เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80 - บทที่ 324 ความใจดีของเธอเปล่าประโยชน์
- Home
- เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80
- บทที่ 324 ความใจดีของเธอเปล่าประโยชน์
บทที่ 324 ความใจดีของเธอเปล่าประโยชน์
สีหน้าของหลัวชิงซานมืดมนลง เขากำลังจะลงมือ แต่ยายังไม่ออกฤทธิ์
คงเพราะเสียงในห้องดังมากเกินไป พวกตู๋เสอเลยคิดว่าข้างในลงมือเรียบร้อยแล้ว จึงเข้ามาตะโกนบอกแผนแบบนี้
เวลานี้เจียงหว่านก็ยิ้มเยาะออกมา พร้อมพูดว่า “ได้ยินไหม ไม่มีใครหนีรอด พวกคุณยังไม่เข้าใจอีกเหรอ?”
“พวกคุณเป็นพวกโง่ที่สมองใช้การไม่ได้แล้วเหรอ? ตราบใดพวกเรายังอยู่ที่นี่ เขาก็นำเงินออกนอกประเทศไปได้สบาย ๆ ยังต้องการชื่อเสียงอะไรอีก!”
“บ้าเอ๊ย!” ไม่รู้ว่าใครตะโกนสบถออกมา
“ออกนอกประเทศพร้อมเงินหนึ่งล้านกว่า ได้ยินว่าที่ต่างประเทศมีสาวสวยเยอะแยะ เดินกันให้เต็มท้องถนนเลยไม่ใช่เหรอ!”
“ยิ่งไปกว่านั้นที่ต่างประเทศอะไรก็เป็นเงินเป็นทอง ไม่ได้ดีกว่าที่นี่มากนักหรอก ฮ่าฮ่า!”
“ใช่แล้ว ถ้าเป็นฉัน ไม่ต้องพูดถึงชีวิตหลายสิบคนหรอก คนเป็นร้อยฉันก็ฆ่าได้!”
คำพูดพวกนั้นทำให้ใจของทุกคนสั่นไหว
สีหน้าของทุกคนที่เมื่อสักครู่ยังแสดงความเชื่อใจอยู่ มาตอนนี้ก็เริ่มหวั่นไหวแล้ว
หลัวชิงซานโมโหจนหน้าดำหน้าแดง ชี้ไปที่เจียงหว่านและพูดว่า
“พวกคุณอย่าไปฟังคำพูดมั่ว ๆ ของเขา ลูกน้องฉันแค่อยากปกป้องความปลอดภัยของทุกคน ไม่ได้มีเจตนาทำร้ายทุกคนสักนิด”
ตอนนี้ ผู้ชายที่ดูน่ากลัวที่มากับอวี๋เฉียนก็พูดขึ้น
“พี่ชานของหมู่บ้านนายพรานอยู่ที่บ้านฉัน ฉันได้ยินว่าเขาถูกหลัวชิงซานทำร้าย หลังจากนั้นก็ถูกไล่ออกจากหมู่บ้าน จะมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?!”
คำพูดของเขาทำให้สีหน้าของเจียงหว่านมืดครึ้ม จบเห่! อุตส่าห์คิดวิธีป้องกันหลายตลบ ทำไมคิดไม่ถึงว่าอวี๋เฉียนกับหมอนั่นอยู่ด้วยกัน อวี๋เฉียนอยู่ที่ไหนพี่ชานก็อยู่ที่นั่น
เธอหันหน้าไปมองเฉียวเหลียนเฉิง เฉียวเหลียนเฉิงก็พยักหน้าให้เธออย่างไม่รู้ตัว
จากนั้นเจียงหว่านก็รับกระเป๋าเดินทางจากเฉียวเหลียนเฉิงมา ทำให้มือข้างหนึ่งของเฉียวเหลียนเฉิงว่าง
“มาดูกันว่าใครจะกล้าขวางพวกเรา!”
พูดจบเธอก็มุ่งหน้าไปข้างนอกประตู
ทันใดนั้นสายตาหลัวชิงซานสว่างวาบขึ้น หันไปทางเข้า และตะโกนดังลั่น
“ขวางพวกมันไว้ หมู่บ้านนายพรานเป็นหมู่บ้านโจร พวกมันมาขโมยเงินแน่อน ต้องห้ามไม่ให้พวกมันออกไปกระจายข่าว”
เสียงตะโกนของเขาทำให้คนที่อยู่ใกล้เจียงหว่านกับเฉียวเหลียนเฉิงตื่นตัวขึ้นมา
ในกลุ่มคนพวกนั้นมีจางซานเข้ามาขัดขวางด้วย เขายื่นมือคว้ากระเป๋าในมือของเจียงหว่าน
พลางตะโกนว่า “ขวางพวกมัน อย่าให้พวกมันออกไป!”
แต่เจียงหว่านมองแผนของเขาออก ที่เขาเข้ามาขัดขวาง มันเห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายต้องการเงินพวกนี้
เธอยิ้มอย่างเยือกเย็น คว้ากระเป๋า และขว้างใส่เขา
ระยะห่างของทั้งสองคนใกล้กันมาก การขว้างครั้งนี้จึงทำให้โดนตัวจางซานเต็ม ๆ
น้ำหนักของเงินห้าหมื่นหยวนเท่ากับหัวคนแก่ห้าพันหัว ซึ่งน้ำหนักรวมก็หลายสิบจิน
จางซานล้มลงทันทีหลังจากโดนกระแทก เขาสลบไปแล้ว
ทันทีที่เขาล้มลง คนรอบตัวก็รีบยื่นมือมา หมายจะคว้ากระเป๋าเดินทางใบนั้น
แต่เจียงหว่านไม่ให้โอกาสพวกเขา ไม้นวดแป้งที่อยู่ในมือเธอฟาดตามลงไปติด ๆ พวกนั้นจึงรีบหดมือที่ยื่นออกมากลับทันที
เจียงหว่านอาศัยจังหวะนี้ก้มลงไถลไปที่กระเป๋าเดินทาง ก่อนยื่นมือไปคว้ามันมา และกระเป๋าก็กลับมาอยู่ในอ้อมอกเธออีกครั้ง
แต่ยังไม่จบ เธอไม่ได้รีบออกไป แต่คว้ากระเป๋าขึ้นมาใช้เป็นโล่ป้องกันตัว ชนกระแทกกลุ่มคนรอบ ๆ
ใช่ กระแทก
แม้ว่าข้างในจะมีเงินห้าหมื่นหยวนอยู่ แต่สำหรับเจียงหว่านในตอนนี้เป็นเพียงอาวุธที่ใช้ทุบตีคนที่ดีที่สุด
เธอทุบไม่หยุดมือจนคนที่อยู่ตรงหน้าล้มลงกับพื้น
ด้วยน้ำหนักหลายสิบจิน หากทุบบนหัวก็ทำให้งุงงง ทุบที่ไหล่ก็อาจทำให้แขนได้รับบาดเจ็บหนักได้
จนตอนนี้ก็ไม่มีใครกล้าเข้ามาอีก
หลังจากเหวี่ยงกระเป๋าไปรอบ ๆ เจียงหว่านก็ถือกระเป๋าตามหลังเฉียวเหลียนเฉิงไป
“ไป!”
เฉียวเหลียนเฉิงฝ่าวงล้อมออกมา ส่งเสียงสั่งดังลั่น
เฮยจื่อกับตู๋เสอยืนรออยู่ที่ประตูอย่างตื่นเต้นที่จะได้ลงมือ เพราะก่อนหน้านี้เจ้านายไม่ได้พูดอะไร พวกเขาเลยไม่กล้าเข้าไปขวาง
แต่ตอนนี้เจียงหว่านหนีออกมาแล้ว ทั้งสองคนทนไม่ไหวรีบตะโกนอย่างดีใจ
เฮยจื่อตะโกนพูดเสียงดัง “พี่น้องทั้งหลายการล่าสัตว์เริ่มขึ้นแล้ว!”
“เฮ้!”
พอเขาออกคำสั่ง คนที่อยู่รอบ ๆ ก็ตอบรับเสียงดังกึกก้อง
หลัวชิงซานที่ได้ยินก็เกือบจะอาเจียนออกมาเป็นเลือดแล้ว
เขาให้พวกมันไปขัดขวางเจียงหว่านกับเฉียวเหลียนเฉิง
ใครให้พวกมันล่าสัตว์ หากคนในห้องนี้เข้าใจผิดกันทั้งหมดจะทำยังไง
เขามีความวิตกกังวลเล็กน้อย และลอบสังเกตท่าทางของคนในห้องอย่างละเอียด
ดี ยังดีอยู่!
พวกโง่พวกนี้คิดว่าตัวเองเป็นพวกชอบกินแตงโมดูละคร[1]* แต่ไม่รู้เลยว่าพวกมันเป็นลูกแกะที่รอถูกฆ่า
เวลานี้ เจียงหว่านกับเฉียวเหลียนเฉิงกำลังปะทะกับเฮยจื่อ
เจียงหว่านหยิบกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ทุบใส่อีกฝ่าย บางครั้งก็ใช้เท้าถีบ ส่วนเฉียวเหลียนเฉิงไม่ต้องออกแรงอะไรมาก เพียงต่อยและคว้าแขน คว้าไหล่ของคู่ต่อสู้ แล้วผลักออกให้พ้นทาง
ทั้งสองคนเหมือนเสือร้ายที่กระโจนเข้าใส่กลุ่มคน และพร้อมอ้าปากฉีกทึ้ง
แต่ถึงอย่างนั้น พวกเขาก็ยังตกอยู่ในสภาพที่ยากลำบาก
เพราะทางเดินค่อนข้างแคบและสามารถรองรับคนได้แค่หกคน
แต่ตอนนี้ทางเดินเต็มไปด้วยคนของหลัวชิงซาน ไม่ว่าพวกเจียงหว่านจะเก่งกาจขนาดไหน หากต้องต่อสู้เพื่อออกจากที่นี่ มันก็ยากเกินไปสักหน่อย
อีกทั้งเจียงหว่านยังต้องระวังคนที่อยู่ในห้องข้างหลังจะจู่โจมด้วย
พวกเขาต่อสู้อย่างหนักมาเป็นระยะทางกว่าสามเมตร แต่ทางเดินตรงหน้ายาวกว่าสิบเมตร นี่เท่ากับว่าพวกเขายังฝ่าออกมาได้ไม่ถึงครึ่งด้วยซ้ำ
แม้เจียงหว่านไม่ได้พูดอะไร แต่ในใจก็รู้สึกสิ้นหวังขึ้นมา
ถ้ารู้แบบนี้คงไม่ยืมเงินมู่เหย่ ไม่งั้นคงไม่ต้องแบกกระเป๋าเดินทางที่วางไม่ได้อย่างนี้
เฉียวเหลียนเฉิงก็คิดว่าการต่อสู้บนทางเดินนี้ยากเกินไป แต่เขายังยอมไม่ได้ ไม่งั้นพวกเขาทั้งสองคนต้องแย่แน่
เท้าของเขาหยุดนิ่ง ออกอาวุธไปพลางถามเจียงหว่านไปพลาง “ต้องออกไปทางประตูเหรอ? พวกเราโดดหน้าต่างเถอะ!”
เจียงหว่านบอกว่า “หน้าต่างบนชั้นสองถูกปิดไว้หมด โดดไม่ได้”
เธอพูดจบ จู่ ๆ ในหัวก็มีความคิดแวบเข้ามา ตอนเธอลากอวี๋เฉียนเข้าไปในห้องน้ำหญิง เธอจำได้ว่าหน้าต่างที่นั่นปิดไม่สนิท
เธอยังจำได้ ตอนเข้าไป เธอยังเดินไปที่หน้าต่าง และมองออกไปข้างนอกอยู่เลย
แล้วข้างล่างตึกก็มีป้ายแผ่นใหญ่ขวางอยู่ด้วย
ดังนั้น ไม่ใช่หน้าต่างทุกบานจะถูกปิดตาย
เจียงหว่านกำลังจะบอกเฉียวเหลียนเฉิง แต่ทันใดนั้น ประตูห้องที่อยู่ไม่ไกลก็เปิดออก
ผู้ชายร่างกายกำยำคนหนึ่งออกมาจากประตู ก่อนจะตะโกนบอกหลัวชิงซานอย่างตื่นตระหนก
“ลูกพี่แย่แล้ว ตำรวจมา!”
หลัวชิงซานที่ตกใจ รีบถามขึ้น “ว่าไงนะ?!”
ชายคนนั้นรีบพูด “มีคนแจ้งตำรวจว่าพวกเราข่มขืนผู้หญิงและเปิดบ่อนการพนัน”
“ตำรวจพาคนมาตรวจสอบ แต่หาสถานที่ไม่พบ จึงขอที่อยู่ของพวกเรา!”
หลัวชิงซานได้ยินสีหน้าก็มืดครึ้ม เวลานี้คนในห้องก็ทำหน้างุนงงกันหมด
เปิดบ่อนการพนัน ข่มขืนผู้หญิง? เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นที่นี่งั้นเหรอ?
[1] พวกชอบกินแตงโมดูละคร หมายถึง กลุ่มคนพวกที่ชอบสอดรู้สอดเห็นเรื่องชาวบ้าน