เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80 - บทที่ 321 หึงหวง จูบต่อหน้าสาธารณชน
- Home
- เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80
- บทที่ 321 หึงหวง จูบต่อหน้าสาธารณชน
บทที่ 321 หึงหวง จูบต่อหน้าสาธารณชน
หลัวนีน่าเผยสีหน้ารังเกียจและต้องการจะผลักไสอีกฝ่ายออกไป แต่เมื่อคิดได้ว่าอีกเดี๋ยวเขาก็จะถูกจัดการแล้ว เธอเลยพยายามอดกลั้นเอาไว้!
เห็นหลัวนีน่าไม่ปฏิบัติกับตนเช่นเดิม ถานหย่งก็เผยรอยยิ้มกว้างขึ้นพร้อมกับกระชับเธอให้เข้าใกล้มากขึ้นด้วย
เวลานี้เขาคว้ามือเรียวเล็กของเธอเอาไว้และอดไม่ได้ที่จะลูบไล้มือของเธอเบา ๆ
ขณะที่หลัวนีน่ากำลังจะระเบิดความโกรธ ก็มีเสียงตะโกนขึ้นจากด้านข้าง
“ถึงเวลาหรือยัง เริ่มประมูลสักที!”
ประโยคนี้ทำให้หลัวนีน่าสะบัดมือออกจากถานหย่ง แล้วเดินตรงไปหาพี่ชายของตัวเอง
“พี่คะ เริ่มกันเถอะ”
หลัวชิงซานพยักหน้ารับ พร้อมกับโบกมือให้น้องสาวก้าวไปด้านหน้า
หลัวนีน่ายืนขึ้นก่อนจะส่งยิ้มหวานให้กับแขกทุกคน
“ขอขอบคุณที่ทุกท่านยอมเสียสละเวลาอันมีค่ามาเข้าร่วมงานประมูลของเราในครั้งนี้”
“ฉันจะขอแนะนำกฎการประมูลก่อน!”
จากนั้นหลัวนีน่าก็อธิบายกฎการประมูลด้วยรอยยิ้ม
เมื่ออธิบายกฎแล้ว หลัวนีน่าจึงกล่าวต่อว่า
“ขณะนี้เรามีข้าวสารทั้งหมดเจ็ดแสนจิน และมันจะถูกแบ่งออกเป็นเจ็ดส่วน แต่ละส่วนจะมีน้ำหนักหนึ่งแสนจิน!”
“ราคาเริ่มต้นคือแปดพันหยวน!”
“สามารถเพิ่มราคาได้ครั้งละห้าร้อยหยวน!”
หลังพูดจบแล้ว เธอก็หันหน้า กวาดตามองไปรอบห้อง ก่อนจะประกาศเสียงดัง
“เริ่มต้นการประมูลได้!”
“เดี๋ยว!” ขณะนั้นเองเสียงหยาบกร้านดังขึ้นขัดจังหวะของหลัวนีน่า
ทุกคนหันมองตามเสียงไป พวกเขาก็มองเห็นชายตัวสูง รูปร่างกำยำคนหนึ่ง
เขามีใบหน้าค่อนข้างหล่อเหลา หน้ารูปไข่ ตาโต อีกทั้งยังมีคิ้วทรงดาบสมเป็นชายชาตรี
ผู้ชายคนนี้หล่อมากจริง ๆ
เพียงแต่ท่าทางของเขาเต็มไปด้วยความเย็นชา ใครก็ตามที่มองไปล้วนสัมผัสได้ถึงความเป็นไม่เป็นมิตร
และสิ่งที่ดึงดูดสายตาของทุกคนมากที่สุดก็คือ คนงามข้างกายของชายคนนั้นต่างหาก
คำแรกที่ปรากฏขึ้นในหัวของทุกคนคือ ‘สวย!’
ความงามของชายและหญิงผสมผสานรวมกันลงตัว ถ้าหากไม่มีเสื้อผ้าบอกกล่าวถึงเพศสภาพคงจะพูดได้ยากว่าคนคนนี้เป็นชายหรือหญิง
ทว่าเมื่อจ้องมองหล่อนก็รู้สึกได้ถึง ‘เย็นชา!’
หล่อนมีสีหน้าเรียบเฉย ไร้รอยยิ้ม ราวกับไม่ใช่มนุษย์แต่เป็นเพียงรูปปั้นน้ำแข็งเท่านั้น
และเมื่อสายตาของทุกคนจับจ้องความงดงามของหล่อน หล่อนก็สบถน้ำเสียงเย็นชาออกมา
ทั้งชายและหญิงที่จ้องมองก่อนหน้าต่างตื่นตระหนก พร้อมรีบหันหนีไปทางอื่นด้วยความหวาดกลัว
แต่พวกเขาเพียงหันมองทางอื่นได้ไม่นานนัก ทั้งหมดก็ยังอดลอบเหลือบมองความงามนั้นไม่ได้ โดยหวังจะชื่นชมมันให้นานที่สุด
แต่การจับจ้องที่น่าละโมบของทุกคนทำให้เจียงหว่านรู้สึกหงุดหงิด และมันสร้างความขุ่นเคืองใจให้กับเธอจริง ๆ
เป็นเรื่องเข้าใจได้ถ้าหากผู้ชายจะรู้สึกกระหายเมื่อได้เห็นใบหน้างดงาม แต่ความประหลาดใจและความชื่นชมในแววตาของหลัวนีน่าที่เผยออกมาหลังจากเห็นเฉียวเหลียนเฉิงแต่งตัวเป็นผู้หญิงมันคืออะไร?!
เจียงหว่านหงุดหงิดมาก เธอจึงหันกลับมาคว้าคอเสื้อของเฉียวเหลียนเฉิงอย่างกะทันหัน แล้วจูบริมฝีปากของเขาทันที
มันเป็นเพียงการจูบประทับริมฝีปากแบบผิวเผินเท่านั้น
“โอ้!”
แต่คนรอบข้างอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง
ถ้าหากสิ่งนี้เกิดขึ้นในอีกสี่สิบปีข้างหน้า คงจะไม่มีใครสนใจ
ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องการจูบ แม้แต่ความใกล้ชิดที่ยิ่งกว่านี้ยังพบเจอได้ทั่วไปบนท้องถนน
แต่ว่าตอนนี้คือทศวรรษที่ 1980 เป็นยุคที่คู่รักไม่สามารถเดินเคียงข้างกันหรือจับมือกันเดินไปตามถนนได้ด้วยซ้ำ
แล้วการจูบต่อหน้าสาธารณชนเช่นนี้จะไม่สร้างความแตกตื่นได้ยังไง?
เจียงหว่านไม่สนใจเรื่องการจูบของตัวเอง เธอปล่อยคอเสื้อของเฉียวเหลียนเฉิงที่มีใบหน้าแดงก่ำออก ก่อนจะเชิดหน้าด้วยความหยิ่งยะโส
“เห็นชัดกันหรือยัง? เลิกมองได้แล้ว ความงามนี้เป็นของฉัน ถ้าหากใครคิดจ้องมองผู้หญิงของฉันอีก ฉันจะควักลูกตาออกมากระทืบให้แหลก!”
หลังจากตะโกนออกไป เธอปลดปล่อยความฉุนเฉียวเพื่อกดดันคนอื่น ๆ
รัศมีที่ปลดปล่อยออกมาข่มทุกคนภายในโถงประชุมได้อย่างเด็ดขาด
เมื่อสัมผัสได้ถึงอันตราย ทุกคนก็อดไม่ได้ที่จะหันมองไปทางอื่น
หลัวชิงซานพูดขึ้นด้วยใบหน้ามืดมน “สหาย คุณหยุดการประมูลของเราเพียงเพื่อต้องการแสดงอะไรแบบนี้ให้ทุกคนรับชมเหรอ?”
เขาไม่พอใจที่การประมูลถูกขัดจังหวะ
ตอนนี้เอง พลันเจียงหวานก็ถอนหายใจออกมา เธอวางเท้าบนเก้าอี้ ตบโต๊ะเสียงดัง ก่อนจะพูดว่า
“ไร้สาระ คิดว่าฉันลุกขึ้นมาเพื่อทำเรื่องแบบนี้งั้นเหรอ?”
ใบหน้าของหลัวชิงซานซีดเซียว แต่เมื่อคิดว่าคนเหล่านี้ทั้งหมดจะตายตกในภายหลัง
เขาก็พยายามอดทนอย่างเต็มที่!
หลัวชิงซานถามว่า “ถ้าอย่างนั้นผมขอถามคุณทั้งสองสักหน่อย ทำไมคุณถึงขัดจังหวะการประมูลขึ้นมาล่ะ?”
เจียงหว่านตะคอก “เพราะอะไรน่ะเหรอ? ก็เพราะคุณไม่มีของไงล่ะ คุณไม่มีความซื่อสัตย์ในการทำธุรกิจ!”
ทุกคนที่ได้ยินตกตะลึงทันที นี่มันเรื่องอะไรกัน
เจียงหว่านไม่ยอมให้โอกาสหลัวชิงซานถามอะไรต่อ เธอรีบพูดแทรกทันที “ก่อนหน้านี้คุณบอกว่า เราสามารถซื้อข้าวสารที่คุณมีไปได้ในราคาครึ่งหนึ่งของราคาตลาด!”
“แต่ต้องจ่ายด้วยเงินสดเท่านั้น!”
“ฉันเชื่อว่าทุกคนที่อยู่ตรงนี้ล้วนร่ำรวยและมีชื่อเสียง แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังยากที่เราจะหาเงินสดห้าหมื่นหยวนมาในคราวเดียว!”
หลังจากทุกคนได้ยินอย่างนั้นแล้ว พวกเขาก็พยักหน้ารับอย่างอดไม่ได้ ทุกคนในที่นี้ล้วนแต่เป็นตระกูลร่ำรวยที่รู้จักกันเป็นอย่างดี
แต่การหาเงินห้าหมื่นหยวนมาจ่ายในคราวเดียวแบบนี้ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเลย
เจียงหว่านพูดต่อ “แต่ถึงอย่างนั้นเราก็ยังมา เราหอบหิ้วเงินมากกว่าห้าหมื่นหยวนมาที่นี่”
“แต่คุณกลับบอกว่ามีข้าวสารเจ็ดแสนจิน และแบ่งออกเป็นเจ็ดส่วนเพื่อนำออกมาประมูล!”
“มันไม่ใช่การหลอกลวงพวกเราหรือไง?!”
หลังจากได้ยินอย่างนั้นแล้ว ทุกคนก็ตะโกนเป็นเสียงเดียวกัน “ใช่ น้องชายคนนี้พูดถูกต้องแล้ว หลัวชิงซาน คุณโลภมากเกินไปแล้ว!”
“ใช่เลย วันนี้ฉันคิดว่าจะได้รับข้าวสารกลับไป แต่กลับกลายเป็นต้องเข้าร่วมการประมูล มันเลยยากที่จะคาดเดาว่าคราวนี้เราจะได้ไปมนราคาเท่าไหร่ นี่พวกคุณหลอกลวงเราชัด ๆ”
ทุกคนเริ่มประท้วงพร้อมกัน จนใบหน้าของหลัวชิงซานบิดเบี้ยว
เขาตบโต๊ะเสียงดัง
“ทุกคนเงียบ!”
ทุกคนยังคงจับจ้องเขาด้วยความโกรธ
หลัวชิงซานพูดว่า “ฉันบอกว่าฉันจะขายสินค้าให้ แต่พวกคุณมีกันตั้งมากมาย แล้วฉันจะขายให้ใครล่ะ!”
“อีกอย่าง เมล็ดข้าวพวกนั้นก็อยู่ในมือของฉัน และฉันมีสิทธิ์ตัดสินใจเด็ดขาดว่าควรจะขายมันยังไง”
หลังพูดจบ เขาหันมองเจียงหว่านด้วยสายตาเย็นชา “ถ้าคุณไม่อยากจะเข้าร่วม ก็ออกไปซะ!”
ความจริงแล้วเขาเพียงคิดข่มขู่ให้เจียงหว่านหวาดกลัวเท่านั้น ไม่ได้คิดขับไล่จริง ๆ
ทุกคนในโถงแห่งนี้ล้วนพกเงินสดมหาศาลติดตัวมาด้วย พวกเขาจะยอมกลับไปโดยไม่ได้รับสินค้าได้ยังไง?
ขณะพูดออกไป หลัวชิงซานคิดเย้ยหยันอยู่ในใจเงียบ ๆ
แต่เขาไม่คิดมาก่อนว่าเจียงหว่านจะเห็นด้วยกับข้อเสนอนี้
“เอาล่ะ ถ้าไม่ต้องการให้ฉันเข้าร่วม ฉันก็จะไม่เข้าร่วมการประมูลครั้งนี้!”
“ที่รัก ไปกันเถอะ!”
หลังพูดจบ ทั้งสองก็เดินออกไป
เฉียวเหลียนเฉิงเดินติดตามไปโดยไม่เอ่ยปากสักคำ และยังถือกระเป๋า และสะพายเป้ไว้ที่แผ่นหลังด้วย
คราวนี้ไม่ใช่เพียงหลัวชิงซานที่ตกตะลึงเท่านั้น แต่ทุกคนโดยรอบเองก็ตกตะลึงด้วยเช่นกัน
พวกเขาทั้งหมดคิดเห็นไปในทางเดียวกันว่า “พวกเขามาจากไหนกัน? กล้าหาญจริง ๆ!”
ยิ่งไปกว่านั้นกระเป๋าทั้งสองใบดูหนักอึ้งไม่น้อย และคนที่แบกกระเป๋าทั้งสองใบยังเป็นผู้หญิงด้วย
ร่างบอบบางอย่างนั้นสามารถสะพายกระเป๋าใบใหญ่ทั้งสองได้ยังไง!
ทุกคนเพียงรับชมฉากตรงหน้าเงียบ ๆ และเห็นทั้งสองเดินออกไปเกือบจะพ้นประตูแล้ว
ใบหน้าของหลัวชิงซานมืดครึ้ม และกลายเป็นโกรธจัด ทันทีที่เห็นว่าทั้งสองคนกำลังจะเปิดประตูออกไป เขาก็ตบโต๊ะเสียงดัง
“หยุด!”
“พวกคุณคิดว่านี่คือสถานที่ที่จะเข้าออกได้ตามใจชอบรึไง?!”