เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80 - บทที่ 534 ให้ผู้เฒ่าไห่ฟังบันทึกเสียง
- Home
- เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80
- บทที่ 534 ให้ผู้เฒ่าไห่ฟังบันทึกเสียง
บทที่ 534 ให้ผู้เฒ่าไห่ฟังบันทึกเสียง
หลี่หงเหมยคำรามด้วยความโกรธ
‘ตอนนั้นฉันเห็นมันก็โกรธแล้ว เห็นทีไรฉันก็นึกถึงลูกสาวของฉันทุกที!’
‘ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าลูกสาวของฉันมีชีวิตที่ดีไหม ฉันเลยรู้สึกแย่และโกรธมันมาตลอด’
เสียงแหลม ๆ ดังขึ้น และหลิวเหิงที่อยู่ด้านข้างก็ก้มศีรษะลง ไม่กล้าพูดอะไรออกมา
เห็นได้ชัดว่านี่เป็นเรื่องในครอบครัวของผู้บัญชาการ และก็เป็นเรื่องใหญ่มากด้วย
เสียงหัวเราะเยาะเย้ยดังมาจากเครื่องบันทึกเทป ‘ก็ในเมื่อคุณรักลูกสาวที่ตัวเองให้กำเนิดมานัก ทำไมคุณถึงสลับตัวพวกเขาตั้งแต่แรกล่ะ?!’
‘ถ้าคุณไม่สลับตัวพวกเขา ชีวิตของเฉียวเหลียนเฉิงก็คงจะดีกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้ และเขาก็คงจะได้อยู่กับพ่อแม่ของเขา’
ผู้หญิงอีกคนตอบ ‘ถึงฉันจะปฏิบัติกับเขาอย่างเลวร้ายมาหลายปี แต่ฉันก็ไม่ได้ทรมานเขาสักหน่อย!’
‘ฉันช่วยเขาด้วยซ้ำ เขาเกิดมาพร้อมกับลูกสาวของฉัน และแม่ของเขาก็เป็นลมหลังคลอด…’
เสียงในเครื่องบันทึกเทปเงียบไปชั่วคราว และหลังจากนั้นไม่นาน เสียงของเจียงหว่านก็ดังขึ้นอีกครั้งอย่างสิ้นหวัง
‘ไม่ว่าเฉียวเหลียนเฉิงจะแย่แค่ไหน เขาก็ดูแลคุณมานานแล้ว ก็แค่ปล่อยเขาไปไม่ได้หรือไง?!’
‘หลี่หงเหมย ดูลูก ๆ ของคุณแต่ละคนสิ ลูกที่คุณเลี้ยงมาไม่ได้ดีเท่าเฉียวเหลียนเฉิงด้วยซ้ำ ทำไมคุณถึงยังเอาเปรียบเขาแบบนี้!’
หลี่หงเหมยรีบปกป้อง ‘ฉันก็ไม่อยากให้มันเป็นแบบนี้เหมือนกัน เจ้าสามยังต้องไปเรียนมหาวิทยาลัย และเจ้ารองก็ไม่เป็นไปตามความคาดหวัง แล้วจะให้ฉันทำยังไงล่ะ?!’
เจียงหว่านถามอย่างเฉยเมย ‘แล้วลูกสาวของคุณล่ะ คุณไม่ได้ไปหาไห่หนิงซวงหรอกเหรอ ทำไมเธอถึงปฏิเสธคุณมาล่ะ!’
หลี่หงเหมยพูดอย่างเสียใจ ‘ผู้หญิงคนนั้นไม่ชอบฉัน เพราะฉันเป็นแค่หญิงจากชนบท และเธอบอกฉันว่า ในเมื่อเธอถูกทิ้งตั้งแต่แรก ก็ให้ฉันคิดซะว่าเธอตายไปแล้ว!’
ในตอนท้ายของการบันทึกเป็นเสียงที่โกรธเกรี้ยวของเจียงหว่าน
‘จำไว้ว่าเฉียวเหลียนเฉิงคือคนที่ให้ค่าครองชีพกับคุณทุกเดือน ไม่ใช่ลูกสาวของคุณ ไม่ใช่ไห่หนิงซวงคนนั้นที่มีความสุขกับความร่ำรวยและความมั่งคั่งแทนที่เฉียวเหลียนเฉิง’
‘ครั้งต่อไปถ้าคุณทำมันอีก ไม่ว่าเฉียวเหลียนเฉิงจะถูกจับหรือไม่ แต่ฉันรับประกันว่าฉันจะไม่ให้เงินคุณแม้แต่หยวนเดียว!’
แล้วการบันทึกก็สิ้นสุดลง
หลิวเหิงไม่กล้าเงยหน้าขึ้นหรือแสดงความโกรธออกมา
ตอนนั้นเองไห่อวิ๋นหลงก็ถามขึ้น “เฉียวเหลียนเฉิงคือใคร ฉันต้องการข้อมูลของเขา!”
หลิวเหิงรีบตอบรับและออกไปทันที
และเนื่องจากใกล้จะมืดแล้ว แม่บ้านจึงเตรียมอาหารและกำลังจะเสิร์ฟ
แต่ไห่อวิ๋นหลงก็โบกมือบอกว่าเขายังไม่อยากกิน
หลังจากนั้นไม่นาน หลิวเหิงก็กลับมา นำข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับเฉียวเหลียนเฉิงมาให้
ไห่อวิ๋นหลงเปิดแฟ้มประวัติออก และเมื่อเขาเห็นรูปถ่ายของเฉียวเหลียนเฉิง ดวงตาของเขาก็หรี่ลงทันที
หลังจากนั้นเขาก็เปิดดูหน้าต่อ ๆ ไป
ในที่สุดก็เห็นว่าอีกฝ่ายได้สมัครเข้ากองปฏิบัติการพิเศษ แต่ในช่วงปีใหม่ เขาถูกส่งตัวเข้าคุกฐานฆ่าคนโดยไม่เจตนา
ทว่าต่อมาเขาก็พ้นผิด แต่ก็ถูกถอดออกจากหน่วยปฏิบัติการพิเศษ
เหตุผลเพราะหนังสือร้องเรียน
มีจดหมายข้อกล่าวหาที่ลงนามโดยหลี่หงเหมย มารดาของเขา และจดหมายข้อกล่าวหาจากพวกอันธพาลบางคนที่กล่าวหาเขาว่าทำร้ายผู้อื่น
เบื้องหลังจดหมายแจ้งเบาะแสเหล่านี้ คือหลักฐานที่ทีมสืบสวนรวบรวมไว้
มีหลักฐานที่พิสูจน์ว่าหลี่หงเหมยได้รับค่าครองชีพทุกสัปดาห์ และยังมีคำสารภาพที่เขียนโดยหลี่หงเหมย
ไห่อวิ๋นหลงเงียบและพับแฟ้มลง
“ผู้บัญชาการ จะขอให้นายพลไห่เข้ามาคุยไหมครับ?”
ไห่อวิ๋นหลงโบกมือ
เขาคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วกล่าวว่า “พาฉันไปหาสาวน้อยนั่นที!”
หลิวเหิงรีบตอบรับ และพาไห่อวิ๋นหลงไปที่สำนักงานของฝ่ายรักษาความปลอดภัย
“ท่านผู้บัญชาการอยากเข้าไปไหมครับ?” ไห่อวิ๋นหลงยืนอยู่นอกประตูแล้วหยุด หลิวเหิงถามด้วยเสียงแผ่วเบา
ไห่อวิ๋นหลงกระซิบ “ไปสอบปากคำสิ”
หลิวเหิงลังเล “จะสอบปากคำยังไงครับ”
การสอบสวนมีหลายประเภท รวมถึงการสอบสวนแบบมีอารยะ และการสอบสวนแบบข่มขู่
หลิวเหิงรู้สึกกังวลเล็กน้อย
ไห่อวิ๋นหลงเงียบ แต่ไม่นานก็พูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ลองดูสิ”
“แค่แกล้งทำเป็นว่าฉันไม่ได้อยู่ที่นี่ และทำเป็นว่าไม่มีเสียงบันทึกพวกนั้น!”
หลิวเหิงเข้าใจแล้ว
ข้างในห้อง เจียงหว่านกำลังง่วงนอน แต่ก็ต้องลืมตาขึ้นเมื่อได้ยินเสียงเปิดประตู
เป็นหลิวเหิงที่เดินเข้ามาพร้อมตะเกียงน้ำมัน
จากนั้นก็มีคนเข้ามาและวางเก้าอี้ไว้ด้านหลังหลิวเหิง
“ฉันเป็นผู้บัญชาการหน่วยรักษาความปลอดภัย ชื่อหลิวเหิง ฉันมาเพื่อสอบปากคำเธอ!”
เจียงหว่านเงียบ
“ฉันไม่ใช่คนเลว ฉันแค่มาตามหาใครบางคน!”
หลิวเหิงถาม “เธอชื่ออะไร มาตามหาใคร ใครส่งเธอมา?”
เจียงหว่านเงียบและตอบ “นี่มันกองกำลังรักษาความปลอดภัย ไม่ใช่สถานีตำรวจสักหน่อย”
“ฉันแค่มาตกปลาริมสระ แล้วบังเอิญเจองูพิษก็เลยไล่มันไป บอกฉันทีว่าฉันทำผิดตรงไหน”
หลิวเหิงรู้สึกประหลาดใจ นับตั้งแต่เขาเข้าร่วมกองกำลังตำรวจ เขามักจะจับคนที่มีเจตนาแอบแฝงได้ และพวกนั้นก็พูดจาหยาบคายกันทุกคน
เป็นเรื่องยากที่จะหาใครสักคนที่เยือกเย็นเช่นเจียงหว่าน
เขามองเจียงหว่านอย่างพินิจแล้วพูดด้วยสีหน้าเย็นชา
“ตอนนี้ฉันถาม เธอก็แค่ตอบในสิ่งที่ฉันถามมา”
เจียงหว่านเชิดคางขึ้นและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ฉันบอกคุณไปแล้ว คุณไม่มีคุณสมบัติที่จะมาสอบปากคำฉัน”
“ถ้าฉันทำผิด คุณก็ส่งตัวฉันให้กับสถานีตำรวจซะสิ”
หลิวเหิงขัดจังหวะเธอ “เราเป็นกองกำลังของเขตทหารเมืองเหยียนจิง เธอมาปรากฎตัวในบ้านของผู้บัญชาการ เธอถูกสงสัยว่ามีเจตนาที่จะมาดร้ายผู้บัญชาการ”
“ดังนั้นเราเลยมีคุณสมบัติพอที่จะซักถามเธอ”
เจียงหว่านเงียบ เธอไม่รู้อะไรเกี่ยวกับกฎเกณฑ์ทางการทหารมากนัก
หลังจากหยุดไปชั่วครู่ เธอก็ตอบตามความเป็นจริง “ฉันชื่อเจียงหว่าน ฉันเป็นสมาชิกในครอบครัวของกองทัพในเมืองเกากวนจวง สามีของฉัน เฉียวเหลียนเฉิง เป็นทหารในกองทัพที่นั่นและเป็นผู้บังคับบัญชาภาคสนามกองทหารที่ฟาร์ม”
หลิวเหิงขยิบตาไปด้านข้าง
ตรงนั้นมีคนคอยจดบันทึกด้วยปากกาอยู่
“เธอมาทำอะไรที่นี่? จุดประสงค์คืออะไร? ใครส่งเธอมา?”
เจียงหว่านมองเขาอย่างเฉยเมย ดูสงบและเยือกเย็น
หลิวเหิงเองก็มาจากสนามรบ เขาไม่เคยกลัวใครอยู่แล้ว
แต่ท่าทางของเจียงหว่าน และกลิ่นอายบางอย่างจากตัวเธอ มันกลับทำให้เขาอาการสั่นสะท้านไปตามกระดูกสันหลัง
เขาหรี่ตาลงและถามอีกครั้ง “ใครส่งเธอมาที่นี่ และมีจุดประสงค์อะไร?!”