เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80 - บทที่ 352 ทำไมเธอถึงโกรธขนาดนี้?
บทที่ 352 ทำไมเธอถึงโกรธขนาดนี้?
โม่หยางพูดต่อว่าไม่ยอมหยุด เขายกมือขึ้น และตบโต๊ะอย่างแรงอีกครั้ง
ในขณะนี้เขาเป็นเหมือนมังกรพ่นไฟตัวใหญ่ที่เกรี้ยวกราด
เจียงหว่านเองก็โกรธขึ้นมาเช่นกัน เธอดันเถียนเถียนไปให้ผิงอันดูแล เดินตรงไปที่โต๊ะไม่กี่ก้าว แล้วตบโต๊ะกลับ
ปั้ง!
ก่อนหน้านี้เสียงตบโต๊ะของโม่หยางดังมาก แต่ตอนนี้เสียงตบโต๊ะของเจียงหว่านดังยิ่งกว่า และแม้แต่ของบนโต๊ะก็สั่นสะเทือน
โม่หยางสะดุ้งตกใจ เขาเป็นถึงหมอ มีคนเพียงไม่กี่คนที่กล้าทำแบบนี้กับเขา
ปกติเขาจะไม่หงุดหงิดขนาดนี้ แต่ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะเฉียวเหลียนเฉิงดูเหมือนลูกพี่ลูกน้องของเขาอย่างไห่จิ่ง
เขาจึงมีความรู้สึกสนิทสนมและถือว่าอีกฝ่ายเป็นญาติของตนโดยไม่รู้ตัว
นั่นเป็นเหตุผลที่เขาโกรธมาก
แต่ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงเกรี้ยวกราดขนาดนี้?
โม่หยางตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งและไม่พูดอะไร
ส่วนเจียงหว่านพูดขึ้นด้วยความโกรธ “คุณแค่ช่วยเขาเพราะเขาเป็นวีรบุรุษและเป็นเพื่อนของเจียงเฉิง”
“แต่เขาเป็นสามีของฉัน ผู้ชายที่ฉันอยากจะใช้ทั้งชีวิตที่เหลือด้วย!”
“คุณก็เห็น เขาได้รับบาดเจ็บถึงสองครั้งหลังการผ่าตัด แขนเขาแทบไม่มีความรู้สึก แม้แต่ผู้อำนวยการโรงพยาบาลก็ยังแจ้งให้เขาเตรียมใจตัดแขน”
“แล้วมีปัญหาอะไรถ้าฉันจะลองรักษาแบบอื่น?”
“แล้วนี่ก็ไม่ใช่ยาพื้นบ้านที่ฉันได้ยินมาจากที่ไหนก็ไม่รู้ ลุงฝูเป็นแพทย์แผนจีนมานาน เขาเจอผู้ป่วยมามากกว่าจำนวนข้าวที่คุณเคยกินซะอีก”
โม่หยางเงียบ ‘ข้าวที่เคยกิน!’ ไม่ได้โม้ใช่ไหม?
เจียงหว่านกล่าวต่อ “และมันก็ได้ผล แขนของเฉียวเหลียนเฉิงฟื้นตัวและเขายังถือของได้อีกด้วย”
โม่หยางขัดจังหวะเธอ “นั่นไม่ถือว่าได้ผล ยาแบบนั้นไม่มีการรับรองทางวิทยาศาสตร์ ถึงตอนนี้จะหายขาดแล้ว แต่ใครจะรู้ว่าจะมีผลข้างเคียงอะไรไหม”
“ยาจีนงั้นเหรอ มันก็เป็นแค่รากหญ้ากับเศษใบไม้ หลอกลวงทั้งนั้น”
“การใช้มันรักษาอาการคันที่ผิวหนังหรือเท้าของนักกีฬายังพอได้ แต่ใช้มันฟื้นฟูของเส้นประสาทที่แขนจะได้ยังไง”
“คุณถือว่าโชคดีนะที่ตอนนี้ยังสบายดี!”
ป้าบ!
เจียงหว่านตบหน้าผากตัวเองอย่างแรง แย้งข้อกล่าวหาของโม่หยาง
“การแพทย์แผนตะวันตกก้าวหน้ามากใช่ไหม? แล้วทำไมถึงรักษาโรคมะเร็ง โรค ALS และโรคออทิสติกไม่ได้ล่ะ?”
“คุณดูถูกการแพทย์แผนจีนเหมือนใบไม้เน่า งั้นฉันก็ขอดูถูกแพทย์แผนตะวันตกบ้าง!”
“การแพทย์แผนตะวันตกไม่ได้รักษาที่ต้นเหตุ สักแต่ทำให้ศักยภาพของคนป่วยหมดไปและให้ดื่มยาพิษ! การแพทย์แผนตะวันตกใช้หน้ากากของการรักษาเร็วเพื่อดูดเงินทุกบาททุกสตางค์ออกจากกระเป๋าของผู้ป่วย!”
เมื่อเห็นว่าโม่หยางเปิดปากจะปฏิเสธ เจียงหว่านก็ตบโต๊ะอีกครั้ง และโต้ตอบสิ่งที่เธอต้องการพูด
“ฉันไม่สนใจว่าจะเป็นยาจีนหรือยาตะวันตก ฉันสนแค่หมอที่รักษาโรคได้!”
“หมอโม่ คุณมาจากตระกูลจีน ประเพณีวัฒนธรรมห้าพันปีของตระกูลพวกเขาส่งมอบให้คุณใช่ไหม?”
“หรือแก่นแท้ที่สืบทอดมาจากบรรพบุรุษของเราเป็นแค่ขยะในสายตาของคุณ?!”
“แล้วทำไมคุณถึงยังอยู่ที่นี่ล่ะ? ทำไมไม่เอามีดมากรีดเลือดออก ซับเลือดให้หมด แล้วไปต่างประเทศซะ ไปถ่ายเลือดจากต่างประเทศเข้าร่างกายตัวเองซะไป!”
“คุณคงไม่อยากเป็น ‘คนจีน’ อีกต่อไปใช่ไหม”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ดูเหมือนเธอจะคิดอะไรบางอย่างได้ และส่ายหัวด้วยความเสียใจ
“โอ้ ไม่สิ ถึงจะถ่ายเลือดแล้ว แต่กระดูกและเนื้อยังมาจากคนจีน’”
“ยังไงดีล่ะ? กลับไปปรึกษาเรื่องนี้กับพ่อแม่ของคุณดูแล้วกัน และไปเกิดใหม่ในต่างประเทศซะ!”
โม่หยางกำลังจะบ้า เขาตบโต๊ะเสียงดัง “เธอกำลังพูดอะไร เธอ เธอมันคนปากร้าย!”
“ฉันแค่กำลังพูดเรื่องหมอ มันเกี่ยวอะไรกับสายเลือดของฉัน? เธอจะมาโจมตีฉันแบบนี้ไม่ได้!”
เจียงหว่านหัวเราะเยาะ “ทำไมล่ะ? คุณละทิ้งทักษะทางการแพทย์แบบดั้งเดิมของ ‘คนจีน’ ที่สืบทอดกันมาห้าพันปีแล้ว และคุณยังดูถูกและรังเกียจมัน ลืมรากเหง้าของตัวเองแล้วหรือไง?”
โม่หยางเหมือนจะเป็นบ้า สงสัยว่าทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงไม่มีเหตุผลขนาดนี้
วันนี้เขาได้เข้าใจถ่องแท้แล้วว่าคนปากร้ายเป็นยังไง
“สิ่งที่ฉันกำลังพูดถึงตอนนี้ก็คือแขนของเฉียวเหลียนเฉิง เธอเอายาไปใช้ในทางที่ผิดได้ยังไงล่ะ?” โม่หยางพูดขึ้น
เจียงหว่านคำรามด้วยความโกรธ “เขาคือสามีของฉัน ในเมื่อแพทย์แผนตะวันตกบอกว่าไม่มีหวัง และจำเป็นต้องตัดแขนออก ฉันเลยใช้ยาจีน และถ้านี่ยังไม่ได้ผล ฉันก็จะหาทางอื่น ฉันจะพยายามทุกวิถีทางที่ทำได้!”
“ไม่ใช่แค่การแพทย์แผนจีน ตราบใดที่ฉันสามารถรักษาแขนของเขาได้ ฉันก็จะไม่ลังเลเลย ต่อให้จะต้องใช้ยาม้งหรือทิเบต ก็จะทำ!”
“คุณมีปัญหาอะไรไหม?!”
“ตอนนี้พิสูจน์ได้แล้วว่าการรักษาอาการบาดเจ็บแบบแพทย์แผนตะวันตกทำไม่ได้ นี่คือข้อพิสูจน์ที่ดีที่สุด!”
เฉียวเหลียนเฉิงกับเด็ก ๆ ที่อยู่ด้านข้างดูสับสน เมื่อมองไปที่เจียงหว่านกับโม่หยาง
ไม่รู้ใครพูดอะไรบ้าง ตอนนี้…
ทั้งสามหันก็มองซ้ายทีขวาที สนุกอย่างอธิบายไม่ถูก
เฉียวเหลียนเฉิงเห็นพวกเขาสองคนทะเลาะกันรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยไม่มีใครยอมใคร
เขาจึงรีบไปขวางทั้งสองคนไว้ คว้ามือของเจียงหว่านมา แล้วพูดว่า
“ช่างมันเถอะ หยุดพูดได้แล้ว เราจะไม่หาหมอแล้ว”
หลังจากพูดจบ เขาก็ลากเจียงหว่านออกจากประตูไป
แต่เจียงหว่านยังคงไม่ยอม แต่เฉียวเหลียนเฉิงก็ดึงเธอออกจากประตูไปเสียแล้ว
ส่วนเด็กทั้งสองก็รีบตามออกไปด้วย
ที่นอกประตู
เมื่อเฉียวเหลียนเฉิงลากเจียงหว่านออกมาไกลกว่าสิบเมตร เจียงหว่านก็สะบัดมือเขาออก
“นายลากฉันออกมาทำไม? เรามาที่นี่เพื่อจะหาหมอนะ ออกมาแบบนี้จะเจอหมอได้ยังไง” เจียงหว่านถามด้วยความไม่พอใจ
เฉียวเหลียนเฉิงถึงกับทอดถอนใจ “แล้วคุณไปทะเลาะกับหมอได้ยังไง”
เจียงหว่านเลิกคิ้ว “นายกำลังโทษฉัน?!”
เฉียวเหลียนเฉิงส่ายหัวอย่างเร่งรีบ “เปล่า ผมจะตำหนิคุณได้ยังไง คุณพูดถูก ไม่ว่าจะเป็นการแพทย์แผนจีนหรือตะวันตก ตราบใดที่รักษาได้ มันก็ดีหมด!”
อารมณ์ของเจียงหว่านผ่อนคลายลงเล็กน้อย และความโกรธของเธอก็ดูเหมือนจะเบาบางลง
คำพูดของเฉียวเหลียนเฉิงเตือนใจเธอ… ใช่ ไม่ว่าจะเป็นยาจีนหรือยาตะวันตก ถ้ารักษาได้ก็ถือว่าดี
แขนของเฉียวเหลียนเฉิงฟื้นตัวได้ดีหลังจากใช้ยาจีนและการฝังเข็มของลุงฝู
ถ้าวิธีการฟื้นฟูแบบแพทย์แผนตะวันตกพวกนั้นมีประสิทธิผลมากที่สุดจริง ๆ
แล้วทำไมเธอถึงต้องโกรธมากจนต้องทะเลาะกับหมอแบบนั้นล่ะ?
สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือการรักษาแขนของเฉียวเหลียนเฉิง ตราบใดที่แขนของเขาหายขาดได้ มันก็ไม่สำคัญว่าเธอจะยอมจำนนกับอะไร
เจียงหว่านหายใจเข้าลึก ๆ แล้วมองเฉียวเหลียนเฉิง
“กลับเข้าไปกันเถอะ!”
เฉียวเหลียนเฉิงสับสนเล็กน้อย “อา คุณยังไม่หายข้องใจเหรอ?”
เจียงหว่านส่ายหัว “ไม่ใช่ ฉันหมายถึง เราไปรับการรักษากันเถอะ”
เธอลากเฉียวเหลียนเฉิงกลับมา
ทางด้านโม่หยาง เมื่อประตูปิดลง เขาโกรธมากจนเจ็บหน้าอก
นับตั้งแต่มาเป็นแพทย์ เขาได้สัมผัสกับผู้ป่วยที่มีอาการเลือดออกในสมองและภาวะลิ่มเลือดอุดตันในสมองบ่อยที่สุด และมีเพียง 1 ใน 3 เท่านั้นที่หายดีหลังจากการปลูกถ่ายอวัยวะ
เพราะเขาคลุกคลีอยู่กับอาการเหล่านี้มามาก เขารู้ดีว่าสิ่งที่แย่ที่สุดคือการโกรธ เป็นเรื่องปกติที่คนเราจะมีเลือดออกในสมองเวลาโกรธ เขาจึงเรียนรู้ที่จะรักษาสุขภาพของตัวเอง และไม่ค่อยโกรธนัก
แต่วันนี้เขาโกรธมาก
โม่หยางหายใจเข้าออกสองสามครั้ง และเลื่อนสายตาลง มองไปยังรูปปั้นกระต่ายเซรามิกตัวเล็ก ๆ บนโต๊ะ
ไห่จิ่ง ลูกพี่ลูกน้องของเขามอบมันให้
เมื่อเขาเห็นกระต่ายตัวน้อย เขาก็นึกถึงลูกพี่ลูกน้องอีกครั้ง
ทำไมเฉียวเหลียนเฉิงกับไห่จิ่งถึงดูคล้ายกันมากนัก
ถ้าไม่สนิทกันดี พอมองแวบแรกเขาคงคิดว่าอีกฝ่ายเป็นไหจิ่ง
รูปร่างหน้าตาเหมือนกัน ทั้งยังดูแข็งแกร่งและหล่อเหลาเหมือนกันอีก
เรียกได้ว่าเหมือนกันทุกประการก็ว่าได้!