เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80 - บทที่ 347 พัดความซวยไปให้เจียงหว่าน
- Home
- เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80
- บทที่ 347 พัดความซวยไปให้เจียงหว่าน
บทที่ 347 พัดความซวยไปให้เจียงหว่าน
ในใจของเขา เจียงหว่านเป็นอาชญากรที่ชั่วร้ายและมีไหวพริบ
น่าเสียดาย ก่อนที่จะสอบสวนได้เพิ่มเติม กลับมีคนรายงานเข้าว่าจะมีการดักปล้นรถโดยสารที่มุ่งสู่ตัวเมือง
ว่ากันว่ามีคนร้ายประมาณสามหรือสี่คนหนีออกมาจากที่อื่น และพวกมันก็ฆ่าคนไปสองคนแล้ว
เหลียงเจี้ยนกั๋วจึงทำได้เพียงวางทุกอย่างที่เขาทำอยู่ และนำทีมมาสกัดกั้นคนร้ายพวกนี้
แต่เมื่อเขาเห็นเจียงหว่านกับเฉียวเหลียนเฉิงอยู่ในรถ เขาก็เกือบจะกล่าวหาโดยสัญชาตญาณเลยว่า โจรพวกนั้นอยู่บนรถคันนี้แล้ว
แต่เขาดันเห็นเด็กสองคนอยู่ข้าง ๆ สองคนนั้น
ความสงสัยของเขาจึงลดฮวบลงไปมาก
เขาไม่คิดเลยว่าตนจะมองผิดไปในครั้งนี้
ในเวลานั้นเองพวกอันธพาลก็เริ่มตามล่าผู้โดยสารในรถ
ทุกวันนี้ใคร ๆ ก็ไม่มีเงิน ดังนั้นแค่เงินไม่กี่สิบหยวน มันก็ถือเป็นเงินก้อนใหญ่
หลังจากที่ผู้โดยสารส่วนใหญ่รวมเงินแล้ว ยอดรวมจึงน้อยกว่า 300 หยวน
ชายวัยกลางคนที่เป็นหัวหน้าไม่พอใจ และเริ่มสาปแช่ง
“ฉันโชคร้ายอะไรขนาดนี้ ทำไมต้องมาเจอพวกสัมภเวสียาจกด้วยวะ!”
เขาเตะเหลียงเจี้ยนกั๋วที่นอนอยู่บนพื้น และยืนพิงขาเก้าอี้ด้วยความโกรธเกรี้ยว
“นี่ ไอ้ตำรวจ มีเงินมั้ย เอาเงินออกมาซะ!”
เหลียงเจี้ยนกั๋วเงยหน้าขึ้นมองชายคนนั้นด้วยใบหน้าซีดเซียวและเย้ยหยัน
ชายวัยกลางคนขมวดคิ้ว “ให้ตาย แกคิดว่ากำลังทำหน้าแบบไหนอยู่ กล้าดียังไงมาหัวเราะเยาะฉัน ทั้ง ๆ ที่สภาพแกเป็นแบบนี้!”
“รู้ไหมว่าเป็นเกียรติของแกมากนะ ที่มาอยู่ในเงื้อมมือของพี่เตาวันนี้”
เมื่อพูดอย่างนั้น พี่เตาก็ตบหน้าเหลียงเจี้ยนกั๋ว
ถ้าไม่กลัวจะเดือดร้อนจากข้อหาสังหารเจ้าหน้าที่ เขาคงฆ่าเหลียงเจี้ยนกั๋วไปนานแล้ว
เหลียงเจี้ยนกั๋วไม่โกรธแม้จะถูกตบ เขาเพียงมองไปที่พี่เตาและพูดว่า
“ฉันหัวเราะที่แกโง่ เลือกปล้นคนไม่เลือก ผู้โดยสารพวกนี้ก็เป็นคนธรรมดาจะมีเงินสักเท่าไหร่เชียว”
พี่เตาขมวดคิ้วและถามอย่างสงสัย “หมายความว่าแกรู้ว่าใครรวยใช่ไหม!”
เหลียงเจี่ยนกั๋วพยักหน้าและชี้ไปที่เจียงหว่านในแถวหลัง
“ดูผู้หญิงคนนั้นสิ เธอดูอ้วนนะ ทุกวันนี้คนเราจะอ้วนขนาดนี้ได้ยังไง”
พี่เตาหันศีรษะไปเหลือบมองเจียงหว่าน ดวงตาของเขาก็เป็นประกายขึ้นมาทันที
“จริงด้วย ดูเหมือนแกะอ้วนเลย”
“เสี่ยวลิ่วจื่อ ไปหานังอ้วนนั่นแล้วเอาเงินมันมา!”
“ครับ!” ชายคนนั้นตอบรับแล้วเดินไปแถวสุดท้ายของรถ
คนที่อยู่ด้านหลังรถยังไม่ถูกค้นตัว เมื่อพวกเขาเห็นเสี่ยวลิ่วจื่อเข้ามาใกล้ ก็ตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว
ในเวลานี้เจียงหว่านและเฉียวเหลียนเฉิงเห็นเสี่ยวลิ่วจื่อกำลังมา
ตอนนี้ในรถค่อนข้างวุ่นวาย มีเสียงร้องขอความเมตตาระงม
เจียงหว่านจึงไม่ได้ยินการสนทนาระหว่างพี่เตากับเหลียงเจี้ยนกั๋วชัดเจนนัก
เธอเห็นแค่พอทั้งสองคุยกัน พี่เตาก็มองมาที่เธอ และในไม่ช้าเสี่ยวลิ่วจื่อก็เข้ามา และเธอก็เดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น
เจียงหว่านหรี่ตาลง เธอมองผ่านเสี่ยวลิ่วจื่อไปที่เหลียงเจี้ยนกั๋ว ทว่าดวงตากลับมีแต่ความเย็นชา
เธอถามเขาด้วยสายตา ‘พอตัวเองสู้ไม่ได้ ก็เลยโยนให้คนอื่นเหรอ?’
เพื่อไม่ให้น้อยหน้า เหลียงเจี้ยนกั๋วจึงตอบด้วยสายตา ‘พวกเธอก็เป็นแค่หมาลอบกัด ฉันจะนั่งอยู่บนภูเขาเพื่อดูเสือกัดกัน!’
ตอนนี้รังสีอำมหิตของเจียงหว่านแผ่กระจายไปทั่ว
เฉียวเหลียนเฉิงสังเกตเห็นความโกรธของภรรยา “อย่าโกรธเลย ยังไงเราก็หนีไม่พ้น”
แม้ว่าเธอจะคิดแบบนั้น แต่เธอถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจทรยศแบบนี้ มันก็ยังทำให้เธอรู้สึกโกรธจริง ๆ
เธอจ้องมองเหลียงเจี้ยนกั๋วอย่างไม่พอใจ
ปมนี้เริ่มใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว รอดูได้เลย!
ขณะนี้เองเสี่ยวลิ่วจื่อก็เข้ามาใกล้ขึ้นทุกที
เฉียวเหลียนเฉิงที่นั่งอยู่ด้านนอกจึงหันหน้าไปมองเสี่ยวลิ่วจื่อ
เสี่ยวลิ่วจื่อเพิกเฉยต่อเขา แต่ยื่นกะละมังไปตรงหน้าเจียงหว่าน
“เร็วเข้า!”
เจียงหว่านยิ้ม ปลอบใจเถียนเถียนที่ตัวสั่นอยู่ในอ้อมแขนและกล่าวกระซิบ
“เถียนเถียน เธอกับผิงอันอยู่ที่นี่ รอดูนะว่าฉันจะเอาชนะคนชั่วได้ยังไง”
เถียนเถียนยิ่งหวาดกลัวมากขึ้น เธอกระซิบ
“คนพวกนั้นน่ากลัว พวกเขาจะทุบตีคุณนะ!”
เจียงหว่านยกริมฝีปากขึ้นยิ้ม วางเถียนเถียนไว้ข้าง ๆ ผิงอัน แล้วพูด
“ไม่สำคัญว่ามันน่ากลัวไหม ตราบใดที่เราแข็งแกร่งกว่า ก็ไม่มีอะไรต้องกลัว!”
ขณะที่เธอพูด เธอกำลังจะลงมือ แต่เฉียวเหลียนเฉิงกลับหยุดไว้
“คุณปกป้องเด็ก ๆ ไว้ ยังมีเด็กหลายคนอยู่ในนี้ ที่เหลือเป็นหน้าที่ของผมเอง!”
เจียงหว่านเงียบ และมองดูแขนของเขาอย่างกังวล
เฉียวเหลียนเฉิงกล่าวว่า “ไม่เป็นไรน่า พวกเหลือขอพวกนี้ไม่คู่ควรที่ผมจะใช้มือซ้ายหรอก!”
ทันทีที่เขาพูดจบ เขาก็คว้ากะละมังในมือของเสี่ยวลิ่วจื่อมา และก่อนที่อีกฝ่ายจะทันโต้ตอบ
ปัง!
เสี่ยวลิ่วจื่อถูกกะละมังฟาดใส่หัวเต็ม ๆ
อีกฝ่ายตะโกนลั่น
“พี่เตา หมอนี่ตีผม!”
ก่อนที่จะพูดจบ เฉียวเหลียนเฉิงก็เยาะเย้ย “ไม่ใช่แค่ตี ฉันจะเตะแกด้วย!”
เขาเตะเสี่ยวลิ่วจื่อจากท้ายรถกระเด็นไปหน้ารถ
เสี่ยวลิ่วจื่อกระแทกเข้ากับกระจกหน้าของห้องโดยสารทันที และศีรษะของเขาก็แข็งพอที่จะทำให้กระจกหน้าแตกทั้งหมด
ชายหนุ่มเวียนหัวมากจนล้มลงกับพื้นและเป็นลมไป
ผู้คนตกใจกันทั้งรถ
จากนั้นพวกเขาต่างก็มองไปข้างหลัง
พลันก็เห็นชายหนุ่มรูปหล่อผมรองทรงยืนอยู่ด้านหลังอย่างไม่หวาดกลัว
“พี่เตา ผมรองทรงแบบนี้ หมอนี่เป็นทหาร!”
ผู้ชายสมัยนี้มักไว้ผมแบบสบาย ๆ และหลาย ๆ คนก็ยังมีผมยาวประบ่า มีเพียงทหารเท่านั้นที่ตัดผมรองทรง
ไม่มีอะไรสามารถยืนยันตัวตนเขาได้ดีกว่านี้อีกแล้ว
พี่เตาแค่นหัวเราะ “ทหารแล้วยังไง? เรามีกันหลายคนจะกลัวอะไร พี่น้อง เรามาร่วมมือกันจัดการหมอนี่ซะ!”
“ไม่ต้องกังวล ทหารไม่ทำร้ายประชาชนหรอก เพราะพวกมันจะถูกลงโทษ หมอนี่ไม่กล้าโจมตีเราแรง ๆ หรอก”
ต้องยอมรับเลยว่าพี่เตาสมแล้วที่เป็นหัวหน้า เข้าใจสถานการณ์ได้เร็วจริง ๆ
ด้วยคำพูดของเขา เหล่าพี่น้องก็เริ่มอวดเก่ง และรีบวิ่งไปพร้อมกับมีดในมือ
เฉียวเหลียนเฉิงหัวเราะเยาะ เขาโจมตีแรงไม่ได้ แต่เขากระชากแขนพวกนี้ออกได้
เขาเชี่ยวชาญทักษะนี้ดีและเชี่ยวชาญมาก
ดังนั้นไม่กี่นาทีต่อมา ขณะที่ผู้โดยสารในรถยังคงสับสน พวกเขาก็ได้ยินเสียง
พลั่ก พลั่ก
พร้อมเสียงกรีดร้องอันน่าสังเวช
จากนั้นก็เห็นชายหนุ่มรูปหล่อโดนลูกน้องอันธพาลพุ่งไปใส่ ทว่าทุกครั้งที่พวกมันพุ่งเข้าไป ก็จะร่วงลงไปนอนกลิ้งอยู่บนพื้น และส่งเสียงโหยหวน
ผู้โดยสารต่างตกใจและสับสน
เหลียงเจี้ยนกั๋วเองก็ตกตะลึงเช่นกัน
ทันใดนั้น จู่ ๆ เขาก็เริ่มสงสัย
เป็นไปได้ไหมว่าเขาเดาผิดมาตลอด?
เมื่อดูจากความแข็งแกร่งของชายคนนี้ เขาก็ไม่เหมือนทหารธรรมดา ๆ เลย
และเขาก็สามารถหักแขนพวกนั้นได้ง่าย ๆ โดยไม่ทำร้ายใครที่ไม่เกี่ยวข้อง นี่มันปรมาจารย์ชัดๆ
ในขณะที่เหลียงเจี้ยนกั๋วยังคงสงสัย จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงคำรามดังมาจากตรงหน้า
“หยุด อย่าขยับ ไม่งั้นฉันจะฆ่านังนี่!”
เขาเงยหน้าขึ้นมอง ไม่ไกลนักจากด้านคนขับ พี่เตาจับเด็กหญิงอายุประมาณสิบสี่สิบห้าปีไว้ และเอามีดจ่อคอเด็กหญิงอยู่