เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80 - บทที่ 588 สลับเพศได้ตามใจ สับขาหลอกจนขาแทบหัก
- Home
- เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80
- บทที่ 588 สลับเพศได้ตามใจ สับขาหลอกจนขาแทบหัก
บทที่ 588 สลับเพศได้ตามใจ สับขาหลอกจนขาแทบหัก
ทั้งสองเลือกซื้อเสื้อผ้าสองชุดในห้างสรรพสินค้าโดยซื้อทั้งชุดชั้นในและชุดใส่ด้านนอก
ตอนออกจากร้าน เจียงหว่านก็แวะซื้อหนังสือพิมพ์ที่แผงขายหนังสือพิมพ์
ซึ่งในยุคนี้รายงานข่าวยังคงแจกจ่ายฟรี
แต่เจียงหว่านสังเกตเห็นว่าหนังสือพิมพ์ข่าวภาคค่ำจ้งฮวาและหนังสือพิมพ์ประชาชนจ้งฮวาต่างมีรายงานเกี่ยวกับการช่วยเหลือผู้ประสบภัย
เถ้าแก่ใจดำถูกจับมาเปรียบเทียบ ทำให้หลิวเชี่ยนเชี่ยนกับเหอซานไห่ดูยิ่งใหญ่และมีความชอบธรรม
เฉียวเหลียนเฉิงยืดคอเพื่อมองดู
“ไม่เลว สถานการณ์ดีขึ้นมากนี่ คุณเชื่อเถอะว่าอีกไม่นานโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าจะพลิกฟื้นกลับมาได้แน่!”
เจียงหว่านครุ่นคิดอยู่นาน แล้วพูดขึ้น “เราไปหาตู้โทรศัพท์กันเถอะ”
เฉียวเหลียนเฉิงคิดว่าเธอคงมีธุระต้องทำ จึงไม่ได้หยุดเธอ
ทั้งสองเดินไปรอบ ๆ ห้างสรรพสินค้า จนมั่นใจว่าเสี่ยวติงไม่ได้ส่งใครมาจับตาดู
เธอจึงโทรศัพท์อย่างสบายใจ
ตอนนี้เหยียนจิงมีโทรศัพท์สาธารณะแบบหยอดเหรียญแล้ว แต่เหรียญที่ใช้ไม่ใช่เหรียญธรรมดา ต้องไปแลกเป็นพิเศษที่แผงขายหนังสือพิมพ์ข้าง ๆ
เหรียญหนึ่งเหรียญสามารถโทรได้หนึ่งนาที เมื่อใกล้หมดเวลาหนึ่งนาที ก็ต้องหยอดเหรียญเพิ่มเพื่อต่อเวลา
เหรียญประเภทนี้มีความพิเศษ และเงินหนึ่งหยวนก็สามารถแลกได้สามเหรียญ
ตู้โทรศัพท์หยอดเหรียญเพิ่งปรากฏบนท้องถนนในเมืองเหยียนจิงเมื่อไม่นานมานี้ ถือเป็นของแปลกใหม่สำหรับคนทั่วไป หลายคนจึงมายืนมุงดู
แค่ดูเฉย ๆ ไม่ได้โทร เพราะสามนาทีตั้งหนึ่งหยวน นับว่าแพงเกินไป
สู้ไปขอใช้โทรศัพท์ที่ประตูโรงงานดีกว่า แค่ให้ซองบุหรี่ราคาสองเหมากับยามเฝ้าประตูก็พอแล้ว
ตอนที่เจียงหว่านและเฉียวเหลียนเฉิงไปถึงตู้โทรศัพท์ มีคนจำนวนไม่น้อยยืนมองอยู่ข้าง ๆ
เจียงหว่านไปที่แผงขายหนังสือพิมพ์ข้าง ๆ เพื่อแลกเหรียญสามหยวน
การกระทำของเธอดึงดูดผู้คนจำนวนมากในทันที ทุกคนต่างก็ยืดคอมอง
“แลกทีเดียวสามหยวนเลย รวยขนาดไหนเนี่ย!”
ลุงเจ้าของแผงขายหนังสือพิมพ์ประหลาดใจเช่นกัน “คุณแน่ใจใช่ไหมว่าจะแลกสามหยวน?”
เจียงหว่านพยักหน้ารับ
ลุงเจ้าของแผงขายหนังสือพิมพ์รีบหยิบเหรียญออกมาสิบเหรียญทันที
“แม่หนูเอ๊ย ผ่านมาสามวันแล้ว หนูเป็นลูกค้ารายแรก ลุงจะแถมให้อีกเหรียญนะ ครั้งหน้าก็กลับมาโทรที่นี่อีกแล้วกัน”
“ไม่ต้องห่วงนะ หนูไม่ได้เอาเปรียบลุงหรอก แค่หนูมาก็ช่วยให้ร้านดูคึกคักมากพอแล้ว”
“เอานี่ ลุงจะแถมหนังสือพิมพ์ให้อีกฉบับ ฟรีนะ!”
สิ่งที่เขาแถมให้ก็คือหนังสือพิมพ์สำรวจ!
เจียงหว่านยิ้ม ลุงคนนี้น่าสนใจทีเดียว!
เธอรับหนังสือพิมพ์มาด้วยรอยยิ้ม และหันไปยัดหนังสือพิมพ์ใส่มือเฉียวเหลียนเฉิง ก่อนจะเดินตรงไปที่ตู้โทรศัพท์
เธอเปิดสมุดรายชื่อโทรศัพท์ หาเบอร์โทรของเหอซานไห่ แล้วกดโทร
แต่ไม่มีใครรับสาย บางทีเขาอาจจะยังไม่กลับบ้าน
เจียงหว่านจึงโทรไปหามู่เหย่
สิ่งที่เธอคาดไม่ถึงคือ มู่เหย่อยู่ที่บ้าน แต่ทั้งเหอซานไห่และหลิวเชี่ยนเชี่ยนต่างก็อยู่ที่บ้านของมู่เหย่ด้วยเช่นกัน
เมื่อเห็นว่าเป็นสายจากเจียงหว่าน มู่เหย่รีบถามอย่างร้อนรนว่า [เธออยู่ที่ไหน ฉันกลับมาจากช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ว ทำไมถึงไม่เห็นเธอเลย!]
เจียงหว่านถอนหายใจเบา “ฉันอยู่เหยียนจิง พอดีเกิดเรื่องยุ่งนิดหน่อย!”
มู่เหย่รีบพูด [อยู่ที่เหยียนจิงแล้วทำไมไม่มาหา แวะมาที่บ้านฉันสิ]
เจียงหวานอ้าปากค้าง ก่อนจะตอบตกลงในท้ายที่สุด
เธอมีหลายเรื่องที่อยากถามเหอซานไห่กับหลิวเชี่ยนเชี่ยนพอดี
แต่ชุดที่เธอและเฉียวเหลียนเฉิงใส่อยู่ตอนนี้คงจะไปหามู่เหย่ไม่ได้
นอกจากนี้เจียงหว่านยังเป็นลูกสาวของเกาเสียง จึงถือว่าเป็นลูกหลานแถบนั้น
ถ้ากลับไปสภาพนี้ เธอคงอายจนแทบจะเอาหน้ามุดดิน
ทั้งคู่จึงไปห้างสรรพสินค้าเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า และล้างเครื่องสำอางบนใบหน้า
ส่วนวิกผมของเฉียวเหลียนเฉิง เจียงหว่านก็ยัดมันลงในกระเป๋าเป้สะพายหลัง
จากนั้นทั้งคู่ก็ไปที่บ้านพักของเกาเสียง
ทันทีที่ทั้งสองมาถึง เฉียวเหลียนเฉิงก็คว้าแขนเจียงหว่านไว้ ชี้ไปยังชายลึกลับที่อยู่ไม่ไกลและพูดว่า
“คุณดูสิ คนที่อยู่ตรงนั้นเหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อนเลย!”
เจียงหว่ายมองตามทิศทางที่นิ้วของเขาไป เป็นจริงอย่างที่เขาพูด
“นั่นลูกน้องของเสี่ยวติงที่มาพร้อมกับเราไง!”
“นายลืมไปแล้วเหรอ ตอนอยู่บนรถ ผู้ชายคนนี้ยื่นบุหรี่ให้ฉัน และบอกว่าเป็นยี่ห้อ ‘โบตั๋น’ ที่ขโมยมาด้วย!”
“แต่พวกเราไม่สูบบุหรี่ ท่าทางของไอ้หนุ่มคนนั้นก็ดูกลืนไม่เข้าคายไม่ออก!”
เฉียวเหลียนเฉิงเพิ่งนึกออก “จริงด้วย ผมก็ว่าทำไมรู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาแบบนี้!”
“แต่ว่า เขามาทำอะไรที่นี่?”
ทันใดเจียงหว่านก็นึกถึงชุดกับวิกผมปลอมในกระเป๋าสะพายหลัง
เธอเดินไปหลบหลังต้นไม้และดึงวิกผมออกมาสวม
เฉียวเหลียนเฉิงช่วยเธอจัดทรงวิกผมอีกนิดหน่อย ให้ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น
ขณะที่ทั้งคู่กำลังสวมวิกผม พวกเขาคิดว่าไม่มีใครอยู่รอบ ๆ แต่พวกเขากลับไม่สังเกตเห็นว่า ในรถจี๊ปที่จอดอยู่ริมถนนไม่ไกลนัก…มีคนนั่งอยู่
คนคนนั้นคือ ไห่หรงเทียน
เขาอาศัยอยู่ในบ้านพักข้าราชการละแวกเดียวกันนี้ เพียงแต่บ้านของตระกูลไห่อยู่ทางทิศตะวันออก ส่วนบ้านของตระกูลเกาอยู่ทางทิศใต้ บ้านของทั้งสองตระกูลทำมุมตั้งฉาก และใช้ประตูคนละทิศ ทำให้ไม่ค่อยได้พบเจอกัน
ไห่หรงเทียนกลับมาเพื่อเอาเอกสาร เขาออกจากบ้านพร้อมเอกสารปึกหนึ่ง แต่แล้วก็เพิ่งเห็นว่าเอกสารไม่ครบถ้วน และนึกขึ้นได้ว่าเอกสารอีกแผ่นวางอยู่บนโต๊ะข้างเตียง
จึงสั่งให้คนขับรถกลับไปเอา ส่วนเขานั่งรออยู่ในรถ
ช่วงนี้เขาพักผ่อนไม่เพียงพอและมีอาการปวดหัว ระหว่างที่กำลังขนวดหว่างคิ้วแล้วเงยหน้าขึ้น เขาก็เห็นเจียงหว่านกับเฉียวเหลียนเฉิงที่แอบซ่อนอยู่หลังต้นไม้
เขาจำทั้งสองคนได้ทันที
แล้วเขาเห็นเจียงหว่านหยิบหวิกออกจากกระเป๋ามาใส่ จากนั้นเฉียวเหลียนเฉิงก็ช่วยเธอจัดทรงผม
ทันใดไห่หรงเทียนก็ขมวดคิ้วและรู้สึกไม่พอใจขึ้นมา
คนดี ๆ ที่ไหนจะมาแอบหลังต้นไม้และสวมวิกตอนกลางวันแสก ๆ แบบนี้
ไหนจะเฉียวเหลียนเฉิง เขาไม่ได้ไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยที่เมืองชุนเฉิงหรอกเหรอ เขากับขู่ว่าจะลาออกจากกองทัพ จนทำให้นายพลตงหัวยอมตกลงเห็นด้วย
แต่ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่?
ตอนนี้แม้ไห่หรงเทียนจะยังไม่ยอมรับเฉียวเหลียนเฉิงเป็นลูกชาย แต่ในใจของเขายังคงรู้สึกโกรธที่คนที่อาจเป็นลูกชายของเขาไม่เอาไหน
แม้จะรำคาญใจ แต่ไห่หรงเทียนไม่ได้ทำอะไรมาก เขาเพียงเฝ้าดูอยู่เงียบ ๆ อยากรู้ว่าสองคนนี้กำลังทำอะไรกันแน่?
ไม่นานนัก ทั้งสองคนก็ออกมาจากหลังต้นไม้และมุ่งหน้าไปทางประตูใหญ่
ทั้งคู่เดินจับมือพลางคุยกันอย่างสนุกสนาน
เวลานี้เจียงหว่านดูอ่อนหวานน่าทะนุถนอม ส่วนเฉียวเหลียนเฉิงก็มาดแมนสมชาย
เมื่อทั้งสองคนเดินไปถึงประตู เด็กหนุ่มคนหนึ่งก็สังเกตเห็นพวกเขา
รีบวิ่งเข้ามาหาทันที
“สหายทั้งสอง รอก่อนครับ!”
ทั้งสองคนหยุดเดินและมองดูเขา
ชายหนุ่มก้าวมาข้างหน้าและยื่นบุหรี่ให้กับเฉียวเหลียนเฉิงด้วยรอยยิ้ม
เฉียวเหลียนเฉิงขมวดคิ้วและกำลังจะปฏิเสธ แต่เจียงหว่านสะกิดเอวเขาเบา ๆ
เฉียวเหลียนเฉิงเข้าใจได้ทันที เขาจึงรับบุหรี่มาจุดไฟและสูบเข้าไป
จนปัญญาแล้ว ตอนปลอมตัวเป็นหลัวนีน่า เขาไม่สูบบุหรี่ และถ้าตอนนี้ไม่สูบอีก นั่นก็อาจจะถูกสงสัยเอาได้
ชายหนุ่มเห็นท่าทางของเขาจึงโล่งใจ และเริ่มถามคำถาม
“สหาย ฉันขอถามเกี่ยวกับคนคนหนึ่งหน่อย”
เฉียวเหลียนเฉิงพ่นควันออกมา ทำเหมือนว่าเขาจะตอบแทนสำหรับบุหรี่ตัวนี้
“ได้ ว่ามาสิ!”
ชายคนนั้นถามทันที “สหายเคยได้ยินเกี่ยวกับหลัวชิงซานกับหลัวนีน่าบ้างไหม?”
เฉียวเหลียนเฉิงขมวดคิ้ว เจียงหว่านที่ยืนอยู่ด้านข้างพูดขึ้น
“ถามถึงพวกเขาทำไม พวกเขาไม่ได้อยู่ที่นี่นานแล้ว!”
หลังจากหยุดไปชั่วครู่ เธอก็ถามอย่างสงสัย “แล้วนายเป็นใครกัน!”
ชายคนนั้นรีบโบกมือ “ไม่ใช่ญาติหรือคนสนิทหรอก แค่ถามเพราะอยากรู้”
เจียงหว่านตะคอกอย่างเย็นชา “ได้ยินว่าหลัวชิงซานกับหลัวนีน่าไปก่อเรื่อง จนหลัวชิงซานถูกยิงเป้าไปแล้ว”
เธอหยุดชั่วครู่ แล้วมองไปที่เฉียวเหลียนเฉิง “ครั้งก่อนนายบอกใช่ไหมว่า ถึงหลัวชิงซานจะตายไปแล้ว แต่เขาก็ซ่อนเงินที่ขโมยไปสามแสนหยวนไว้!”