เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80 - บทที่ 345 ในที่สุดเธอก็กู้เงินจนได้!
- Home
- เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80
- บทที่ 345 ในที่สุดเธอก็กู้เงินจนได้!
บทที่ 345 ในที่สุดเธอก็กู้เงินจนได้!
เฉียวเหลียนเฉิงกล่าวว่า “นั่นคือโรงงานที่ภรรยาของหัวหน้ากองพันที่สามกัวฮ่าวเปิดกับน้องสาวของเธออีกสองสามคน”
“ผมได้ยินจากเจียงเฉิงว่าในเวลานั้นกัวฮ่าวเอาชื่อแบรนด์มากมายมาให้ทุกคนเลือก และเขาก็เลือกเป็นชื่อแบรนด์ชิงโหรว”
หลังจากหยุดพูดไปชั่วครู่ เขาก็ขมวดคิ้วแล้วพูดว่า
“เห็นเมื่อไม่กี่วันก่อนเมียเขาหมุนเงินไม่ทัน หัวหน้าฮ่าวเลยชวนให้เราซื้อเสื้อผ้าของเมียเขา”
“เขาบอกว่าจะลดให้ครึ่งนึง”
เจียงหว่านได้ฟังก็ถามด้วยความประหลาดใจ “เมื่อไหร่?”
เฉียวเหลียนเฉิงคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วตอบ “เมื่อวานซืน”
เจียงหว่านเงียบไป
ห้างสรรพสินค้าที่นี่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลินเฉิง หากเสื้อผ้าของหลินชิงโหรวมาอยู่ที่นี่ นั่นหมายความว่าเธอต้องกู้เงินมาแน่ ๆ
ถึงแม้จะขายเพียงครึ่งราคาก็อาจไม่มีประโยชน์อะไร
ไม่มีทางที่เธอจะสามารถทำกำไรจากการกู้เงินจากกู้ซานเยี่ยได้ เพราะแม้แต่เจียงหว่านเองยังไม่รู้เลยว่าเขาคำนวณดอกเบี้ยยังไงกันแน่
“ทำไมเหรอ? คุณก็สนใจเสื้อผ้าเหรอ?” เฉียวเหลียนเฉิงถามอย่างสงสัย
เจียงหว่านส่ายหัว “เปล่า ฉันแค่ถามเฉย ๆ รีบไปเถอะ เดี๋ยวรถจะออกแล้ว!”
การเดินทางจากสถานีขนส่งในเมืองไปยังเมืองหลวงใช้เวลาอย่างน้อยสามชั่วโมง และมีรถโดยสารเพียงสองคันต่อวัน
เมื่อเจียงหว่านและคนอื่น ๆ มาถึงสถานีขนส่ง รถบัสก็เต็มไปแล้วครึ่งหนึ่ง
หลังจากมีคนซื้อตั๋วและขึ้นรถบัสไปไม่กี่คน พวกเขาก็ไปซื้อตัว ขึ้นรถ และเลือกนั่งแถวสุดท้าย เพราะเป็นแถวเดียวที่คนสี่คนสามารถนั่งติดกันได้
เด็กสองคนนั่งอยู่ข้างใน ขณะที่เจียงหว่านและเฉียวเหลียนเฉิงอยู่ข้างนอก
หลังจากรออีกครึ่งชั่วโมง เมื่อรถกำลังจะออก ก็มีชายอีกสี่คนขึ้นมา
ทันทีที่คนเหล่านี้ขึ้นรถมา ตาของเจียงหว่านก็หรี่ลง
“บังเอิญจัง” เจียงหว่านกระซิบ
เฉียวเหลียนเฉิงก็เห็นคนเหล่านั้น เขาพูดเบา ๆ
“อย่าไปสนใจเลย พวกนั้นเหมือนจะมาจากสถานีตำรวจ”
พวกเขาดูเหมือนคนธรรมดา แต่ท่าทาง นิสัย และการแสดงออกของทุกคนไม่ธรรมดาเลย
ชายที่เดินนำมาไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเหลียงเจี้ยนกั๋ว ซึ่งเคยขัดแย้งกับเจียงหว่านมาก่อน
ขณะที่เจียงหว่านมองเหลียงเจี้ยนกั๋ว เขาก็บังเอิญมองมาพอดี และทั้งสองก็สบตากัน
มันยากที่จะทำเป็นไม่สนใจ
เหลียงเจี้ยนกั๋วขยิบตาให้เพื่อนร่วมงานสองคนของเขา
เพื่อนร่วมงานทั้งสองก็เดินเข้ามาหาเจียงหว่าน ยืนห่างจากเจียงหว่านเพียงครึ่งเมตร
เจียงหว่านยิ้มหยัน และกระซิบกับเฉียวเหลียนเฉิง
“ดูเหมือนเขาจะยังสงสัยฉันอยู่ ตอนนี้ฉันเป็นคนร้ายในสายตาเขาแล้วล่ะมั้ง”
เฉียวเหลียนเฉิงหัวเราะเบา ๆ “ยืดอกเข้าไว้ ไม่มีอะไรต้องกลัวหรอกน่า”
ในที่สุดรถก็สตาร์ตและมุ่งหน้าสู่เมืองหลวง
ถนนเข้าเมืองหลวงยังคงเป็นทางหลวงที่มีการซ่อมแซมอยู่ตลอด แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังเป็นหลุมเป็นบ่ออยู่มาก เด็กทั้งสองเกือบกระเด็นออกจากที่นั่งหลายครั้ง
เจียงหว่านรีบจับเถียนเถียนไว้ในอ้อมแขน และเฉียวเหลียนเฉิงก็จับผิงอันไว้
รถขับมาชั่วโมงกว่า พลันก็เบรกกะทันหัน แล้วจอดลง
หลายคนบนรถกำลังหลับ แต่เพราะการเบรกกะทันหันทำให้รถกระแทกอย่างรุนแรง พวกเขาจึงตื่นขึ้นทันที
“เกิดอะไรขึ้น? ทำไมจู่ ๆ รถถึงหยุด?”
“ใช่ ขับยังไงวะเนี่ย จะฆ่ากันรึไง?!”
คนในรถบ่นระงม ส่วนเจียงหว่านก็หัวกระแทกเช่นกัน เฉียวเหลียนเฉิงดึงแขนเสื้อของเธอ และชี้ให้เธอมองไปที่คนเหล่านั้น
เมื่อเจียงหว่านมองไป เธอเห็นว่าเหลียงเจี้ยนกั๋วและคนอื่น ๆ มีสีหน้าเคร่งขรึมราวกับว่ามีบางสิ่งที่สำคัญเกิดขึ้น
ทั้งคู่มองหน้ากันและรีบวางเด็กทั้งสองคนลงบนที่นั่ง และกำกระเป๋าไว้ในมือ
เจียงหว่านหยิบไม้นวดแป้งออกมาอย่างเงียบ ๆ และวางให้อยู่ในระยะที่หยิบออกมาได้ง่าย
มีบางอย่างเกิดขึ้นแน่นอน
ทันใดนั้นประตูรถก็เปิดออก พลันมีชายสวมหน้ากากหัวหมูสี่คนขึ้นมา
“อย่าขยับ นี่คือการปล้น!”
“เอาเงินมาให้หมด ใครกล้าซ่อนไว้ ฉันจะตบให้หัวทิ่ม!”
ชายทั้งสี่คนนี้ตัวสูงทุกคน และพวกเขาดูน่ากลัวมาก
เมื่อคนในรถเห็นดังนั้นก็หดตัวเป็นนก พลันก็มีกระซิบขึ้น
“ฉันได้ยินมานานแล้วว่าจะมีโจรปล้นระหว่างทางไปเมืองหลวง ฉันคิดว่ามันเป็นเรื่องล้อเล่น ไม่คิดเลยว่ามันจะเป็นเรื่องจริง!”
“ไม่ใช่แค่การปล้นนะ ไม่นานมานี้แม่ม่ายสาวในหมู่บ้านของเราก็เจอโจรบนรถบัสขบวนนี้นี่แหละ เธอไม่มีเงินติดตัวเลยถูกคนร้ายแทงจนตาย”
เมื่อคำพูดเหล่านี้หลุดออกมา คนในรถก็ตัวสั่นอีกครั้ง
เหลียงเจี้ยนกั๋วและเพื่อนคนหนึ่งยืนอยู่ใกล้ประตูหน้า ส่วนเพื่อนร่วมงานอีกสองคนก็อยู่ข้างหน้าเจียงหว่าน
เมื่อเห็นโจรขึ้นมา ทั้งสี่ก็มองหน้ากัน และเดินเข้าไปหาโจรทั้งสี่
เจียงหว่านเห็นดังนั้นจึงหยิบไม้นวดแป้งออกมาบ้าง
นอกจากนี้เธอยังกอดเถียนเถียนไว้ในอ้อมแขน เพื่อป้องกันไม่ให้เด็กหญิงล้ม
เฉียวเหลียนเฉิงที่อยู่ด้านข้างมีท่าทีนิ่งสงบ ไม่รู้ว่าเขาพูดอะไรกับผิงอัน ผิงอันจึงเข้าไปหลยใต้ที่นั่ง แล้วเขาก็ยัดกระเป๋าใส่มือเด็กชายไว้
ในกระเป๋ามีไข่และอาหารบางส่วนที่เสี่ยวไช่เตรียมให้ รวมถึงเสื้อผ้าที่เอาไว้เปลี่ยน
เฉียวเเหลียนเฉิงกับเจียงหว่านคิดแบบเดียวกัน เหลียงเจี้ยนกั๋วเป็นตำรวจที่มีความสามารถ พวกอันธพาลทั้งสี่คนนี้เทียบเขาไม่ติดเลย
รอดูสิว่าจะเกิดอะไรขึ้น
ครั้งนี้เธอมีเด็กน้อยสองคนมาด้วย ดังนั้นเธอจึงไม่ควรผลีผลาม
ในเมื่อมีตำรวจอยู่ที่นี่ ก็ยังไม่ถึงคราวของพวกเราจะต้องออกโรง
เมื่อเห็นว่าผู้โดยสารไม่ให้ความร่วมมือ โจรคนหนึ่งก็ตะโกน
“เอาเงินออกมาเร็ว ๆ ไหน ใครบ่นอะไร? พูดออกมาเลย!”
หลังจากที่เขาคำราม ก็มีเสียงดังขึ้นทันที
“ฉันมี!”
เป็นเสียงของเหลียงเจี้ยนกั๋ว
ทันทีที่สิ้นเสียง เพื่อนร่วมงานอีกสามคนก็พุ่งไปหาพวกอันธพาลทั้งสี่ทันที
พวกอันธพาลทั้งสี่ไม่รู้ว่ามีตำรวจอยู่ในรถ เมื่อเห็นคนมาตอบโต้จึงโกรธมาก
ตำรวจทั้งสี่คนเข้าขากันเป็นอย่างดีราวกับว่าพวกเขาได้ตกลงกันมาล่วงหน้าแล้วว่า ตำรวจหนึ่งคนต่อโจรหนึ่งคน
ไม่ผิดแผนเลยแม้แต่นิดเดียว
คนร้ายกร่นด่าด้วยความโกรธ และใช้มีดในมือฟันอีกฝ่าย
แต่สำหรับเหลียงเจี้ยนกั๋วและคนของเขาแล้ว การต่อสู้ในระดับนี้ก็เหมือนอยู่ในสนามเด็กเล่น
ผู้โดยสารบางคนถึงกับกะพริบตาปริบ ๆ เมื่อเห็นตำรวจกระชากมีดออกมาจากคนร้าย และฟาดเขาล้มลงกับพื้น
จากนั้นจึงใส่กุญแจมือไว้ที่ข้อมือของโจร
ทั้งสี่คนถูกจับกุมและผู้โดยสารในรถก็ดีอกดีใจกันยกใหญ่ ไม่รู้ว่าใครเป็นคนแรกที่ปรบมือ แต่ไม่นานรถทั้งคันก็เต็มไปด้วยเสียงปรบมืออย่างต่อเนื่อง
“คุณเป็นตำรวจสินะ เก่งจริง ๆ!”
“สหาย คุณสุดยอดมาก ถ้ามีพวกคุณอยู่ที่นี่เราก็ไม่ต้องกังวลว่าจะถูกปล้นอีกแล้ว”
“คุณมาจากสถานีตำรวจใช่ไหม เราจะไปมอบป้ายรางวัลให้คุณ!”
ผู้โดยสารต่างชื่นชมยินดี
เหลียงเจี้ยนกั๋วโบกมือให้ทุกคนสงบ “ทุกคนไม่ต้องขอบคุณหรอกครับ นี่คือสิ่งที่เจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างพวกเราควรทำอยู่แล้ว”
“ทุกคนนั่งประจำที่ไว้ เราจะจัดการกับเรื่องนี้เอง”
จากนั้นเหลียงเจี้ยนกั๋วก็มองไปยังคนขับที่ตัวสั่นอยู่ข้างหน้า “ผมรู้ว่าคุณไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องทำสิ่งนี้ ไม่ต้องกลัว ขับต่อไปเถอะ!”
คนขับพยักหน้า หันกลับไปที่หน้ารถ แล้วเตรียมตัวออกรถต่อไป