เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80 - บทที่ 257 เปลี่ยนจากหมูป่าเป็นนางจิ้งจอก
- Home
- เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80
- บทที่ 257 เปลี่ยนจากหมูป่าเป็นนางจิ้งจอก
บทที่ 257 เปลี่ยนจากหมูป่าเป็นนางจิ้งจอก
“ไม่ใช่สักหน่อย ฉันแค่สนใจความคิดของเขา”
“ฉันรู้สึกว่าเขาค่อนข้างมีสายตาที่กว้างไกล แล้วก็เป็นคนรอบรู้มาก ๆ ด้วย”
“ฉันอยากจะคุยกับเขา!”
เฉียวเหลียนเฉิงอุทานว่า โอ้ ออกมาก่อนที่ใบหน้าจะกลับมาเรียบนิ่งอีกครั้ง แต่ฝ่ามือกลับกระชับนิ้วของเธอไว้แน่นขึ้น
บริษัท การค้าเฉิงเฉิง กำจัด ที่มู่เหย่แนะนำอยู่ในเมือง สถานที่ตั้งของมันค่อนข้างเจริญไม่น้อย แต่ทั้งสองใช้เวลาเดินหาอยู่นานกว่าจะหามันพบ
ที่นี่เป็นอาคารเก่าสองชั้น มีห้างสรรพสินค้าอยู่ชั้นล่าง และชั้นสองเป็นบริษัทของพวกเขาทั้งหมด
ทั้งสองเดินขึ้นมาที่ชั้นสองและเห็นหญิงสาวแต่งตัวดีคนหนึ่งนั่งอยู่หน้าประตูทางเข้า
เธอนั่งไขว้ขาพร้อมแทะเมล็ดแตงอย่างสบายใจ ท่าทางไร้กังวลใด ๆ
หลังจากมองหาสักครู่ เจียงหว่านไม่เห็นป้ายของบริษัท เธอจึงเดินเข้าไปถามว่า
“ขอโทษนะคะ ที่นี่คือบริษัทการค้าเฉิงเฉิงใช่ไหม?”
ผู้หญิงคนนั้นเงยหน้าก่อนจะปัดเส้นผมบนหน้าผากออก “ใช่ เธอเป็นใคร!”
เจียงหว่านกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงสุภาพ “ฉันมาพบใครบางคน เขาชื่อหลัวชิงซานน่ะ”
ผู้หญิงคนนั้นเงยหน้ามองอีกครั้ง ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงเหยียดหยาม
“จริง ๆ ก็ไม่แปลกนะที่จะมีนังจิ้งจอกมาชื่นชอบผู้จัดการของเรา และบางครั้งก็จะบุกมาถึงที่นี่ แต่ผู้หญิงบ้านนอกอย่างเธอคงมาเสียเที่ยวแล้วล่ะ ผู้จัดการของเราไม่อยู่ กลับไปซะ!”
พอได้ยินคำพูดนี้ เจียงหว่านก็หรี่ตาลงและพอจะตระหนักบางอย่าง บางทีการไปคุยกับราชานรกอาจง่ายกว่าผู้หญิงตรงหน้า
เธอพยายามอดกลั้นก่อนจะกล่าวอย่างใจเย็น “ฉันคิดว่าคุณควรจะให้ฉันไปพบเขาดีกว่าค่ะ ฉันคิดว่าเขาคงยินดีพบฉันแน่”
“คุณแค่บอกเขาว่า…”
เจียงหว่านกำลังจะบอกกล่าวว่าเธอได้รับคำแนะนำจากมู่เหย่
แต่ก่อนจะได้พูด ผู้หญิงคนนั้นกลับเปิดปากถ่มน้ำลายลงพื้นพร้อมพ่นเปลือกเมล็ดแตงโมใส่หน้าเจียงหว่าน
“นังบ้า นังไร้ยางอาย นี่มันหมูป่าในเขาลูกไหนหลุดมาเนี่ย!”
“ทำไมไม่ลองฉี่ใส่อ่างแล้วชะโงกดูเงาตัวเองสักหน่อย ทั้งอ้วนทั้งโง่ แต่คิดจะมาตอแยผู้จัดการของเรางั้นเหรอ!”
“คนอย่างเธอควรจะรีบไสหัวไปให้เร็วที่สุด แล้วก็หาเชือกมัดตัวเองไว้บ้างนะ!”
ก่อนเจียงหว่านจะทันได้ตอบโต้ ใบหน้าของเฉียวเหลียนเฉิงก็มืดมนขึ้นมา เขาก้าวไปด้านหน้าเพื่อยืนบังเจียงหว่านและมองผู้หญิงไร้มารยาทตรงหน้าด้วยสายตาเย็นชา
“พวกเรามาที่นี่เพื่อพบกับหลัวชิงซาน… ไม่ใช่คุณ ถ้าหากไม่ต้องการพาเราไป อย่างนั้นพวกเราจะไปที่นั่นเอง”
“แต่อย่ามาทำตัวไร้มารยาทกับเราแบบนี้!”
เฉียวเหลียนเฉิงไม่ได้ใช้กำลังใด ๆ เลย เพียงแค่ปลดปล่อยแรงกดดันออกไปเพียงเล็กน้อย
แต่เขาคือชายที่เดินออกมาจากกองซากศพและทะเลโลหิต กลิ่นอายของเขามันหนักเกินกว่าผู้หญิงธรรมดาตรงหน้าจะต้านทานได้
ทันใดนั้นเองที่ผู้หญิงตรงหน้ารู้สึกว่าตนขนลุกซู่ไปทั้งร่าง
เธอตื่นตระหนกจนร่างกายสั่นสะท้านไม่อาจควบคุมได้
แล้วรีบชี้ไปยังทางเดิน “ด้าน นะ..ในสุด ห้องทำงานอยู่สุดทางเดิน”
เฉียวเหลียนเฉิงส่งเสียงพึงพอใจก่อนจะคว้ามือเจียงหว่านแล้วเดินเข้าไป
เมื่อเฉียวเหลียนเฉิงจากไปแล้ว กลิ่นอายที่น่าหวาดกลัวก็หายไปด้วย
ผู้หญิงคนนั้นสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ สองสามครั้ง ขาของเธออ่อนจนทรุดลงบนเก้าอี้อย่างแรง
เวลานั้นเธอจึงตระหนักได้ว่าหลังของตนชุ่มโชกด้วยเม็ดเหงื่อโดยที่เธอไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ
หญิงสาวปาดเหงื่อออกจากหน้าผาก และเห็นว่าทั้งสองคนเดินไปถึงห้องทำงานด้านในสุดแล้ว
ดวงตางดงามคู่นั้นแฝงไปด้วยความขุ่นเคือง
หลังจากคิดเรื่องนี้แล้ว เธอรีบหันหลังกลับเข้าไปในห้องสำนักงานใกล้ ๆ แล้วหยิบโทรศัพท์เพื่อโทรออก
เธอกดเลขหมายหนึ่งอย่างรวดเร็ว จากนั้นตะโกนใส่โทรศัพท์อย่างร้อนรน
“สวัสดีค่ะ คุณนีน่าใช่ไหมคะ? ผู้หญิงที่คุณมู่เหย่พูดถึงเมื่อวานนี้มาถึงแล้วค่ะ!”
“ใช่ค่ะ หล่อนทั้งเย่อหยิ่งและอวดดีมาก!”
“ฉันหยุดพวกเขาไว้ไม่ได้ ตอนนี้พวกเขาเข้าไปในห้องทำงานของผู้จัดการแล้วค่ะ!”
“ค่ะ รีบมาเลยนะคะ!”
หลังจากวางสายไป ความตื่นตระหนกของหญิงสาวคนนี้ก็เลือนหาย และแทนที่ด้วยใบหน้าภาคภูมิใจ
ในห้องทำงานของบริษัทการค้าเฉิงเฉิง เจียงหว่านและเฉียวเหลียนเฉิงได้แสดงเหรียญตราที่มู่เหย่มอบให้ไว้ก่อนหน้านี้
ชายในวัยสามสิบจึงกล่าวทักทายพวกเขาอย่างยิ้มแย้ม
ผู้ชายคนนี้ก็มีหน้าตาธรรมดาทั่วไป ดวงตาปูดโปนแถมหมองคล้ำ
เส้นผมยาวประบ่า สวมใส่สูทไร้รสนิยมที่ท่อนบน และสวมใส่กางเกงยาวเกินขาที่ท่อนล่าง บวกกับรองเท้าหนังมันวาวคู่หนึ่ง
วินาทีแรกที่ได้เห็นผู้ชายคนนี้ เจียงหว่านอดไม่ได้ที่จะขยะแขยงจากก้นบึ้งของหัวใจ!
หลังจากทั้งสองคนตัดสินใจเปิดบริษัทด้วยกันแล้ว มู่เหย่ก็แนะนำบริษัทการค้าเฉิงเฉิงให้ โดยบอกว่าเถ้าแก่หลัวเป็นเจ้าของบริษัทนี้ครอบครองพื้นที่ของพวกเขา
นอกจากนี้เขายังบอกเถ้าแก่หลัวถึงทุกสิ่งแล้ว และก็ทุบอกสัญญาอย่างดิบดีว่าจะไม่มีปัญหาแน่นอน
แต่สถานการณ์ตรงหน้ากลับทำให้เธอรู้สึกไม่เชื่อถือเลยสักนิด!
แต่ก่อนที่เธอจะคิดไปไกลกว่านี้ ผู้ชายคนนั้นหยิบขวดเคลือบแก้วสองใบออกมา ก่อนจะเริ่มชงชามะลิชื่อดังสองแก้ว จากนั้นมอบให้เจียงหว่านและเฉียวเหลียนเฉิง
แต่ดูเหมือนอุณหภูมิของน้ำจะไม่พอดีนัก จึงมีผงชาที่ไม่ละลายลอยอยู่บนผิวน้ำ
“สวัสดีทั้งสองคน ผมสกุลหลัว และชื่อของผมคือหลัวชิงซาน เป็นผู้จัดการทั่วไปของบริษัทนี้”
“เมื่อวานตอนที่มู่เหย่มาที่นี่ เขาบอกผมว่าให้รับฟังสิ่งที่คุณต้องการทั้งหมด และทำตามก็พอ”
เจียงหว่านโล่งใจทันทีเมื่อได้ยินอย่างนั้น ก่อนจะหยิบกระดาษรายการของที่ต้องการออกมาและมอบให้เขา
“สิ่งเหล่านี้จะจำเป็นในอนาคตอันใกล้ หากไม่ลำบากก็รวบรวมมันไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ได้เลยนะคะ”
“แต่ถ้าไม่สะดวก ก็แบ่งเป็นสอง หรือสามล็อตก็ได้!”
หลัวชิงซานมองแผ่นกระดาษก่อนจะพูดขึ้นว่า “ยังไงก็ควรจะมีเงินมัดจำสักหน่อยไหมครับ จริง ๆ ถ้าหากเป็นจำนวนเล็กน้อย ผมก็สามารถจัดการให้ก่อนได้”
“แต่ว่าสิ่งที่คุณต้องการมันมากเกินไป”
หลังกล่าวออกมาอย่างนี้แล้ว หลัวชิงซานเพียงลากเสียงให้ยาวขึ้นและไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติมอีก
เจียงหว่านเลิกคิ้วก่อนจะถามว่า “อ้าว ทำไม่ได้เหรอคะ?”
หลัวชิงซานหัวเราะเบา ๆ “เป็นไปไม่ได้เลยครับ”
“แต่เพราะคุณเป็นเพื่อนของมู่เหย่ ผมก็จะพูดตรง ๆ กับคุณด้วยว่าผมจำเป็นต้องหักของบางส่วนมาจากที่อื่นเพื่อหลีกเลี่ยงการใช้เงินมัดจำ”
“ทุกวันนี้ พวกเราทำ…”
และเขาก็ยังร่ายยาวถึงวิธีการซับซ้อน
เจียงหว่านจึงเข้าใจว่าอีกฝ่ายกำลังเล่นลิ้น!
แต่ว่าเธอไม่ได้นำเงินติดตัวมามากมายขนาดนั้น!
และเพราะเขาคือคนที่มู่เหย่แนะนำมา อีกฝ่ายก็สัญญาไว้ดิบดีแล้วด้วยว่าจะไม่มีปัญหาแน่นอน
และยังบอกอีกว่าไม่จำเป็นต้องจ่ายเงินก่อน เพราะเราจะรอการส่งสินค้าสำเร็จก่อน และจะชำระเงินทั้งหมดหลังจากขายสินค้าเรียบร้อยแล้ว
เพราะเหตุผลนี้เจียงหว่านจึงไม่ได้นำเงินติดตัวมาด้วยมากนัก เตรียมมาเพียงร้อยกว่าหยวนเท่านั้น
ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้เจียงหว่านไม่ได้มีเงินมากมาย และเธอใช้เงินเกือบทั้งหมดที่ได้รับจากการขายเนื้อตุ๋นแทบจะหมดแล้ว เธอจึงมีเงินไม่กี่ร้อยหยวนเท่านั้น
ตอนนี้เจียงหว่านทำได้เพียงขมวดคิ้วและไม่ได้พูดอะไร
หลัวชิงซานเห็นแบบนั้นก็เผยแววตาเหยียดหยามออกมา ก่อนจะเก็บมันกลับไปอย่างรวดเร็ว
เขาเงียบไปสักครู่ก่อนจะพูดขึ้นว่า “เอาละ อย่างนั้นพวกคุณกลับไปก่อนเถอะ แต่ทิ้งรายการพวกนี้ไว้กับผมก่อนแล้วกัน ผมขอดูอีกสักหน่อย แล้วเราค่อยกลับมาคุยกันในอีกสองสามวันก็ยังไม่สาย”
เจียงหว่านยังคงขมวดคิ้วและไม่ได้ตอบกลับ เธอไม่ต้องการทำแบบนั้น และรู้ดีว่าหากไม่สรุปข้อตกลงก่อนจะจากที่นี่ไป ไม่รู้ว่าเรื่องราวจะล่าช้าไปนานแค่ไหน
แต่เจียงหว่านยังนิ่ง เพราะคิดไม่ออกว่าควรทำยังไงในสถานการณ์นี้
เฉียวเหลียนเฉิงที่อยู่ด้านข้างเข้าใจสิ่งที่อีกฝ่ายพูด เขายืนขึ้นก่อนจะพูดว่า
“อย่างนั้นไม่รบกวนผู้จัดการหลัวแล้วล่ะครับ เรากลับไปคิดหาวิธีแก้ปัญหากันเองดีกว่า!”
ขณะพูดอย่างนั้น เขาเอื้อมมือไปหยิบรายการสินค้ากลับมา
หลัวชิงซานอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง จากนั้นเขาเผยสายตาเหยียดหยามออกมาอย่างโจ่งแจ้งแต่ไม่คิดโต้แย้งใด ๆ
เจียงหว่านเองไม่คิดว่าเฉียวเหลียนเฉิงจะปฏิเสธอีกฝ่ายเช่นนี้ ทำเธอสับสนไปกันใหญ่
และถ้าหากปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป คงจะกลับมาคุยกันได้ยากแล้ว!
ขณะที่เธอกำลังรู้สึกหงุดหงิด จู่ ๆ ประตูก็ถูกเปิดออกอย่างแรงก่อนที่ลูกบอลสีแดงขนาดใหญ่จะพุ่งเข้ามา
“มันอยู่ที่ไหน! นังจิ้งจอกที่มันยั่วยวนพี่ใหญ่มู่เหย่ของฉันอยู่ไหน”
“ถ้าวันนี้ฉันไม่ได้ถลกหนังนังจิ้งจอกนั่น ก็ไม่ต้องมาเรียกฉันว่าคนสกุลหลัวอีก!”