เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80 - บทที่ 514 ถ้าฆ่าถานหย่งไม่ได้ ก็ต้องหลอกให้เขาไปตาย!
- Home
- เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80
- บทที่ 514 ถ้าฆ่าถานหย่งไม่ได้ ก็ต้องหลอกให้เขาไปตาย!
บทที่ 514 ถ้าฆ่าถานหย่งไม่ได้ ก็ต้องหลอกให้เขาไปตาย!
“ทางด่วนงั้นเหรอ?” เจียงหว่านพึมพำ
มู่เหย่เหลือบมองเธอด้วยความประหลาดใจ “เธอรู้จักทางด่วนด้วยเหรอ”
เจียงหว่านพึมพำ คิดอย่างเหม่อลอย และไม่ได้ใส่ใจกับความสงสัยในคำพูดของอีกฝ่าย
แม้ว่ามู่เหย่จะประหลาดใจ แต่เขาก็ไม่ได้สนใจเรื่องนี้มากนัก แล้วพูดต่อ
“โครงการนี้เป็นโครงการที่มีระยะเวลา 10 ปี ภายในสิบปีจะมีการสร้างทางด่วน 3 เส้นในมณฑล ครอบคลุมทุกเมืองในมณฑลที่เป็นภูเขา”
ทางด่วนสามสาย?
ความทรงจำหนึ่งผ่านเข้ามาในจิตใจของเจียงหว่านทันที
ในชาติก่อนมีทางหลวงสามสายในมณฑลที่เป็นภูเขา
ทั้งสามสายนี้วิ่งผ่านมณฑลซานจากใต้ไปเหนือ ตะวันตกไปตะวันออก และอีกสายหนึ่งเป็นทางด่วนวงแหวนที่ล้อมรอบมณฑลซาน
เนื่องจากเมืองนี้เป็นมณฑลยุทธศาสตร์ ข้อกำหนดในการก่อสร้างจึงสูงมาก ในขณะที่เส้นอื่น ๆ ต้องการเพียง 4 เลนเท่านั้น
เจียงหว่านจำได้ว่าเคยได้ยินคน ๆ หนึ่งพูดขณะขับรถว่า ทางหลวงในมณฑลซานสามารถใช้เป็นลานจอดเครื่องบินได้ในกรณีฉุกเฉิน
ชายคนนั้นยังกล่าวอีกว่า ‘มณฑลซานเป็นมณฑลและเมืองสุดท้ายในประเทศที่สร้างทางด่วน เพียงเพราะต้องปฏิบัติตามมาตรฐานของอุปกรณ์เชิงกลยุทธ์!’
‘ยิ่งกว่านั้น ด้วยความต้องการที่สูงเช่นนี้ ทีมก่อสร้างธรรมดา ๆ ไม่สามารถสร้างได้หรอก!’
เมื่อเจียงหว่านคิดถึงสิ่งนี้ ดวงตาของเธอก็เป็นประกายขึ้น
เธอเงยหน้าขึ้นมองมู่เหย่แล้วพูดว่า
“ถ้าถานหย่งอยากได้ ก็ให้เขาไป!”
“ถ้าเราฆ่าเขาไม่ได้ เราก็จะหลอกเขาให้ไปตาย!”
มู่เหย่ขมวดคิ้ว “บ้าไปแล้ว นี่มันโครงการเงินล้านนะ ใครได้ไปก็เพียงพอที่ทั้งครอบครัวจะอยู่อย่างสบายไปตลอดชีวิตเลยนะ!”
สำหรับคนยุคนี้ แค่แสนเดียวก็เพียงพอที่จะสบายไปตลอดชีวิตแล้วไม่ใช่หรือไง?
เจียงหว่านส่ายหัว แล้วตบไหล่มู่เหย่
“ไอน้อง เราต้องมองในระยะยาว เราจะมองแค่ความสำเร็จชั่วคราวไม่ได้”
“หนึ่งล้านสำหรับตอนนี้มันเยอะ แต่ถ้าผ่านไปสักสิบปียี่สิบปี ใครจะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น!”
ล้อเล่นหรือเปล่า การสร้างทางด่วนแบบนั้นไม่จบแค่หนึ่งล้านหยวนหรอก
ทั้งตระกูลเฉิน ทั้งถานหย่ง ไม่สามารถจ่ายได้เพียงลำพังอยู่แล้ว
มู่เหย่ขมวดคิ้วแน่น และไม่พูดอะไร
เจียงหว่านกล่าวต่อ “ถ้าถานหย่งต้องการ ก็มอบให้เขาไป”
“ถึงตอนนั้น ถ้าเราทำตามแผนได้ เราจะใช้โอกาสนี้ทำให้ตระกูลถานล้มละลาย และเขาจะเป็นหนี้เพิ่มอีกนับแสนเลยล่ะ”
มู่เหย่รู้สึกสงสัย จึงพูดเสียงเบา “ฉันพูดอะไรมากไม่ได้เกี่ยวกับตระกูลเฉิน แต่ฉันจะเอาคำแนะนำของเธอไปบอกคุณลุงเฉินแล้วกัน”
อีกด้านหนึ่ง เมื่อไห่หนิงซวงพบถานหย่ง เขากำลังชงชาอยู่ท่ามกลางหิมะ
ใช่!
เขาอยู่ท่ามกลางหิมะ โดยมีเตาชงชาเล็ก ๆ ที่กำลังลุกไหม้อยู่ข้างหน้า
แม้ว่าไห่หนิงซวงจะพอรู้เรื่องของเขามาบ้าง แต่หล่อนก็ยังคงไม่ชินกับความประหลาดของชายคนนี้อยู่ดี
หล่อนเดินเข้าไปหาเขาด้วยสีหน้าอึดอัด และพูดด้วยความโกรธ
“คุณโกหกฉัน ร่างนั้นคือเฉินผิงจริง ๆ!”
ถานหย่งหยิบชาในถ้วยขึ้นมาจิบ
หลังจากวางมันลง เขาก็ยิ้มบาง ๆ
“เธอเคยลองชงชาท่ามกลางหิมะบ้างไหม?”
ไห่หนิงซวงคิ้วขมวด “หมายถึงอะไร?”
ถานหย่งกระตุกมุมริมฝีปากข้างหนึ่ง ทำให้รอยยิ้มของเขาก็ดูน่ากลัวมากขึ้น
“อากาศตอนหิมะตกมันหนาวมาก ในโลกที่หนาวเย็น เต็มไปด้วยน้ำแข็งและหิมะแบบนี้ ถ้าเราได้ชงชาร้อน ๆ กิน มันก็จะเป็นการผสมผสานระหว่างน้ำแข็งและไฟ”
“ความรู้สึกนั้นน่ะ บอกได้คำเดียว…”
“ยอดเยี่ยม!”
ไห่หนิงซวงเริ่มใจร้อน “คุณบ้าหรือไง? ฉันกำลังถามคุณว่า…”
“ก็ฉันบ้าไง!” ถานหย่งขัดจังหวะหล่อน
“ฉันป่วยทางจิต และมีใบการรับรองอย่างเป็นทางการด้วย ซึ่งถ้าฉันจะฆ่าใครสักคนก็คงไม่ผิดกฎหมาย!”
ไห่หนิงซวงชะงักทันที
ทุกคนรู้ดีว่าถานหย่งไม่ได้ป่วยทางจิต แต่ครอบครัวของเขาใช้เงินซื้อการรับรองนั้นมา เพื่อให้เขาพ้นผิด!
แต่ในขณะนี้ เขากลับบอกว่าตัวเองป่วยทางจิต และเมื่อรวมกับน้ำเสียงที่เปลี่ยนไปเป็นเสียงเล็ก ๆ แบบนั้น มันช่างน่ากลัวและดูวิปริตจริง ๆ
ถานหย่งพูดต่อ “อย่างที่ฉันพูด ครึ่งหนึ่งของสิ่งที่ฉันบอกคือความจริง และครึ่งหนึ่งเป็นการคาดเดา!”
“ฉันไม่คิดว่ารถบรรทุกจะไม่ชนพวกนั้นแบบจัง ๆ ต้องโทษมู่เหย่ที่รออยู่ที่นั่น เลยช่วยพวกมันไว้ได้!”
“แต่นี่มันก็ไม่ดีหรือไง? ชีวิตมีเรื่องให้น่าตื่นตาตื่นใจ ดูน่าสนใจมากขึ้นไม่ใช่หรอกเหรอ?”
ไห่หนิงซวงพูดด้วยความโกรธ “ไม่แปลกใจเลยจริง ๆ ที่การเดาของคุณเกือบจะฆ่าฉัน!”
ถานหย่งหน้ามุ่ย “ฉันไม่รู้ว่าร่างนั้นเป็นเฉินผิงหรือเปล่า รู้แค่ถ้าเธอแตะกล่องนั้น เธอได้ตายทันทีแน่!”
ไห่หนิงซวงตกตะลึง
เมื่อสงบสติแล้วลองคิดดู มันก็จริงอย่างที่เขาพูด
หากแตะต้องกล่องนั้น พวกเขาจะรู้แน่นอน และไม่ว่าตัวอย่างจะเป็นจริงหรือเท็จ ตระกูลเฉินจะไม่ยอมปล่อยหล่อนไปแน่
เมื่อคิดถึงดวงตาที่ซับซ้อนและสายตาเย็นชาของนายท่านเฉิน
แผ่นหลังของหล่อนก็เปียกโชกไปด้วยเหงื่อ
เมื่อเห็นว่าหญิงสาวสงบลงเล็กน้อย
ถานหย่งจึงวางแก้วชาไว้ตรงหน้าหล่อน แล้วโบกมือให้หล่อนลองชิม
ไห่หนิงซวงหยิบชาขึ้นมาจิบ
และเมื่อมองไปที่ถ่านหย่งอีกครั้ง ท่าทีของหล่อนอ่อนลงล็กน้อย
“ตอนนี้ คดีถูกระบุไว้ว่าเป็นการฆาตกรรม คุณพอจะช่วยฉันได้บ้างไหม?”
“เจียงหว่านเห็นว่าฉันวางยาพิษเฉินผิงด้วย”
“ยัยนั่นต้องแสดงหลักฐานแน่ ๆ หรือไม่เธอก็อาจจะไปเป็นพยานเอง!”
หลังจากหยุดไปชั่วครู่ หล่อนก็พูดอย่างเศร้าโศก “คนของคุณก็เหมือนกัน ทำไมไม่ฆ่านังนั่นให้ตาย!”
ถานหย่งไม่ตอบและวางถ้วยในมือลง “เพื่ออะไร? ในเมื่อเจียงเฉิงจะมอบหลักฐานให้ยัยนั่นอยู่ดี!”
“เธอประมาทเองที่ใช้กระดาษห่อยาที่มีตราประทับของตระกูลไห่!”
ทันใดนั้น ใบหน้าของไห่หนิงซวงก็ซีดลง จริงด้วย ทำไมหล่อนถึงเพิกเฉยต่อสิ่งนี้ได้นะ?
จากนั้นถานหย่งพูดอย่างสบาย ๆ “ไม่ต้องห่วง หลักฐานในมือของเจียงเฉิงถูกคนของฉันขโมยมาแล้ว เขาไม่สามารถสร้างหลักฐานมาพิสูจน์ว่ายาพวกนั้นเกี่ยวข้องกับเธอได้แน่!”
“ฉันจะหาคนมาปกปิดเรื่องนี้ เธอแค่ต้องจับตาดู”
ไห่หนิงซวงถอนหายใจด้วยความโล่งอก ดูเหมือนว่าพันธมิตรที่เจียงเสวี่ยแนะนำนั้นจะพึ่งพาได้จริง ๆ
พอถานหย่งเห็นว่าหล่อนมีท่าทีพึงพอใจ เขาก็พูดขึ้นเบา ๆ
“คราวนี้ฉันช่วยเธอสะสางเรื่องนี้ อย่าลืมสิ่งที่เธอสัญญากับฉันด้วยล่ะ”
“จำไว้ว่าฉันช่วยเธอได้ แต่ฉันก็ทำลายเธอได้เหมือนกัน!”
ไห่หนิงซวงหวาดกลัวเล็กน้อย แม้ว่าหล่อนจะไม่เต็มใจทำเช่นนั้น แต่หล่อนก็ต้องก้มหน้าก้มตายอมรับ
ไห่หนิงซวงพยักหน้ายอมรับอย่างช่วยไม่ได้
ด้านเจียงหว่านและอีกสองคน พวกเขาต้องพักรักษาตัวในโรงพยาบาลเป็นเวลาเจ็ดวัน
อาการบาดเจ็บของเฉียวเหลียนเฉิงไม่ร้ายแรง แต่เขาต้องดูแลคนสองคนที่แขนและขาหัก
เจ็ดวันต่อมา ทั้งสามคนก็ออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว ซึ่งหลี่ป้านเซี่ยได้ยินว่าพวกเขาบาดเจ็บจึงรีบมาช่วยดูแล
เธอยังได้ทำขี้ผึ้งสูตรเฉพาะ ซึ่งมีประสิทธิภาพมากสำหรับรักษามือและเท้าที่บาดเจ็บหรือหัก
เจียงหว่านกับเฉียวเหลียนเฉิงกลับไปพักฟื้นที่ฟาร์ม ส่วนเหอซานไห่ก็กลับบ้านไป
และทันทีที่พวกเจียงหว่านกลับมาฟาร์ม เจียงเฉิงมาหาพวกเขา