เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80 - บทที่ 583 ไห่หรงเทียนถูกพ่อด่าทอ! รู้สึกดีจัง!
- Home
- เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80
- บทที่ 583 ไห่หรงเทียนถูกพ่อด่าทอ! รู้สึกดีจัง!
บทที่ 583 ไห่หรงเทียนถูกพ่อด่าทอ! รู้สึกดีจัง!
หลายวันมานี้ไห่หรงเทียนยุ่งอยู่กับการฝึกซ้อมกองกำลังพิเศซึ่งมันไม่ง่ายเลย
และตอนนี้เขาก็มาเพื่อเข้าประชุมที่ค่ายทหาร แต่พอเข้าประตูมาเขาก็พบกับเกาเสียง
“เหล่าเกา ได้ยินมาว่าช่วงนี้นายค้นหาคนไปทั่วแต่กลับชนกับกำแพงทุกที”
“เฮ้ นายอย่าแพ้นะ แผนที่นายวางไว้ไม่เลวเลย แค่ยังไม่เจอคนที่เหมาะสมเท่านั้น”
เป็นความจริงที่เกาเสียงค้นหาคนไปทั่ว แต่ว่าพวกเขามักเลือกไห่หรงเทียนเป็นตัวเลือกแรก ต้นกล้าที่ดีจึงถูกเอาไปหมดแล้ว
แม้ว่าคนที่เหลือจะเก่งกาจอยู่ แต่ทุก ๆ ค่ายทหารจะมีสมบัติล้ำค่าอยู่ และพวกเขาจะไม่ยอมมอบให้เกาเสียงแน่
ฉะนั้นการค้นหาตามมุมกำแพงของเกาเสียงจึงไม่ค่อยราบรื่นนัก
คำพูดของไห่หรงเทียนทำให้เกาเสียงโมโหนิดหน่อย เขาจึงเชิดหน้าพูดอย่างโอ้อวด
“นั่นมันเกี่ยวอะไรด้วยเหรอ พวกเราแค่ต้องการคนที่มีฝีมือดีที่สุด แม้ว่านายจะคัดเลือกคนที่เก่งกาจมาเยอะขนาดไหนก็เทียบไม่ได้กับเฉียวเหลียนเฉิงเพียงคนเดียว!”
“ตอนนี้เฉียวเหลียนเฉิงตอบตกลงจะมากับฉันแล้ว! สำหรับฉันแค่นี้มันก็เพียงพอ!”
ไห่หรงเทียนคิ้วขมวด “นายพูดว่าอะไรนะ เฉียวเหลียนเฉิงตกลงจะไปกับนาย? เป็นไปไม่ได้ ขากำลังเตรียมตัวสอบเข้ามหาลัยไม่ใช่เหรอ!”
เกาเสียงมองเขาด้วยความประหลาดใจ เดิมทีเขาคิดว่าผู้ชายคนนี้ไม่ได้สนใจใยดีเฉียวเหลียนเฉิงแล้วซะอีก
คิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะรู้เรื่องนี้ด้วย
ไห่หรงเทียนเห็นอีกฝ่ายมองมา ก็พูดด้วยความไม่พอใจ
“นายมองฉันทำไม? มีดอกไม้ติดอยู่บนหน้าฉันหรือยังไง!”
เกาเสียงพูดเสียงเรียบ “ต้องเป็นคนตาบอดขนาดไหนถึงได้มองตาปลาเป็นไข่มุก!”
“หลังจากนี้ ฉันไม่เรียกนายว่าเหล่าไห่แล้ว ฉันจะเรียกว่าไห่เซียจือ(เจ้าไห่ตาบอด)!”
ทันใดสีหน้าของไห่หรงเทียนก็เปลี่ยนไป เขาพูดอย่างโกรธเกรี้ยว “นายรู้อะไรมา…”
เกาเสียงพูดขัดจังหวะเขาขึ้นมา “ไอ้เรื่องแย่ ๆ ของตระกูลไห่ฉันไม่รู้หรอก แต่อย่าหาว่าฉันไม่เตือนนายนะ!”
“ตอนนี้เฉียวเหลียนเฉิงแค่อาศัยค่ายทหารเก่าเพียงชั่วคราวเท่านั้น เขาตกลงว่าจะเป็นลูกน้องของฉันหลังจากสอบเข้ามหาลัยเรียบร้อยแล้ว!”
“พูดแบบทางการก็คือ เขาจะมาเป็นลูกน้องของฉัน และจะเป็นผู้บัญชาการหน่วยลาดตระเวนของพวกเราด้วย”
“ถ้าแบบส่วนตัวก็ เขาเป็นลูกเขยของฉัน หากนายกล้ารังแกเขา อย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจแล้วกัน!”
สีหน้าไห่หรงเทียนดูไม่น่ามองอย่างมาก เขาแค่นหัวเราะ แล้วสะบัดแขนเสื้อเดินออกไป
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเดินออกไปด้วยความโกรธ เกาเสียงก็หัวเราะอย่างพอใจราวกับเด็กที่ต่อสู้ชนะและได้ขนม
ส่วนซุนมู่ไม่ได้พูดอะไร แม้จะเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดอย่างชัดเจน
เขารู้สึกว่านายพลเกาที่เป็นแบบนี้ดูไร้เดียงสาจริง ๆ แต่ก็กลับมีชีวิตชีวามาก
วันนี้ไห่หรงเทียนรู้สึกว่าตัวเองช่างโชคร้ายเสียจริง ตอนประชุมเขาจึงมีสีหน้าที่บึ้งตึงไม่จางหาย
หลังจากประชุมเสร็จ ไห่หรงเทียนก็กำลังจะเดินออกไป แต่ก็มีคนเรียกเขาไว้เสียก่อน
“ตอนเย็นผู้บัญชาการให้คุณไปพบที่ห้องหนังสือครับ” คนของท่านผู้บัญชาการมาแจ้งข่าวให้เขาทราบ
ไห่หรงเทียนตอบรับกลับไป แต่ก็อดไม่ได้ที่จะสงสัย
ไห่อวิ๋นหลงไม่เรียกพบเขามานานแล้ว
แม้กระทั่งตอนฉลองปีใหม่ก็ไม่คิดจะสนใจเขาเลย
ตอนฉลองปีใหม่ทหารอย่างพวกเขาจะยุ่งมาก ต้องคอยต้อนรับแขกและเข้าเวร
ฉะนั้น เขาจึงไม่ได้กลับบ้าน
ตอนผู้บัญชาการมาก็แค่ต้อนรับ แต่เมื่อพบหน้ากันกลับไม่ได้พูดอะไรกัน กระทั่งมองหน้า ผู้เป็นพ่อก็ยังไม่มองเขาเลย
ในตอนนั้น ไห่หรงเทียนรู้สึกว่ามีบางอย่างแปลก ๆ
ตอนนี้ยิ่งมาบอกว่าต้องการพบเขาอีก จู่ ๆ ไห่หรงเทียนก็รู้สึกถึงลางสังหรณ์ที่ไม่ค่อยดี
ตอนเย็น เขาโทรกลับไปที่บ้านและบอกว่าจะรีบกลับบ้านไปหาไห่อวิ๋นหลง
แต่ตอนมาถึงหน้าประตูบ้าน เขาก็เจอกับเห็นไห่หนิงซวง…
“หนิงซวง ลูกมาทำอะไรที่นี่?” ไห่หรงเทียนมีสีหน้าที่ไม่เข้าใจ
ไห่หนิงซวงส่ายหน้า “คุณปู่ให้หนูมา”
ไห่หรงเทียนนิ่งเงียบไป ความรู้สึกไม่สบายใจยิ่งเพิ่มขึ้นไปอีก
สองพ่อลูกเข้ามาภายในบ้าน
ไห่อวิ๋นหลงมองพวกเขาโดยไม่ได้แสดงท่าทีใด ๆ
จากนั้น เขาถามไห่หนิงซวงก่อน “ได้ยินว่าแกไปช่วยลุงเฉินของแกเหรอ”
ไห่หนิงซวงตอบพึมพำ “เพราะเฉินผิงไม่อยู่แล้ว ลุงเฉินเลยต้องการคนช่วยเหลือค่ะ”
จู่ ๆ ไห่อวิ๋นหลงก็ถามว่า “แล้วแกไปในฐานะอะไร แกกับเฉินผิงยังไม่ได้แต่งงานกัน และแกก็ไม่ถือว่าเป็นลูกสะใภ้ของตระกูลเฉินด้วยซ้ำ”
“แกเข้าไปก้าวก่ายการค้าขายของตระกูลเฉินแบบนี้ สมควรแล้วเหรอ?”
จู่ ๆ ไห่หนิงซวงก็หน้าซีดลง
ไห่อวิ๋นหลงพูดต่อ “ตระกูลไห่ของเราทำธุรกิจได้ แต่ก็มีเงื่อนไขอยู่”
“หากแกอยากช่วยลุงเฉินของแก งั้นก็ต้องทำตามกฎของตระกูลไห่!”
หน้าของไห่หนิงซวงซีดมากกว่าเดิม เธออ้าปากอยากจะอธิบายและขอร้อง แต่กลับถูกไห่อวิ๋นหลงโบกมือปฏิเสธ
“แกไม่ต้องพูดหรอก ฉันเข้าใจว่าแกจะบอกว่าฉันเป็นคนหัวโบราณคร่ำครึ!”
“แต่ตราบใดที่แกเขียนลงนามในหนังสืออย่างชัดเจน ฉันจะไม่ขัดขวางแกในการทำธุรกิจกับตระกูลเฉิน”
ไห่หนิงซวงกัดฟัน แต่สุดท้ายก็พยักหน้า “ก็ได้ หนูเข้าใจแล้วค่ะ!”
ไห่อวิ๋นหลงนิ่งเงียบไปก่อนพูดว่า “ฉันได้ยินว่าช่วงนี้แกมักจะไปยุ่งวุ่นวายที่ค่ายทหาร และก็มักจะก้าวก่ายเรื่องในค่ายทหาร!”
ไห่หนิงซวงรีบส่ายหน้า “ไม่ใช่นะคะ หนูไม่ได้ทำ คุณปู่ได้ยินเรื่องนี้มา…”
เธอยังพูดไม่ทันจบ ไห่อวิ๋นหลงก็มองเธอด้วยสายตาที่เย็นชา
ไห่หนิงซวงรีบเงียบปาก ไม่พูดอะไรออกมาอีก
ไห่อวิ๋นหลงพูดต่อ “เรื่องพวกนี้ทำแล้วก็จะทิ้งร่องรอยไว้ แกคิดว่าพวกเราทุกคนตาบอดเหรอ?
“ถึงพ่อแกจะตาบอด แต่คนแก่อย่างฉันไม่ได้ตาบอด!”
ไห่หรงเทียนได้ยินอย่างนั้นก็ตาเบิกโพลง รู้สึกน้อยอกน้อยใจอย่างห้ามไม่ได้ เขาคิดในใจ ‘ทำไมทุกคนถึงบอกว่าเขาตาบอด!’
คนที่ไห่หนิงซวงกลัวที่สุดก็คือคุณปู่ เมื่อก่อนคุณปู่รักเธอมาก แต่วันนี้เกิดอะไรขึ้น?
เธอเม้มริมฝีปาก สุดท้ายก็ทำได้เพียงพยักหน้ายอมรับ
ไห่อวิ๋นหลงตักเตือนอีกเล็กน้อย ก่อนส่งสัญญาณให้ไห่หนิงซวงออกไป
หลังจากเธอเดินออกไป ไห่หรงเทียนจึงถามอย่างไม่เข้าใจ “พ่อ นี่คือสิ่งที่พ่อต้องการจะพูดเหรอ?!”
ไห่อวิ๋นหลงตบมือลงบนโต๊ะเสียงดัง
ไห่หรงเทียนถึงกับตกใจจนตัวสั่น
ไห่อวิ๋นหลงมองเขาด้วยสายตาที่เรียบเฉย ทำให้ไห่หรงเทียนไม่กล้าพูดอะไรออกมาอีกเลย
ผ่านไปสักพักไห่อวิ๋นหลงถึงพูดขึ้น “ที่บอกว่าแกตาบอด ฉันก็แค่ให้เกียรติแก”
“แกก็เป็นถึงนายพล ยังไงซะก็ยังต้องดูแลจัดการกองกำลัง แต่แกจะจัดการด้วยสมองโง่ ๆ ของแกได้ยังไง!”
ไห่หรงเทียนนิ่งเงียบ เขาไม่พอใจมาก ๆ แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรออกไป
โชคดีที่หลังจากไห่อวิ๋นหลงดุด่าเขาสักพัก ชายชราก็โยนเอกสารกองหนึ่งให้กับเขา
“แกลองดูพวกนี้เองสิ!”
ไห่หรงเทียนรู้สึกเหมือนได้รับการอภัยโทษ เขาจึงรีบหยิบเอกสารที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาเปิดอ่าน แต่ยิ่งอ่านสีหน้าก็ยิ่งแย่ลง
เอกสารพวกนี้เป็นเอกสารที่พ่อของเขาให้คนไปตรวจสอบ เริ่มตั้งแต่ไห่หนิงซวงกับเฉินผิงสมรู้คบคิดกันและใส่ร้ายป้ายสีเฉียวเหลียนเฉิง
มีหลักฐานของนายพลตงหัวพิสูจน์ว่า ไห่หนิงซวงไปหาเขาเพื่อถามถึงเฉียวเหลียนเฉิงโดยเฉพาะ และยังได้พบกับเฉียวเหลียนเฉิงด้วย
แต่พวกเขากลับแยกกันเพราะมีเรื่องกระทบกระทั่ง เฉียวเหลียนเฉิงก็เดินจากไปด้วยความโกรธ ไม่แม้แต่จะให้เกียรตินายพลเลยด้วยซ้ำ
และยังมีคำให้การของชาวบ้านหลายคนที่พิสูจน์ว่า หลี่หงเหมยแม่ของเฉียวเหลียนเฉิงพูดโอ้อวดพวกเขามากกว่าหนึ่งครั้งว่ามีหญิงสาวที่มาจากในเมืองให้เงินเธอสองร้อยหยวน
ทั้งยังบอกลักษณะรูปร่างกับการแต่งตัวของหญิงสาวคนนั้นไว้ด้วย
สองร้อยหยวน หากยอกว่าเรื่องของไห่หนิงซวงกับหลี่หงเหมยไม่ใช่เรื่องจริงก็คงไม่มีคนเชื่อ
หนำซ้ำก็ยังมีคำให้การของคนที่เฉินผิงติดสินบนหลังจากการรายงานเฉียวเหลียนเฉิงครั้งแรกอีก
มีเหตุผลบอกไว้ว่าทำไมพวกเขาถึงรับสินบนและถูกข่มขู่ให้ทำเรื่องอะไรบ้าง
นอกจากพวกนี้แล้ว นึกไม่ถึงว่ายังมีคำให้การของไป๋อวี้ซิ่วลูกสะใภ้คนรองของตระกูลเฉียวด้วย
ในคำให้การนั้น เธอบอกว่า ‘แม่สามีบอกว่าในปีนั้นเธอนำลูกสาวที่ตัวเองให้กำเนิดสลับกับลูกชายของคนอื่น’
‘หลายปีที่ผ่านมา แม่สามีทำกับเฉียวเหลียนเฉิงราวกับเขาไม่ใช่คน เพราะเธอไม่เคยเห็นว่าเฉียวเหลียนเฉิงเป็นลูกของเธอเลย!’