เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80 - บทที่ 252 แม่ของผมแข็งแกร่งและใจแข็ง!
- Home
- เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80
- บทที่ 252 แม่ของผมแข็งแกร่งและใจแข็ง!
บทที่ 252 แม่ของผมแข็งแกร่งและใจแข็ง!
เจียงหว่านเลิกคิ้ว “คุณไม่คิดว่าฉันควรจะลดน้ำหนักหรอกเหรอ?”
หลี่หงเหมยรู้สึกแอบไม่พอใจแต่ก็ต้องจำใจเสแสร้ง “อ๊ะ ไม่ ๆ ฉันต่างหากที่กินมากเกินไป ฉันเองนี่แหละที่อ้วน!”
ได้ยินอย่างนั้น เจียงหว่านก็แสดงสีหน้าพึงพอใจ
เธอหันไปหาอู่หยางและพูดว่า “ฉันจำได้แล้ว นี่แหละแม่สามีของฉัน หลี่หงเหมย”
อู่หยางถอนหายใจด้วยความโล่งอก และพูดว่า “กว่าจะยอมรับนะพี่สาวอ้วน… เอ่อ ไม่สิ กว่าจะจำได้นะ!”
ตอนนี้เธอจำหลี่หงเหมยได้แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องไปยั่วโมโหเฉียวเหลียนเย่ให้มันยุ่งยาก
แต่เด็กนั่นค่อนข้างจริงใจ เขาไม่ได้ด่าเจียงหว่านด้วยซ้ำ และยังเรียกเธอว่า ‘พี่สะใภ้’ อย่างเชื่อฟังด้วย
เจียงหว่านลงชื่อในแบบฟอร์มยืนยัน พาหลี่หงเหมยกับเฉียวเหลียนเย่ออกมา และไปพบกับเฉียวเหลียนเฉิงในห้องโถง
เดิมทีหลี่หงเหมยทำตัวดีมาตลอด แต่เมื่อเธอเห็นเฉียวเหลียนเฉิง หญิงชราก็โกรธขึ้นมาอีก
“เหล่าเฉียว ทำไมแกไม่เข้าไปหาฉันเอง แกให้นังอ้วนนี่เข้าไปได้ยังไง?”
“พอแกเป็นทหารแล้ว แกก็ไม่อยากจะมาหาแม่ของแกเลยเหรอ? ฉันทนเจ็บท้องเก้าวันเก้าคืนเพื่อคลอดแกออกมานะ!”
ทันทีที่หลี่หงเหมยพูดคำเหล่านี้ เจียงหว่านก็อดไม่ได้ที่จะขัดจังหวะ
“แม่คะ โดยปกติคนเราจะใช้เวลาไม่เกินสามวันสามคืนในการเตรียมคลอดบุตร ถ้าใช้เวลาเก้าวันเก้าคืนในการคลอด คุณก็ไม่ใช่คนแล้วล่ะ!”
หลี่หงเหมยมองค้อนอีกฝ่ายทันที “หุบปาก เธอไม่มีสิทธิ์พูด!”
เจียงหว่านได้ยินอย่างนั้นก็หันไปมองอู่หยาง “สหายอู่หยาง ดูเหมือนว่าฉันจะจำผิดนะ คนนี้ไม่ใช่แม่สามีของฉัน ช่วย…”
ไม่ทันพูดจบ หลี่หงเหมยก็วิ่งหนีไปโดยไม่หันกลับมามองอีก ส่วนเฉียวเหลียนเย่เห็นอย่างนั้นก็ตามแม่ไปติด ๆ
อู่หยางถึงกับสับสน
เจียงหว่านจึงยิ้มอย่างขอโทษ และดึงเฉียวเหลียนเฉิงออกมา
ทั้งสองเห็นผิงอันรออยู่ที่ประตู
ขณะเดินเข้าไปใกล้ เจียงหว่านก็ถามเขา “เธออยู่ที่นี่คนเดียวเหรอ? เห็นย่ากับอาบ้างไหม”
ผิงอันยกมือชี้ไปในทิศทางหนึ่ง
เจียงหว่านมองตามไป และเห็นหลี่หงเหมยกับเฉียวเหลียนเย่กำลังวิ่งอยู่ไกล ๆ
พวกเขากำลังหนีอย่างไม่คิดชีวิตไปตลอดทาง ราวกับกำลังถูกสุนัขหลายสิบตัวไล่กัด ทำให้เจียงหว่านระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
ตอนนี้ยังเช้าอยู่ ดังนั้นเจียงหว่านกับเฉียวเหลียนเฉิงจึงส่งผิงอันกลับไปที่โรงเรียนก่อน
ระหว่างทางกลับ เจียงหว่านก็ถามผิงอันว่า “ผิงอัน บอกแม่มาสิว่าเกิดอะไรขึ้น”
ผิงอันขมวดคิ้วด้วยความโกรธ “คุณไม่ใช่แม่ของผม!”
เจียงหว่านประหลาดใจ ได้แต่คิดกับตัวเอง…เด็กคนนี้เป็นอะไรไป?
ก่อนจะกลับจากโรงพยาบาล เขาเต็มใจเรียกเธอว่าแม่แล้วแท้ ๆ แต่ตอนนี้เขากลับเปลี่ยนไปอีกแล้ว
ผิงอันอธิบายขึ้น “แม้ว่าแม่ของผมจะอ้วน แต่เธอก็แข็งแกร่งและใจแข็งกว่านี้มาก เธอจะปกป้องครอบครัวของเธอได้อย่างดี และไม่มีใครมารังแกเธอได้!”
“คุณอ่อนแอ คุณไม่ใช่แม่!”
เจียงหว่านหัวเราะด้วยความโกรธ “แล้วทำไมฉันถึงอ่อนแอ บอกฉันหน่อยสิ!”
ผิงอันพูดด้วยความโกรธ “ยัยแก่คนนั้นรังแกพ่อในโรงพยาบาล และยังหาภรรยามาให้พ่ออีก แต่คุณก็ยังช่วยเธอ!”
พลันเจียงหว่านก็ตระหนักรู้ เธออดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปลูบหัวเด็กชาย
ผิงอันที่โกรธจัดเหวี่ยงมือเจียงหว่านออก เขาตะคอกอย่างโกรธ ๆ แล้วหันไปทางอื่น
เฉียวเหลียนเฉิงจึงพูดว่า “ใครบอกว่าแม่ของลูกอ่อนแอ แม่ของลูกยังแข็งแกร่งเหมือนเดิมนั่นแหละ แค่ลูกมองไม่เห็นมัน”
ผิงอันแสดงสีหน้าที่กำลังบ่งบอกว่า เขาไม่เชื่อ
เฉียวเหลียนเฉิงกล่าวต่อ “ตอนอยู่ในฟาร์ม แม่ของลูกจัดการหมูป่าสองตัวคนเดียว ทั้ง ๆ ที่แต่ละตัวหนักประมาณสองร้อยกิโลเลยนะ!”
เจียงหว่านหน้าเปลี่ยนสี อดไม่ได้ที่จะกลอกตามองชายหนุ่ม นี่เธอเก่งขนาดนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่?
ผิงอันถามด้วยความสงสัย “จริงเหรอ?”
เฉียวเหลียนเฉิงพยักหน้า “จริงสิ แล้วที่เรือนจำเมื่อกี้นี้ แม่ของลูกก็จงใจจำย่าไม่ได้ในตอนแรก ย่าของลูกแทบจะบ้าเลยล่ะ”
“แต่เพราะคุณลุงอู่หยางขอร้องไว้ เขาบอกว่าเรือนจำมีคนมากเกินไป พวกเขาไม่สามารถรองรับได้แล้ว แม่ของลูกจึงจำใจบอกว่าจำคุณย่าได้แล้ว!”
ผิงอันพูดด้วยความโกรธ “แต่เธอไม่ใช่ย่าของผม!”
“ยัยแก่นั่นไม่เคยมองพ่อเป็นลูกชายเลย ผมไม่ต้องการให้เธอเป็นย่าเหมือนกัน ผมไม่มีย่าใจร้ายแบบนั้น”
เจียงหว่านกับเฉียวเหลียนเฉิงมองหน้ากัน พวกเขาเข้าใจแล้วว่าทำไมผิงอันถึงบอกว่าจำหลี่หงเหมยไม่ได้
เด็กคนนี้นี่น้า!
เมื่อมองดูใบหน้าดื้อรั้นของผิงอัน ทั้งสองก็รู้สึกขบขันขึ้นมา
หลังจากส่งเด็กน้อยกลับเข้าชั้นเรียน พวกเขาก็กลับไปบ้านในตัวตำบลด้วยกัน
ไม่ทันเข้าไปลานบ้าน เธอก็ได้ยินเสียงคำด่าโกรธเกรี้ยวดังมาจากข้างใน เช่นเดียวกับเสียงจานและตะเกียบที่ถูกขว้างออกมา
เจียงหว่านแค่นหัวเราะ “ดูเหมือนจะตั้งใจโยนมาทางพวกเรานะ!”
เฉียวเหลียนเฉิงยังคงเงียบ เขาดึงไม้ซักผ้าออกมาจากมุมหนึ่ง แล้วยื่นให้เจียงหว่าน
เจียงหว่านรับมา จับมือเขา แล้วเปิดประตูเข้าไปในบ้าน
ทันทีที่ก้าวเข้าไป ลูกบอลลูกเล็ก ๆ ที่ผิงอันชอบเล่นก็ถูกโยนมาทางเธอ
เจียงหว่านเหวี่ยงไม้ตีสวนกลับไปได้ทันที
ปั้ก!
ฟิ้ววว
”โอ๊ย!”
บอลเด้งกลับไป และกระแทกโดนหน้าผากของเฉียวเหลียนเย่
เฉียวเหลียนเย่ร้องด้วยความเจ็บปวด พลันมีก้อนเนื้อปูดโปนขึ้นมาบนหน้าผาก
เขาปิดหน้า แล้วไปหลบอยู่ด้านหลังหลี่หงเหมยด้วยความตื่นตระหนก “อา…แม่ แม่ ผมเจ็บมาก ผม ผมจะตายแล้ว!”
หลี่หงเหมยตื่นตระหนก รีบจับหัวลูกชายไว้ กอดเขาไว้ในอ้อมแขนเพื่อปลอบ
“ลูกรัก ขอแม่ดูหน่อยว่าเจ็บตรงไหน!”
ขณะที่พูด เธอก็จับศีรษะของเฉียวเหลียนเย่มาพรมจูบ
“ลูกรัก ไม่ต้องกลัวลูก โอ๋นะลูก ไม่เจ็บแล้ว!”
เมื่อเห็นฉากนี้เจียงหว่านก็ถึงกับขนลุก อดไม่ได้ที่จะหันไปถามเฉียวเหลียนเฉิง
“เธอทำแบบนี้กับนายด้วยรึเปล่า?”
เฉียวเหลียนเฉิงส่ายหัวแทนคำว่า ‘ไม่’ ด้วยสายตารังเกียจ
เจียงหว่านจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก “ดี! โชคดีแล้วที่ไม่!”
“นายโตขนาดนี้ ถ้ายังโดนโอ๋เป็นเด็กน้อยแบบนั้นคงน่าขนลุกแย่!”
หลี่หงเหมยกำลังปลอบลูกชาย เมื่อได้ยินแบบนี้ก็โกรธขึ้นมา “ยัยหมูอ้วน แกพูดถึงอะไร นี่ลูกชายของฉัน เป็นเลือดเนื้อที่มาจากร่างกายของฉันแท้ ๆ นะ”
“ฉันจะหอมแก้มลูกมากขนาดไหนก็ทำได้ แกจะทำไม?”
นอกจากหลี่หงเหมยกับเฉียวเหลียนเย่แล้ว ไป๋อวี้ซิ่วก็กำลังคลานมาสมทบด้วย ช่างดูน่าสมเพชจริง ๆ
เมื่อไป๋อวี้ซิ่วได้ยินแบบนี้ เธอก็กลัวว่าสถานการณ์จะวุ่นวายไม่พอ จึงกล่าวเสริม “ใช่ แม่กับลูกชายกำลังแสดงความรักอันลึกซึ้ง เธอไม่เห็นรึไง”
“ใครจะเป็นแบบเธอล่ะ? มีลูกชายทั้งคนแต่กลับไม่สนใจ ทิ้งเขาไว้ที่นี่ แล้วตัวเองก็ออกไปเตร็ดเตร่!”
เจียงหว่านตกตะลึง นี่เธอมีลูกชายตั้งแต่เมื่อไหร่?
หญิงสาวคิดอยู่สักพักก็เข้าใจว่าไป๋อวี้ซิ่วกำลังพูดถึงผิงอัน
พวกเขาคงไม่รู้จักผิงอัน จึงคิดว่าเขาเป็นลูกชายแท้ ๆ ของเธอสินะ!
นั่นเป็นความเข้าใจผิดที่ดีเลย!
เจียงหว่านหัวเราะเยาะ “ก็ฉันเลี้ยงแบบให้อิสระ เธอจะทำไม?”
“อีกอย่าง ฉันจะเลี้ยงลูกยังไงแล้วทำไมล่ะ ในเมื่อยังไงลูกชายของฉันก็เป็นเด็กที่เชื่อฟังและทำตัวดี ไม่ได้ไปโดนจับขังเรือนจำจนลูกสะใภ้ต้องคอยหาข้าวหาปลาไปให้!”
หลี่หงเหมยโกรธมากจนน้ำตาไหล เธอนึกถึงเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นในเรือนจำ แล้วก็ขาดสติจนผลักเฉียวเหลียนเย่ออก และตพคอกด้วยความโกรธ
“ถ้าแกไม่พูด ฉันเกือบลืมไปเลย! นังบ้านี่! แกกล้าแกล้งทำเป็นไม่รู้จักฉัน!”
ขณะพูด หลี่หงเหมยก็พับแขนเสื้อขึ้น คว้าไม้กวาดที่อยู่ข้าง ๆ เตียงขึ้นมา และเตรียมจะพุ่งใส่เจียงหว่าน