เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80 - บทที่ 353 เห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็น
บทที่ 353 เห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็น
ระหว่างที่โม่หยางครุ่นคิด ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
เขาวางกระต่ายตัวน้อยลงแล้วตอบออกไป
“เข้ามา!”
เมื่อประตูเปิดออก คนที่เข้ามาคือเจียงหว่านและเฉียวเหลียนเฉิงที่กลับมาอีกครั้ง
โม่หยางรู้สึกกังวลโดยสัญชาตญาณเมื่อเห็นหน้าของทั้งสอง
ก่อนที่เขาจะได้พูด เจียงหว่านก็เดินเข้ามาแล้วใกล้ “ฉันขอโทษสำหรับเรื่องเมื่อกี้ ฉันอารมณ์เสียเกินไป”
โม่หยางเงียบ
เจียงหว่านจึงกล่าวต่อ “ส่วนเรื่องแพทย์แผนจีนหรือแพทย์แผนตะวันตกดีกว่ากัน ให้คุณเป็นคนตัดสินใจ”
“คุณบอกว่ายาตะวันตกดี นั่นก็เป็นเหตุผลว่าทำไมยาตะวันตกถึงดี!”
“ถ้าบอกว่ายาจีนไม่ดี ก็แปลว่ายาจีนไม่ดี!”
โม่หยางสับสนเล็กน้อย “เธอหมายความว่าอะไร?”
เจียงหว่านพูดอย่างจริงจัง “ฉันมาเพื่อขอโทษ ฉันไม่ควรเถียงกับคุณ ไม่ว่าคุณจะพูดอะไร”
โม่หยางถามอย่างสงสัย “เธอหมายถึง ฉันพูดว่ายังไงก็ว่าอย่างนั้น?”
เจียงหว่านพยักหน้า “ใช่!”
โม่หยางคิ้วขมวดอีกครั้งแล้วถามว่า “ถ้าฉันบอกว่ามีไข่เกิดมาจากต้นไม้ล่ะ!”
เจียงหว่านตอบโดยไม่ต้องคิด “ใช่ ไข่ก็มีก้านจับเหมือนกับลูกแพร์!”
โม่หยางนิ่ง เขารู้สึกหวานอมขมกลืนเล็กน้อย เพราะความโกรธเพิ่งจะหายไปเมื่อครู่
ตามนั้นแหละ บางทีเธออาจจะยอมประนีประนอมแล้วก็ได้!
เขาขมวดคิ้ว ได้แต่คิดกับตัวเอง ‘นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับฉัน แล้วนี่มันเกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวของผู้ป่วยกันเนี่ย?’
เขาหายใจเข้าลึก ๆ แล้วพูดว่า “ช่างมันเถอะ มันแค่เรื่องความคิดที่ต่างกัน ไม่สำคัญหรอก”
เจียงหว่านพยักหน้า “ใช่ มันไม่สำคัญ สิ่งสำคัญคือคุณต้องรักษาเขา”
“ตอนนี้เริ่มรักษาได้หรือยัง?”
โม่หยางต้องการที่จะจัดการเรื่องนี้เร็ว ๆ จึงพยักหน้า “เอาล่ะ ฉันจะไปเตรียมยา พวกเธอรออยู่ที่นี่”
หลังจากพูดอย่างนั้น เขาก็ลุกขึ้นและเข้าไปในห้องจ่ายยาฝั่งตรงข้าม
เมื่อเห็นเจียงหว่านประนีประนอมอย่างกะทันหัน เฉียวเหลียนเฉิงก็รู้สึกผิดเล็กน้อย “หว่านหว่าน เป็นความผิดผมเอง!”
หว่านหว่านของเขาเย่อหยิ่งมาตลอด เธอไม่เคยอ่อนข้อได้ขนาดนี้
เจียงหว่านโบกมือปฏิเสธ “ไม่เป็นไร ตราบใดที่มีทางทำให้นายกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้ ฉันก็ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น”
เฉียวเหลียนเฉิงประทับใจจริง ๆ หว่านหว่านของเขาน่ารักมาก!
ในเวลานี้ประตูก็เปิดออก และชายหนุ่มคนหนึ่งก็บุกเข้ามา
“โม่หยาง…”
ชายหนุ่มโพล่งเรียกชื่อ ทว่ากลับเจอคนอื่นอยู่ในห้อง
ดวงตาของเขาก็มองใบหน้าของเจียงหว่านกับเฉียวเหลียนเฉิง พลันก็ถึงกับตกตะลึง จนต้องมองดี ๆ อีกครั้ง เมื่อเขาเห็นเฉียวเหลียนเฉิง
เจียงหว่านพูดอย่างเร่งรีบ “หมอโม่หยางอยู่ในห้องจ่ายยาค่ะ!”
ชายหนุ่มตอบกลับว่า ‘โอ้’ แล้วเหลือบมองเฉียวเหลียนเฉิงอีกครั้ง พร้อมหันหลังกลับ และออกไป
เขาปิดประตูให้เรียบร้อย
จากนั้นชายหนุ่มก็เข้าไปในห้องจ่ายยา และพอโม่หยางกำลังยุ่งอยู่ เขาก็รีบถาม
“โม่หยาง คนนั้นคือใคร ในห้องนายน่ะ?”
โม่หยางหันมองอย่างประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อเห็นอีกฝ่ายที่นี่ “เฉินผิง นายมาทำอะไรที่นี่”
เฉินผิงยิ้ม “ตระกูลเฉินของเราทำสัญญาโครงการในตัวเมืองมณฑลที่นี่ ได้ยินมาว่านายกำลังประจำอยู่ในตัวเมืองของมณฑล ก็เลยมาหาสักหน่อย”
โม่หยางพูดในขณะที่มือพัลวัน “นายเห็นคนเมื่อกี้แล้วใช่ไหม เขาชื่อเฉียวเหลียนเฉิง เขาเป็นคนไข้ของฉัน”
“เหมือนไห่จิ่งมากใช่ไหมล่ะ?”
เฉินผิงพึมพำ แสงเย็นเฉียบวาบผ่านดวงตาของเขา “คล้ายกันมาก ฉันเกือบจะทักผิดแล้ว”
โม่พูดอย่างไม่ใส่ใจ “ฮ่า ๆๆ ถึงเป็นเรื่องปกติที่คนเราจะหน้าคล้ายกัน แต่เขาเหมือนกันมากเกินไปจริง ๆ ถ้ามีโอกาสในอนาคต ฉันต้องลองให้เขาไปพบลูกพี่ลูกน้องของฉันแล้วแหละ”
“คงจะสนุกถ้าเอาคนสองคนนั้นมาเจอกัน!”
เฉินผิงพูดติดตลก “ไม่ว่านายจะอายุเท่าไหร่ นายก็ยังเหมือนเด็กจริง ๆ ระวังลูกพี่ลูกน้องของนายจะตีก้นเอาล่ะ”
โม่หยางโบกมือ “ไม่หรอก ลูกพี่ลูกน้องของฉันจะทำมากกว่านั้นอีก”
ดวงตาของเฉินผิงหันมองยาในมือโม่หยางและถามขึ้นอย่างสงสัย
“ว่าแต่เฉียวเหลียนเฉิงคนนั้น ฉันเคยได้ยินมู่เหย่พูดถึงเขา แขนของเขาจะหายขาดไหม?”
โม่หยางตอบขณะเตรียมยา “มีโอกาส ด้วยยาที่ฉันพัฒนามาล่ะก็นะ ฉันคาดว่าน่าจะใช้เวลาน้อยกว่าสามเดือนก็สามารถหายดีได้”
“พอถึงตอนนั้น เขาก็จะกลับไปเป็นวีรบุรุษได้อีกครั้ง!”
“เป็นไง ฉันเจ๋งมั้ยล่ะ?”
เฉินผิงยิ้ม แต่ดวงตาของเขากลับน่ากลัวมาก ซึ่งโม่หยางไม่ทันได้สังเกตเห็นเลย
โม่หยางเตรียมยาใส่ลงในขวดแก้ว
จากนั้นเขาก็ถอดถุงมือออก แล้วพูดขึ้น “เกือบเสร็จแล้ว แต่มีส่วนผสมเพิ่มเติมอีกนิดนึง คงต้องใช้เวลาสองชั่วโมงในการผสมและให้ยาตกตะกอน”
“เอาล่ะ เราไปกินข้าวกันเถอะ!”
เฉินผิงเห็นด้วย “ฉันมาหานายเพื่อกินข้าวเย็นนี่แหละ นายต้องเลี้ยงฉันนะ!”
โม่หยางยกยิ้มกว้าง “แน่นอน นายรอฉันอยู่ที่นี่ ช่วยฉันจับตาดูให้หน่อย อย่าให้ใครแตะต้องยา ฉันจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ออฟฟิศ”
เฉินผิงดึงเก้าอี้จากด้านข้างมานั่งรอ
เมื่อโม่หยางออกไป สายตาของเขาเปลี่ยนเป็นเย็นชาขณะที่จ้องมองไปที่ยา
วันนี้เขามาอย่างกะทันหัน ไม่คิดว่าจะได้พบกับโม่หยางที่กำลังจ่ายยาให้เฉียวเหลียนเฉิง
หากแขนของเฉียวเหลียนเฉิงพิการ เขาก็จะไม่สนใจอยู่หรอก
แต่ถ้าแขนหมอนั่นดีขึ้น แผนของไห่หนิงซวงก็จะสูญเปล่า
ไม่ เขาไม่สามารถเฝ้าดูเฉียวเหลียนเฉิงได้รับการรักษาจนหายขาดได้
ชายหนุ่มมองไปรอบ ๆ ในห้องนี้มียาทุกชนิด แต่ละขวดมีตัวอักษรที่เขาไม่เข้าใจเต็มไปหมด
เขามองไปรอบ ๆ ห้อง พบว่าในห้องจ่ายยานี้มีห้องน้ำแยกต่างหาก และเขาก็เห็นขวดกรดกำมะถันวางอยู่ที่มุมห้องน้ำ
ดวงตาของเฉินผิงเป็นประกาย รีบคว้าถุงมือมาสวม หยิบขวดกรดกำมะถันขึ้นมา หันหลังกลับ แล้วเทบางส่วนลงในขวดแก้วที่โม่หยางเตรียมไว้
เฉินผิงกล้าไม่เบา เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าส่วนผสมของยาในขวดมีอะไรบ้าง เขาเทกรดกำมะถันลงไปโดยไม่กลัวปฏิกิริยาและการระเบิดเลยสักนิด
แต่ถือว่ายังโชคดี เพราะกรดกำมะถันเพียงตกตะกอนและไม่เกิดปฏิกริยาอย่างอื่น
เฉินผิงถอนหายใจด้วยความโล่งอก รีบวางกรดกำมะถันกลับที่
เขาถอดถุงมือ เงยหน้าขึ้นมอง และทันใดนั้นก็หันไปเห็นใบหน้าเล็ก ๆ อยู่ตรงช่องว่างระหว่างประตู
เธอเป็นเด็กหญิงที่มีใบหน้าสวยงาม มองมาที่เขาด้วยดวงตาเบิกกว้างและอยากรู้อยากเห็น
หัวใจของเฉินผิงเต้นผิดจังหวะ
เขาหรี่ตาลงและโบกมือ “เด็กน้อย มาหาลุงเร็ว!”
เถียนเถียนลังเล เธอไม่อยากไป แต่ด้วยนิสัยของเธอ ทำให้ไม่สามารถปฏิเสธได้
หลังจากลังเลครั้งแล้วครั้งเล่า เถียนเถียนก็เดินเข้าไป
ทันทีที่เข้ามา เฉินผิงก็ปิดประตู ใช้มือข้างหนึ่งปิดปากเถียนเถียนไว้ เขานั่งยอง ๆ กอดเธอจากด้านหลังและกระซิบข้างหู
“เมื่อกี้เห็นอะไรไหม?”
ดวงตาของเถียนเถียนเบิกกว้างด้วยความหวาดกลัว และเธอก็ส่ายหัวอย่างสิ้นหวัง
เธอเห็นทุกอย่าง แต่เธอไม่เข้าใจว่าเขากำลังทำอะไร เธอจึงคิดว่าเขาแค่จ่ายยา
แต่ตอนนี้ เธอรู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ
เฉินผิงยังคงขู่ต่อ “ถ้าเธอบอกว่าเธอเห็นอะไร ฉันจะแทงให้ตาบอด!”
หลังจากพูดอย่างนั้นแล้ว เขาคว้ากรรไกรมาจากโต๊ะ ส่ายไปส่ายมาตรงหน้าเถียนเถียน ปลายกรรไกรอยู่ห่างจากดวงตาของเด็กหญิงเพียงไม่กี่เซนติเมตร
เถียนเถียนยิ่งหวาดกลัวมากขึ้น และดวงตากลมโตของเธอเต็มไปด้วยน้ำตา
เมื่อเห็นว่าเด็กหญิงกลัว เฉินผิงจึงกล่าวเสริมอย่างภูมิใจ
“ตาของเธอสวยมาก แต่ถ้าเธอตาบอด มันก็จะน่าเกลียดมาก!”
“พอถึงตอนนั้น แม้แต่พ่อแม่ของเธอก็จะไม่รักเธอ และเพื่อน ๆ รอบตัวจะล้อว่าเธอตาบอด และทุบตีเธอด้วยก้อนหิน!”
เถียนเถียนกลัวจนน้ำตาไหลออกมาอย่างควบคุมไม่ได้
ร่างเล็ก ๆ สั่นเทาเพราะความกลัวสุดหัวใจ