เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80 - บทที่ 522 ไห่หรงเทียน ควรไปรักษาโรคตาบอด!
- Home
- เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80
- บทที่ 522 ไห่หรงเทียน ควรไปรักษาโรคตาบอด!
บทที่ 522 ไห่หรงเทียน ควรไปรักษาโรคตาบอด!
แม้เกาเสียงจะไม่ได้มองโลกในแง่ดีนัก แต่เขาก็ยังให้ความร่วมมืออย่างดี เขาบอกเจียงหว่านถึงเวลาโดยประมานที่ไห่หรงเทียนจะเลิกงาน
บังเอิญที่ตอนนี้ไห่หรงเทียนเองก็อยู่ในเมืองเหยียนจิงเสียด้วย
เพื่อให้เจียงหว่านไม่ต้องพบเจอฝูงชนในช่วงเวลาเร่งด่วน และได้พบกับไห่หรงเทียนเพียงลำพัง เกาเสียงจึงช่วยยื้อไห่หรงเทียนไว้ให้เป็นกรณีพิเศษหลังจากอีกฝ่ายเลิกงาน!
“นายพลไห่ บังเอิญจริง ๆ ที่ได้เจอ คุณเพิ่งเลิกงานเหรอ?” เกาเสียงทักทายอย่างกระตือรือร้น สิ่งนี้ทำไห่หรงเทียนสับสนเล็กน้อย
แต่สุดท้ายแล้วพวกเขาล้วนแต่มีมารยาท และหากมองเพียงผิวเผินก็ยังคงมีความเป็นมิตรอยู่บ้าง
“สวัสดีครับนายพลเกา ใช่ครับ ผมเพิ่งเลิกงาน นี่ก็ถึงเวลาเลิกงานแล้วทำไมคุณยังไม่กลับบ้านอีกล่ะ?” ไห่หรงเทียนตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
เกาเสียงกล่าวพึมพำออกมาเบา ๆ “อ่า ถ้าไม่ใช่เวลาเลิกงานผมจะได้เจอคุณได้ยังไงล่ะ? เอาละ ผมมีเรื่องจะคุยกับคุณนิดหน่อยน่ะ!”
ไห่หรงเทียนอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ แม้เขาจะไม่ได้อยากหยุดคุยกับเกาเสียง แต่เขาก็ไม่เสียมารยาท
“มีอะไรจะคุยกับผมเหรอ?”
เกาเสียงเงียบ เขาเพียงต้องการหยุดไห่หรงเทียนไว้เพราะเกรงว่าจะมีคนมากมายรุมล้อมเข้ามา และเจียงหว่านจะไม่สามารถเข้าถึงอีกฝ่ายได้
แต่ว่าในตอนนี้เขาไม่รู้เลยว่าควรจะพูดอะไรออกไป
เขากลอกตาไปมาก่อนจะเอ่ยปาก
“นายพลไห่ ผมได้ยินว่ากองกำลังพิเศษของคุณปฏิเสธที่จะรับเฉียวเหลียนเฉิงเข้าร่วม! ทำไมเหรอครับ?”
ไห่หรงเทียนเหลือบมองอีกฝ่ายอย่างเฉยชา “นั่นไม่ใช่ธุระของคุณ มันเป็นเรื่องของผม กองกำลังพิเศษของผม ผมจะจัดการเอง นายพลเกาจึงไม่ต้องกังวล!”
เกาเสียงตะคอกกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา “อ้อ อย่างนั้นเหรอ? ผมได้ยินว่าคุณต้องการคนมีความสามารถ น่าเสียดายทั้ง ๆ ที่พวกเขามาสมัคร คุณกลับปฏิเสธ!”
“ผมอยากรู้จริง ๆ ในการคัดเลือกกองกำลังของหน่วยปฏิบัติการพิเศษถูกจัดขึ้นตั้งสองครั้ง เขาเองก็อาสาเข้าร่วมด้วยตัวเอง ทำคุณปฏิเสธล่ะ?!”
เกาเสียงไม่รอให้ไห่เทียนหรงตอบกลับ เขากล่าวต่อไปทันทีว่า
“ผมได้ยินมาว่าเฉียวเหลียนเฉิงได้รับเลือกให้เป็นอันดับหนึ่งด้วย อีกทั้งคุณยังวางตัวเขาให้เป็นผู้บัญชาการกองร้อยในหน่วยปฏิบัติการพิเศษอีกต่างหาก”
“แล้วเกิดอะไรขึ้นกับเฉียวเหลียนเฉิงเหรอ? ทำไมคุณถึงส่งเขากลับไปยังหน่วยงานเดิม แล้วยังมอบตำแหน่งผู้บัญชาการให้กับคนอื่นอีก?”
“ถึงผมอยากจะเก็บเฉียวเหลียนเฉิงไว้เอง แต่สุดท้ายเขาก็แค่ทหารธรรมดา!”
“มีข่าวลือว่าคุณอยากจะให้เขาเป็นทหารในสังกัดของคุณ”
“แต่หลังจากเฉียวเหลียนเฉิงรู้ว่าคุณถอดเขาออกจากตำแหน่งผู้บัญชาการ ต่อมาเขาจึงปฏิเสธการเข้าร่วมกับกองกำลังพิเศษของคุณใช่ไหมล่ะ!”
ใบหน้าของไห่หรงเทียนกลายเป็นบิดเบี้ยว “เขาไม่มารายงานตัวเมื่อถึงกำหนด! และเราจะไม่ยอมรับคนเหลวไหลแบบนั้น!”
เกาเสียงหัวเราะ “อย่างนั้นเหรอครับ? ผมได้ยินมาว่ามีเบื้องลึกเบื้องหลังอยู่ในเรื่องนี้นี่นา!”
“ในวันที่เขาไม่ได้มารายงานตัว เพราะเขาไปช่วยภรรยาในหลินเฉิง และพาร่างของเฉินผิงกลับมา!”
“นั่นเขากำลังทำความดีไม่ใช่เหรอ!”
“ฮ่า ๆ เหล่าไห่ คุณเองไม่ใช่เหรอที่บอกว่าเฉียวเหลียนเฉิงยอดเยี่ยมมาก แต่จู่ ๆ กลับงี่เง่าเพราะเรื่องแค่นี้”
“ดูเหมือนว่าโชคชะตาของคุณสองคนคงจะไม่เข้ากันจริง ๆ!”
เกาเสียงมองไห่หรงเทียนยิ้ม ๆ …โชคชะตาอะไรกัน? เห็นได้ชัดว่าทั้งสองคนเป็นพ่อลูกกัน ให้มองจากอนาคตยังรู้ได้เลย แต่หมอนี่กลับไม่รู้
ตอนนี้ไห่หรงเทียนยังคงทำตัวเหมือนสัตว์ประหลาด
เกาเสียงเองก็อยากจะรู้ว่าไห่หรงเทียนจะแสดงออกยังไงเหมือนกัน ถ้าเขาได้รู้ว่าเฉียวเหลียนเฉิงเป็นลูกชายแท้ ๆ ของตน!
ส่วนไห่หรงเทียน ตอนนี้โกรธมากที่ถูกต่อว่า
ทุกคนต่างรู้มาว่าไห่หรงเทียนไม่ต้องการเฉียวเหลียนเฉิงเพราะชายหนุ่มถูกคุมขัง!
จากนั้นเฉียวเหลียนเฉิงจึงถูกส่งกลับหน่วยงานเดิมด้วยข้ออ้างที่ว่าไม่มารายงานตัวตามกำหนด
แต่ทุกคนทราบดี นั่นไม่ใช่เหตุผล
เฉียวเหลียนเฉิงถูกจำคุก และไห่หรงเทียนเข้าใจผิดว่าเฉียวเหลียนเฉิงลงมือทำร้ายผู้อื่น ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องการชายเลือดร้อนคนนี้
ด้วยรู้สึกว่าคุณสมบัติของชายหนุ่มคนนั้นยังไม่ดีพอ
และยิ่งเฉียวเหลียนเฉิงกับไห่จิ่งหน้าคล้ายกันมาก ไห่หรงเทียนก็ยิ่งอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเกลียดชังที่ไม่สามารถหลอมเหล็กให้เป็นเหล็กกล้าได้
ไห่หรงเทียนรู้สึกว่าหากปล่อยให้เฉียวเหลียนเฉิงไปฝึกฝนในกองทัพเดิมต่อ แล้วอีกสองปีค่อยมาดูกันใหม่ก็ยังไม่สาย
ต่อมาสถานการณ์ต่าง ๆ ก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว คดีของเฉียวเหลียนเฉิงเกิดการพลิกผันครั้งใหญ่
เจียงเฉิงเป็นผู้ยอมจำนน และมีพยานหลักฐานพิสูจน์ครบสมบูรณ์ เฉียวเหลียนเฉิงจึงหลุดจากข้อกล่าวหา
ไห่หรงเทียนมีความสุขมากหลังจากได้รับข่าวนี้ และเขาก็ยิ่งรู้สึกเอ็นดูเฉียวเหลียนเฉิงมากขึ้นไปอีก
ทว่า…น่าเสียดาย เฉียวเหลียนเฉิงไม่ยอมมารายงานตัวตามกำหนด
ไห่หรงเทียนรักในพรสวรรค์ของเฉียวเหลียนเฉิงมาก เขาถึงกับถามเฉียวเหลียนเฉิงว่าทำไมจึงไม่มารายงานตัว
เขาต้องการให้เฉียวเหลียนเฉิงลางานสักสองสามวัน จัดการเรื่องส่วนตัวต่าง ๆ ให้เสร็จสิ้น แล้วกลับมารายงานตัวอีกครั้ง
แต่เขาไม่คิดเลยว่าคำตอบของเฉียวเหลียนเฉิงจะเรียบง่ายมาก
‘ผมเป็นแค่ทหาร ไม่สามารถเข้าร่วมกองกำลังพิเศษได้ ผมจึงขอไม่เข้าร่วมครับ!’
คำตอบนี้แทบจะทำให้ไห่หรงเทียนอาเจียนเป็นเลือด
คำพูดของเฉียวเหลียนเฉิงทำไห่หรงเทียนไม่พอใจมาก
หน้าที่ของทหารคือการเชื่อฟังคำสั่ง และเด็กนั่นคิดว่าตัวเองเป็นใคร มีสิทธิ์อะไรมาปฏิเสธ!
ผู้ชายที่มีสมองย่อมไม่อวดดีเช่นนี้แน่
เพราะแบบนี้เขาจึงรู้สึกผิดหวังในตัวเฉียวเหลียนเฉิงมาก!
กระนั้นเรื่องนี้คอยกวนใจเขาตลอดเวลา และไห่หรงเทียนก็รู้สึกรำคาญใจอยู่เสมอ!
หลังจากเกาเสียงพูดออกมาอย่างนั้น ไห้หรงเทียนจึงไม่สามารถระงับความโกรธในใจได้
เวลานี้เขาจึงหยุดฝีเท้าลง หันมองเกาเสียงอย่างเย็นชา ก่อนจะพูดว่า
“นายพลเกา!”
“ผมได้ยินมาว่าแผนของคุณก็ถูกปฏิเสธนี่”
เกาเสียงตะคอกกลับอย่างไม่แยแส “ใครบอกว่าถูกปฏิเสธ? ก็แค่ต้องเปลี่นชื่อ ส่วนแผนงานอื่น ๆ ยังไม่มีเปลี่ยนแปลง!”
ไห่หรงเทียนเผยสีหน้าบูดบึ้ง “คุณใส่ใจเฉียวเหลียนเฉิงมาก อย่างนั้นก็เชิญเขาเข้าร่วมเสียสิ!”
“หลังจากเฉียวเหลียนเฉิงอยู่ภายใต้คำสั่งของคุณ ถึงตอนนั้นนายพลเกาอาจจะต้องมาขอบคุณผมด้วยตัวเองที่ผมไม่ต้องการเฉียวเหลียนเฉิงแล้ว!”
เกาเสียงไม่โกรธเลยหลังได้ยินอย่างนั้น เขาเพียงตอบกลับว่า
“แน่นอน แต่ในอนาคตก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าใครจะต้องขอบคุณใครสำหรับน้ำใจนี้!”
“ผมขอแนะนำให้นายพลไห่ไปที่โรงพยาบาลเพื่อตรวจสายตา หรือตรวจสมองสักหน่อยเถอะนะ เผื่อจะเข้าใจและไม่หลงผิดคิดว่าตาปลาเป็นไข่มุก!”
ใบหน้าของไห่หรงเทียนเคร่งขรึมขึ้นมาทันใด “คุณหมายความว่ายังไง? ไม่ว่าจะเป็นตาปลาหรือไข่มุก ทั้งหมดก็เป็นเรื่องของผม ไม่ใช่เรื่องของคุณ!”
เกาเสียงไม่โกรธอะไรก่อนจะเปลี่ยนเรื่อง
“แล้วคุณรู้ไหมว่ากองทัพที่หกกับกองทัพที่แปดกำลังฝึกซ้อมการสู้รบ?”
ไห่หรงเทียนอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจเล็กน้อย แม้ทั้งสองจะอยู่ในกองทัพเดียวกัน แต่ทั้งคู่ไม่ได้ถือว่าสนิทสนมแต่อย่างใด
หากจะบอกว่าพวกเขาไม่ชอบหน้ากันก็คงไม่ผิด
แล้วเกาเสียงอยากจะพูดคุยกับเขาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
หลังเงียบไปสักครู่ เขาก็ตอบกลับไปว่า “อืม เราให้ความสนใจและเฝ้ามองอยู่ตลอด ถ้าหากมีต้นกล้าที่เหมาะสม เราก็จะดำเนินการทันที!”
“แต่ผมแค่ไม่รู้ว่าจะเรียกการฝึกของพวกเขาว่ายังไงดี!”
เกาเสียงพยักหน้ารับก่อนจะเปลี่ยนเรื่องไปยังเครื่องแบบทหารในปีนี้
เขาชวนคุยตั้งแต่การฝึกซ้อมไล่ไปถึงเรื่องการเปลี่ยนเครื่องแบบทหาร ไปจนถึงเรื่องของพ่อครัวคนใหม่ในกองทัพว่าใครทำอาหารได้อร่อยกว่ากัน
เกาเสียงเปลี่ยนหัวข้อไปเรื่อย ๆ จนทำให้ไห่หรงเทียนยิ่งหงุดหงิดมากขึ้น
ในที่สุดอีกฝ่ายก็พูดออกมาอย่างอดกลั้นไม่ไหว “เกาเสียง คุณกำลังทำบ้าอะไรอยู่? ผมไม่คิดว่าเราสองคนจะสนิทสนมกันจนสามารถมายืนคุยกันแบบนี้หรอกนะ”
พอดีกับที่เกาเสียงรู้สึกว่าได้เวลาแล้ว ช่วงโมงเร่งด่วนในการเลิกงานกำลังจะผ่านพ้นไป เขาจึงไม่คิดจะโต้เถียงกับอีกฝ่ายต่อ
“คุณพูดถูก เราไม่ได้สนิทสนมกันเท่าไหร่ เอาละ งั้นผมก็ไม่มีอะไรจะพูดแล้ว ลาก่อน!”
หลังพูดจบ เขาก็หันหลังออกไปโดยไม่มองย้อนกลับมา
ตอนอยากจะรั้ง เกาเสียงก็มีความกระตือรือร้นในการหยุดยั้งไห่หรงเทียนมาก และเมื่อถึงเวลาจากไป เขาก็ไปแบบไม่ลังเลแม้แต่น้อย