เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80 - บทที่ 585 ไห่อวิ๋นหลงมีตาทิพย์!
บทที่ 585 ไห่อวิ๋นหลงมีตาทิพย์!
ไห่หรงเทียนพูดอย่างไม่พอใจ “ไม่ยอมรับผม? หากเขาเป็นลูกของผม ไห่หรงเทียน เขาก็จะเป็นลูกชายของผมตลอดไป เขาจะกล้าไม่ยอมรับพ่อของตัวเองได้ยังไง?!”
ไห่อวิ๋นหลงโกรธหน้าดำหน้าแดง คว้าถ้วยชาเขวี้ยงไปทางลูกชาย
ไห่หรงเทียนที่ไม่กล้าหลบ เศษถ้วยชาจึงกระเด็นใส่หน้าผากของเขา หล่นลงพื้นแตกกระจายเป็นเสี่ยง ๆ
“ไสหัวออกไปซะ แกมันไม่ได้เรื่อง! ไม่ช้าก็เร็วสักวันแกจะต้องเสียใจ ฉันไม่อยากเห็นแก ออกไป!”
ไห่หรงเทียนน้อยใจมาก แต่เขาทำได้เพียงหันหลังเดินออกไปอย่างไม่มีทางเลือก แม้ว่าหน้าผากจะแตกและมีเลือดสีแดงเข้มไหลลงมา เขาก็ไม่สนใจ
ทว่าออกมาแล้ว ไห่หรงเทียนก็ยังอดไม่ได้ที่จะหันมองห้องหนังสือของพ่อด้วยสายตาน้อยใจ
เขารู้นิสัยของพ่อดี หากพ่อโกรธและไล่ใครออกไป คนคนนั้นก็ต้องรีบออกมาให้เร็วที่สุด
มิฉะนั้นอาจจะถูกทุบตีจนตายได้
ไห่หรงเทียนเดินออกไปขณะที่กุมหน้าผาก จึงไม่เห็นว่ามีเงา ๆ หนึ่งผ่านตนไปอย่างรวดเร็วจากมุมกำแพงที่อยู่ไม่ไกล
หลังจากไห่หรงเทียนออกไป ไห่อวิ๋นหลงนั่งนิ่งอยู่ในห้องหนังสือนานมากเพื่อระงับความโกรธ
แต่สักพักก็มีทหารคนหนึ่งเดินเข้ามา
“เป็นไงบ้าง?” ไห่อวิ๋นหลงถามเสียงเบา
นายทหารกระซิบตอบ “เธอเดินออกไปและเดินกลับมาแอบฟังอยู่หน้าประตูห้องหนังสือครับ สีหน้าดูไม่น่ามองนักครับ!”
“และเธอก็รีบไป ก่อนท่านนายพลเดินออกมา!”
ไห่อวิ๋นหลงค่อย ๆ หลับตาลงและถอนหายใจ
“นายออกไปได้!”
นายทหารเดินออกไปทันที จากนั้นไห่อวิ๋นหลงก็ทรุดตัวนั่งนิ่งบนเก้าอี้ เขาพอจะเดาอะไรได้แล้ว
แต่เขาก็เข้าใจว่ามันไม่มีหลักฐาน!
หากไม่มีหลักฐาน ไห่หรงเทียนก็จะหัวรั้นไม่ยอมเชื่อ
ไม่ต้องพูดถึงลูกชายหรอก แม้แต่เขาเอง ตอนที่เพิ่งรู้เรื่องนี้ ก็คิดอย่างมีอคติว่าอีกฝ่ายอาจจะเป็นสายลับ
เขาเคยเห็นคนมามากมายที่เปลี่ยนแปลงร่างกายตัวเองเพื่อทำให้ทุกอย่างเหมือนกับไห่จิง
หากเขาไม่เคยพบเจียงหว่านมาก่อน เขาคงสงสัยเรื่องนี้มาก ๆ
เขาเชื่อเจียงหว่าน แม้ว่าจะเป็นครั้งแรกที่เจอเธอ แต่ความรู้สึกของเธอ ความโกรธแค้นของเธอนั่นเป็นของจริง
หากพูดขึ้นมาก็อาจจะดูแปลก ๆ แม้ว่าไห่หนิงซวงจะไม่ได้เติบโตข้าง ๆ เขา แต่เขาก็เฝ้าดูการเติบโตของหล่อนตลอด
ทุกคนต่างบอกว่าเขารักหลานสาวคนนี้มาก แต่แท้จริงแล้วในใจของเขารู้ดีว่าไม่ได้รักมากขนาดนั้น
แต่เขาก็ชอบไห่หนิงซวง ถึงแม้ว่าจะไม่เท่ากับตอนเจอหน้าเจียงหว่านครั้งแรกก็ตาม
แต่ถึงอย่างไร ลูกชายและหลานชายต่างถูกเขาสั่งสอนอย่างเข้มงวดยกเว้นแต่หลานสาวเพียงคนเดียวคนนี้ อันที่จริงเขามักจะกลัวว่าจะทำให้เด็กผู้หญิงตกใจจึงพูดกับเธออย่างอ่อนโยนเสมอ
แต่ก็เป็นเพียงการแสดงเท่านั้น
บางทีอาจจะเป็นเพราะสาเหตุนี้ หลังจากที่ได้ฟังเรื่องที่เจียงหว่านเล่า เขาจึงเชื่อทันที!
และสามารถพูดได้เลยว่าเขาไม่ได้มีอคติอะไร
แต่ช่างเถอะ!
มันก็เหมือนกับที่เขาบอกเจียงหว่าน สิ่งที่เขาต้องการก็คือหลักฐาน ไม่มีหลักฐานชัดแจ้งก็ไม่มีใครเชื่อ
ตอนนี้ร่างกายของเขายังแข็งแรงอยู่ เขาจะรอให้ถึงวันนั้นวันที่ได้เห็นหลักฐานชัดแจ้ง!
แต่สิ่งที่ไห่อวิ๋นหลงไม่รู้ก็คือ หลังจากไห่หนิงซวงออกไป เธอก็รีบไปหาถานหย่งทันที
ถานหย่งถึงกับประหลาดใจที่เธอมาหา
“ลมอะไรหอบเธอมาถึงที่นี่?”
ไห่หนิงซวงพูดเสียงเรียบ “ฉันไม่สนว่าคุณจะใช้วิธีอะไร ฉันอยากให้เจียงหว่านกับเฉียวเหลียนเฉิงตาย!”
ถานหย่งขมวดคิ้ว
“เจียงหว่านน่ะไม่มีปัญหา แต่เฉียวเหลียนเฉิงเป็นทหาร หากเขาตายเรื่องจะวุ่นวายมาก!”
ไห่หนิงซวงยิ้มเยาะ “ฉันไม่สน งานชิ้นนี้คุณได้รับไปจัดการ แต่นี่ก็เป็นเพียงแค่ส่วนเดียวเท่านั้น”
“หลายวันมานี้คุณทำเงินได้มากไม่ใช่เหรอ!”
“คุณอย่าลืมว่าฉันสามารถให้โครงการนี้กับคุณได้ก็สามารถเอากลับคืนมาได้เหมือนกัน!”
สีหน้าของถานหย่งเปลี่ยนไป เขาหรี่ตามองเธอ “นี่คือเธอขู่ฉันเหรอ?”
ไห่หนิงซวงหัวเราะเยาะ “คุณจะพูดอะไรก็แล้วแต่ แค่บอกมาว่าจะทำไม่ทำ?”
ถานหย่งยิ้มเยาะ “ทำ ก็อีแค่ฆ่าสองคนนั้น ฉันจะทำ!”
เขาชะงักไปครู่หนึ่งก่อนพูดอธิบาย “ความจริงแล้วแม้ว่าเธอจะไม่บอกฉันก็จะทำอยู่ดี ภรรยาฉันเกลียดเจียงหว่านเข้ากระดูก หากนังนั่นตายไป เฉียวเหลียนเฉิงก็คงไม่ปล่อยฉันไว้”
“ฉะนั้นแค่ฆ่าพวกมัน ฉันก็จะนอนหลับได้อย่างสบายใจ แต่ว่าฉันจำเป็นต้องใช้เวลาในการวางแผน”
“แล้วฉันก็ต้องการความช่วยเหลือและต้องการอาวุธ”
“คนมีฝีมืออย่างเฉียวเหลียนเฉิงจัดการไม่ได้ง่าย ๆ หากไม่มีอาวุธก็คงฆ่าเขาไม่ได้”
ไห่หนิงซวงพูดด้วยความโกรธ “ฉันจะไปหาอาวุธให้คุณได้จากที่ไหน คุณไม่รู้เหรอว่าตอนนี้ในประเทศของเรา การควบคุมอาวุธเข้มงวดมากขนาดไหน?”
ถานหย่งแบมือ “ฉันรู้ว่ามันยาก แต่ฉันก็ไม่มีวิธีอื่นแล้ว เธอช่วยฉันหาอาวุธหรือไม่ก็รออย่างอดทนไปละกัน!”
“แก!” ไห่หนิงซวงโกรธจนกัดฟัน
สักพักเธอก็พูดว่า “แม้ว่าฉันจะหาอาวุธไม่ได้ แต่ฉันสามารถบอกข้อมูลทั้งหมดกับคุณได้!”
“ฉันได้ยินมาว่า เมื่อไม่นานมานี้มีคนพบถ้ำแห่งหนึ่งในภูเขาชิงเหลียง”
“ที่นั่นถูกทิ้งร้างตั้งแต่ตอนสงคราม ข้างในมีอาวุธที่พวกญี่ปุ่นทิ้งไว้อยู่”
“มีคนสงสัยว่าบริเวณใกล้ ๆ นั่นมีคลังอาวุธของประเทศญี่ปุ่นอยู่ แต่ไม่รู้ว่ายังมีอาวุธยุทโธปกรณ์ตกค้างบ้างหรือเปล่า คุณลองให้คนไปเสี่ยงโชคดูสิ!”
ไห่หนิงซวงพูดจบก็มองถานหย่งด้วยสายตาที่รังเกียจ และเดินออกไปด้วยความโกรธ!
ถานหย่งไม่สนใจสายตานั้นเลยสักนิด ตอนนี้ดวงตาเหมือนนกล่าเหยื่อของเขาเป็นประกาย
“คลังอาวุธของญี่ปุ่นเหรอ น่าสนใจดีนี่!”
“แกเข้ามานี่สิ พวกเราเตรียมตัวไปเขาชิงเหลียงกัน!”
ตอนถานหย่งพาคนออกเดินทางไปเขาชิงเหลียง เจียงหว่านก็ขับรถมาถึงหนานเฉิง
ระหว่างทางมีลูกน้องคนหนึ่งของอู่เยี่ยขับรถเป็น เขากับเจียงหว่านจึงสลับกันขับ
ทำให้เจียงหว่านมีเวลาที่จะครุ่นคิดสถานการณ์ในตอนนี้
เธอจำได้ว่าประมาณเดือนแปดมีฟ้าผ่ากะทันหัน หลังจากนั้นโครงการหนึ่งของมณฑลซานก็หยุดทำการไป
และก่อนหน้านั้น การก่อสร้างถนนหลักของมณฑลเริ่มสร้างไปบ้างแล้ว
แต่ตอนที่ถนนหลักของมณฑลสร้างได้เกินครึ่งหนึ่ง ทีมก่อสร้างก็เกิดโดนฟ้าผ่ากะทันหัน
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้โครงการถูกระงับชั่วคราว
ตอนที่เบื้องบนลงมาตรวจสอบ ไม่รู้ว่าตรวจเจออะไร แต่เขาก็ตัดสินใจให้ระงับการก่อสร้างถนนทางด่วนทั้งหมดและโครงการทั้งหมด อีกทั้งยังเปลี่ยนทีมวิศวกร
ว่ากันว่าทีมก่อสร้างและผู้รับผิดชอบการก่อสร้างชุดเก่าได้รับความเสียหายอย่างหนักจนเกือบจะสิ้นเนื้อประดาตัว
ไม่รู้ว่าทีมก่อสร้างและผู้รับผิดชอบการก่อสร้างชุดเก่าคือใครกันแน่ แต่ช่างมันเถอะ แค่เธอทำให้ถานหย่งกลายเป็นคนสิ้นเนื้อประดาตัวได้ก็ถือว่าดีแล้ว
แต่ไม่ง่ายเลยกว่าจะถึงหนานเฉิง ตอนนี้เจียงหว่านรู้สึกปวดร้าวไปทั้งตัว
และเจียงหว่านไม่คิดเลยว่า ที่อยู่ของอู่เยี่ยจะเป็นเรือนสี่ประสาน
ดูเหมือนว่าอู่เยี่ยคนนี้จะไม่ธรรมดา
หลังจากจัดที่พักของทุกคนเรียบร้อยแล้ว เฉียวเหลียนเฉิงก็เข้ามาหาเจียงหว่าน
“พี่ ฉันอยากไปเดินเล่นรอบ ๆ แต่อากาศเริ่มร้อนแล้ว ฉันไม่มีเสื้อผ้าจะเปลี่ยน!”
ที่หนานเฉิงค่อนข้างร้อนกว่าชุนเฉิงมาก ๆ อุณหภูมิแตกต่างกับเกือบสิบองศา
ตอนนี้ที่หนานเฉิง ใคร ๆ ก็ใส่เสื้อกันลม แต่พวกเขากลับสวมเพียงเสื้อบุผ้าฝ้ายตัวโต!
เจียงหว่านเห็นด้วยอย่างหนักแน่น “ได้ พี่จะไปเป็นเพื่อนเธอซื้อเสื้อผ้า อยากได้อะไรก็ซื้อมาเลย!”
หลังจบพูดจบเธอก็หันไปมองเสี่ยวติงอย่างเก้อเขิน “งั้นเราออกไปเดินเล่นที่ห้างกัน พวกนายก็ตามสบายนะ หรือจะส่งคนมาติดตามฉันหรือเปล่า?”
เสี่ยวติงรีบโบกไม้โบกมือเสมือนบอกว่าไม่จำเป็น!
เจียงหว่านก็ไม่ได้สนใจอะไร เดินออกไปพร้อมเฉียวเหลียนเฉิง
แต่ถึงอย่างไร เฉียวเหลียนเฉิงก็สูงกว่าเจียงหว่าน พวกเขาจึงดูไม่เข้ากันนิดหน่อย
เสี่ยวติงที่อยู่ข้างหลังมองแผ่นหลังของทั้งสองที่เดินออกไปพลางทำท่าครุ่นคิด…