เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80 - บทที่ 582 ความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น ขโมยไปให้หมด!
- Home
- เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80
- บทที่ 582 ความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น ขโมยไปให้หมด!
บทที่ 582 ความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น ขโมยไปให้หมด!
เป็นอย่างที่คิดไว้ หลังจากเจียงหว่านพูดจบ ไม่กี่นาทีต่อมา เพื่อนบ้านก็ระเบิดศาลเจ้าทิ้งเสียแล้ว
“เกิดอะไรขึ้น?”
“บ้านของอู่เยี่ยถูกปล้น!”
“ไม่ใช่แค่อู่เยี่ย เงินที่อยู่ในบ้านของฉันก็ถูกขโมยไป ใครมันช่างกล้านัก!”
“ไม่ใช่ว่าเพื่อนบ้านสองพี่น้องนั่นเหรอ”
“ไร้สาระ ตอนที่พวกเราออกไปข้างนอก เงินของฉันก็ยังอยู่ เมื่อกี้สองพี่น้องก็อยู่ด้วยกันกับพวกเรา พวกเขาจะขโมยไปได้ยังไง!”
เจียงหว่านได้ยินเสียงวิพากษ์วิจารณ์กับเสียงด่าสาปแช่งภายในลานบ้านข้าง ๆ ดังแว่วมา
เธอหัวเราะจนปวดท้อง
ทั้งอดไม่ได้ที่จะกระซิบข้างหูเฉียวเหลียนเฉิง
“เลี่ยงจื่อฉลาดจริง ๆ นึกไม่ถึงว่าเขาจะรู้วิธีขโมยด้วย แบบนี้อู่เยี่ยก็จะไม่สงสัยว่าตำรวจเป็นคนขโมยบัญชีรายชื่อไป!”
เฉียวเหลียนเฉิงก็ประหลาดใจมากเหมือนกัน
“แบบนี้ก็ดี แล้วคราวนี้พวกเขาก็จะโทษเราไม่ได้ด้วย!”
“พวกเรามาดูละครกันเถอะ!”
เจียงหว่านพยักหน้าเห็นด้วย
“แบบนี้ก็ดี ตราบใดที่เลี่ยงจือขโมยบัญชีรายชื่อไป เรื่องที่พวกเราจะทำก็ทำได้อย่างสบายใจ!”
“เลี่ยงจือขโมยบัญชีรายชื่อไปแล้ว ตอนนี้จะเริ่มทอดแหหรือยัง?”
เฉียวเหลียนเฉิงส่ายหน้า “ไม่ได้ ผมบอกกับเลี่ยงจื่อแล้วว่าอู่เยี่ยมีคนหนุนอยู่เบื้องหลัง แต่เขาบอกว่าเขารับผิดชอบแค่เรื่องของเขต ‘ฮวาเป่ย’ ”
“เลี่ยงจือยังบอกอีกว่าหากอยากตกปลาตัวใหญ่ก็ต้องมองการณ์ไกล แม้ว่าจะขโมยบัญชีรายชื่อมาได้แล้วก็ยังไม่สามารถลงมือทำอะไรได้ในทันที”
“เขาบอกว่าครั้งนี้พวกเขาจะทำงานร่วมกับสำนักงานใหญ่หลายแห่ง”
“ฉะนั้น พวกเราก็ยังมีเวลา!”
เจียงหว่านพยักหน้าอย่างพึงพอใจ “ก็ได้ คิดไม่ถึงว่านายจะฉลาดและมีมาดวางแผนกลยุทธ์ได้แบบนี้นะเนี่ย!”
เฉียวเหลียนเฉิงบีบจมูกเธออย่างไม่พอใจ
“คุณดูถูกผมเหรอ? ถึงผมจะไม่ฉลาดเท่าคุณ แต่ก็ไม่ได้โง่เถอะ!”
เจียงหว่านกำลังจะขัดขืน แต่เสียงของเสี่ยวติงก็ดังขึ้นเสียก่อน
“พี่เสี่ยวเจียงอยู่หรือเปล่า? อู่เยี่ยมีเรื่องจะคุยกับพี่!”
เหมือนว่าเขาจะกลัวเจียงหว่านเข้าใจผิดจึงพูดอธิบายเพิ่ม
“อย่าเข้าใจผิดนะ พวกเราไม่มีเจตนาที่ไม่ดี อู่เยี่ยก็แค่เจอเรื่องยุ่งยากนิดหน่อย จึงอยากได้คำแนะนำจากพี่น่ะ!”
เจียงหว่านตอบตกลง แม้ว่าเธอจะร้อนใจนิดหน่อยก็ตาม
ครั้งนี้เจียงหว่านพาเฉียวเหลียนเฉิงไปด้วย
ตอนที่ทั้งสองคนมาถึง พวกเขาก็มีสีหน้าบึ้งตึง
ภายในห้องมีคนนั่งเต็มไปหมด ทุกคนมีสีหน้าที่ตึงเครียดและประหม่า อีกทั้งสายตาที่มองทั้งสองคนก็แตกต่างออกไป
เมื่อทั้งสองเข้ามาแล้ว เจียงหว่านก็ถามอย่างไม่เกรงใจ
“ฉันเพิ่งจะได้ยินพวกคุณตะโกนเสียงดังอยู่ตรงลานว่ามีขโมยเข้ามารึไง?”
อู่เยี่ยมีสีหน้าฉุนเฉียว แต่ท่าทางกลับสุขุม “ใช่ ตอนพวกเราอยู่ในลาน มันมีคนเข้ามาและขโมยของไปจำนวนไม่น้อย”
เจียงหว่านเลิกคิ้ว “สงสัยพวกเราสองพี่น้องเหรอ?”
“แต่พวกเราก็อยู่ด้วยกันกับพวกคุณตลอดนะ!”
เสี่ยวติงรีบปฏิเสธ “มะ ไม่ใช่ พวกเราไม่ได้สงสัยจริง ๆ!”
“เมื่อกี้พวกเราอยู่ด้วยกันตลอด พวกพี่จะขโมยไปได้ยังไง!”
“ที่ตามพวกพวกพี่มา ก็แค่อยากลองถามอะไรนิดหน่อยน่ะ!”
“อันที่จริงเมื่อสักครู่ตำแหน่งยืนตรงลานบ้าน มีแค่พี่ที่หันหน้ามาทางลานบ้านนี้ ก็เลยอยากถามว่าเห็นคนร้ายบ้างไหมเท่านั้น!”
เจียงหว่านนิ่งเงียบไป เธอแสร้งทำท่าคิดไตร่ตรองก่อนจะพยักหน้า
“จริง ๆ ก็เหมือนเห็นว่ามีคนหนึ่งเข้าไปในบ้านนะ”
“แต่ฉันไม่รู้จักและก็ไม่เคยเห็นมาก่อน อีกอย่างก็เห็นแค่เงาข้างหลังด้วย”
เมื่อเธอพูดจบ จู่ ๆ ก็มีคนถามขึ้นมา
“เห็นแล้วทำไมนายถึงไม่บอก?”
เจียงหว่านตะโกน “ให้บอกอะไร พวกนายคนเยอะขนาดนี้ ใครจะรู้ว่าใช่คนของพวกนายหรือเปล่า”
“อีกอย่างสถานการณ์ตอนนั้นต่างคนต่างจะแยกกันไป นายจะให้ฉันบอกอะไร?1!”
คำพูดนี้ของเธอทำให้ทุกคนเงียบราวกับเป็นใบ้
อู่เยี่ยโบกมือไปมา ให้สัญญาณทุกคนออกไปก่อน
รอจนทั้งหมดเดินออกไป อู่เยี่ยจึงอธิบาย “ฉันไม่สนใจว่าเงินหรืออะไรจะหายไปเท่าไหร่ แต่ของสำคัญมาก ๆ ของฉันหายไปอย่างหนึ่งนี่สิ!”
เจียงหว่านไม่เข้าใจ “อะไรจะสำคัญมากกว่าเงิน?”
อู่เยี่ยไม่พูดอะไร
แต่ดวงตาของเจียงหว่านมองไปรอบ ๆ ทันใดนั้นเอง “อา ผมรู้แล้ว ใช่สมุดบัญชีหรือเปล่า!”
อู่เยี่ยตอบพึมพำ “ไม่ใช่สมุดบัญชี แต่ก็คล้าย ๆ กัน!”
“ขอโทษนะสหาย หากนายมีเบาะแสอะไรก็ช่วยบอกฉันมาซะ แล้วฉันจะรู้สึกซาบซึ้งเป็นที่สุด!”
เจียงหว่านตะโกนอย่างไม่พอใจ “ช่างเถอะ เพื่อการร่วมมือของเรา ฉันจะไม่คิดเล็กคิดน้อยกับนายก็ได้”
“แต่ฉันไม่รู้จริง ๆ ว่าคุณพูดถึงอะไร ฉันเห็นแค่เงาคน ๆ หนึ่งเดินเข้ามาในบ้านนี้ ก็เลยคิดว่าเป็นลูกน้องของนายกลับมาแล้ว!”
“เงานั้นดูนิ่งมากเหมือนกับว่าแค่กลับมาบ้าน!”
“และฉันก็ไม่เห็นเขาออกมาอีกเลย!”
อู่เยี่ยยังถามต่อ “เงานั้นสูงเท่าไหร่ รูปร่างเป็นยังไง!”
เจียงหว่านชี้เฉียวเหลียนเฉิง “คล้าย ๆ กับเธอ”
“ถ้าเธอไม่ได้อยู่ข้าง ๆ ฉัน ฉันก็คงคิดว่าเป็นเธอไปแล้ว แต่คนคนนั้นเป็นผู้ชาย ไม่ใช่ผู้หญิง!”
เสี่ยวติงได้ยินก็ตบเข่าฉาด “ผมคิดออกแล้ว อู่เยี่ย ตอนพวกเราสงสัยน้องสาว ที่เจ้าพวกนั้นเห็นน้องสาวปีนกำแพงออกไป ความจริงอาจจะเป็นคนอื่นที่รูปร่างคล้าย ๆ น้องสาวพี่เจียง”
“เสี่ยวเจียง นายไปดูสิว่าของ ๆ นายมีอะไรหายไปบ้าง?”
เจียงหว่านตอบโดยที่ไม่ต้องคิด “ไม่หาย ฉันพกเงินติดตัวตลอด”
“น้องสาวของฉันก็อยู่ ทรัพย์สินทั้งหมดในบ้านของผมก็อยู่นี่หมดแล้ว!”
คำพูดพวกนี้ทำให้อู่เยี่ยกับเสี่ยวติงรู้สึกอิจฉา
เสี่ยวติงคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วถาม
“ฉันขอถามว่า วันนี้พี่เห็นคนที่ปีนออกไปผมยาวหรือผมสั้น?”
เธอตอบโดยไม่ได้คิดถึงคนนั้น “ผมสั้น!”
เสี่ยวติงกัดฟันและตบหัวตัวเอง ไล่สิ่งที่อยู่ในหัว “ออกไปซะ จะเป็นน้องสาวของพี่เจียงได้ยังไง ออกไป!”
ดูเหมือนว่าตอนนี้เขาจะเข้าใจทุกอย่างแล้ว
“อู่เยี่ย ดูเหมือนว่าขโมยเข้ามาแล้วน่าจะหลบอยู่ตรงไหนสักที่หนึ่งของลานนะ”
“ตอนที่พวกเราคุมเชิงกับเสี่ยวเจียง มันน่าจะถือโอกาสนั้นเข้าไปขโมยของ!”
“พวกเราถูกมันใช้ประโยชน์จากช่องว่างนี้แน่!”
ตอนนี้อู่เยี่ยก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน
ทั้งสองคนรู้สึกเสียใจต่อเสี่ยวเจียงจริง ๆ
เจียงหว่านเห็นท่าทางแบบนั้นของพวกเขา เธอก็ไม่รู้จะพูดอะไร แค่พาเฉียวเหลียนเฉิงเดินออกมา
ในคืนนั้น พวกของอู่เยี่ยต่างไม่สามารถข่มตานอนได้ ของหายไปจำนวนไม่น้อย และเดาได้ว่าน่าจะถูกโจรขโมยไป
แต่ในเมื่อโจรขโมยเงินไปแล้ว มันก็ไม่น่าจะสนใจบัญชีรายชื่อเล่มนั้นสิ
เป็นอย่างที่คิดเอาไว้ เมื่อเช้าวันรุ่งขึ้น ลูกน้องของเขาออกไปค้นหา แล้วก็พบบัญชีรายชื่อกับกระเป๋าตังค์อยู่ไม่ไกลจากบริเวณริมคูน้ำ
“มันถูกทิ้งราวกับขยะ ส่วนเงินกับของมีค่าหายไปแล้ว!”
ตอนที่ลูกน้องมารายงาน เจียงหว่านกับเฉียวเหลียนเฉิงก็อยู่ด้วย
อู่เยี่ยรีบตามออกไป เมื่อเห็นบัญชีรายชื่อ เขาก็รู้สึกโล่งอก
เงินหายเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่บัญชีรายชื่อจะหายไม่ได้
เจียงหว่านกับเฉียวเหลียนเฉิงเมื่อเห็นแบบนั้นก็มองหน้ากัน ทั้งสองคนรอดูอย่างเงียบ ๆ
ในใจก็คิดว่าเลี่ยงจือคนนี้เล่นละครเก่งจริง ๆ!
หลังจากกินข้าวเสร็จแล้ว ทุกคนก็เริ่มออกเดินทาง
เจียงหว่านขับรถและพาทุกคนออกไปจากหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งนี้ตรงไปที่หนานเฉิง มลฑลซาน
และในขณะเดียวกันที่เหยียนจิง…