เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80 - บทที่ 509 เฉินผิงกำลังยิ้มให้!
บทที่ 509 เฉินผิงกำลังยิ้มให้!
เมื่อขับรถมานานกว่า 40 นาที ในที่สุดก็เข้าสู่หมู่บ้านริมถนน แล้วก็มาหยุดที่หน้าบ้านหลังหนึ่ง
“รีบย้ายศพออกไป เอาไปรวมกับร่างก่อนหน้านี้ซะ!” หลิวชิวออกคำสั่ง
ทว่าสองพี่น้องที่อยู่ข้างหลังเขายังคงไม่เคลื่อนไหว
หลิวชิวจึงหันมอง ทันใดเขาก็เห็นลูกน้องกำลังมองมาด้วยความตกตะลึง
หลิวชิวประหลาดใจ
“รีรออะไรกันอยู่ รีบ ๆ ไปทำสิ!”
แต่ก่อนที่เขาจะพูดจบ ชายคนหนึ่งก็ชี้ไปข้างหลังเขาด้วยความหวาดกลัว
“ลูกพี่ ข้างหลัง!”
หลิวชิวชะงัก เขาหันขวับกลับไปมองอย่างรวดเร็ว
และทันทีที่หันไป เขาก็ตกตะลึงจนแทบสิ้นสติ
หลิวชิวเห็นศพที่ทุกคนยังคงจับตามองอยู่ตอนนี้ลุกขึ้นนั่งเอง
ไม่เพียงแต่ลุกขึ้นนั่งเท่านั้น มันยังมองไปรอบ ๆ อย่างอยากรู้อยากเห็นอีกด้วย
โดยเฉพาะใบหน้าที่ซีดราวกับกระดาษ แต่เต็มไปด้วยรอยช้ำ กับดวงตาเบิกกว้างจนแทบถลน นั่นทำให้ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นหวาดกลัวจนแทบฉี่รดกางเกง
“นาย นาย นาย…”
หลิวชิวชี้ไปที่ศพด้วยตัวที่สั่นเทา
พลันศพนั้นก็กะพริบตา ยกยิ้มพลางมองดูเขา จากนั้นก็ถามขึ้น
“ร่างของฉันอยู่ไหน!”
ทันใดหลิวชิวก็ตาเหลือกกลับ และเป็นลมล้มพับไป
ส่วนคนที่เหลือก็เป็นลมตาม ๆ กันไปทีละคน
เมื่อเห็นว่าทุกคนหมดสติ ศพนั้นก็แค่นหัวเราะ
“ดูไอ้พวกตาขาวนี่สิ ขี้ขลาดขนาดนี้ แล้วอยากจะมาเป็นคนเลว!”
จากนั้นเจ้าศพก็พึมพำอะไรบางอย่างแล้วเดินไปที่ลานบ้าน
ไม่นาน เขาก็พบร่างของเฉินผิง
ทันทีที่เขาเห็นศพของเฉินผิง ศพนั้นก็ยกยิ้ม
“เจอแล้ว!”
จากนั้นเขาก็อุ้มร่างเฉินผิงขึ้น แล้วกระโดดออกไป
แต่อีกด้าน ก็มีบางคนที่ไม่ได้เป็นลมจริง ๆ อยู่
คนคนนั้นจึงได้ยิน และรู้ว่ามีบางอย่างแปลก ๆ เขาลืมตาขึ้นอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ
และเขาก็ทันได้เห็นเฉินผิงคนหนึ่งอุ้มเฉินผิงอีกคน ทั้งยังกำลังขึ้นรถ
ไม่ทันไร ก็ขับรถออกไปอย่างรวดเร็ว
ส่วนในรถที่เพิ่งจากมา ชายที่อุ้มร่างของเฉินผิงอดไม่ได้ที่จะอ้าปากกว้าง
เขาหัวเราะลั่น พลางยกแขนขึ้นเช็ดหน้า
ด้วยการสัมผัสนี้ สีชมพูบนใบหน้าจึงถูกเช็ดจนจาง
เผยให้เห็นใบหน้าที่แตกต่างเดิมอย่างสิ้นเชิง ซึ่งเขาไม่ใช่ใครอื่น เขาคือเหอซานไห่
ไม่นานรถก็มาถึงทางเข้าบ้าน พอเหอซานไห่หยุดรถลง เจียงหว่านกับเฉียวเหลียนเฉิงก็เดินออกไปรับ
“ราบรื่นหรือเปล่า?” เจียงหว่านถาม
เหอซานไห่ยิ้มและพยักหน้า “ไอ้พวกนั้นขี้กลัว ทั้งยังโง่มากอีกต่างหาก!”
“ผมพาเฉินผิงออกมาแบบที่ไม่ต้องใช้ความพยายามอะไรเลยด้วยซำ้”
เจียงหว่านถอนหายใจด้วยความโล่งอก “ดีแล้ว เอาละ ไปส่งเฉินผิงกัน!”
เหอซานไห่ตอบรับ จากนั้นเจียงหว่านกับเฉียวเหลียนเฉิงก็ขึ้นรถ แล้วพวกเขาก็มุ่งหน้าไปในเมือง
พรุ่งนี้แล้ว พรุ่งนี้เป็นพิธีไว้อาลัยรำลึกของเฉินผิง และเพื่อน ๆ ของเขาก็จะมาเข้าร่วม
เหอซานไห่ถามเจียงหว่านอย่างสงสัย “ทำไมต้องรอจนถึงพิธีรำลึกถึงจะส่งมอบศพล่ะ?”
เจียงหว่านตอบ “เพราะตระกูลเฉินเป็นนักธุรกิจ และฉันกังวลว่าเฉินผิงจะเคยสมรู้ร่วมคิดกับไห่หนิงซวงเพื่อประโยชน์ของตระกูลเฉิน”
“แต่เฉินผิงตายไปแล้ว ถึงตระกูลไห่จะรู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติกับการตายของเขา แต่ยังไงพวกเขาก็จะเลือกปกป้องไห่หนิงซวงแน่!”
“แต่ในพิธีไว้อาลัย เพื่อนของเฉินผิงจะมาเข้าร่วม และศัตรูของเฉินผิงบางคนก็อาจจะมาด้วย แม้ว่าไห่หนิงซวงจะต้องการปกปิดแค่ไหน แต่เธอก็จะทำไม่ได้!”
“นี่จะช่วยป้องกันไม่ให้ตระกูลเฉินโกรธและแว้งกัดเราในภายหลังด้วย!”
เหอซานไห่มีอารมณ์ขุ่นเคืองร่วมด้วยเล็กน้อย
“ผมไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้นเลย ผมคิดว่าตระกูลเฉินควรจะขอบคุณคุณด้วยซ้ำ!”
เจียงหว่านยิ้มอย่างขมขื่น เธอกำลังจะอธิบายต่อ แต่จู่ ๆ ก็มีแสงวาบขึ้น
“ระวังรถ!”
เมื่อหันมองก็เห็นว่ารถบรรทุกทหารกำลังพุ่งเข้ามากำลังชนพวกเขา!
……
เช้าวันรุ่งขึ้น
บรรดาผู้ที่จะเข้าร่วมพิธีรำลึกก็ได้มาถึง
ซึ่งมู่เหย่ได้จัดเตรียมงานเรียบร้อยแล้ว
โดยจะมีพิธีรำลึกในเวลาแปดโมงเช้า
ไห่หนิงซวงจึงมาหาพ่อของเฉินผิงตั้งแต่ฟ้าสาง เธอถาม
“ร่างของเฉินผิงเอากลับมาได้หรือยังคะ? ทุกคนจะมาร่วมงานรำลึกแล้ว คงน่าเสียดายถ้าเราเอาศพกลับมาไม่ได้!”
นายท่านเฉินปลอบใจ “ไม่เป็นไร เราได้เจรจาไว้แล้ว และฉันก็เตรียมเงินไว้แล้ว มู่เหย่จะกลับมาพร้อมศพแน่!”
ไห่หนิงซวงแสดงท่าทางว่าโล่งใจ แต่ในใจหล่อนกังวลมาก
และเมื่อเวลา 07.50 น. มู่เหย่ก็ขับรถกลับมา
ทันทีที่เข้ามาในลานบ้าน เขาก็ตะโกนลั่น
“เฉินผิงกลับมาแล้ว รีบมาช่วยกันเร็ว!”
ทันทีที่เขาตะโกน ก็มีผู้คนมากมายเข้ามาช่วยเคลื่อนย้ายร่างของเฉินผิงอย่างรวดเร็ว จากนั้นอุ้มเข้าไปในห้องโถงที่เตรียมไว้
เมื่อไห่หนิงซวงได้ยินว่าอีกฝ่ายกลับมาแล้ว หล่อนก็ทำเป็นกรีดร้องและรีบวิ่งเข้าไปหาเฉินผิงพร้อมทั้งน้ำตา
“พี่ผิง พี่ผิง ในที่สุดพี่ก็กลับมาแล้ว!”
เมื่อเห็นไห่หนิงซวงร้องไห้แบบนี้ ผู้คนมากมายก็เศร้าโศกไปด้วย
แต่การร้องไห้ของไห่หนิงซวงเป็นเพียงการแสดง จุดประสงค์ที่แท้จริงคือการได้เห็นร่างของเฉินผิงอย่างใกล้ชิดต่างหาก
และเมื่อหล่อนเข้ามาใกล้ หล่อนก็มองดูอย่างระมัดระวัง ทันใดหัวใจสั่นสะท้าน
ศพนี้คือเฉินผิงจริง ๆ
หล่อนไม่รู้เลยว่าเฉินผิงมีปานอะไรบนร่างกายของเขาด้วย แต่หล่อนรู้ว่าที่หลังหูของเขามีแผลอยู่
มันไม่ใหญ่มาก ขนาดประมาาณเล็บมือ
ซึ่งแผลเป็นของเขาเกิดจากไห่หนิงซวงเอง ดังนั้นหล่อนจึงรู้เรื่องนี้ดี
แล้ววันนี้ รอยแผลนั่นก็อยู่บนร่างของศพ
เป็นไปได้ไหมว่านี่คือเฉินผิงริงจ ๆ?
ไห่หนิงซวงไม่สามารถซ่อนความตื่นตระหนกในใจได้อีกต่อไป
“ไม่ มันเป็นไปไม่ได้ มันจะเป็นไปได้ยังไง”
ไห่หนิงซวงพึมพำ ซวนเซถอยออกมา หล่อนสติแตกจนแทบจะล้มลงกับพื้น
จากนั้น พิธีไว้อาลัยก็ได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ
ทันใดนั้น ไห่หนิงซวงจึงลุกขึ้นยืนและตะโกนลั่น
“รอเดี๋ยว!”
เมื่อได้ยินอย่างนี้ ทุกคนต่างก็หันไปมองดูหล่อน
หน้าอกของไห่หนิงซวงกระเพื่อมเล็กน้อย ฝ่ามือของหล่อนกำแน่น หล่อนพูดอย่างจริงจัง
“คุณพ่อคะ ฉันดีใจมากที่เฉินผิงกลับมา แต่เป็นไปได้ไหมที่ร่างนี้จะไม่ใช่พี่ผิง”
นายท่านเฉินขมวดคิ้ว
“เห็นกันอยู่ว่านี่คือลูกของฉัน จะเป็นศพปลอมได้ยังไง?”
ไห่หนิงซวงกล่าวต่อ “ฉันรู้ว่านี่อาจเป็นเรื่องยากที่จะยอมรับ แต่คนบางคนก็มีความคล้ายกันจนน่าประหลาดนะคะ!”