่พูดโน้มน้าวคนยังทำไม่ได้ คงไปไม่รอดแน่ ๆ
ในที่สุดเธอก็ผลักเฉียวเหลียนเฉิงออกไป และจัดการด้วยตัวเอง
“นั่นมันเมื่อก่อน ตอนที่หลัวนีน่าไปจากที่นี่ เธอสูงแค่ร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตร แต่ได้ยินมาว่าเธอสูงขึ้นอีกเยอะในช่วงหลายปีนี้ เธอสูงกว่าพี่ชายเสียอีก!”
เฉียวเหลียนเฉิงเข้าใจทันที เขาจึงแกล้งทำเป็นตกใจและถามว่า “ไม่ใช่ว่าสูงถึงร้อยแปดสิบเซนติเมตรหรอกนะ? จุ๊ ๆ เขาว่ากันว่าพี่น้องคู่นี้ไม่ใช่สายเลือดเดียวกัน คงจริงอย่างที่เขาว่าสิเนี่ย!”
เจียงหว่านรีบเสริมต่อ “ยังต้องถามอีกเหรอ เรื่องนี้เป็นความลับที่รู้กันแค่ในละแวกนี้เท่านั้นนะ” เจียงหว่านลดเสียงลงแล้วพูดต่อ “ว่ากันว่าทั้งคู่แอบนัดพบ แล้วพวกเขาก็จูบกันด้วย แต่ดันมีคนไปบังเอิญเห็นเข้า พวกเขาจึงไม่มีหน้าอยู่ที่นี่ต่อยังไงล่ะ!”
“ยิ่งไปกว่านั้นหลัวชิงซานยังถูกตัดสินประหารชีวิต ตอนนี้จึงไม่มีใครกล้าพูดถึงพวกเขาอีกแล้ว”
“นายโชคดีมากนะเนี่ยที่มาเจอพวกเรา ไม่อย่างนั้นถ้าไปถามคนอื่นคงไม่ได้ความ!”
ชายหนุ่มขอบคุณอย่างสุดซึ้ง และในที่สุดก็หันหลัง เดินจากไปด้วยความพึงพอใจ!
เมื่อชายหนุ่มเดินจากไปแล้ว เฉียวเหลียนเฉิงจึงใช้ศอกสะกิดเอวเจียงหว่านเบา ๆ
“คุณคิดว่าเขาจะเชื่อไหม?”
เจียงหว่านยิ้มเยาะ “จ่ายเงินให้ตั้งยี่สิบหยวน จะไม่เชื่อก็คงไม่ได้ หรือจะยอมเสียเงินอีกยี่สิบหยวนแล้วไปถามคนอื่นเล่า”
“เขาจะมีเงินยี่สิบหยวนให้ใช้สักกี่ครั้งกันเชียว?”
เฉียวเหลียนเฉิงประหลาดใจ “เพราะแบบนี้คุณถึงให้รับเงินเขาไว้สินะ!”
เจียงหว่านเลิกคิ้ว “นั่นก็ส่วนหนึ่ง! อีกส่วนคือ ถ้าไม่รับเงินไว้ เขาจะสงสัยคำพูดของเรา แต่ถ้ารับเงินมา เขาจะเชื่ออย่างสนิทใจ และจะไม่ไปถามกับคนอื่นอีก”
เฉียวเหลียนเฉิงคิดตามก็เป็นว่าเป็นจริง
อย่างไรเสียเงินก็ต้องถูกหมุนเวียนไปตามธรรมชาติ…
แล้วชายหนุ่มก็ส่งเงินให้เจียงหว่าน
เจียงหว่านก็รับเงินไว้โดยไม่เกรงใจ
จากนั้นชายหนุ่มก็โอบไหล่หญิงสาว พากันเดินเข้าบ้านของเกาเสียงไป
ไห่หรงเทียนเฝ้าดูทุกอย่างแบบแทบไม่กะพริบตา
เขาไม่รู้ว่าสองคนนั้นพูดอะไรกัน เนื่องจากระยะห่าง ประกอบกับพวกเขาพูดเสียงค่อนข้างเบา
อย่างไรก็ตาม เมื่อชายคนนั้นยื่นเงินให้เฉียวเหลียนเฉิง ตอนแรกเฉียวเหลียนเฉิงก็ปฏิเสธทัน แต่เจียงหว่านก็สะกิดเขา จนเฉียวเหลียนเฉิงรับเงินไว้ แล้วยังรีดไถเงินเพิ่มเป็นครั้งที่สองด้วย
แต่ในท้ายที่สุด เงินทั้งหมดก็ตกไปเป็นของเจียงหว่าน
ไห่หรงเทียนได้เห็นมันชัดเจนเต็มสองตา
ตอนนี้ใบหน้าของเขามืดครึ้มลงทันที หลังจากที่พ่อคุยกับเขาครั้งล่าสุด หัวใจของเขาก็เริ่มสั่นคลอน
เขาถึงกับคิดทบทวนกับตัวเองว่า เขาเข้มงวดกับเฉียวเหลียนเฉิงมากเกินไปหรือเปล่า เขาทำกับชายหนุ่มเกินไปไหม
แต่ตอนนี้ ความลังเลทั้งหมดของเขาหายไปทั้งหมดแล้ว
แม้แต่ความประทับใจที่มีต่อเฉียวเหลียนเฉิงก็ลดน้อยลงไป
แน่นอนว่าคนที่เขาดูหมิ่นที่สุดก็คือเจียงหว่าน เขาคิดในใจว่า เพราะเจียงหว่านยุยงเฉียวเหลียนเฉิง จึงทำให้เด็กดี ๆ คนหนึ่งต้องเสียคน
ในเวลานี้เอง คนขับรถก็เดินกลับมา ไห่หรงเทียนจึงสั่งด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า
“ไป ขับออกไป!”
คนขับรถงุนงงไปชั่วขณะ แต่ก็ยังทำตามหน้าที่อย่างซื่อสัตย์
ช่วงขณะเดียวกัน เจียงหว่านกับเฉียวเหลียนเฉิงซึ่งไม่รู้เรื่องอะไรก็กำลังเดินเข้าไปในประตูใหญ่ เพื่อไปบ้านของมู่เหย่
มู่เหย่ยืนมองอยู่ที่หน้าต่างชั้นสอง เมื่อเห็นเจียงหว่าน เขาก็แสดงออกว่ามีความสุขอย่างอดไม่ได้
แต่เมื่อสายตาเหลือบไปเห็นเฉียวเหลียนเฉิงที่เดินอยู่เคียงข้าง ทั้งยังพูดคุยอย่างใกล้ชิดเป็นครั้งคราว ก็ทำให้เขารู้สึกอึดอัดใจขึ้นมา
รู้สึกอึดอัดเหมือนกับมีผ้าห่มหนาหลายผืนวางทับอยู่บนหน้าอก
เขารู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก พอเจอหน้าเจียงหว่านเลยเผลอพูดจาไม่ดี
“หว่านหว่าน เธอพยายามสร้างปัญหาอะไรอีก เราตกลงกันว่าจะเจอกันที่จุดพักพิง ฉันไปหาเธอทั่วทุกจุดของจุดพักพิงแล้ว แต่ก็หาเธอไม่เจอเลย”
“นึกว่าเธอถูกจิ้งจอกล่อลวงไปแล้วซะอีก!”
“ที่แท้ก็เป็นคนแซ่เฉียวที่สร้างปัญหานี่เอง!”
เจียงหว่านกับเฉียวเหลียนเฉิงเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่ม และหันมองหน้ากันด้วยความรู้สึกไม่ชอบใจกับคำพูดนี้
เจียงหว่านเดินเข้าไปนั่งลงบนโซฟาโดยไม่สนใจมู่เหย่ เธอเพียงทักทายเหอซานไห่กับหลิวเชี่ยนเชี่ยนเท่านั้น
“พวกคุณไปไหนมา? ผมกับมู่เหย่ตามหาพวกคุณไปทั่วชุนเฉิง แต่ก็หาไม่เจอ!” เหอซานไห่ถามด้วยความเป็นห่วง
แค่ไม่กี่วันที่ไม่เจอกัน เจียงหว่านดูผอมลงอีกแล้ว
เจียงหว่านถอนหายใจเบา “มันอธิบายยากน่ะ ฉันเองก็อยากไปพบพวกนายนะ แต่ยังไม่ทันถึงตำบลซานถาก็เจอกับฝูงหมาป่าเสียก่อน!”
เจียงหว่านเล่าเรื่องที่พอจะเล่าได้ให้พวกเขาฟัง
โดยไม่ได้พูดถึงเรื่องการติดตามพวกค้ามนุษย์
เมื่อฟังจบ ทุกคนต่างรู้สึกประหลาดใจ เหอซานไห่จึงเป็นคนแรกที่พูดขึ้น
“หว่านหว่านสุดยอดเลย ถ้าเป็นผมคงถูกฝูงหมาป่ากินไปแล้วแน่ ๆ!”
หลิวเชี่ยนเชี่ยนพยักหน้าเห็นด้วย “จริงนะ ถ้าเป็นฉันขาคงอ่อนแรงจนแทบยืนไม่อยู่แล้ว คงไม่มีทางจัดการพวกหมาป่าได้หรอก!”
หากแต่สายตาของมู่เหย่กลับจ้องมองไปที่เฉียวเหลียนเฉิงอย่างยั่วยุ
“ในเมื่อนายอยู่กับหว่านหว่านแล้วแท้ ๆ ทำไมถึงไม่ดูแลเธอให้ดี ดูสิว่าเธอผอมลงแค่ไหน นี่แทบจะกลายเป็นเสาไฟฟ้าแล้ว!”
“ดูแลภรรยาตัวเองก็ยังทำไม่ได้ ไร้ประโยชน์ชะมัด!”