เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80 - บทที่ 329 แผนของหลัวชิงซานถูกเจียงหว่านพังทลายลง
- Home
- เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80
- บทที่ 329 แผนของหลัวชิงซานถูกเจียงหว่านพังทลายลง
บทที่ 329 แผนของหลัวชิงซานถูกเจียงหว่านพังทลายลง
เจียงหว่านยิ้ม “ง่ายมาก ฉันอยากรู้ว่าไห่หนิงซวงบอกนายว่ายังไง และนายวางแผนจะหลอกเฉียวเหลียนเฉิงยังไง!”
หลัวชิงซานเงียบและรู้ว่าทุกอย่างเป็นเพราะไห่หนิงซวง
ตอนนี้ไม่มีอะไรต้องปิดบังอีก เขาจึงบอกทุกอย่างที่ไห่หนิงซวงพูดกับเขา!
เขาเล่าว่า “ตอนที่หล่อนกำลังจะไป หล่อนแค่อยากให้ฉันทำให้เฉียวเหลียนเฉิงอับอายให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และจะดีมากถ้าเขาได้รับบาดเจ็บหรือพลั้งมือฆ่าใครสักคน”
“หล่อนยังบอกด้วยว่าหากรู้อะไรเข้าอย่ารายงานทันที แต่ให้รอฟังสัญญาณจากหล่อน”
“ทว่าตั้งแต่ตอนนั้นหล่อนก็ไม่ติดต่อมาหาฉันอีกเลย!”
เจียงหว่านนิ่งเงียบ หลังจากได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย ดวงตาของเธอก็เต็มไปด้วยความเยือกเย็นจนถึงกระดูก แม้แต่เฉียวเหลียนเฉิงก็เช่นกัน สายตาของเขาราวกับมีกระแสน้ำลึกในนั้น
ทั้งคู่เงียบและทุกอย่างก็ดูน่าอึดอัด หลัวชิงซานมองไปที่เจียงหว่านอย่างระมัดระวัง ก่อนจะมองไปที่เฉียวเหลียนเฉิง
“ฉันพูดไปหมดแล้ว พวกนายพอใจหรือยัง!”
เจียงหว่านเหลือบมองเขา “ก็ดี ฉันจะพานายไปสถานีตำรวจ นายจะได้อธิบายให้เจ้าหน้าที่ฟัง”
หลัวชิงซานพยักหน้า “ฉันจะไม่พูดอะไร ฉันไม่รู้อะไรทั้งนั้น!”
เจียงหว่านส่ายหัว “ไม่ คุณต้องพูด ต้องพูดความจริง!”
หลัวชิงซานตกตะลึง ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก แต่เจียงหว่านไม่ได้สนใจเขาอีก
เจียงหว่านพาเขากลับไปตามทางที่เขามา เมื่อออกมาจากประตู หลัวชิงซานก็หันกลับไปมองด้วยความไม่พอใจ
เจียงหว่านผลักเขาออกไป “มองอะไร รีบเดินไปได้แล้ว!”
หลัวชิงซานจ้องมองเธอด้วยความโกรธ และทำได้เพียงเดินออกไป
ทันทีที่ออกมาจากตรอก พวกเขาก็เห็นคนกลุ่มหนึ่งอยู่ไม่ไกล ซึ่งอีกฝ่ายเดินส่องไฟฉายค้นหาอยู่ทุกที่
เจียงหว่านจึงรีบตะโกน “หลัวชิงซานอยู่นี่!”
เสียงของเธอดังไปไกลในค่ำคืนอันเงียบสงบ
สหายตำรวจที่กำลังค้นหาได้ยินเสียงจึงหันมองโดยพร้อมเพรียง ทันใดแสงไฟฉายเจ็ดแปดดวงก็ส่องมาที่เธอ ทำให้ยากจะลืมตา
เจียงหว่านรีบตะโกน “อย่าเข้าใจฉันผิด ฉันมาที่นี่เพื่อส่งมอบนักโทษ นี่คือหลัวชิงซาน”
เธอพูดพร้อมผลักหลัวชิงซานไปข้างหน้า ใช้เขาบังแสง ทำให้ดวงตาของเธอรู้สึกดีขึ้น
“หลัวชิงซานจริง ๆ ด้วย ใส่กุญแจมือแล้วพาเขาไป!” เสียงคำสั่งดังขึ้น
ในไม่ช้าก็มีคนเดินเข้ามา และพาหลัวชิงซานออกไป
เมื่อเสร็จสิ้นแล้ว เจียงหว่านก็กำลังจะจากไป ทันใดนั้นก็มีเสียงดังขึ้นอีกครั้ง
“หยุดก่อน คุณเป็นใคร”
เจียงหว่านหยุดชะงัก หันกลับมาแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “ฉันเป็นพลเมืองดี”
“ฉันมาเยี่ยมเพื่อน และเพราะเย็นแล้วเลยพักที่นี่ แถมกินข้าวเยอะเกินก็เลยออกมาเดินย่อย”
“จากนั้นฉันก็ได้ยินเสียงดังมากตรงนั้น ฉันสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วตอนนั้นก็เห็นหลัวชิงซานออกมา และพยายามจะหลบหนีน่ะ”
ใบหน้าของเจียงหว่านเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เธอเล่าถึงการกระทำที่กล้าหาญทั้งหมดอย่างไหลลื่น
เรื่องจริงมีครึ่งหนึ่ง และอีกครึ่งหนึ่งเป็นเรื่องเท็จ
หลังจากเธอพูดจบ ก็กางมือออก “ตอนนี้ฉันส่งคนให้แล้ว ฉันไม่ต้องทำอะไรแล้วใช่ไหมล่ะ!”
“ฉันไปได้หรือยัง?”
ก่อนที่เธอจะพูดจบ เสียงเดิมก็ดังขึ้นอีกครั้ง “ยัง”
เจียงหว่านสับสน “อะไรอีกล่ะ? ฉันบอกคุณแล้วว่าฉันเป็นแค่คนที่ผ่านมาเฉย ๆ และเรื่องที่เกิดขึ้นที่นั่นไม่เกี่ยวข้องกับฉันเลย!”
ชายคนนั้นพูดขัดจังหวะ “ฉันเคยเจอเธอที่ไหนมาก่อนหรือเปล่า?”
เจียงหว่านรู้สึกประหลาดใจ เธอหรี่ตามองดูผ่านแสงของไฟฉาย เห็นใบหน้าที่ค่อนข้างเหลี่ยม คิ้วหนา และตาโต
ให้ตายเถอะ คนคนนี้เป็นตำรวจที่สบตาเธอตรงบันไดในอาคาร
หัวใจของหญิงสาวเต้นแรง แต่ก็กลับมาอยู่ในท่าทีที่สงบอย่างรวดเร็ว
“คุณตำรวจ ฉันไม่รู้จักคุณเลยนะ ฉันแค่เดินผ่านมาเฉย ๆ แล้วบังเอิญมาที่นี่ ฉันไม่รู้จักคุณจริง ๆ”
“อ้อ แต่ฉันรู้จักเพื่อนจากสถานีตำรวจอยู่บ้างนะ อู่หยางไง คุณรู้จักอู่หยางไหม เขาเป็นชายหนุ่มหล่อเหลาสุด ๆ ฉันสนิทกับเขาแหละ!”
เหลียงเจี้ยนกั๋วหรี่ตาลงเมื่อได้ยินอย่างนั้น และความสงสัยก็แวบขึ้นมาในดวงตาสีเข้ม
คนที่เขาเห็นในอาคารก่อนหน้านี้เป็นผู้ชาย ใบหน้าของอีกฝ่ายดูป่าเถื่อนและน่ากลัว
แต่ตรงหน้าเขาตอนนี้เป็นผู้หญิงอ้วน แม้แต่สีผิวก็แตกต่างกับที่เขาเห็นอย่างสิ้นเชิง
แต่ทำไมเขาถึงรู้สึกคุ้นล่ะ?
เขาเงียบและจดชื่อของอู่หยางไว้
“ไปที่สถานีตำรวจกับฉันแล้วลงทำบันทึกประจำวัน”
เจียงหว่านคร่ำครวญด้วยใบหน้าขมขื่น “ไม่ ฉันแค่อยากเป็นคนดีก็เลยทำความดี ทำไมฉันต้องจดบันทึกด้วยล่ะ รู้งี้ฉันคงไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของคนอื่นซะก็ดี!”
เหลียงเจี้ยนกั๋วพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “เธอไม่ได้ทำอะไรผิด แค่กลับไปจดบันทึกเพื่อบอกสิ่งที่เธอเห็นมาแล้วก็ออกไปได้เลย นี่เป็นกระบวนการปกติของเรา!”
เจียงหว่านไม่อยากไป แต่เมื่อทั้งสองกำลังต่อรองกันอยู่ จู่ ๆ ก็มีเสียงเย็นชาดังมาจากด้านข้าง
“ที่รัก คุณมาทำอะไรที่นี่ไม่ยอมหลับไม่ยอมนอน?”
เฉียวเหลียนเฉิงเดินออกมา ขณะนี้เขาเปลี่ยนเสื้อผ้ากลับเป็นผู้ชายแล้ว และเขาอยู่ในชุดอยู่บ้าน
เจียงหว่านหันไปอธิบายสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างใจเสีย
เฉียวเหลียนเฉิงได้ยินอย่างนั้นจึงพูดเบา ๆ “เราเป็นคนเจอเขา งั้นเราก็ควรร่วมมือกับสหายตำรวจ เดี๋ยวผมจะไปจดบันทึกกับคุณเองนะ”
เจียงหว่านพึมพำ และติดตามเหลียงเจี้ยนกั๋วไปอย่างช่วยไม่ได้
แต่ระหว่างทางเหลียงเจี้ยนกั๋วก็ยังคงจ้องมองพวกเขาไม่วางตา ดวงตานั่นเต็มไปด้วยความสงสัย และเห็นได้ชัดว่าไม่ไว้ใจ
ขั้นตอนการทำบันทึกนั้นง่ายมาก หลังจากลงนามแล้วทั้งสองก็ได้รับการอนุมัติให้กลับได้
เมื่อทั้งสองกำลังจะก้าวออกจากสถานีตำรวจ เหลียงเจี้ยนกั๋วก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง
“เมื่อเย็นวันนี้พวกเธอไม่ได้ออกจากที่พักเลยเหรอ?”
เจียงหว่านรู้สึกหดหู่ “สหาย ฉันพูดไปหลายครั้งแล้ว ฉันบอกว่าไม่ก็ไม่สิ!”
“ต้องให้ฉันสาบานไหม? รู้งี้ฉันคงไม่ส่งหลัวชิงซานให้คุณหรอก”
เมื่อเห็นเจียงหว่านโกรธ เหลียงเจี้ยนกั๋วจึงถามอย่างใจเย็น
“มันมีบางอย่างแปลก ๆ!”
“มันบังเอิญเกินไป ที่เขาหนีไปแล้วโดนเธอจับได้!”
เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้ และเหลียงเจี้ยนกั๋วก็ไม่อยากจะเชื่อด้วย
เจียงหว่านตกตะลึงเล็กน้อย และพูดอย่างสงบด้วยสีหน้าโศกเศร้า “มันไม่ใช่เพราะฉันมีปัญหาอะไรกับเขาหรอก แต่ฉันแค่เห็นเขาหลบหนี ฉันก็จับเขาและก็ทุบตีเขาทันที”
“เขาโดนทิ้งไว้หรือเปล่า?”
“โถ่เอ๊ย คุณไม่รู้อะไรด้วยซ้ำ ตอนฉันได้ยินเสียงดังตรงนั้น และจับเขาได้ ฉันดีใจจะตายไป!”
“นี่ถือเป็นโอกาสที่ดีในการแก้แค้น ฉันก็เลยทุบตีเขาเพื่อระบายความโกรธ แค่นั้นเอง!”
เมื่อพูดแบบนี้ เจียงหว่านก็ทำหน้าชั่วร้ายและสะใจที่ได้แก้แค้น
พูดจบ เธอก็ไม่ลืมถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “ว่าแต่ฉันทุบตีเขาตอนที่จับได้ นั่นไม่ถือเป็นการทำร้ายร่างกายใช่ไหม?”
เหลียงเจี้ยนกั๋วขมวดคิ้วและตอบอย่างเลี่ยงไม่ได้ “นั่นไม่นับ!”
ไม่เพียงแต่ไม่นับ แต่ยังเป็นผลงานอันทรงเกียรติอีกด้วย!
เจียงหว่านยิ่งภูมิใจมากขึ้นเมื่อได้ยินสิ่งนี้ “ดูสิ ฉันทำความดีแล้วทำไมคุณไม่ให้รางวัลฉันล่ะ มอบใบรับรองให้ฉันก็ยังดี หรือจะเอาไปขึ้นใบประกาศบุคคลต้นแบบก็ได้นะ!”