เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80 - บทที่ 225 ไป๋อวี้ซิ่วจะกอดเฉียวเหลียนเฉิง แต่ดันผิดคน
- Home
- เกิดใหม่เป็นภรรยาอ้วนของหัวหน้ากองพันสุดฮอต ยุค 80
- บทที่ 225 ไป๋อวี้ซิ่วจะกอดเฉียวเหลียนเฉิง แต่ดันผิดคน
บทที่ 225 ไป๋อวี้ซิ่วจะกอดเฉียวเหลียนเฉิง แต่ดันผิดคน
ท่าทีของเฉียวเหลียนเฉิงเปลี่ยนไปเมื่อเขาได้รับฝักมีดมา แต่เจียงหว่านและคนอื่น ๆ กำลังมุ่งความสนใจไปที่หมูป่า เลยไม่ได้สังเกตเห็นความผิดปกติของเขาเลย
คราวนี้มันได้ผล เจียงหว่านใช้มีดแทงเข้าที่คอหมูป่าอย่างแรง
เมื่อดึงมีดออกมาแล้ว เจ้าหมูป่าที่อยู่ด้านล่างก็ไม่ไหวติง ดูเหมือนว่ามันจะตายจริง ๆ
เจียงหว่านปรับท่าทางของเธอ และเตรียมที่จะแทงหมูป่าอีกตัว
แต่ดูเหมือนเธอจะคิดอะไรบางอย่างได้ จึงหันไปมองเสิ่นหรูเหมย
“ผู้เชี่ยวชาญเสิ่น ฟาร์มของเราเพาะพันธุ์หมูหรือเปล่า?”
เสิ่นหรูเหมยตอบว่า “ใช่ แต่มันตายไปเมื่อไม่กี่วันก่อน ยังไม่ได้รับหมูพันธุ์ใหม่มาเพิ่มเลย”
เจียงหว่านเงียบ “แล้วถ้าใช้พันธุ์นี้มาผสมล่ะ?”
เสิ่นหรูเหมยประหลาดใจ “ใช้หมูป่ามาผสมพันธุ์เนี่ยนะ มันจะเสี่ยงเกินไปไหม!”
“เท่าที่ฉันรู้ ยังไม่มีใครเคยทำแบบนี้”
เจียงหว่านพูดอย่างจริงจัง “เพียงเพราะคนอื่นไม่เคยทำ ไม่ได้หมายความว่ามันเป็นไปไม่ได้! ฉันคิดว่าหมูในฟาร์มของเรามีพุงใหญ่แต่ขาเล็ก เนื้อที่ได้ก็น้อยมาก ทำไมเราไม่ลองปรับปรุงให้ผลิตเนื้อได้มากขึ้น และมีเนื้อติดมันที่น้อยลงล่ะ?”
เสิ่นหรูเหมยคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า “หมูป่ามีสายเลือดที่ดีเยี่ยมจริง ๆ ต้านทานโรคได้ดี และผลิตเนื้อไม่ติดมันได้ด้วย แต่มันแค่ควบคุมยาก”
“แล้วถ้ามันไม่เชื่องจะทำยังไงล่ะ?”
เจียงหว่านยิ้ม “ตอนนี้เรายังฝึกมันไม่ได้ แต่ตราบใดที่เรากักตัวมันไว้ และให้ยามันตอนที่จำเป็น แค่นั้นก็พอแล้วนี่”
“แค่ปรับปรุงพันธุ์เพียงรุ่นเดียว ทุกอย่างมันจะง่ายขึ้นมากในอนาคต!”
ดวงตาของเสิ่นหรูเหมยเป็นประกาย “เป็นความคิดที่ดีจริง ๆ พี่สะใภ้เฉียว ฉันชื่นชมเธอจริง ๆ”
“แต่ฉันไม่เคยทำแบบนี้ ฉันก็เลยไม่แน่ใจนิดหน่อย เราคงต้องเขียนรายงานและส่งคำขอให้ผู้บังคับบัญชาก่อน”
เจียงวานพูดอย่างกังวล “ตายแล้ว ยังต้องขออนุญาตอีกเหรอ งั้นฉันต้องฆ่ามันตอนนี้ เพราะถ้าต้องรอหลังจากยื่นคำขอไปก็คงไม่ได้แล้วล่ะ”
”ฉันเชื่อว่าเราไม่ได้เจอหมูป่าแบบนี้บ่อยนักหรอกนะ!”
เสิ่นหรูเหมยพยักหน้า “ก็จริง แต่ฉันเป็นแค่ผู้เชี่ยวชาญ ฉันตัดสินใจทุกอย่างเองไม่ได้ว่าจะใช้หมูป่าตัวไหน จะหาซื้อได้ที่ไหน และจะปรับปรุงสายพันธุ์ยังไง”
เจียงหว่านเงียบ และมองเจ้าหมูป่าตัวจิ๋วที่อยู่ด้านล่าง และดูเหมือนเปลือกตาของมันจะกำลังขยับอยู่
แล้วเธอก็ตัดสินใจ “ถ้าเธอไม่ทำ ฉันทำเอง!”
“อย่างน้อยก็เลี้ยงมันสักสองสามวันแล้วค่อยฆ่ามันก็ได้”
เสิ่นหรูเหมยอุทาน และถามอย่างกังวล “เธอจะเลี้ยงมันที่ไหน มันอันตรายถึงตายได้เลยนะ”
เจียงหว่านคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “โยนมันลงไปในกับดักก่อน ฉันได้ยินมาว่ากับดักของเราค่อนข้างลึก และมันไม่น่าจะออกไปได้ เราลองเลี้ยงมันในกับดักไปก่อนสักสองสามวัน แล้วค่อยตัดสินใจว่าจะเอาไว้ที่ไหน”
เสิ่นหรูเหมยไม่มั่นใจ แต่เจียงหว่านแน่ใจว่าหมูพันธุ์ปรับปรุงต้องมีผลผลิตเนื้อได้มากกว่าแน่นอน และคุณภาพของเนื้อก็ต้องอร่อยมากเช่นกัน
แต่ผู้เลี้ยงหมูในปัจจุบันก็ยังให้ความสำคัญกับปริมาณไขมัน และยังไงไขมันเหล่านั้นก็ใช้ทำน้ำมัน เป็นเชื้อเพลิงได้ ฉะนั้นจึงไม่มีอะไรสูญเปล่าเลย
คงจะต้องใช้เวลาอย่างน้อยสิบหรือยี่สิบปี ทุกคนถึงตระหนักถึงประโยชน์ของหมูป่า
แต่เจียงหว่านไม่อยากรอนานขนาดนั้น
ในขณะที่หมูป่าตัวน้อยกำลังจะฟื้น เจียงหว่านและคนอื่น ๆ ก็ช่วยกันโยนมันลงไปในกับดัก แต่ก่อนที่จะโยนมันลงไป พวกเขาผูกกีบเท้าของมันไว้ เพื่อป้องกันมันคลุ้มคลั่ง
ในที่สุดสงครามหมูป่าก็สงบลง ตอนนั้นเองหลี่จ้วงจ้วงถึงกับอุทาน
“โอ้ แย่แล้ว! ผมเพิ่งเตะผู้หญิงคนนึงไปนี่นา!”
มูเหย่รีบตะโกน “นี่ ผู้หญิงคนนั้นอยู่นี่!”
ทุกคนรีบมาล้อมดูไป๋อวี้ซิ่วที่หมดสติ
เฉียวเหลียนเฉิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “เธอมาทำอะไรที่นี่ มาที่นี่คนเดียวเหรอ?”
หลี่จ้วงจ้วงรีบอธิบาย “ผมไม่รู้ ตอนที่ผมเห็นก็มีแค่เธอนะ”
“ตอนนั้นผมออกมาตรวจดูกับดัก และก็คอยดูด้วยว่าคุณกลับมาแล้วหรือยัง”
“พอผมออกมา ผู้หญิงคนนี้เดินเข้ามาถามว่า ‘เฉียวเหลียนเฉิงอยู่ที่นี่หรือเปล่า’ ทั้งยังยังบอกอีกด้วยว่าเธอคือน้องสาวของหัวหน้าเฉียว”
“ก่อนที่ผมจะได้ถามอะไร หมูป่าก็มาเสียก่อน ผมดูแลเธอไม่ได้ เลยขอให้เธอรีบออกไป”
“แต่ผมไม่คิดว่าเธอจะซ่อนตัวอยู่ใต้ต้นไม้ตรงนั้น และไม่ยอมออกไป”
“ผมเรียกคนที่ฟาร์มมาช่วย พอเรากำลังสู้กับหมููป่าอยู่ จู่ ๆ ผู้หญิงคนนี้ก็ตะโกนว่า ‘มีงู’ แล้วก็รีบวิ่งเข้ามาหาพวกเรา”
“ตอนนั้นหมูป่าอยู่ใกล้ ๆ กับดัก และผมก็กำลังจะเตะมันให้ตกลงไป”
“ใครจะคิดว่าจู่ ๆ เธอจะวิ่งเข้ามา”
“ผมเลยเตะไปโดนเธอแทน”
หลี่จ้วงจ้วงพูดด้วยสีหน้าเศร้าใจ เมื่อเห็นว่าผู้หญิงคนนั้นยังคงหมดสติอยู่ เขาก็เริ่มกังวล
“หัวหน้า มันคืออุบัติเหตุจริง ๆ นะ เธอเป็นน้องสาวของคุณจริง ๆ เหรอ? ผมควรทำยังไงดี? ผมฆ่าใครเข้าแล้วหรือเปล่าเนี่ย?”
เฉียวเหลียนเฉิงพูดขึ้นว่า “เธอไม่ใช่น้องสาวของฉัน และตอนนี้เธอยังไม่ตาย ทั้งมันก็เป็นอุบัติเหตุ ไม่ต้องกลัวหรอก”
จากนั้นเขาก็มองไปที่เสี่ยวไช่ “มีโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้ ๆ แถวนี้ไหม?”
เสี่ยวไช่ส่ายหัว “มีหมอคนนึงอยู่ในหมู่บ้านนายพรานบนภูเขา แต่พวกเขาไม่รักษาเราหรอก ส่วนอีกคนก็อยู่ที่ตีนเขา อยู่ห่างจากที่นี่ไปสิบกิโล”
เสิ่นหรูเหมยที่อยู่บนกำแพงตะโกนว่า “เอาเธอเข้ามา ฉันจะลองดูอาการให้”
ได้ยินดังนั้น ทุกคนก็รีบพาไป๋อวี้ซิ่วเข้าไปที่ลานบ้าน
เสิ่นหรูเหมยรีบวิ่งเข้าไปในบ้าน เธอหยิบหูฟังของแพทย์ออกมา และใช้ตรวจดูอาการไป๋อวี้ซิ่ว
หลังจากฟังไปสักพัก เธอก็พูดอย่างมั่นใจ “ไม่เป็นไร อวัยวะภายในของเธอปกติดี ไม่ตายหรอก”
เจียงหว่านสับสนเล็กน้อย “แล้วนี่เป็นอาการแบบไหน? ทำไมไม่ตื่นล่ะถ้ายังไม่ตาย? หัวแตกรึเปล่า?”
เสิ่นหรูเหมยขมวดคิ้ว “ฉันรู้แค่ว่าอวัยวะภายในของเธอไม่มีอะไรผิดปกติ แต่บอกไม่ได้ว่าสมองของเธอมีอะไรผิดปกติหรือเปล่า”
“เธอเคยเห็นหมอที่ใช้หูฟังเอามาฟังสมองบ้างไหมล่ะ?”
เจียงหว่านยิ่งสับสนมากขึ้นไปอีก “เธอไม่ใช่หมอเหรอ?”
เสิ่นหรูเหมยเลิกคิ้วและพูดว่า “ฉันบอกเมื่อไหร่ว่าฉันเป็นหมอ? ฉันเป็นผู้เชี่ยวชาญการแพทย์ ฉันเรียนสัตวแพทยศาสตร์เพื่อเลี้ยงหมู และใช้หูฟังการแพทย์ฟังได้ว่ามีความผิดปกติในอวัยวะภายในหรือเปล่าแค่นั้น”
“ฉันคิด ๆ ดูแล้ว มนุษย์และหมูเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม อวัยวะภายในก็น่าจะมีความคล้ายกัน”
“หรือให้ฉันลองตรวจสมองเธอไหมล่ะ”
เจียงหว่านรู้สึกหัวเสีย เหมือนมีฟ้าร้องที่ดังราวกับระเบิดอยู่บนหัวของเธอ
ความประทับใจแรกที่เสิ่นหรูเหมยมอบให้เธอคือความอ่อนโยน และความฉลาด
ผู้หญิงที่อ่อนโยนคนนั้นกล้าพูดแบบนี้งั้นเหรอ!
ทันใดนั้น หลี่จ้วงจ้วงก็ตะโกนตื่นเต้น “ตื่นแล้ว ๆ!”
ทุกคนมองดู และก็เห็นเปลือกตาของไป๋อวี้ซิ่วขยับ ก่อนเธอจะลืมตาขึ้น
สิ่งแรกที่เธอทำคือมองหาเฉียวเหลียนเฉิง เมื่อเธอพบเขา เธอก็อ้าแขนออก หมายจะกอดเขา
“พี่คะ ในป่ามีทั้งหมูป่า งู และมีคนเตะฉันด้วย ฉันกลัวมากเลย!”
เสียงของไป๋อวี้ซิ่วสั่นเทา ดวงตาแดงก่ำ ราวกับฉากในละคร เธอเหมือนดอกแพรที่งดงามยามสายฝนโปรยปรายลงมา!
แต่ชั่วขณะที่เธอกำลังจะกอดเฉียวเหลียนเฉิง เฉียวเหลียนเฉิงก็ถอยหลัง เขาหลบไปอยู่ด้านหลังหลี่จ้วงจ้วง
เดิมทีหลี่จ้วงจวงยืนอยู่ด้านหลังเฉียวเหลียนเฉิง แต่ตอนนี้ดันเป็นเฉียวเหลียนเฉิงซ่อนตัวอยู่ข้างหลังเขาเสียแล้ว เป็นผลให้คนที่ไป๋อวี้ซิ่วเข้าไปกอดเป็นหลี่จ้วงจ้วงแทน
ไป๋อวี้ซิ่วกอดอีกฝ่าย พลางเธอก็หลับตาลง ทำท่าทีเขินอาย
เธอรู้สึกแค่ว่า ตัวเองกำลังกอดใครบางคนอยู่ และหลังจากความวุ่นวาย ตอนนี้ทุกคนจึงเปียกโชกไปด้วยเหงื่อเหมือน ๆ กัน ขณะไป๋อวี้ซิ่วแดงกอดเธอก็สัมผัสได้ถึงความเปียกชื้น ทำให้ใบหน้าแดงก่ำ แต่ก็กอดแน่นขึ้นไปอีก
จากนั้นเธอก็ลูบหน้าอกของชายที่อยู่ในอ้อมแขนอย่างอ่อนโยน